ตอนที่ 40 จิ้งจอกวิญญาณหกหาง
ถังหยวนรู้สึกไม่พอใจแต่เขาก็ไม่กล้าพูดขัดผู้อาวุโสหนึ่ง ที่ภารกิจนี้เละเทะมาจนถึงขั้นนี้ก็เป็นความผิดของเขา
แต่เดิมภารกิจนี้ควรจะเป็นเรื่องง่ายๆสบายๆ หลังจากจบภารกิจเขาก็จะสร้างภาพลักษณ์ดีงามต่อพ่อของเขา และในขณะเดียวกันก็สามารถดึงผู้อาวุโสหนึ่งและผู้อาวุโสสองเข้ามาหนุนหลังเขาได้ ด้วยวิธีนี้เขาก็จะปราบน้องชายคนที่สองของเขาลงได้ แต่จากที่ดูในตอนนี้แผนของเขาปลิวไปไกลแล้ว
ตอนนี้เขาได้แต่หวังว่าเขาจะนำจิ้งจอกน้อยนี่กลับไปได้สำเร็จ เพื่อที่จะชดเชยความผิดพลาดของเขา ลดการลงโทษของเขาให้น้อยลงเท่าที่จะทำได้
ชายชุดน้ำเงินมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังแยกย้ายกันด้วยสายตาแปลกประหลาดราวกับเขารู้อยู่แล้วว่าถังเฟิงจะตัดสินใจเช่นนี้ เขาเก็บดาบลงฝักพร้อมกับยิ้มขึ้น “ผู้อาวุโสหนึ่งมากับข้าเราจะกลับไปยังทางที่เรามา”
“ผู้อาวุโสเหลิง…ท่านแน่ใจะนะ? กลับไปยังทางที่เรามา?” ถังเฟิงพูดด้วยความประหลาดใจ
ชายชุดน้ำเงินพูดเสริมอย่างเย็นชา “จิ้งจอกวิญญาณหกหางนั้นใช้พลังไปมากในช่วงเวลาสั้นๆ มันกำลังจะเสียพลังทั้งหมดไป ข้าไม่อยากให้ตระกูลถังได้ประโยชน์จากสิ่งนี้”
สมองของถังเฟิงเหมือนจะหยุดการทำงานไปทันที เขาตามไม่ทันว่าชายชุดน้ำเงินผู้นี้ต้องการจะทำอะไร “หากเป็นเช่นนั้น ทำไมท่านไม่พาทั้งหยวนและพวกที่เหลือไป”
ชายชุดเงินเงินยิ้ม “กลุ่มระดับเชี่ยวชาญยุทธไม่มีพลังพอที่จะเข้าไปปะทะได้ กลับกันหากพวกตระกูลเซียวพบพวกเขามันจะมีแต่สร้างปัญหาเพิ่ม พวกนนั้นอาจจะใช้โอกาสนี้หลบหนีไปก่อน”
ความจริงชายชุดน้ำเงินไม่ได้คิดที่จะให้คนกลุ่มนี้รอดชีวิตไปอยู่แล้ว อุ้มลูกจิ้งจอกวิญญาณหกหางไปด้วยในไม่ช้าพวกเขาก็จะถูกแม่จิ้งจอกวิญญาณหกหางพบตัว เมื่อเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็หมดโอกาสรอด
คนกลุ่มนี้ยังพอจะมีประโยชน์บ้างก็คือล่อจิ้งจอกวิญญาณหกหางที่กำลังบ้าคลั่งไปให้ได้นานที่สุด จิ้งจองวิญญาณหกหางที่กำลังบ้าคลั่งนั้นเทียบพลังได้เท่ากับระดับขอบเขตราชา ชายชุดน้ำเงินไม่อยากให้ตัวเองคนจุดสนใจของมัน ยิ่งคนกลุ่มนั้นล่อมันไปได้นานเท่าไหรมันก็ยิ่งดีกับเขา
เมื่อถึงตอนนี้เสียงคำรามของเหล่าสัตว์อสูรวิญญาณก็ไล่หลังพวกเขามา เมื่อชายชุดน้ำเงินหันไปดูข้างหลังของเขาเขาเห็นเป็นสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 4 ห้าตัวกำลังตรงมา ทั้งหมดเป็นวานรแขนม่วง
“ชีพจรมังกรพสุธา!”
