นิยาย อ่านนิยาย
ตอนที่ 95 ชีวิตเปล่าเปลี่ยวดุจหิมะ
“นั้นมันตวนมู่ฉิง…. นางถึงกลับประสานร่างจิตวิญญาณยุทธที่สืบทอดกันมา คู่ต่อสู้ของนางต้องแข็งแกร่งถึงเพียงใด?”
“แน่นอน, แม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปหลายพันเมตร, แรงกดดันจากจิตวิญญาณต่อสู่ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์เทียนวู่ก็ยังรุนแรง”
“ฮ่าฮ่า! พวกเจ้าต้องไม่รู่เรื่องนี้ ข้าได้ยินมาจากคนที่วิ่งหนีออกมาจากศาลาหลับไหล, ผู้ที่ไล่ต้อนตวนมู่ฉิงจนต้องประสานร่างกับจิตวิญญาณยุทธนั้นเป็นเพียงแค่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูง ดูเหมือนเขาจะมาจากนอกเมืองอีกด้วย”
“เป็นไปไม่ได้, ตวนมู่ฉิงเป็นถึงระดับขอบเขตปรมจารย์ ทำไมนางถึงต้องกับประสายร่างจิตวิญญาณยุทธ? อาจจะไม่ถึงกับต้องใช้ทักษะต่อสู้ออกมาด้วยซ้ำ?”
“เขาพูดเรื่องจริง ข้าก็เพิ่งวิ่งหนีออกมาจากศาลาหลับไหล เจ้าคนคนนั้นเป็นเพียงแค่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงจริงๆ ตอนแรกเขาซัดเจียงหมิงเหิงบาดเจ็บสาหัสหลังจากนั้นก็ฉกแผนที่ซากโบราณไป ในที่สุดเขาก็หนีพ้นเงื้อมือของตวนมู่ฉิงมาได้”
เมืองไป๋สุ่ย, ณ ตระกูลเจียง
ลูกศิษย์คนสุดท้ายของผู้นำนิกายดาบเงาหมอกเพ่งดูฟินิคซ์น้ำแข็งที่อยู่บนท้องฟ้า สีหน้าของเขาเปลี่ยนพร้อมกับพึมพำออกมา “มันเป็นใคร? ถึงกับไล่ต้อนตวนมู่ฉิงให้ประสานร่างกับจิตวิญญาณยุทธ?”
ขณะที่เขาพูดจบ, ดาบที่ก่อตัวขึ้นมาจากแสงปรากฎขึ้นใต้เท้าของเขาและพาเขาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เขากลายเป็นเงาขณะที่มุ่งหน้าไปทิศทางของตวนมู่ฉิง,ในไม่ช้าเขาก็หายลับไปในท้องฟ้า
ในอีกห้องหนึ่งภายในตระกูลเจียง,ผู้สืบทอดของตระกูลฮวา,ฮวาหยุ่นเฟย,เผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมาหลังจากที่เขาเห็นตวนมู่ฉิงลอยอยู่บนท้องฟ้า หลังจากที่ฉู่เฉาหยุ่นบินออกไป,เขาก็พูดขึ้น “น่าสนใจ, ข้าก็อยากจะไปเห็นกับตาว่าใครที่สามารถดึงดูดความสนใจของอัจฉริยะทั้งสองแห่งเขตตงหมิงไปได้”
ภายในห้อง,ผู้อาวุโสของตระกูลฮวาสองสามคนแนะขึ้น “ท่านผู้สืบทอด,วัตถุประสงค์ที่พวกเรามาที่นี้มีเพียงซากโบราณเท่านั้น จะเป็นการดีที่จะไม่ไปทำให้เรื่องมันซับซ้อน”
ฮวาหยุ่นเฟยยิ้มอย่างไม่แยแสพูดขึ้นอย่างยโส “ข้ามีจิตวิญญาณยุทธที่นับพันปีจะมาปรากฎในตระกูลฮวาของเรา ถึงเวลาที่ตระกูลของเราจะผงาดขึ้นมาและไม่มีใครจะหยุดพวกเราได้ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ยังไร้ซึ่งความกล้า? อย่าตามข้ามา”
ขณะที่เขาพูดจบ,ร่างของเขาก็กลายเป็นธารโลหิตและไหลขึ้นไปบนท้องฟ้า ดูราวกับเมฆสีเลือดลอยไปตามเส้นทางที่เขาไป ปกคลุมท้องฟ้าให้ความรู้สึกรางไม่ดี
ภายในห้องของตระกูลตวนมู่ภายในตระกูลเจียงสาวงามผู้หนึ่งมองไปที่ตวนมู่ฉิงและถามขึ้นมาอย่างเป็นกังวล “ผู้อาวุโสสองหรือว่าแม่นางตวนมู่จะตกอยู่ในอันตราย? ข้าควรจะไปช่วยเหลือนาง?”
