ตอนที่ 118 ประมือขุนนางกุยยี่
เซียวเฉินตกตะลึง,ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงสร้างเสาน่ำแข็งหกตนกลับมาได้รวดเร็วนัก พวกเขาทั้งหกประสานกันรวมเป็นหนึ่ง พวกเขามีจิตวิญญาณต่อสู้ธาตุเดียวกัน,จิตวิญญาณต่อสู้แบบเดียวกันเลยด้วยซ้ำ เมื่อพวกเขาลงมือพร้อมกัน,แม้แต่ระดับขอบเขตกษัตรย์ยุทธก็ตึงมือ
“เยือกเเข็ง!”
ตวนมู่ฉิงทันใดนั้นก็ตะโกนขึ้นมาเบาๆ เสาน้ำแข็งขนาดยักษ์ทันใดนั้นก็ปรากฎขึ้นมา ระดับขอบเขตนักบุญขอบเขตนักบุญชุดน้ำเงินถูกแช่แข็งไว้ภายในเสาตนนั้นทันที,เสาน้ำแข็งมิได้แตกหักหรือระเบิดออกมาอีกต่อไป
“ฮ่ะ!”
ตำราโบราณถูกโยนเข้าไปในฝูงชน ก่อนที่ชายชุดน้ำเงินจะถูกแช่แข็งไว้ในเสาได้เต็มตัว,เขาก็โยนตำราทักษะโบราณทิ้งไป
ฝูงชนกลายเป็นแตกตื่นในทันที,และผู่บ่มเพาะพลังหลายคนเริ่มต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำรา ฉากตรงหน้ากลายเป็นโกหาหล
ตวนมู่ฉิงคิ้วขมวดและกล่าวด้วยเสียงเย็นเฉียบ “ฆ่าให้หมด!”
หลังจากพูดจบ,ผมยาวดำเงาของนางกลายเป็นสีขาวดาบเรียวยาวปรากฎขึ้นในมือของนาง,และไร้ซึ่งอารมณ์ปรากฎขึ้นในดวงตาของนาง มันราวกับว่านางคือยมฑูตที่ขึ้นมาเก็บเกี่ยวเอาวิญญาณของมนุษย์
“ฟุ่ว!ฟิ่ว!”
เสียงร้องโหยหวนดังสะท้อนท่ามกลางฝูงคน ตวนมู่ฉิงนำกลุ่มหกระดับขอบเขตนักบุญและสิบระดับขอบเขตปรมจารย์บุกทะลวงเข้าไปในฝูงชน พวกเขาฆ่าทุกคนที่ขวางหน้า,ไร้ซึ่งความปราณี
“หนี! กลุ่มของนังนั้นมันบ้าไปแล้ว!”
เลือดโลหิตและชิ้นส่วนมนุษย์ลอยว่อนไปทุกที่ เสียงร้องแห่งความหวาดกลัวสะท้อนไปทุกแห่ง ใบหน้าของตวนมู่ฉิงถูกฉาบไปด้วยเลือด เลือดแดงฉานเปรอะเปื้อนไปบนบุปผางาม,ขับเอาเสน่ห์ของนางออกมา
“ฮ่ะ!”
เมื่อใบดาบเรียวบางฟันลงมา,มันไร้ซึ่งเสียง ระดับขอบเขตปรมาจารย์ผู้หนึ่งถูกฟันขาดครึ่ง ตวนมู่ฉิงยังคงไร้ซึ่งสีหน้าพร้อมกับชักดาบกลับและแทงเข้าไปที่หัวใจของระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธตรงหน้าของนาง
ทักษะต่อสู้ไม่ได้ฉูฉาดตระการตา,มันช่างเรียบง่ายซื่อตรง ทุกกระบวณท่าหมายถึงความตาย ตวนมู่ฉิงราวกับเป็นเครื่องจักรสังหาร การเคลื่อนไหวของนางแม่นยำ,และยังงดงามราวกับดอกไม้ไฟที่ปะทุบนท้องฟ้า
ชีวิตที่กำลังจะมอดดับลง,เผยให้พวกเขาเห็นถึงท่วงท่าแห่งความตาย,นี่เป็นศิลปะแห่งความตาย
อากาศหนาวเหน็บเติมเต็มพื้นที่พร้อมกับประกายแสงเย็นระยิบระยับ พื้นที่โดยรอบกลายเป็นสุสานน้ำแข็ง ความรวดเร็วของเหล่าผู้บ่มเพาะพลังลดลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม,ตระกูลตวนมู่ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ การต่อสู้ในครั้งนี้เป็นการไล่ฟันเพียงฝ่ายเดียว
เจ้าหมูหน้าซีด,และเขาก็พูดขึ้นด้วยความหวาดกลัวฝังลึกในจิตใจ “แม่นางผู้นี้ช่างน่าหวาดกลัว นางไม่มีความปราณีแม้แต่นิดตอนที่ฆ่าคนสีหน้านางไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย ชีวิตมนุษย์มีค่าด้อยกว่ามดในสายตาของนาง?”