ชายชุดน้ำเงินตะโกนขึ้นอย่างเย็นชา ทันใดนั้นละลอกคลื่นก็ปรากฎขึ้นบนพื้นดิน มันม้วนตัวราวกับงูกำลังแหวกว่ายไปตามแผ่นดินเป็นเกลียวอย่างช้าๆ
“บูม!”
มังกรดินขนาดยักษ์พุ่งตัวขึ้นมาจากผืนดินพร้อมระเบิดพลังออกมา มันทำให้หินที่อยู่บนพื้นแหลกเป็นชิ้นๆพร้อมกับคำรามอย่างเกรี้ยวกราดและตรงไปยังวานรแขนม่วงห้าตัวนั้น
วานรแขนม่วงห้าตัวนั้นไม่สามารถหลบได้ทันเวลาติดอยู่ในท่านั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ พลังที่สะสมอยู่ในหางของมังกรฟาดลงมาทันที ตามมาด้วยหัวของมังกรที่ทุบลงมาราวกับแส้ พวกมันไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง
“ไป!” มองดูถังเฟิงทำหน้าโง่งมชายชุดน้ำเงินก็พูดขึ้นมาอย่างเฉยเมย
พวกเขาทั้งสองออกเดินทางไปอย่างเงียบๆ แต่ถึงจะดังเพียงเล็กน้อยสัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินก็จับมันได้หมด การเปลี่ยนวิธีการใช้สัมผัสวิญญาณของเขาทำให้ระยะของสัมผัสวิญญาณเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ขณะนี้สัมผัสของเขากำลังจับจ้องไปที่คนกลุ่มนี้
ถอยสัมผัสวิญญาณกลับมาเซียวเฉินรู้สึกเกรงกลัวอยู่ในใจ พลังของระดับขอบเขตนักบุญนั้นช่างน่ากลัว เขาสามารถเป่าสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 4 ห้าตัวกระเด็นได้ภายในกระบวณท่าเดียว
หลังจากบอกลาเซียวอวี่หลันเซียวเฉินก็ตรงออกมาจากค่ายพักทันที เขามุ่งตรงมาในทิศของทางถังหยวนกับคนของเขาและไล่ตามพวกเขามา เมื่อวิเคราะห์ดูคนที่แกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขาอยู่เพียงระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธและพวกเขาส่วนใหญ่ก็กำลังบาดเจ็บ เขารู้สึกปลอดภัยที่จะลงมือ
ที่เซียวเฉินจะทำคือฉกลูกจิ้งจอกวิญญาณหกหางมา ลูกของจิ้งจอกวิญญาณหกหางนั้นเมื่อเกิดมาก็เป็นสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 เมื่อมันโตขึ้นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาร่างเพื่อให้มีหกหาง
ในตำราบ่มเพาะพลังนั้นก็มีชุดทักษะบ่มเพาะพลังสำหรับสัตว์ปีศาจบันทึกไว้ด้วย และมันน่าจะใช้ได้กับสัตว์อสูรวิญญาณเช่นกัน สัตว์อสูรวิญญาณระดับ 6 ตั้งแต่เกิดเพิ่มด้วยทักษะบ่มเพาะพลังจากตำราบ่มเพาะพลังมันจะต้องกลายเป็นผู้ช่วยที่แข็งแกร่งของเซียวเฉินแน่นอน
เป็นเหตุผลว่าทำไมเซียวเฉินถึงตัดสินใจไปฉกเอาลูกจิ้งจอกวิญญาณมา นอกจากนั้นเขายังมีหยกวิญญาณสีเลือดอยู่ในมือ หลังจากที่เขาฉกมาได้เขาสามารถใช้หยกวิญญาณสิเลือดผนึกมันไว้ได้ทันทีเพื่อซ่อนกระแสพลังของจิ้งจอกน้อย จากนั้นเขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจิ้งจอกวิญญาณหกหางจะมาแก้แค้นเขาอีกต่อไป
