“ปัง!”
พริบตาก่อนหน้านี้เซียวฉงยังคงลอยอยู่บนอากาศ ในพริบตาต่อมาเขาพุ่งลงจอดด้านหลังชายชุดดำ เมื่อชายชุดดำได้ยินเสียงเขารีบหันฟันกลับมาด้วยดาบของเขา
พร้อมกับเสียง “ฮั้ว” เซียวฉงเคลื่อนตัวไปด้านหลังของชายชุดดำและปล่อยฝ่ามือใส่หลังของเขาทันที
“กร๊วบ!” เป็นเสียงของกระดูกแตกหักดังสนั่นออกมา
ชายชุดดำสูดหายใจเข้าอย่างยากลำบากและหันกลับมาอีกครั้งทุกสิ่งที่เขาเห็นคือเงาวูบผ่าน เซียวฉงเคลื่อนตัวกลับไปที่หลังของชายชุดดำและปล่อยฝ่ามืออกไปอีกครั้ง
“ฟูู่ว!”
ชายชุดำดำพ่นเลือดออกมาคำใหญ่
“ปัง!ปัง!ปัง!ปัง!”
เซียวฉังเคลื่อนตัวไปตลอดเวลาที่ปล่อยฝ่ามือใส่ชายชุดดำอย่างต่อเนื่อง สำหรับชายชุดดำเขาไม่แม้แต่จะได้สัมผัสชายเสื้อของเซียวฉง สายเลือดไหลออกมาจากมุมปากของเขาและไม่อาจตอบโต้ได้แต่อย่างใด
“ฮุ่!ฮุ่!”
ทันใดนั้นระดับขอบเขตเซียนผู้ที่ขวางเซียวเฉียงเอาไว้ก็บินเข้ามาและปล่อยฝ่ามือเข้าใส่เซียวฉง
เซียวฉงปล่อยชายชุดดำไปและเปลี่ยนเป้าหมายมาที่คนคนนี้ “บูม!”มีเสียงอู้เกิดขึ้นพร้อมกับคลื่นกระแทกปรากฎขึ้นในอากาศ
พวกเขาทั้งสองถอยกลับเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มแลกฝ่ามือกันอีกครั้งในพริบตาต่อมา มือเท้าของพวกเขาเคลื่อนไหวไปทุกทิศทางสายลมจากฝ่ามือของพวกเขาราวกับฟ้าร้อง พวกเขารวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
เซียวเฉินผู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างไม่แม้แต่จะเห็นเงาของพวกเขา เขาได้ยินเพียงเสียงระเบิดและคลื่นกระเพื่อมของอากาศ เซียวเฉินตกตะลึงในใจแม้แต่ระดับขอบเขตปรมจารย์หากเข้าไปสอดพวกเขาคงกลายเป็นฝุ่นไปในพริบตา
เซียวเฉินหันไปมองชายชุดดำที่ในตอนนี้อ่อนแรงอย่างไม่น่าเชื่อ ใบหน้าของเขาปรากฎรอยยิ้มดำมืดพร้อมกับเดินเข้าไปเข้าช้าๆ
“เจ้าคิดจะทำอะไร…?” ชายชุดดำพูดขึ้เสียงกังวลเมื่อเห็นเซียวเฉินที่เดินเข้ามาสายตามืดมน
เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเซียวฉงก่อนหน้านี้ พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้เพียงแค่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นต่ำก็สามารถฆ่าเขาได้ง่ายดาย
เซียวเฉินไม่อยากพูดไร้สาระกับเขาอีกต่อไป เขาเตะชายชุดดำลอยขึ้นไปกระแทกพื้น ชายชุดดำส่งเสียงเจ็บปวด ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรเซียวเฉินก็กระทืบลงไปบนตัวเขาอย่างไร้ความปราณี ชายชุดดำร้องออกมาอย่างเจ็บปวดกลืนทุกคำที่เขาจะพูดกลับลงคอไป
ระดับขอบเขตเซียนที่ถูกกระทืบโดยระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นต่ำ ชายชุดดำรู้สึกหดหู่อย่างไม่น่าเชื่อ
“เซียวเฉิน! ไสหัวไปเดียวนี้! หรือไม่ข้าจะมาตามฆ่าเจ้าในอนาคต!” ชายชุดดำตะโกนออกมาเสียงดัง
เซียวเฉินยังคงกระทืบต่อไปด้วยเท้าของเขาอย่างไร้ความปราณีพร้อมกับปรากฎรอยยิ้มเย็นชา “เจ้ายังคิดว่าจะได้รอดกลับไป? ข้าบอกเจ้าไปแล้วเจ้าอย่ามาขวางทางข้า หูเจ้าหนวกเมื่อครู่?”