ซู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ได้แปลกใจอะไรนัก,นางถอนหายใจออกมา “ราชินีแห่งตระกูลตวนมู่ต้องบ่มเพาะพลังทักษะเหมันต์ลึกล้ำ ผู้ที่บ่มเพาะพลังต้องตัดสีหน้าอารมณ์ทิ้งไป,มิฉะนั้น,นางจะไม่อาจบ่มเพาะพลังได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบได้ ในตอนที่ข้าเจอกับนางในอดีต,ก็ยังได้เห็นรอยยิ้มของนาง”
เซียวเฉินตกตะลึงในใจ,พอคิดว่ามีทักษะบ่มเพาะพลังที่สุดจัดเช่นนี้อยู่บนโลกที่ผู้บ่มเพาะพลังจะต้องตัดอารมณ์ทิ้งไป นี้มันช่างโหดร้าย! เซียวเฉินมองไปยังตวนมู่ด้วยความเห็นใจ
“ฟุ่ว! ฟิ่ว!”
ตวนมู่ฉิงสะบัดดาบในมือของนางและสังหารผู้บ่มเพาะพลังคนสุดท้าย นางหยิบตำราโบราณสีเหลืองบนพื้นขึ้นมาช้าๆ
ทันใดนั้นสายตาของนางก็หันมาที่พวกเขาทั้งสาม นางเดินมาอย่างเรียบง่ายตรงมาที่พวกเขา พวกเขาทั้งสามสัมผัสได้ถึงสายลมเย็นยะเยือก,มันเย็นพอที่จะกัดกินเข้าไปถึงหัวใจของพวกเขา
“ตำราทักษะนี่ข้าให้เจ้า,แลกกับจิ้งจอกวิญญาณ” ตวนมู่ฉิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบพร้อมกับยื่นตำราทักษะโบราณสีเหลืองมาทางเซียวเฉิน
เซียวเฉินยิ้มขมขื่นกับตัวเอง ที่เขาคิดว่าตัวนางช่างน่าสงสาร
เซียวเฉินไม่ลังเลที่จะตอบปฏิเสธ “ต้องขออภัย,เสี่ยวไป๋ไม่ใช่สินค้า ข้าจะไม่ใช้มันเป็นสิ่งของแลกเปลี่ยนกับอะไรทั้งสิ้น”
“นี่มันยังไม่เพียงพอ?” ตวนมู่ฉิงสีหน้าเย็นชา อุณหภูมิโดยรอบลดต่ำลงอีกครั้ง
จินต้าเป่าไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป,เขาพูดขึ้น “อย่าคิดว่าย้อมผมสีขาวแล้วจะเท่ห์ ใช้หัวคิดสักนิด จิ้งจอกวิญญาณตัวนั้นทำสัญญาเลือดไปเรียบร้อยแล้ว มันแลกเปลี่ยนไม่ได้”
ตวนมู่ฉิงยังคงจับจ้องไปที่เซียวเฉิน,นางไม่ได้สนใจเจ้าหมูแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม,เมื่อนางได้ยินเช่นนั้น,ดูเหมือนนางจะเข้าใจอะไรบ้างอย่าง นางปลดปล่อยเจตนาฆ่าออกมาจากดวงตา,ดาบเรียวบางในมือของนางเริ่มส่งเสียงร้อง
“จินต้าเป่า,เอาลูกชายของข้าคืนมา!” เสียงของเจียงหมิงชุ่นดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ
จีชางคงนำกลุ่มนักบ่มเพาะพลังของทั้งสองตระกูลตรงเข้ามา ชัดเจนว่าเสียงจากการต่อสู้เมื่อครู่ดึงดูดความสนใจไม่น้อย
จีชางคงยืนอย่างองอาจท่ามกลางฝูงคน,ดวงตาของเขาราวกับท้องฟ้าไร้ขอบเขตที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เมื่อมองไปผ่านๆ,มันไม่อาจคาดเดาความแข็งแกร่งของเขาได้ ดูเหมือนภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งจะช่วยเขาไม่น้อย
เจ้าหมูพูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด “หากเจ้าอยากได้ลูก,ก็ไปหาแม่ของมันสิ ทำไมต้องมาตามหาท่านหมูผู้นี้? ท่านหมูตั้งท้องไม่ได้”
“จินต้าเป่า,อย่าลามปามให้มันมากนัก!”