หลังจากที่เซียวเฉินออกมาจากค่ายพักเขาก็ใช้คาถาแรงโน้มถ่วงค่อยๆบินขึ้น เขาไม่กล้าบินสูงมากเพราะมีสัตว์อสูรวิญญาณประเภทปีกมากมายในภูเขาชีเจี่ยวแห่งนี้
คาถาแรงโน้มถ่วงอาจจะใช้งานจริงในการต่อสู้ไม่ค่อยได้เพราะมันใช้เวลาร่ายนาน แต่มันมีประโยชน์ในการใช้เดินทางไกล เซียวเฉินใช้สัมผัสวิญญาณจับไปที่ถังหยวนและคนของเขาพร้อมกับไล่ตามไปอย่างช้าๆ
ภายในสัมผัสวิญญาณของเขาเซียวเฉินสามารถเห็นถังหยวนกับคนของเขากำลังสู้ติดพันกับกลุ่มสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 4 เขายังสัมผัสได้ถึงกระแสพลังแข็งแกร่งกำลังพุ่งตรงมาทางนี้อย่างบ้าคลั่ง นั้นจะต้องเป็นจิ้งจอกวิญญาณหกหางที่กำลังบ้าคลั่งอยู่
หลังจากนั้นไม่กี่นาทีกลุ่มถังหยวนก็ปรากฎขึ้นในสายตาของเซียวเฉิน เซียวเฉินที่กำลังลอยอยู่ในอากาศร่อนลงบนกิ่งไม้อันหนึ่งสังเกตการณ์กลุ่มคนที่อยู่ด้านล่างเขา
มีจำนวนทั้งหมดเจ็ดคน ด้านข้างถังหยวนอยู่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงที่เหลือนั้นอยู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นต่ำ ที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่นั้นคือสามหมาป่าโลหิตสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 4 และระดับเทียบเท่าได้กับระดับขอบเขตปรมจารย์
ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่ทั้งเจ็ดคนละล้มลง หรือถึงแม้พวกเขาจะล้มหมาป่าฝูงนี้ลงได้ ด้วยความเร็วของจิ้งจอกวิญญาณหกหางมันก็กำลังจะมาถึงในเร็วๆนี้ จากนั้นพวกเขาก็จะตายอย่างน่าสังเวชกว่าเดิม
เซียวเฉินเพียงแค่ยืนรอโอกาส เขาไม่จำเป็นต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงด้วย
“นายน้อยหนึ่งท่านไปเถอะ พวกเราจะยันไว้ให้” หนึ่งในเจ็ดคนนั้นพูดขึ้น
ถังหยวนรอให้ใครสักคนพูดเช่นนี้มานานแล้ว เขารีบพุ่งออกไปพร้อมกับจิ้งจอกน้อยในอ้อมกอดเขาทันที
โอกาสของเขามาแล้ว! เซียวเฉินยิ้มขึ้นพร้อมกับเคลื่อนไหวไปในอากาศตามไปอย่างรวดเร็ว
ถังหยวนสับตีนแตกวิ่งลงไปจากภูเขา มองดูจิ้งจอกน้อยในแขนของเขา เขารู้สึกหมดหนทางอย่างช่วยไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะชายชุดน้ำเงินผู้นั้นเขาคงไม่ต้องถูกบีบมาอยู่ในสถานะการณ์เช่นนี้
“บูม!”
ในค่ำคืนที่มืดมิด ทันใดนั้นสายฟ้าก็ตัดผ่านเข้ามาในสายตาของเขา ถังหยวนสะดุ้งและพยายามถอยหลับพร้อมกับคิด หรือว่าคนคนนั้นจะอยู่ที่นี่?
หลังจากสายฟ้าวูบผ่านไปร่างของเซียวเฉินก็ค่อยๆปรากฎออกมาในความมืด เขามองไปที่ถังหยวนด้วยรอยยิ้มมารยา “นายน้อยถัง ไม่ได้เจอกันพักนึงแล้ว”
หลังจากเห็นเซียวเฉินได้อย่างชัดเจนถังหยวนไม่อยากจะเชื่อสายตาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “นั้น..เจ้า.เซียวเฉิน เป็นไปได้เช่นไร.”