หลังจากพูดจบเซียวเฉินก็กระทืบลงไปที่หน้าของเขาอย่างไร้ความปราณีสองสามครั้ง ผ้าคลุมที่ปกปิดใบหน้าของเขาหล่นลงมาเผยให้เห็นใบหน้าของชายชรา
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยรอยเท้าของเซียวเฉิน เซียวเฉินก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าเขา นั้นมันง่ายเกินไป
เมื่อเซียวเฉินนึกถึงเหล่าศิษย์ตระกูลเซียวที่ล้มตายไปและเซียวอวี่หลันที่ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เป็นตายร้ายดี หัวใจของเซียวเฉินเต็มไปด้วยโทสะ แสงเยือกเย็นเติมเต็มดวงตาของเขาพร้อมกับยกตัวชายชุดดำขึ้น
“ปัก!ปัก!ปัก!”
ลูกตบครั้งแล้วครั้งเล่าถูกประเคนไปที่ใบหน้าของเขา ใบหน้าแต่เดิมที่ซีดขาวถูกตบจนแดงบวม
หลังจากที่เซียวเฉินตบเขาจนพอใจเซียวเฉินก็ยกเท้าขึ้นเตะเขาลอยไปอีกครั้ง ถือกระบี่เงาจันทร์ไว้ในมือเซียวเฉินพุ่งขึ้นหน้าอย่างรวดเร็ว ประกายแสงจากกระบี่เงาจันทร์พุ่งแทงเล็งไปที่หัวใจของชายชุดดำอย่างแม่นยำ
“ฮ่ะ!”
ชายสองคนที่กำลังต่อสูงติดพันกับเซียวฉงปลีกตัวออกมา ทันใดนั้นฝ่ามือก็ถูกส่งไปที่เซียวเฉิน เมื่อเซียวเฉินได้ยินเสียงลมผุดขึ้นมาเขาก็หลบหลีกอย่างรวดเร็ว คนคนนั้นไม่ได้ไล่ตามเซียวเฉินต่อแต่กลับรวบตัวชายชุดดำขึ้นและรีบวิ่งออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
อีกเพียงหนึ่งกระบี่ข้าก็จะฆ่าเขาได้อยู่แล้ว! เซียวเฉินรู้สึกไม่พอใจพร้อมกับมองดูชายสองคนวิ่งจากไป
เซียวฉงไม่ได้ไล่ตามชายสองคนนั้นไป ขณะที่มองดูเซียวเฉินเขาพูดขึ้น “มากับข้า!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเฉินเห็นพ่อของเขาด้วยตาของตัวเอง เขารู้สึกไม่คุ้นเคยแต่ก็ไม่กล้าขัดคำของเขาและตามเขาไปอย่างว่าง่าย
“นายน้อยสองท่านเป็นเช่นไร?” เป่าเอ๋อถามขึ้นอย่างเป็นกังวลเมื่อนางออกมาจากซากปรักหักพังของบ้านและเห็นบาดแผลที่ไหล่ขวาของเซียวเฉิน
เซียวเฉินพูดอย่างเฉยเมย “มันไม่เป็นไร ตามข้ามาเดียวนี้ ที่นี่ไม่ปลอดภัย”
พวกเขาทั้งสองเดินตามเซียวฉงไปและหลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เห็นเซียวเฉียงนำผู้บ่มเพาะพลังกลุ่มใหญ่ตรงเข้ามา เมื่อเซียวเฉียงเห็นเซียวฉงเขาก็รีบคุกเข่าลงและพูดขึ้น “ชายชราผู้นี้ไร้ความสามารถทำให้เหล่าศิษย์ตระกูลเซียวต้องล้มตายไปมากมาย ผู้นำตระกูลโปรดลงโทษข้า!”