เซียวเฉินพูดอย่างไม่แยแส “เจียงหมิงเหิงอยู่กับข้า…เจ้าถามหาผิดคนแล้ว”
เสื้อผ้าเส้นผมของจีชางคงเริ่มพริวไหวไปรอบๆแม้จะไร้ซึ่งสายลม เขาพูดขึ้น “ปล่อยตัวลูกพี่ลูกน้องของข้าและทิ้งแขนไว้หนึ่งข้าง จากนั้น,ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
“ตุบ! ตุบ! ตุบ!”
มีเสียงฝีเท้ากำลังเร่งความเร็วเข้ามาจากระยะไกล ฮวาหยุ่นเฟยนำกลุ่มระดับขอบเขตนักบุญหกคนของตระกูลฮวาตรงเข้ามา ฮวาหยุ่นเฟยพูดขึ้นอย่างเย็นชา “เซียวเฉิน,คนของข้าถูกเจ้าสังหารใช่หรือไม่? หลังจากเจ้าฆ่าคนของตระกูลฮวาของข้า,เจ้าลืมเกี่ยวกับการกลับออกไปจากราชวังใต้ดินแบบเป็นๆได้เลย”
เซียวเฉินมองไปที่คนจากสามตระกูลชั้นสูงอย่างเย็นชา ตวนมู่ฉิง,จีชางคง,ฮวาหนุ่นเฟยและเหล่าผู้บ่มเพาะพลังทั้งหลายด้านหลังพวกเขาต่างจ้องมองมาที่เซียวเฉิน สายตาเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
เซียวเฉินจับกระบี่เงาจันทร์ไว้มั่นในมือ ประกายแสงสายฟ้าร่ายรำไปรอบคมกระบี่พร้อมกับพลังของแก่นแกลางปีศาจระดับ 6 ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างสมบูรณ์ เขายิ้มอย่างเย็นชา “ไม่ใช่ว่าจะมาเพื่อฆ่าข้า? พวกเจ้าจะหาเหตุผลอะไรมาอ้างมากมาย? ใครจะเจ้ามาก่อน? หัวของข้าก็วางอยู่บนบ่า,มาดูกันว่าใครจะได้ไป”
ฝูงชนนิ่งเงียบ พวกเขาต่างรู้ถึงพลังของเซียวเฉิน ในสถานการณ์เช่นนี้,เซียวเฉินอาจจะวิ่งทิ้งทวนไล่ฆ่าพวกเขา เกิดความกลัวขึ้นในใจของพวกเขา,ไม่มีใครกล้าเปิด
“ขุนนางกุยยี่มารับหัวของเจ้า!”
หอกยาวสีทองปรากฎขึ้นมาไม่ให้ซุ่มให้เสียง มันซัดเข้าที่หน้าอกของเซียวเฉินเกิดเสียงดังสนั่น เสื้อของเขาขาดกระจุยในทันที
เกราะศึกสีทองเผยออกมา หอกยาวไม่อาจเจาะทะลุผ่านชุดเกราะไปได้ เพียงขุนนางกุยยี่นึกคิด,เส้นสายพลังปราณสีทองไหลเข้าไปในหอกยาว พลังมหาศาลทำได้เพียงผลักเซัยวเฉินให้กระเด็นถอยหลังไป
“ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!”
