ตอนที่ 73 ยันต์
“เซียวเฉินเจ้ากล้ามากที่สังหารผู้อาวุโสตระกูลจางของข้า” ผู้นำตระกูลจางพูดออกมาอย่างเกรี้ยวโกรธหลังจากที่ยืนงงจนพอใจ เหล่าคนจากตระกูลจางวิ่งขึ้นหน้าราวกับกำลังจะเตรียมเปิดศึกได้ทุกเมื่อ
ผู้อาวุโสหนึ่งเซียวเฉียงรีบขึ้นหน้าออกมารับ ผู้บ่มเพาะพลังจากตระกูลเซียวก็ตามขึ้นมาอย่างไม่เกรงกลัวเช่นกัน เซียวเฉินยิ้มอย่างเย็นช้า “พวกมันต้องการสังหารข้าข้าจะเก็บมันไว้ทำไม? หนึ่งในสิ่งที่้ขาเกลียดที่สุดคือพวกลอบแทงข้างหลังเช่นเจ้ารังแกคนอ่อนแอกว่า หากเจ้าไม่อยากให้ลูกชายของเจ้าโดนฆ่าตอนกลับออกมา กูหยุดทำเรื่องพันนี้ซะ”
“และสำหรับพวกเจ้าตระกูลถัง” เซียวเฉินหันสายตาไปหาถังเทียน “หยุดเล่นเกมสกปรกซะ หากเจ้าไม่กลัวว่าสายเลือดตระกูลเจ้าจะต้องจบลงที่รุ่นนี้ข้าก็ยินดีจะสงเคราะห์ให้”
“ช่างน่าเหลือเชื่อ! เซียวเฉินเจ้าคิดจะเปิดศึกระหว่างตระกูลก่อนที่สัญญาสิบปีจะมาถึง? กล้าคิดที่จะมาจบสายเลือดตระกูลข้า” ใบหน้าของถังเทียนเปลี่ยนเป็นสีม่วงและผู้คนข้างหลังเขาก็ส่งสายตาราวกับเสือจ้องมองเหยื่อ
ทันใดนั้นเซียวเฉียงที่เงียบมาตลอดก็เปิดปากพูด “หากเจ้าต้องการสงครามก็ได้สงคราม ตระกูลเซียวของข้าไม่ได้เห็นพวกเจ้าอยู่ในสายตา ทุ่มทุกอย่างที่เจ้ามีใช้ทุกสิ่งที่เจ้าฝึกมา ตระกูลเซียวของข้ารออยู่เสมอ แม้ว่าตระกูลเซียวของ้ขาจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากมายแต่ก็ไม่ได้ไปยืมมือคนอื่นและเล่นสกปรก”
“แม้แต่ตอนก่อนที่การทดสอบจะเริ่มขึ้นเจ้าส่งผู้อาวุโสสองคนไปซุ่มโจมตีที่ค่ายพักของตระกูลเซียว ช่างน่ายินดีที่สวรรค์มีตาคนของเจ้าถูกฆ่าตายอนาถ”
ตู้กู่เฟิงสีหน้าเปลี่ยน “มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น?”
