‘พวกแกทุกคนเป็นไอ้คนไร้ค่า!’
ทั้งห้องเรียนตกอยู่ในความวุ่นวายหลังจากคำพูดของเย่เฟิง
‘ลูกชายนอกสมรสที่ไม่มีอะไรดีเลยนั่น กล้าที่จะสบถใส่กงหวู่อีกครั้ง!’
‘นี่…เขาต้องเป็นบ้าไปแล้ว แน่ ๆ!’
ในเสี้ยววินาทีนั้นนักเรียนทุกคนต่างคิดว่าเย่เฟิง คงเสียสติไปแล้ว เพราะในฐานะลูกชายนอกสมรสของตระกูลเย่ เขากล้าที่จะพูดคำแบบนั้นกับกงหวู่ที่เป็นทายาทสายตรงของตระกูลกงได้อย่างไร
ขณะนั้นนักเรียนเกือบทั้งหมดมอง เย่เฟิงราวกับว่าเขาเป็นคนโง่เง่า
พวกเขารู้ว่าจะต้องมีบางสิ่งที่ไม่ดี เกิดขึ้นกับเย่เฟิงแน่นอน!
เย่เฟิงคงหนีไม่รอดแน่ตอนนี้!
หยูเฟยที่อยู่ในกลุ่มนักเรียนเผยรอยยิ้มร้ายกาจออกมา แล้วพูดว่า
“ฮิ ฮิ! ไอ้คนไร้ค่านี่ช่างโง่เง่าซะจริง! เขาคิดว่ากงหวู่ไม่กล้าทำร้ายเขาเพราะมีไป๋ยี่ปกป้องเขาอยู่เหรอ? เขาตายแน่ ๆ !”
หยูเฟยเกลียดเย่เฟิงเข้ากระดูกดำ
หลังจากที่เย่เฟิงถูกเธอทอดทิ้ง แต่เขากลับคว้าหัวใจของไป๋ยี่ที่เป็นดาวโรงเรียนมาได้ นี่มันเท่ากับเป็นการตบหน้าของเธอชัด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เธอ ถูกทำให้เสียชื่อเสียงโดยเย่เฟิงที่ประตูโรงเรียนซึ่งนั่นทำให้หยูเฟยโกรธมาก
เมื่อคิดได้ว่าเย่เฟิงจะต้องพิการเธอแทบจะหัวเราะออกมา
จงเฉียงก็เช่นกัน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นและความตื่นเต้นราวกับว่าเขาได้เห็นแล้ว ว่าคนของกงหวู่จะทำให้เย่เฟิงพิการอย่างไร ดังนั้นเขาจึงค่อยๆเผยสีหน้าที่โหดเหี้ยมออกมา
“ไอ้สารเลว นี่แก…กล้าที่จะด่าพวกฉันว่าไอ้คนไร้ค่าเหรอ?”
ในตอนนี้ไม่เพียงแค่กงหวู่เท่านั้น คนที่ตามมาด้วยกันของเขาก็แสดงสีหน้าไม่พอใจอย่างมากเช่นกัน
พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าไอ้ขยะไร้ประโยชน์คนนี้จะอวดดีขนาดนี้
“ดี! เย่เฟิง ดีมาก!” กงหวู่เปิดเผยร้อยยิ้มกระหายเลือด และเผยคำพูดเย้ยหยันอย่างไร้ความปราณี
“เมื่อแกกล้าด่าพวกฉัน แกมีสองทางเลือก!”
กงหวู่จ้องมองเย่เฟิงเหมือนหมาป่าผู้หิวโหยขณะที่เขาพูดอย่างมีความสุขว่า “จะคุกเข่าลงและขอโทษต่อหน้าฉันแล้วคลานเข้ามาที่เป้าของฉันจากนั้นก็หักแขนตัวเองซะ! หรือไม่ก็ให้พวกฉันช่วยทำลายขาของแก เพื่อที่แกจะได้เป็นคนพิการ เป็นไอ้ขยะไร้ค่าโดยสมบูรณ์แบบ!”
…
นักเรียนทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
แต่ละคนรู้สึกหนาวเข้าไปถึงกระดูก
‘คุกเข่าลงและขอโทษต่อหน้าฉันแล้วคลานเข้ามาที่เป้าของฉันจากนั้นก็หักแขนตัวเองซะ!’