ขุนนางกุยยี่ตะโกนออกมาเบาๆ หอกยาวในมือของเขากดลงไปที่เซียวเฉิน,ทำให้เซียวเฉินถูกดันกลับไปอย่างต่อเนื่อง เสาหินกว่าสิบต้นภายในราชวังใน้ดินถูกซัดพังลงไปในทันที ในที่สุด,เซียวเฉินก็ถูกดันไปติดกับกำแพงและภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งก่อนที่จะหยุดลง
มีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเซียวเฉินเขามองไปที่ขุนนางกุยยี่ด้วยความสงสัยพร้อมกับถามขึ้น “ข้าไม่มีเรื่องบาดหมางกับท่าน,ทำไมถึงได้อยากจะฆ่าข้า?”
มันไม่เห็นจะมีเหตุผล ตวนมู่ฉิง,ฮวาหยุ่นเฟยและจีชางคงมีเป็นร้อยเหตุผลที่อยากจะฆ่าเขา อย่างไรก็ตาม,ขุนนางกุยยี่ไม่เคยได้เสวนากับข้าเลยสักครั้ง,ทำไมเขาถึงได้จู่โจมข้าอย่างไม่มีเหตุผล?
ขุนนางกุยยี่สวมชุดเกราะสีทอง,และแบกหอกสั้นสีแดงไว้ที่หลัง ใบหน้าของเขาเรียบเนียนราวกับผิวหยกและช่างดูหล่อเหลา,ราวกับมหาปราชญ์สงครามลอยลงมา
เขาไร้ซึ่งสีหน้าพร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “คำสั่งที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ นอกจากตระกูลหยิงผู้ที่เคยได้เห็นพลังฉีจักรพรรดิมังกรจะต้องตาย!”
หลังจากที่เขาพูดจบ,หอกสีทองในมือของเขาสั่นเทิ่ม ปลายหอกกดลงไปที่ชุดเกราะของเซียวเฉินและแสงหอกสีทองสร้างรอยร้าวเล็กๆขึ้นบนชุดเกราะ
ภาพมหาปราชญ์รู้แจ้งด้านหลังของเซียวเฉินแตกร้าว สลายพลังมหาศาลออกไป
เซียวเฉินจับไปที่ด้ามหอก ทักษะอัสนีม่วงศักดิ์โคจรไปทั่วร่างของเขาอย่างรวดเร็ว,พลังปราณไหลออกมาจากมือของเขา ประกายแสงพลังงานรุ่งโรจน์ทันใดนั้นก็ไหลจากหอกสีทองยาวกว่าสามเมตรไปที่มือของขุนนางกุยยี่
มือของขุนนางกุยยี่ด้านชา ขณะที่ประกายแสงไหลเข้าไปในร่างของเขา,พลังปราณในร่างของเขากลายเป็นปั่นป่วน พลังบนตัวหอกลดลงไปอย่างรวดเร็วทันที
“ชะแว้ง!”
เซียวเฉินใช้โอกาสนี้เบี่ยงหอกยาวออกไป เขาร่วงลงมาจากอากาศ เขาโยนเม็ดยาห้วนคืนโลหิตเข้าปาก,จากนั้นก็ถือกระบี่เงาจันทร์ไว้ในมือและพุ่งเข้าใส่ขุนนางกุยยี่
“บูม!”