“ส่งส่งลูกจิ้งจอกวิญญาณหกหางนั้มาซะ” เซียวเฉินไม่สนใจถังหยวนพูดขึ้นอย่างเย็นชา
ถังหยวนจ้องมาด้วยสีหน้าว่างเปล่าครู่หนึ่งก่อนที่จะตะโกนขึ้น “เจ้าซ่อนพลังมาตลอด ทำให้พวกเราทุกคนมองข้ามเจ้าไป พวกที่ข้าเกลียดที่สุดคือพวกที่ปิดซ่อนความแข็งแกร่งไว้เช่นเจ้า”
“เจ้าต้องการจิ้งจอกน้อยตัวนี้? ข้าจะฆ่ามันทิ้งเดียวนี้จะไม่มีใครได้มันไปทั้งนั้น”
ถังหวนดูเหมือนจะนึกถึงความทรงจำที่เจ็บปวดขึ้นมาได้ก่อนที่กำลังจะทุ่มจิ้งจอกน้อยลงกับพื้นอย่างบ้าคลั่ง
“ฟุ่บ!”
เส้นเปลวเพลิงสีม่วงปะทุออกมาจากนิ้วของเซียวเฉินและหมุนวนอยู่สองสามรอบก่อนที่จะยิงตรงไปที่ถังหยวน เปลวเพลิงสีม่วงเข้าปะทะเข้ากับร่างของถังหยวนทันที
ถังหยวนตกใจพร้อมกับดึงมือกลับอุ้มจิ้งจอกน้อยไว้ในมือของเขา จากนั้นเขาก็กางมืออกสร้างโล่พลังปราณเล็กๆขึ้นมา
“ฟุ่บ!”
เปลวเพลิงเจาะทะลุเกราะพลังปราณของถังหยวนได้อย่างง่ายดายราวกับตอกตะปูลงไม้ หลังจากนั้นมันก็สัมผัสเข้ากับแขนของเขา ถังหยวนร้องออกมาอย่างน่าสังเวชพร้อมกับแขนขวาของเขาที่กลายเป้นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็วปล่อยให้จิ้งจอกน้อยร่วงลงกับพื้น
เซียวเฉินตะโกนเบาๆและกระทืบเท้าลงพื้นพุ่งตัวไปข้างหน้า ด้วยลูกเตะเขาผลักถังหยวนกระเด็นลอยไปพร้อมกับรับร่างของจิ้งจอกน้อยด้วยมือของเขา
“อย่าฆ่าข้า..อย่าฆฆ่า า”
นอนกองอยู่กับพื้นถังหยวนมองเห็นอารมณ์รุนแรงในสีหน้าของเซียวเฉิน เขารีบร้องขอความเมตตาความแข็งก้าวเมื่อครู่หายไปทันที เก็บคนเช่นนี้ไว้ก็มีแต่จะสร้างปัญหา ดังนั้นเซียวเฉินไม่คิดจะปล่อยเขาไป
เพียงการสะบัดนิ้วของเขาเขายิงเปลวเพลิงอัสนีม่วงที่แท้จริงออกมา หลังจากนั้นร่างของถังหยวนก็ท่วมไปด้วยไฟ ก่อนที่เขาจะได้ร้องออกมาร่างของเขาก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปเสียก่อน
หลังจากมองไปที่กองขี้เถ้าเป็นพื้นเซียวเฉินก็หันกลับมามองลูกจิ้งจอกน้องในอ้อมแขนของเขา
ขนสีขาวนุ่มที่ปราศจากสิ่งสกปรก มันยังคงหลับตาอยู่ดูเหมือนกับลูกแมว มันช่างดูน่ารักเหลือทน อย่างไรก็ตามเจ้าตัวน้อยนี่ก็ยังไม่รู้ว่าแม่ของมันกลายเป็นบ้าคลั่งไปแล้วเพราะมัน
เขารู้สึกเสียใจกับมัน เซียวเฉินหยิบหยกวิญญาณสีเลือดออกมา เขากัดไปที่นิ้วแล้วหยดเลือดของเขาลงไปที่หยก เมื่อเลือดสัมผัสเข้ากับก้อนหยกเซียวเฉินรู้สึกได้ทันทีว่ามีชิ้นส่วนวิญญาณของเขาแบ่งออกและเข้าไปที่หยกวิญญาณสีเลือด
เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ธรรมชาติช่างเป็นสุดยอดนักสร้าง วัตถุดิบที่น่าอัศจรรย์นี้ธรรมชาติสามารถสร้างมันขึ้นมา เรียกความคิดของเขากลับมา เขาทำตามวิธีที่เซียวอวี่หลันเคยสอนเขาและกรีดแผลเล็กๆบนร่างของจิ้งจอกน้อย จากนั้นเขาก็หยดเลือดของจิ้งจอกวิญญาณลงบนหยดวิญญาณสีเลือด
“คิ้ว!”