ถังเทียนคิดอย่างรวดเร็วเรื่องนี้มันเริ่มจะไม่สวยและจะส่งผลต่อข้อตกลงของเขากับท่านเจ้าเมือง ดังนั้นเขาไม่อาจยอมรับได้เด็ดขาด “เซียวเฉียงเจ้าอย่ามากล่าวหากันลอยๆ หากเจ้าอยากจะกล่าวโทษใครสักคนเจ้าต้องมีหลักฐานออกมาก่อน”
“หลักฐาน? ร่างของผู้อาวุโสทั้งสองจากตระกูลเจ้าพวกเราเอาไปฝังตั้งนานแล้ว หากเจ้าอยากจะได้หลักฐานข้าจะไปขุดมาให้ได้เดียวนี้ ข้าอยากจะได้คำอธิบายว่าผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลเจ้าไปทำอะไรที่ค่ายพักของตระกูลเซียวก่อนที่การทดสอบจะเริ่มขึ้น”
ถังเทียนและผู้นำตระกูลจางนิ่งอึ้งพวกเขาไม่คิดว่าทั้งสี่คนที่พวกเขาส่งไปจะตายหมดเรียบร้อยแล้วและร่างของพวกเขายังถูกคนของตระกูลเซียวพบเข้าอีก นี่ทำให้ยากที่พวกเขาจะแก้ตัวได้
ตู้กู่เฟิงพูดขึ้นพยายามจะควบคุมสถานการณ์ “ผู้อาวุโสเซียวในเมื่อคนของเจ้าไม่ได้มีใครบาดเจ็บร้ายแรงเอาเป็นว่าพักเรื่องนี้ไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวท่านจะว่าอย่างไร? ตระกูลเซียวผลการเก็บเกี่ยวเป็นเลิศในการทดสอบครั้งนี้ ข้าจะรายงานเรื่องนี้ให้กับระดับสูงเมื่อข้ากลับไปถึง”
ในฐานะเจ้าเมืองม่อเหอสิ่งที่ตู้กู่เฟิงไม่อยากจะเห็นก็คือสงครามระหว่างสามตระกูล มันจะต้องมีการนองเลือดและเกิดความเสียหายหนักเป็นแน่ เมื่อคนระดับสูงเหนือเขาลงมาตรวจสอบมันจะเป็นปัญหายุ่งยากมาตกที่เขา
เซียวเฉียงก็ไม่ได้อยากจะทำสงครามตอนนี้เช่นกัน สถานการณ์ตอนนี้มันชัดเจนตระกูลจางกับตระกูลถังแอบจับมือกันและยังมีกองกำลังแข็งแกร่งค่อยหนุนหลังพวกเขาอยู่ สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดีกับตระกูลเซียว
หากสงครามปะทุขึ้นตระกูลเซียวจะเสียหายครั้งใหญ่ สิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ตอนนี้คือเดิมพันทุกอย่างไว้กับสัญญาสิบปี
ตู้กู่เฟิงเดาความคิดของเซียวเฉียงเมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไรออกมา เขามองไปที่ผู้นำตระกูลอีกสองคน “ข้าไม่อยากจะเห็นเรื่องเช่นนี้อีกในอนาคต เป็นเรื่องดีที่จะมีการแข่งขันกันบ้างแต่อย่ายกระดับขึ้นไปถึงต้องมีการฆ่าฟันกัน”
แม้ว่าถังเทียนและผู้นำตระกูลจางจะผิดแต่ท่านเจ้าเมืองก็ต้องพาดบันไดให้พวกเขาปีนลงจากสถานการณ์ที่น่าอับอายนี้
“การทดสอบนี้ได้จบลงแล้วทุกคนไม่จำเป็นต้องไปกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ พวกเจ้าทั้งหมดอาจจะกลับมาอีก” ตู้กู่เฟิงจบคำพูด
…
ผลการทอสอบแผ่กระจายไปทั่วทั้งเมืองม่อเหอว่าตระกูลเซียวนั้นได้ที่หนึ่งอีกแล้ว อย่างไรก็ตามยังมีอีกข่าวหนึ่งที่กระจายออกไปโดยไม่รู้ว่าจากใครและทำอย่างไร
เรื่องที่จู่ๆเซียวเฉินก็หยิบแก่นกลางปีศาจระดับ 3 20ก้อนออกมาตบหน้าตระกูลถังและตระกูลจางลือไปทั่วทุกหนแห่งกลายเป็นหัวข้อประจำเมือง