“ผู้นำตระกูลโปรดสำเร็จโทษพวกเรา!” คนกลุ่มใหญ่ด้านหลังเขาทั้งหมดคุกเขาลงและพูดขึ้น
เซียวฉงขมวดคิ้ว เขากระทืบพื้นอย่างรุนแรงด้วยเท้าขวาของเขา ฝูงชนรู้สึกได้ถึงสายลมอ่อนโยนที่ดึงร่างของพวกเขาขึ้นมา
“ผู้อาวุโสหนึ่งไปนับจำนวนคนที่ล้มตายและคนที่ยังรอดชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะต้องใช้สมุนไพรระดับไหนถ้ามันมีอยู่ในห้องยาเจ้าเอาไปใช้ได้หมด”
เซียวฉงเผชิญหน้ากับเซีวเฉียงและพูดต่อ “เรื่องนี้ไม่อาจโทษเจ้าได้ทั้งหมด เป็นความผิดของข้าเช่นกัน ข้าจะไปรอเจ้าที่ห้องโถงใหญ่”
…..
โถงใหญ่ของตระกูลเซียว
เซียวฉงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงใจกลางของห้องโถงและมองไปที่เซียวเฉิน “ข้าได้ยินว่าเจ้าได้รับมรดกของจักรพรรดิอัสนี?”
เซียวเฉินพยักหน้ารับทราบและยื่นกระบี่เงาจันทร์ไปทางเซียวฉง
เซียวฉงรับกระบี่เงาจันทร์มาพิจารณาอย่างละเอียด หลังจากนั้นเขาก็ยิ้มอย่างอบอุ่น “พอคิดว่าพรสวรรค์ของเจ้าช่างแสนธรรมดาในตอนที่เจ้ายังเด็ก ในตอนนี้เจ้าได้รับมรดกจักรพรรดิอัสนีและกลายเป็นประสบความสำเร็จสูงที่สุดในตระกูลเซียว”
เซียวเฉินรับกระบี่เงาจันทร์คืนมาและจากนั้นก็พึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามขึ้นด้วยความสงสัย “ท่านพ่อในเมื่อท่านเป็นถึงระดับขอบเขตราชาทำไมท่านถึงไม่ไล่ตามสองคนนั้นไป?”
เซียวฉงถอนหายใจ “เจ้าอาจจะคิดว่าที่ข้าเหาะเหินไปบนอากาศได้จึงคิดว่าข้าขึ้นสู่ระดับขอบเขตราชาเรียบร้อยแล้ว ความจริงระดับพลังของข้าในตอนนี้อยู่เพียงระดับขอบเขตเซียนขั้นสูงสุดเท่านั้น”
“ผู้นำตระกูลเหลิงที่ประมือกับข้าในตอนสุดท้ายก็ทราบถึงเรื่องนี้ ที่ข้าจะสามารถเหาะเหินได้ก็เพราะพลังของจิตวิญญาณต่อสู้ของข้าแม้ว่าระดับขอบเขตของข้าจะอยู่ระดับขอบเขตเซียนขั้นสูงสุด อย่างไรก็ตามความเร็วของข้าก็ช้ากว่าระดับขอบเขตราชาที่แท้จริงไปมาก”
เซียวเฉินเข้าใจในทันทีที่กล่าวมาทั้งหมดมันก็สมเหตุสมผล
ในขณะนั้นเองเซียวเฉียงก็นำคนสองสามคนเข้ามาทักมายเซียวฉงด้วยความเคารพ “ข้าได้นับจำนวนผู้ที่บาดเจ็บล้มตายมามี 150 คนได้รับบาดเจ็บ 90 คนเสียชีวิต จากใน 90 คนนั้นมีระดับขอบเขตปรมจารย์ยุทธสามคน”
ทุกคนในที่นี้สูดหายใจเข้าลึกเมื่อได้ยินเซียวเฉียงกล่าวออกมา มีผู้เสียชีวิตมากมาย คนส่วนใหญ่ยังเป็นสานุศิษย์ชั้นยอดที่สืบสายเลือดของตระกูลเซียวโดยตรง