‘หรือไม่ก็ให้พวกฉันช่วยทำลายขาของแก เพื่อที่แกจะได้เป็นคนพิการ เป็นไอ้ขยะไร้ค่าโดยสมบูรณ์แบบ!
ไม่ว่าจะเลือกทางไหนเย่เฟิงก็จะพิการแน่นอน!
นักเรียนทุกคนกำลังมองไปที่เย่เฟิงด้วยความเห็นใจ ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นผลลัพธ์ที่น่าสังเวชของเย่เฟิงแล้ว
อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินคำพูดของกงหวู่ เย่เฟิงก็หรี่ตาลงเล็กน้อยประกายสีม่วงอันโหดเหี้ยมปรากฏขึ้นในดวงตาทั้งคู่ของเขา
“แกแน่ใจนะ?”
เสียงคำตอบสั้น ๆ ของ เย่เฟิง นั้นราวกับว่ามาจากที่แสนไกล
ในเสี้ยววินาทีบรรยากาศเหมือนถูกแช่แข็ง ขณะที่ทุกคนตัวสั่นราวกับว่าคำตอบนั้นมาจากนรก
กงหวู่รู้สึกราวกับว่าเขานั้นไม่ได้เผชิญหน้ากับคน แต่เป็นปีศาจ – สัตว์ร้ายที่ทำให้เขากลัวสุดขีด
แต่ทว่าหลังจากนั้นกงหวู่ส่ายหัวของเขาและรีบขับไล่ความคิดที่ไร้สาระนั่นออกไป
เขาไม่เชื่อว่าเขาจะกลัวคำพูดสั้น ๆ นั้นของไอ้ขยะไร้ค่านี่!
“ใช่! ฉันแน่ใจ!” กงหวู่มองตรงเข้าไปในดวงตาของเย่เฟิงอย่างดุเดือดในขณะที่เขาตะโกนออกมา “คุกเข่าต่อหน้าฉันหรือจะพิการ!”
อืม?
เย่เฟิงยิ้มเมื่อประกายสีม่วงในดวงตาของเขาเปลี่ยนไป
“ดี! เมื่อแกตัดสินใจแบบนั้น ฉันก็มีสองทางเลือกให้แกเช่นกัน!”
เย่เฟิงกล่าวในขณะที่เขาค่อย ๆ ยืนขึ้นอย่างช้า ๆ
ประกายสีม่วงในดวงตาของเขากลายเป็นสว่างไสว ทันทีที่เขาลุกขึ้นดวงตาของเขานั้นราวกับว่ามีเวทมนตร์ที่ไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อสายตาของเขามองไปที่ใคร ผู้นั้นเกือบจะสูญเสียจิตวิญญาณไปจากความหวาดกลัว
โดยเฉพาะกลุ่มของกงหวู่ เมื่อพวกเขาเห็นแสงสีม่วงในดวงตาของเย่เฟิง พวกเขาทั้งหมดขนทั่วตัวพลันตั้งขึ้น
ในเวลาเสี้ยววินาทีนั้น แสงสีม่วงพุ่งเข้าที่หน้าผากของกงหวู่และคนของเขา นั่นทำให้ดวงตาของพวกเขาหรี่ลง
เย่เฟิงก็คำรามดังขึ้น “จะคุกเข่าลงหรือตาย!”
เสียงคำรามของเขาทำให้กงหวู่และผู้ติดตามของเขาตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ในขณะที่ตาของพวกเขาพร่ามัวราวกับว่าพวกเขาสูญเสียความนึกคิดไป
เนตรจักรพรรดิ!
หากผู้มีอำนาจสักคนในจักรวาลอยู่ที่นี่ เขาจะรู้ทันทีว่าเย่เฟิงใช้ทักษะสังหารของจักรพรรดิปีศาจ – กลืนวิญญาณ ซึ่งเป็นระดับแรกของทักษะเนตรจักรพรรดิ!
ในความเป็นจริงแล้ว ผลาญวิญญาณ นั้นคือการสะกดจิตในระดับลึก!