ผู้อาวุโสสองผู้แต่งกายหรูหราและสง่างามพูดขึ้นมาอย่างสงบ “ไม่จำเป็น หากนางยังไม่อาจจัดการปัญหาเล็กน้อยนี่ได้ด้วยตัวเอง, นางจะมาปกครองตระกูลตวนมู่ของพวกเราได้เยี่ยงไร?”
ในขณะเดียวกัน,ผู้นำตระกูลเจียง,เจียงหมิงชุ่นกำลังสั่งการอย่างรวดเร็วภายในห้องโถงใหญ่ของตระกูลเจียง
“ผู้อาวุโสสอง, ส่งคนเดินทางไปรับแขกคนสำคัญจากเขตหนานหลิงโดยทันที ตระกูลเจียงของพวกเราจะได้รับโอกาสหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับแขกคนนี้”
“ผู้อายุโสสามไปที่ศาลาหลับไหลและก็พาเจ้าขยะเจียงหมิงเหิงกลับมา โยนเขาเข้าห้องสำนึกผิดสักหนึ่งเดือน”
ด้วยกระบี่ที่ฟันออกไปของเซียวเฉินเกิดเป็นคลื่นใต้น้ำที่กำลังก่อตัวในเมืองไป๋สุ่ยแห่งนี้, สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม,ไม่ว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปทิศทางไหน,เจ้าหมูจินก็รู้สึกเศร้าสลดอยู่ดี ความเศร้าสลดที่เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
“นายน้อยหยุดได้แล้ว ท่านยืนอยู่ตรงนี้มานานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว หากท่านยังยืนต่อไปจะล้มป่วยเอาได้” ผู้รับใช้คนหนึ่งปลอบจินต้าเป่าที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังของศาลาหลับไหล
แม้ว่าศาลาหลับไหลจะพังลงมาเป็นซากก็ไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตายแม้แต่คนเดียว แขกที่ชั้นหนึ่งกับชั้นสองนั้นหลบหนีออกไปนานแล้วก่อนที่่จะเกิดระเบิดส่วนชั้นสามกับชั้นสี่ล้วนมีแต่นักบ่มเพาะพลังระดับสูงสามารถกระโดดออกไปได้อย่างปลอดภัย
บริกรและคนรับใช้ทุกคนของศาลาหลับไหลล้วนแสนรู้เมื่อได้กลิ่นของปัญหาก็พากันหลบออกไปและโผล่กลับมาอีกครั้งเมื่อเรื่องจบลง
“อา…”
ขณะที่เจ้าหมูกำลังจะร่ายคำด่าใส่คนรับใช้ก็มีเสียงครวญครางเล็กๆดังออกมา จินต้าเป่าตอบสนองรวดเร็วตรงไปยังที่มาของเสียง
เมื่อดึงแผ่นไม้สองสามชิ้นออกไปจินต้าเป่าก็พบกับเจียงหมิงเหิงที่บาดเจ็บสาหัส เซียวเฉินฟันหน้าอกของเขาเป็นแผลลึก สามารถเห็นอวัยวะภายในของเขาโผล่ออกมา บาดแผลของเขายังไม่ได้รับการรักษาแต่อย่างใดเลือดยังคงไหลออกมาไม่หยุด
ศาลาหลับไหลที่พังลงมาทับเขาที่บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว, ดูราวกับว่าเขาจะหมดลมหายใจไปได้ทุกเมื่อ เขาไม่อาจหยุดร้องครวญครางออกมาอย่างน่าเวทนา ไร้ถึงราศีที่เคยมี
ในจังหวะที่เจ้าหมูจินเห็นดังนี้ความโศกเศร้าของเขาก็ถูกลบหายไปเติมใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “นายน้อยเจียงท่านนี่เอง ท่านไปทำอะไรตรงนั้น?”