หลังจากได้รับความเจ็บปวดมันก็ตื่นขึ้นและดิ้นไปมาบนอ้อมกอดของเซียวเฉินืก่อนที่มันจะดิ้นหลุดลงไปที่พื้นพลังมหาศาลออกมาจากหยกวิญญาณสีเลือดและดูดจิ้งจอกน้อยเข้าไป
เซียวเฉินส่งเส้นสัมผัสวิญญาณเข้าไปในหยกวิญญาณสีเลือด หลังจากเขาเข้ามาพื้นที่ไร้ขอบเขตก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าของเขา จิ้งจอกน้อยยืนอยู่บนพื้นที่ว่างเปล่าและรอยแผลของมันก็ถูกรักษาพร้อมกับมันที่หันหัวไปทุกทิศทางด้วยความสงสัย
ถอนสัมผัสวิญญาณกลับมา ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรเขาสัมผัสได้ถึงกระแสพลังแข็งแกร่ง ในคืนที่มืดมิดแสงสว่างฉายลงมาที่เซียวเฉินทำให้กระแสพลังของเขาถูกปิดกั้น เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับ
“ปัง!”
เส้นสายฟ้าพุ่งลงบนพื้นและจิ้งจอกวิญญาณหกหางก็ปรากฎขึ้นต่อหน้าของเซียวเฉิน มันมีหกหางที่ยาวกว่ายี่สิบเมตรชี้ขึ้นไปบนฟ้าสายตาแดงก่ำมองไปที่เซียวเฉิน
กระแสพลังแน่นหนาที่เติมเต็มไปทั่วท้องฟ้าออกมาจากร่างของมัน ภายใต้แรงกดดันนี้เซียวเฉินหายใจอย่างยากลำบาก หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อพร้อมกับมือที่กำลังสั่น
มันมาถึงได้เร็วเพียงนี้ได้เช่นไร? เซียวเฉินมองไปที่จิ้งจอกวิญญาณหกหางหัวใจเต็มไปด้วยความประหลาดใจ จิ้งจอกวิญญาณหกหางช่างจะมาถึงได้ถูกจังหวะ
“กาโออว!”
ในจังหวะสำคัญเช่นนี้ มังกรฟ้าภายในร่างของเซียวเฉินคำรามออกมาเสียงดัง พลังอำนาจของสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์พวยพุ่งออกมาจากร่างของเขาปิดกั้นกระแสพลังดุดันที่ลอยอยู่ในอากาศทันที ในที่สุดเซียวเฉินก็สามารถขยับตัวได้
ในขณะที่เซียวเฉินกำลังจะเตรียมตัวหนีจิ้งจอกวิญญาณหกหางร่างยักษ์ก็ทิ้งตัวร่วงลงมา ด้วยเสียง “ตูม!” ดังสนั่นมันทำให้ต้นไม้นับไม่ถ้วนแตกกระจายฝุ่นจำนวนมหาศาลลอยไปในอากาศ
“ฮ่าฮ่า ในที่สุดเจ้าสัตว์ร้ายนี่ก็สิ้นพลัง ผู้อาวุโสถังท่านไปจัดการกับเจ้าหนูตระกูลเซียวนั้น ล้างแค้นให้กับนายน้อยของตระกูลเจ้า ข้าจะจัดการกับจิ้งจอกวิญญาณหกหางเอง” เขาหัวเราะออกมาเสียงดัง ชายชุดำน้ำเงินไล่ตามกระแสพลังของจิ้งจอกวิญญาณหกหางมาก่อนที่จะไล่ทันพวกเขา
ถังเฟิงสูดหายใจเข้าอย่างเย็นชาเขาไม่ได้พูดอะไรพร้อมกับจ้องไปที่เซียวเฉิน เขาและชายชุดน้ำเงินได้มาถึงตอนที่เขาเห็นถังหยวนกำลังตายลง หากไม่ใช่เพราะชายชุดน้ำเงินห้ามเขาเอาไว้ก่อนหน้านี้เขาคงพุ่งตัวเข้าไปแล้ว