ชัยชนะของเซียวเฉินในการประลองกับจางเหอก็ลือไปทั่วด้วยเช่นกัน ทุกคนเชื่อว่าด้วยเซียวเฉินตระกูลเซียวไม่จำเป็นต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับศึกสัญญาสิบปีที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง
เมืองม่อเหอ ณ ตระกูลเซียว
หลังจากที่การทดสอบจบลงผู้อาวุโสหนึ่งสั่งให้เซียวเฉินและคนอื่นๆเตรียมตัวสำหรับสัญญาสิบปีอยู่ภายในบ้านห้ามออกไปไหน ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้หากผู้เข้าร่วมได้รับบาดเจ็บขึ้นมามันจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับศึกษาสัญญาสิบปี
แม้ว่าตระกูลจางและตระกูลถังจะให้คำมั่นว่าจะไม่เล่นสกปรกอีกต่อไปพวกเขาก็วางใจไม่ได้ หากมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นตราบใดที่ไม่มีหลังฐานก็จับมือใครดมไม่ได้
เซียวเฉินกำลังยืนอยู่ในลานมือถือมีดเล่มเล็กๆอยู่เขาไม่รีบร้อนที่จะบ่มเพาะพลัง เขากำลังแกะสลักอะไรบางอย่างลงบนแท่งไม้วิญญาณที่เขาเก็บมาจากต้นไม้วิญญาณ
บนโต๊ะหินเต็มไปด้วยรูปสลักเล็กๆที่เซียวเฉินแกะสลักออกมา มีหลากหลายประเภทนก สัตว์อสูร มนุษย์ มีแทบทุกชนิด อย่างไรก็ตามคุณภาพของพวกมันก็มีดีแย่ปนกันไป แต่ส่วนใหญ่ในนั้นไม่ค่อยเป็นรูปทรง
ไม่กี่วันหลังจากที่เขากลับมาจากป่าทมิฬเขาได้สัมผัสกับขอบเขตระดับเชี่ยวชาญยุทธ เมื่อเขาพบกับช่วงเวลาที่เหมาะสมเขาสามารถทะลวงขึ้นไปได้ทันที
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะพลัง อย่างไรเสียพวกผู้ที่เข้าร่วมสัญญาสิบปีสูงที่สุดก็เพิ่งก้าวข้ามระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธ
ดังนั้นมันไม่คุ้มที่จะบ่มเพาะพลังในตอนนี้ จะดีกว่าถ้าเขาเอาเวลาไปตรวจสอบคาถาและยันต์ในตำราบ่มเพาะพลัง หลังจากที่เขากลับมาเขาซื้อไม้กลับมาจำนวนมากและเริ่มฝึกฝนการแกะสลัก
หลังจากทุ่มเทเวลาไปหนึ่งสัปดาห์ เขาแกะรูปสลักไปมากกว่าหนึ่งพันโดยใช้ไม้ธรรมดา ในที่สุดเซียวเฉินก็เริ่มพยายามที่จะแกะสลักไม้วิญญาณ อย่างไรก็ตามเขาได้ใช้แค่เศษเล็กๆเท่านั้น
“ฮ่ะ!”
เซียวเฉินวางรูปสลักลงอย่างนุ่มนวลขนาดมันประมาณเท่านิ้วของเขา มันเป็นนกนางแอ่นสิ่งมีชีวิตจากชีวิตก่อนของเขา ในตอนนี้ถึงแม้ว่ามันจะแกะสลักเสร็จเรียบร้อยและดูเหมือนมากก็ตามเซียวเฉินก็ยังคิดว่ามันยังขาดความสง่างาม
“นายน้อยสองกำลังแกะสลักอีกแล้ว? ท่านเรื่อยเปื่อยเกินไปแล้ว ข้าเพิ่งเห็นแม่นางอวี่หลันกับเซียวเจี้ยนกำลังประมือกันในลานฝึก พวกเขาดูจริงจังและฝึกหนักมาก” เป่าเอ๋อถือกระเป๋าใบใหญ่และเดินเข้ามา
เซียวเฉินยิ้มอ่อนเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาหยิบรูปสลักชิ้นหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะและพูดกับเป่าเอ๋อ “นี่ข้าให้เจ้า มันดูดีไหม?”