ขุนนางกุยยี่ระงับกระแสไฟฟ้าในร่างของเขาเอาไว้ หอกยาวในมือของเขาชี้ลง สายลมร้องคำรามและประกายหอกแสงปรากฎขึ้น,ดูราวกับมันมีพลังที่ไม่อาจยั้งถึง
“ปัง!” เซียวเฉินหลบไปด้านข้าง,หอกยาวแทงลงไปที่พื้นและเกิดเป็นปล่องขึ้นมา เศษหินฝุ่นควันนับไม่ถ้วนถูกตบขึ้นในอากาศ
หอกยาวตีกวาดออกมา,และชั้นฝุ่นควันก็แยกออก,ราวกับมันถูกฟันออกเป็นสองท่อน หอกของขุนนางกุยยี่ยาวกว่าสามเมตร,เพิ่มแสงหอกเข้าไป,เขาสามารถมองเห็นในระยะสิบเมตรรอบตัวได้อย่างชัดเจน
ด้วยระยะการโจมตีที่กว้างเช่นนี้,เซียวเฉินไม่อาจหลบจากซ้ายไปขวาได้ เขาทำได้เพียงกระโดดขึ้นไปเพื่อหลบเลี่ยง ขุนนางกุยยี่เผยรอยยิ้มออกมา,พร้อมกับก้าวถอยหลังด้วยเท้าขวาและชักหอกยาวของเขากลับมา
“บูม! บูม! บูม!”
ขุนนางกุยยี่จับด้ามหอกมั่นและใส่พลังลงไป หอกที่ถูกดึงกลับมาพุ่งออกไปราวกับมังกรทะยาน มันคำรามตรงไปที่เซียวเฉินที่ลอยตัวอยู่ในอากาศ ทันใดนั้น,หอกร้อยเล่มก็เบ่งบานออกมา
เมื่อต้องเผชิญกับภาพหอกมากมาย,ความคิดของเซียวเฉินหมุนคว้าง เขารู้ว่าภาพหอกทุกเล่มล้วนเป็นของจริง พวกมันประจุไปด้วยเจตนาฆ่าอันไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่เขาโดนซัดใส่,เกิดเป็นรูปรากฎบนร่างของเขา
ในเมื่อเขาไม่อาจมองตามการเคลื่อนไหวได้ทัน,เซียวเฉินทำเพียงปิดตาลงและจดจ่อไปที่กระบี่ของเขา แค่เหมือนที่เขาฝึกฝนมา,กระบี่เงาจันทร์วูบไหวอย่างต่อเนื่อง
เสียงเหล็กปะทะกันดังออกมาอย่างต่อเนื่อง เพียงพริบตา,พวกเขาทั้งสองและเปลี่ยนกันมากกว่าหนึ่งร้อยครั้งกลางอากาศ หลังจากที่เซียวเฉินลงมาถึงพื้น,ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นและตะโกนออกไป “ชักกระบี่ฟัน!”
กระบี่เงาจันทร์เผยแสงที่เก็บซ่อนเอาไว้,และฟันไปที่ตัวหอกด้วยความรวดเร็ว เกิดเป็นเสียงดังกังวาน,และหอกยาวสั่นไหวในอากาศ ตัวหอกถูกตีจนโค้งงอราวกับเสี้ยวพระจันทร์ก่อนที่จะดีดกลับ
พลังมหาศาลถึงกับทำให้มือขวาของขุนนางกุยยี่ด้านชา หอกยาวเด้งหลุดมือขวาของเขาไป เขาฟื้นสติจากความตกใจและจับหอกไว้ให้มั่นอีกครั้ง ความมืดมัวปรากฎขึ้นในดวงตาของขุนนางกุยยี่ เขาก้าวขึ้นหน้าอย่างหนักแน่นและตีกวาดอีกครั้ง
เคยเจอมาแล้วครั้งนึง,เซียวเฉินไม่กระโดดหลบขึ้นข้างบนอีก โค้งตัวกลับหลัง,ลงไปหาพื้นดินอย่างรวดเร็ว
** ท่าแบบที่นีโอใช้หลบกระสุนใน The Matrix อ่ะครับ ไม่รู้จะอธิบายยังไง
“ฮ่ะ!”
หอกยาวกวาดผ่านใบหน้าของเขาไป หลังจากที่หอกยาวกวาดผ่าน,เส้นผมบางเส้นของเขาถูกตัดกลับไปด้วยทันที
ในจังหวะที่เซียวเฉินกำลังจะโจมตีสวน,ฮวาหยุ่นเฟยผู้ที่ยืนอยู่ด้านหลังของเขา,ทันใดนั้นก็ลงมือ เขากลายร่างเป็นธารโลหิตและพุ่งไปทางเซียวเฉิน