นอกจากนั้นยังมีระดับขอบเขตปรมจารย์รวมอยู่ด้วย ด้วยระดับขอบเขตปรมจารย์ถือได้ว่าเป็นกำลังรบที่ดีที่สุดในเมืองม่อเหอ แม้แต่ในตระกูลเซียวก็มีระดับขอบเขตปรมจารย์ไม่มากนัก
“ผู้นำตระกูลเราควรรายงานกับท่านเจ้าเมืองตู้กู่? ทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว! นี้คือสงคราม!” หนึ่งในผู้อาวุโสของตระกูลเซียวพูดออกมาด้วยความโกรธ
เซียวเฉียงกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “พวกที่ลงมือคือพวกตระกูลเหลิง ด้วยนิกายดาบเงาหมอกที่หนุนหลังพวกเขาอยู่เจ้าเมืองตู้กู่ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากนั้นมันยังปิดบังตัวตนและไม่เหลือหลักฐานทิ้งเอาไว้”
เซียวฉงพูดขึ้น “แล้วเซียวอวี่หลันกับเซียวเจี้ยน? พวกเขาปลอดภัยหรือไม่?”
เซียวฉงสีหน้ามืดมน “จิตวิญญาณต่อสู้ของพวกเขาได่รับความเสียหาย พวกเราไม่อาจต่อสู้ได้อย่างน้อยครึ่งเดือน”
ได้ยินข่าวนี้ทุกคนที่อยู่ในโถงใหญ่สีหน้าเปลี่ยน ศึกสัญญาสิบปีจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ แต่สองคนที่ลงเข้าร่วมกลายเป็นต่อสู้ไม่ได้แล้ว
การลงมือในครั้งนี้ของตระกูลเหลิงเลวทรามเกินไปแล้ว… เล่นงานผู้เข้าร่วมของตระกูลเซียวโดยตรง นอกจากนั้นตามกฎแล้วหากยืนยันชื่อไปแล้วไม่อาจเปลี่ยนผู้เข้าร่วมทีหลังได้ หมายความว่าตระกูลเซียวเหลือเพียงเซียวเฉินที่สามรถต่อสู้ได้
เมื่อเซียวเฉินได้ยินข่าวนี้เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกอย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต “ท่านพ่อข้าอยากจะขอปลีกตัวออกไปดูอาการพี่อวี่หลัน”
เซียวฉงพยักหน้าจากนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ “รอก่อน”
เซียวเฉินหยุดฝีเท้าลงและถามขึ้นอย่างสงสัย “มีอะไรอีก?” เขาไม่แน่ใจว่าทำไมแต่เขารู้สึกกลัวผู้ชายคนนี้ที่เป็นพ่อของเขาเพียงแค่ในนามเท่านั้น
เซียวฉงเดินตรงมาที่เซียวเฉินและพูดขึ้น “อย่าขยับขอข้าตรวจสอบจิตวิญญาณต่อสู้ของเจ้าก่อน”
จิตวิญญาณต่อสู้อีกแล้ววว เซียวเฉินประหลาดใจ ผู้อาวุโสหนึ่งก็ตรวจสอบจิตวิญญาณต่อสู้ของเขาหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้เซียวฉงก็อยากจะตรวจสอบจิตวิญญาณต่อสู้ของเขาอีกคน? เกิดบ้าอะไรขึ้น?