เป่าเอ๋อรับมันมามองดู นางพบว่ารูปสลักนี่ใช้นางเป็นต้นแบบ เขินอายเล็กน้อยนางรู้สึกเป็นสุขเล็กๆในใจ “นายน้อยสองท่านทำ…รูปสลักข้า”
นางวางสิ่งของที่ถือมาไว้ข้างๆหลังจากพูดจบก็หยิบรูปสลักขึ้นมาและวิ่งหนีไปอย่างเขินอาย เซียวเฉินมองดูหลังของเป่าเอ๋อที่หายลับไป เขายิ้มเบาๆและมองไปที่ของที่เป่าเอ๋อนำมา รู้สึกเป็นสุขในใจ
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเซียวเฉินไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ ดังนั้นอะไรก็ตามที่เขาต้องการ เป่าเอ๋อเป็นคนจัดการไปหาซื้อมาให้ทั้งหมด แต่ของที่เขายังต้องใช้จำนวนมากจึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้หญิง
แบกของที่เป่าเอ๋อซื้อมาและเซียวเฉินก็เดินตรงไปที่ห้องของเขา หลังจากเข้ามาในห้องเซียวเฉินมีสีหน้าไร้กังวล
เขาหยิบรูปสลักนกนางแอ่นที่ทำมาจากไม้วิญญาณและถือเอาไว้ในมือ ตั้งสมาธิอย่างแน่วแน่เขาแตะลงบนไปที่มันเบาๆและพลังวิญญาณในร่างของนกนางแอ่นทันใดนั้นก็กลายเป็นหนาแน่นส่องแสงแห่งชีวิตออกมา
“พุด้า!พุด้า!”
นกนางแอ่นตัวนั้นขยายใหญ่ขึ้นเป็นขนาดนกทั่วไปและกระพือปีกของมัน มันมีชีวิตขึ้นมาจริงๆและเสียงร้องช่างไพเราะฟังแล้วผ่อนคลาย
สำเร็จ!
เซียวเฉินส่งเสียงดีอกดีใจในใจ นี่เป็นคาถาจากตำราบ่มเพาะพลังที่เปลี่ยนสิ่งของให้กลายเป็นกแงกำลังของเขา คาถาสละชีวิตมันสามารถเปลี่ยนสิ่งไม่มีชีวิตให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตระดับสูงได้
อย่างไรก็ตามระดับการบ่มเพาะพลังของเซียวเฉินในตอนนี้ยังต่ำอยู่เขาไม่อาจสร้างกองทัพจากจากการหว่านเม็ดถั่วได้ เขาจึงแกะสลักสิ่งมีชิวิตที่เขาชอบออกมาก่อน นอกจากนั้นวัตถุที่ใช้จะต้องมีพลังวิญญาณ
ในหลายวันที่ผ่านมาเขาได้พยายามลองใช้รูปสลักไม้ธรรมดาแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ สุดท้ายในวันนี้เมื่อเขาใช้รูปสลักจากไม้วิญญาณมันก็ประสบความสำเร็จในการใช้คาถานี้
เซียวเฉินยื่นมือไปในอากาศและนกนางแอ่นก็เหมือนจะเข้าใจเซียวเฉิน มันกระพือปีกบินมาที่มือของเซียวเฉิน เซียวเฉินยิ้มเบาๆและดูแลมันอย่างระมัดระวัง
เซียวเฉินหันสายตาไปที่ของที่เป่าเอ๋อซื้อมา เขาหยิบของข้างในออกมาทีละชิ้นและวางลงบนโต๊ะ พู่กัน เลือดสัตวอสูรวิญญาณขวดใหญ่และกระดาษสีเหลืองอีกหนึ่งปึก
กระดาษสีเหลืองนี่ไม่ใช่กระดาษธรรมดามันสร้างมาจากหนังและกระดูกของสัตว์อสูรวิญญาณและราคาพวกมันค่อนข้างแพง เมื่อเซียวเฉินพบว่ามีกระดาษเช่นนี้มีวางขายทั่วไปอยู่ในโลกนี้เขาก็ตื่นเต้นรอค่อยมาตลอดทั้งวัน