ใบหน้าของเจียงหมิงเหิงซีดขาว, เขาอ่อนแออย่างที่สุดและพึมพำออกมาเป็นระยะ “ช่วย….ข้า…”
จินต้าเป่าอังหูของเขาและยืนไปข้างหน้าพูดด้วยเสียงอันดัง “นายน้อยเจียงท่านพูดให้ดังขึ้นอีกได้ไหม? โอ้,ข้าได้ยินแล้ว ช่วยท่าน? จัดให้”
จินต้าเป่ายิ้มอย่างร่าเริงพร้อมกับหยิบขวดลายครามออกมาแกว่งไปมาตรงหน้าของเจียงหมิงเหิง “นายน้อยเจียงท่านเห็นนี่ไหม? นี่คือยาขี้ผึ้งสีทองระดับสูง สกัดออกมาโดยนักปรุงยาระดับ 7 ทั้งหมดที่ท่านต้องทำก็เพียงแค่โรยใส่แผล ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลชนิดไหนก็รักษาได้”
“นอกจากนี้มันยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆไม่ทิ้งแผลเป็นไว้สักกะรอย เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนายน้อยผู้สง่างามเช่นท่าน” เจ้าหมูจินโฆษณาชวนเชื่อพร้อมกับแกว่งขวดในมือไปมาต่อหน้าเจียงหมิงเหิง
เจียงหมิงเหิงเผยสีหน้าเป็นสุขพร้อมกับยื่นมือออกไปอย่างยากลำบาก เขาหมายจะรับขวดยานั้นมาแต่เจ้าหมูจินก็ดึงมือกลับ
ความสุขบนใบหน้าของเจียงหมิงเหิงถูกลบหายไป เขามองไปที่จินต้าเป่าด้วยความงุนงง เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
จินต้าเป่าปั้นสีหน้าลำบากใจ “นายน้อยเจียง, ในตอนที่ข้าได้พบกับเจ้าข้ารู้สึกได้ว่าโชคชะตาดึงเรามาหากัน หากเป็นตอนอื่นข้าจะให้ขวดยานี้กับท่านโดยไม่พูดอะไรสักคำ แต่อย่างที่ท่านเห็น, ศาลาหลับไหลของข้ากลายเป็นกองหินก็เพราะท่าน”
“ท่านได้ตัดโชคชะตากับเจ้าหมูตัวนี้ไปซะแล้ว ตอนนี้ข้ากระเป๋าแห้งอย่างหนัก ดูเหมือนตระกูลเจียงของท่านจะมีเขตการค้าในทางตะวันตกของเมือง? ขอมันให้ข้า,ข้าจะได้เปิดศาลาหลับไหลขึ้นมาอีกครั้ง ท่านคิดว่าไง? ที่ข้าต้องการก็คือคำจากปากท่าน,และยาขี้ผึ้งทองขวดนี้จะตกเป็นของท่าน ”
เจ้าหมูนี่ช่างไร้ยางอาย ศาลาหลับไหลของเขาเป็นเพียงร้านอาหาร ผลกำไรของมันตลอดทั้งปีในเมืองไป๋สุ่ยอย่างมากก็ 5,000,000 เหรียญเงิน
แต่เขตการค้าของตระกูลเจียงมีธุรกิจมากมายนับไม่ถ้วน เพียงแค่ค่าเช่าที่อย่างเดียวก็ได้ถึง 20,000,000 เหรียญเงิน เจ้าหมูจินพูดราวกับว่าตระกูลเจียงเก็งกำไรได้มหาศาลจากการแลกเปลี่ยนครั้งนี้
ริมฝีปากของเจียงหมิงเหิงขยับ,น้ำเสียงอ่อนแอเป็นอย่างมาก จินต้าเป่าอังหูอีกครั้งและโน้มลงมาพร้อมกับพูดขึ้น “นายน้อยเจียง,พูดให้ดังหน่อย, ข้าไม่ได้ยินท่าน ท่านพูดว่าไง? ไอ้..แม่..เยอะ..?”