แตกต่างจากการสะกดจิตทั่วไป กลืนวิญญาณนั้นทำให้เขาสามารถควบคุมจิตใจและวิญญาณได้!
พูดง่าย ๆ ก็คือสามารถเปลี่ยนคนให้กลายเป็นหุ่นเชิดได้!
หลังจากได้รับผลกระทบจากความสามารถนี้ คน ๆ นั้นก็จะสูญเสียจิตวิญญาณไป!
แต่ทว่า พลังในปัจจุบันของเย่เฟิงนั้นยังไม่สามารถเทียบได้กับ 1 ใน 10,000,000 ส่วนของพลังของเขาในสมัยที่ยังเป็นจักรพรรดิปีศาจ การกลืนวิญญาณนั้นมีผลเฉพาะกับคนสามัญทั่วไปเท่านั้น มันไม่สามารถที่จะใช้ใส่ผู้มีอำนาจเหล่านั้นได้เลย
แต่ในขณะนี้ หลังจากได้ยินคำพูดของ เย่เฟิง ทั้งห้องเรียนก็อยู่ในความเงียบสั้น ๆ ก่อนที่จะหัวเราะออกมา
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า…เขาพูดว่าอะไรนะ? ไอ้คนไร้ค่าจะให้สองทางเลือกแก่นายน้อยหวู่เหรอ? คุกเข่าหรือตาย? โอ้พระเจ้า โคตรจะขำเลย! คนโง่เง่าแบบนี้…”
จงเฉียงเดินโซเซไปข้างหน้าและถอยหลังขณะที่เขาหัวเราะจนน้ำตาไหล
หยูเฟยขำจนไหล่สั่น ขณะที่เธอมองเย่เฟิงราวกับว่าเขาเป็นคนโง่งี่เง่า
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ช่างเป็นที่คนโง่เง่า! เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร เขาเป็นเพียงไอ้คนไร้ค่า เขาจะต้องทำนายน้อยหวู่คลั่งแน่ ๆ เขาพิการแน่นอน!”
นอกจากจงเฉียงและหยูเฟย นักเรียนคนอื่น ๆ ก็เยาะเย้ยราวกับว่าเขาเป็นแค่ตัวตลก!
แต่เมื่อพวกเขากำลังส่งเสียงหัวเราะ เสียงอู้อี้บางส่วนก็ดังก้องไปทั่วห้องเรียน!
ตึง
ตึง
ตึง
ฉากที่น่าตกใจปรากฏขึ้น กงหวู่และผู้ติดตามของเขาต่างคุกเข่าลง
…
เสียงหัวเราะทั้งหมด หยุดในเสี้ยววินาทีราวกับว่า สวิตช์ปิดเสียงกำลังทำงานอยู่
นักเรียนทุกคนหยุดนิ่งและเปิดปากอย่างกว้างจนเกือบจะกลืนไข่ไปได้ทั้งฟอง
จงเฉียงและหยูเฟยตัวแข็งเป็นหินและเงียบราวกับว่าคอของพวกเขาถูกบีบ การแสดงออกของพวกเขาน่าตลกอย่างมาก!
‘เป็นไปไม่ได้!’
จงเฉียงตะลึง!
เขาไม่เคยคิดเลยว่ากงหวู่ นายน้อยของตระกูลกง คนที่ชั่วร้ายที่สุดในห้อง 4 ชั้นปีที่ 3 จะคุกเข่าต่อหน้าเย่เฟิง!
‘มัน…เป็นไปไม่ได้!’
นี่ทำลายสิ่งที่เขาคาดคิดไว้โดยสิ้นเชิง!
“นายน้อยหวู่…ทำไม…ทำไมถึงคุกเข่าลงต่อหน้าไอ้คนไร้ค่านี่! รีบ…รีบลุกขึ้น!”
จงเฉียงรีบเดินหน้าต่อไปคนทั้งกลุ่ม ขณะที่เขาตั้งใจจะช่วยให้กงหวู่ลุกขึ้นยืน
แต่กระนั้นกงหวู่และผู้ติดตามของเขาล้วน แต่มีสายตาเลื่อนลอยเหมือนหุ่นเชิด พวกเขาไม่ได้ยินเสียงของ จงเฉียงเลยแม้แต่น้อย
‘แปลก!’