กระดาษนี่เหมาะที่จะเอาไว้สร้างยันต์ อย่างไรก็ตามผู้คนในโลกนี้รู้เพียงว่ามันไม่อาจเน่าเปื่อยจึงใช้มันสำหรับเขียนเอกสารหรือหนังสือสำคัญ ใช้ของได้สิ้นเปลืองจริง
ยันต์เป็นของสำคัญในการใช้โจมมตีด้วยคาถาอมตะ ที่ผ่านมาการบ่มเพาะพลังของเซียวเฉินยังไม่เพียงพอและไม่มีเวลามาค้นคว้า
ก่อนที่ศึกครั้งใหญ่จะมาถึงเซียวเฉินมีเวลาว่างมากมาย ดังนั้นหากเขาไม่มาค้นคว้าเกี่ยวกับมันสักหน่อยก็น่าเสียดาย
เซียวเฉินเทเลือดสัตว์อสูรปีศาจลงไปในขวดหมึกจากนั้นก็หยิบแก่นกลางปีศาจระดับ 3 ออกมาและบดมันเป็นผงก่อนที่จะใส่มันลงไปในขวดหมึก
เลือดสัตว์อสูรวิญญาณในขวดเดือดขึ้นมาทันทีและพื้นผิวของมันก็มีพลังฉีสีเทาออกมา เลือดสีแดงกลายเป็นสีม่วงเข้ม
เซียวเฉินพึงพอใจเมื่อเห็นว่าพลังวิญญาณในเลือดเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าในตอนที่เขาใส่แก่นกลางปีศาจลงไป
หยิบพู่กันขึ้นมาเขาจุ่มมันลงไปในของเหลวสีม่วง เซียวเฉินเริ่มลงมือวาดยันต์ เพียงนึกคิดวิญญาณรอบๆเริ่มไหลไปที่ปลายพู่กันอย่างช้าๆ
ทุกการเคลื่อนไหวของเซียวเฉินอักษรยันต์ปรากฎลงบนกระดาษสีเหลือง ทุกที่ที่ของเหลวสีม่วงวาดผ่านไปเรืองเสียงจางๆออกมา
เมื่อเซียวเฉินจบจังหวะสุดท้ายประกายแสงบนกระดาษก็ปะทุออกมา สายประกายแสงไหลไปตามอักษรแปลกประหลาดและสร้างเป็นรูปแบบเล็กๆขึ้นมา
เซียวเฉินวางพู่กันลงข้างๆและประสานมือทั้งสองข้างของเขา เรืองแสงจากกระดาษสีเหลืองจางหายไป หลังจากที่เซียวเฉินสานมือกระดาษก็พับอย่างรวดเร็วกลายเป็นรูปสามเหลี่ยมพร้อมกับที่เซียวเฉินหยิบมันขึ้นมา
เซียวเฉินถอนหายใจอย่างโล่งอก ยันต์นี่ถูกสร้างขึ้นมาในชั่วอึดใจเดียวไร้ความผิดพลาด แม้ว่ามันจะเป็นเพียงยันต์โจมตีขั้นต้นแต่เซียวเฉินก็พึงพอใจในความสำเร็จครั้งแรก
“ฟิ่ว!”
เซียวเฉินปายันต์ในมือของเขายันต์ทรงสามเหลี่ยมเปิดออกกลางอากศจากนั้นก็ระเบิดออกเสียงดัง “ปัง!” สร้างลูกบอลไฟขนาดเท่าฝ่ามืออกมา
นกนางแอ่นที่กำลังบินไปมาตกใจและตกลงมาพร้อมกับเสียง “พุทง” มันกลับไปเป็นรูปสลักไม้เช่นเดิมและไม่เหลือหลังวิญญาณในไม้วิญญาณอีกต่อไป
เมื่อเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเซียวเฉินยิ้มขมๆอย่างช่วยไม่ได้ เขาใช้วัตถุดิบที่ดีแต่เพราะว่ายันต์ยังระดับต่ำเกินไปด้วยพลังเล็กน้อยเช่นนี้แม้แต่ยุงยังตบไม่ตาย
สิ่งที่ทำให้เขาถึงกับไร้คำพูดก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับนกนางแอ่นที่เขาสร้างขึ้นมา
ข้าจำเป็นต้องฝึกฝนอย่างหนักต่อไปสร้างยันต์ที่ระดับสูงกว่าและรูปสลักที่แกร่งกว่านี้ เซียวเฉินปลุกใจตัวเอง