“ให้ตาย!” หลังจากได้ยินเช่นนั้นรอยยิ้มของเจ้าหมูก็ลบหายไปในทันที เขาปรากฎสีหน้าเซ็งจิตพร้อมกับพูดขึ้น “เจ้าหมูจิตใจงดงามพยายามจะยื่นมือเข้าช่วยชีวิตเจ้า ที่ข้าต้องการก็เพียงถนนเส้นนั้นและเจ้ายังมาด่าข้าเช่นนี้ เจ้าหมูเดือดมาก”
“แสดงเจตนาดีแต่กลับถูกดูแคลนมันรู้สึกแย่จริงๆ เอาเถอะ เจ้าหมูยืนขวางไว้ดูสิว่าจะมีใครกล้าเข้ามา แม้ว่าคนของตระกูลเจียงจะเข้ามาพวกเขาก็พาตัวเจ้าออกไปไม่ได้”
ในขณะที่เจ้าหมูลุกขึ้นกำลังจะเดินจากไปขากางเกงของเขาก็ถูกมือดึงเอาไว้ จินต้าเป่าคาดไว้แล้วว่าเจียงหมิงเหิงคงไม่ยอมง่ายๆ
เขารีบยิ้มกลับขึ้นมาและหันกลับมา “นายน้อยเจียง, ท่านเปลี่ยนใจแล้ว? เสียงท่านเบามาก ข้ากำลังฟังอยู่แต่ท่านอย่าด่าข้าอีก มิเช่นนั้นเจ้าหมูจะโกรธมาก”
“นี่เจ้า…ชื่ออะไรนะ? มาทางนี้แล้วหมอบลงไปให้ข้าใช้เป็นโต๊ะ นายน้อยเจียงตกลงทำสัญญาแล้ว”
ทันใดนั้น, กระดาษและพู่กันก็ปรากฎขึ้นมาในมือของเขา คนรับใช้หมอบลงกับพื้น จากนั้นเขาก็จุ่มพู่กันลงไปในขวดหมึกและลงมือเขียนอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เขาเขียนสัญญาเสร็จเขาก็ยัดมันใส่มือของเจียงหมิงเหิงพร้อมกับยิ้มขึ้น “นายน้อยเจียงโปรดประทับมือแล้วก็ลงชื่อ ช่างเป็นตัวอักษรที่งดงาม…แม้ว่าท่านจะบาดเจ็บสาหัสลายมือท่านก็ยังสวยงาม สมกับเป็นผู้ที่มาจากตระกูลชั้นสูง ”
เมื่อเจียงหมิงเหิงลงชื่อเสร็จ, เจ้าหมูก็ม้วนมันเก็บและหยิบยาขี้ผึ้งสีทองระดับสูงออกมา เขาค่อยๆโรยมันใส่แผลของเจียงหมิงเหิง
ความเจ็บปวดบนใบหน้าของเจียงหมิงเหิงค่อยๆจางหายไป ด้วยการที่เขาบาดเจ็บสาหัส, เมื่อเขาผ่อนคลายลงเขาก็หมดสติไปในทันที
“ฮ่าๆๆๆ! ดีอะไรเช่นนี้! ข้าเสียทองคำเพียงหยิบมือเพื่อให้ได้ภูเขาสมบัติ!” เจ้าหมูจินหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
คนรับใช้ที่อยู่ด้านข้างเห็นเจ้าหมูจินใช้ยาขี้ผึ้งสีทองระดับสูงสุดกับเจียงหมิงเหิงจริงๆ เขาก็ไม่เข้าใจพร้อมกับถามขึ้น “นายน้อย,ท่านใช้ยาขี้ผึ้งสีทองระดับสูงสุดที่สกัดออกมาโดยนักปรุงยาระดับ 7 จริงๆ?”
“ใช่,มีปัญหา?”
คนรับใช้คนนั้นถามด้วยความสงสัย “นี่ไม่ใช่ท่านตามปกติ ข้าคิดว่าท่านจะใช้เพียงเม็ดยาระดับ 3 ส่งๆไปเสียอีก”
เจ้าหมูจินเก็บสัญญาเข้ากระเป๋าและหยิบพัดสีทองออกมาฟาดคนรับใช้คนนั้นอย่างไร้ความปราณี เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง “เจ้าจะไปรู้อะไร? คิดว่าจะมีคนโง่เขลาและซื่อบื้อเช่นเจียงหมิงเหิงอยู่ในอาณาจักรต้าฉินอีกกี่คน? ไม่ใช่ว่าเจียงหมิงเหิงยังมีเขตการค้าเหลืออยู่อีกสามแห่ง?”
“เจ้าหมูจะช่วยเขาไปก่อนในครั้งนี้,และในครั้งหน้าจะได้หาโอกาสปอกลอกเขตการค้าของมันมาอีก เงินเล็กน้อยในครั้งนี้ไม่ได้มีค่าอะไรเลย”
คนรับใช้กล่าวออกมาอย่างยำเกรง “นายน้อยช่างฉลาดหลักแหลม! ฆ่าควายอย่าเสียดายพริก, ใช่ไหมท่าน? ทำไมข้าคิดไม่ถึง?
“อย่ามาถามเรื่องโง่ๆเช่นนี้อีก” เจ้าหมูพูดอย่างอวดรู้
หลังจากที่เขาพูดจบเขาก็กางพัดสีทองออกมา มองร่องลอยขึ้นไปยังเมฆที่ลอยสูงอยู่บนฟ้า เขาถอนหายใจอย่างเศร้าโศก “บางครั้ง,ความฉลาดเกินไปก็เป็นพิษร้าย! ไม่มีใครในโลกที่จะมาเข้าใจข้า!….ชีวิตช่างเปล่าเปลี่ยวเช่นเดียวกับหิมะ!”
“อุว้า!” ขณะที่เจ้าหมูจินกล่าวจบ,คนรับใช้และบริกรที่ยืนอยู่บนซากศาลาหลับไหลทั้งหมดแทบกระอักเลือดออกมา