‘มันแปลกเกินไป!’
จงเฉียงยังสงสัยว่าเขาอาจเห็นภาพหลอน ถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นสิ่งแปลกประหลาดเช่นนี้
อย่างไรก็ตามเย่เฟิงเผยรอยยิ้มลึกลับเมื่อเห็นฉากนี้
“กงหวู่ แกกำลังมองหาเย่เฟิงใช่ไหม”
เย่เฟิงกล่าวขณะที่เขาชี้ไปที่จงเฉียง
“เขาคือเย่เฟิง!”
‘อะไรนะ!’
ผู้เข้าชมทั้งหมดในห้องเรียนต่างเริ่มตะลึงรวมถึงจงเฉียงและหยูเฟย
แต่หลังจากได้ยินคำพูดของเย่เฟิง กงหวู่และผู้ติดตามของเขาก็ตัวสั่นสะเทือนอย่างแรงหนึ่งครั้ง ดวงตาที่ดูหมองคล้ำของพวกเขาเผยแววอะไรบางอย่าง
“เย่เฟิง…ใช่…เรากำลังมองหาเย่เฟิง! พวกเราจะไปทำลายเย่เฟิง…เย่เฟิง…”
กงหวู่และผู้ติดตามของเขายืนขึ้นเมื่อพวกเขาจับจ้องเข้าต่อสู้กับจงเฉียงราวกับคนเสียสติ
‘มีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง!’
หัวใจของจงเฉียงเต้นแรง เขารีบอธิบายกงหวู่และผู้ติดตามของเขา
“นายน้อยหวู่อย่า…อย่าเชื่อเขา เขากำลังโกหกคุณ! เขาคือเย่เฟิงไม่ใช่ฉัน…!”
เพียะ!
ก่อนที่จงเฉียงจะพูดจบเขาก็โดนตบอย่างแรงทำให้เขาเกือบจะล้มลง
เป็นกงหวู่ที่ทุบตีเขา!
เขาดูงุนงงขณะที่เขาบ่นพึมพำ “เย่เฟิง…ฉันจะทำลายเย่เฟิง…”
ในเวลานั้นกงหวู่และผู้ติดตามของเขาพุ่งไปที่จงเฉียงเหมือนหุ่นเชิด
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
เสียงที่ดังและชัดเจนก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องเรียน!
เย่เฟิงนั่งไขว่ห้างพูดด้วยรอยยิ้มพลางถอนหายใจ! “เย่เฟิง ใบหน้าซีกซ้ายของนายดูหล่อมากเลย!”
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
จงเฉียงโดนตบไปที่แก้มซ้ายของเขาสามครั้ง!
“เอ๊ะ! เย่เฟิง ใบหน้าด้านขวาของนายก็หล่อเหมือนกัน! หล่อแบบไร้คู่แข่งจริง ๆ!”
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
แก้มขวาของ จงเฉียงถูกตบอีกสามครั้งด้วย!
“โอ้พระเจ้า! เย่เฟิง ใบหน้าของนายมันช่างสมบูรณ์แบบ นายเป็นคนที่หล่อและยอดเยี่ยมมากจริง ๆ ! ฉันรักนายมาก!”
เพียะ! เพียะ! เพียะ!
ใบหน้าของจงเฉียงได้รับการทุบตีอย่างรุนแรง!
ในขณะนี้ผู้ชมทั้งหมดในห้องเรียนกลายเป็นหิน
พวกเขาเห็นเย่เฟิงพูดอย่างสบาย ๆ ในขณะที่นั่งอยู่ แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาพูดจบประโยคหนึ่ง ส่วนใดส่วนหนึ่งของจงเฉียงจะต้องหลั่งเลือด
สิ่งที่ทำให้ทุกคนพูดไม่ออกก็คือเย่เฟิงเพียงแค่ชื่นชมตัวเองเท่านั้น
เมื่อใดที่เย่เฟิงพูดถึงส่วนใดของร่างกายเขา จงเฉียงก็จะได้รับบาดเจ็บบนส่วนนั้น!
‘นี่มันโคตรจะยั่วยุเลย!‘