หลังจากนั้นไม่นานเซียวเฉินก็รู้สึกได้ถึงสายพลังปราณอ่อนโยนพร้อมกับจิตสำนึกที่เข้ามาในร่างของเขา เซียวเฉินจมจิตสำนึกของเขาลงไปและใช้มันซ่อนมังกรฟ้าเอาไว้จากนั้นเขาก็เลียนแบบเปลวเพลิงสีม่วงขึ้นมาแทนที่
หลังจากที่เซียวฉงเห็นดังนั้นสีหน้าของเขาก็กลายเป็บอบอุ่น “จิตวิญญาณต่อสู้ที่สร้างขึ้นมาจากเปลวเพลิงสีม่วง ข้าจะมอบตำราทักษะธาตุไฟให้เจ้าในวันหลัง”
เหงื่อเย็นแตกเม็ดออกมาเต็มหลังของเซียวเฉินพร้อมกับพยักหน้าขอบคุณ ความสงสัยในใจของเขาขยายตัวใหญ่ขึ้น เขาต้องรู้อะไรบางอย่าง หรือว่าเขาจะเกรงกลัวจิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้าในร่างของข้า?
บ้านตระกูลเซียวภายในห้องยา
หลังจากที่เขาถามถึงตำแหน่งของห้องของเซียวอวี่หลันเขาก็รีบตรงเข้ามาในทันที
“พี่สาวอวี่หลันเจ้าหลับอยู่รึเปล่า? ข้าเซียวเฉิน” เซียวเฉินกล่าวขึ้นด้านนอกประตู
“น้องเฉินเข้ามาสิ ข้ายังไม่หลับ” เสียงอ่อนโอยดังออกมาจากด้านในห้องแต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสุข
เซียวเฉินผลักประตูเข้าไป เขาเห็นเวียวอวี่หลันสวมชุดนอนสีขาวพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง มีรอยยิ้มบางเบาประดับอยู่บนใบหน้าซีดขาวของนางแต่คิ้วของนางม้วนเข้าหากันแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวด
เซียวเฉินรีบตรงเข้ามาหยิบเม็ดยาหวนคืนโลหิตยื่นให้กับนาง “พี่สาวอวี่หลันอย่าเพิ่งขยับตัว ใช้เม็ดยาหวนคืนโลหิตนี่ก่อน แม้ว่ามันจะไม่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของจิตวิญญาณต่อสู้แต่มันจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้อย่างรวดเร็ว”
นางเขินอายเล็กน้อยพร้อมกับรับเม็ดยาหวนคืนโลหิตมาและกลืนมันลงไปอย่าไม่รีรอ นางรู้สึกถึงความเย็นและความเจ็บปวดภายในของนางก็บรรเทาลงในทันที
“ขอบคุณน้องเฉินมาก”
เซียวเฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน ”ไม่จำเป็นต้องสุภาพ ย้อนกลับไปตอนนั้นเจ้าก็ช่วยข้าไว้ เม็ดยาหวนคืนโลหิตนี้ไม่ใช่อะไรมากมายเมื่อเทียบกับตอนที่เจ้าช่วยชีวิตข้าไว้ มันเทียบกันไม่ได้เลย”
“หากไม่มีอะไรแล้วข้าก็ขอตัวก่อน พี่สาวอวี่หลันพักผ่อนให้สบาย”
ได้ยินเซียวเฉินพูดเช่นนั้นเซียวอวี่หลันก็เจ็บขึ้นในใจ นี่เป็นเพียงแค่การตอบแทนบุญคุณเท่านั้นใช่ไหม?
มองดูเซียวเฉินที่กำลังจะจากไปเซียวอวี่หลันก็พูดขึ้น “น้องเฉินรอก่อน”
เซียวเฉินหยุดฝีเท้าลงเขารู้สึกผิดปกติ “เกิดอะไรขึ้น?”
เซียวอวี่หลันอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่หลังจากที่คิดอยู่นานสองนานนางก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มบทสนทนาอย่างไร ใบหน้าอันงดงามของนางขวยเขินก่อนที่ในทีสุดก็พูดออกมา “น้องเฉินข้านอนไม่หลับ เจ้าอยู่พูดคุยกับข้าก่อนจะได้ไหม?”
เซียวเฉินประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มรับและพูดขึ้น “แน่นอนอยู่แล้ว”