ตอนที่ 33 เป็นไปได้อย่างไร?
“บึ้ม!”
วิหคเพลิงยักษ์พุ่งชนเข้ากับโล่อัสนีสวรรค์อย่างไร้ความปราณี ก่อให้เกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น ก่อนที่จะเติมท้องฟ้าให้เต็มไปด้วยประกายไฟ หลังจากนั้นครู่หนึ่งประกายไฟทั้งหมดก็บินกลับเข้าไปหาร่างของผู้เฒ่า ฉากนี้ดูเหมือนกับฝูงหิ่งห้อยกำลังบินตรงพุ่งเข้าไปหาผู้เฒ่าคนนั้น
เกิดหลุมลึกลงไปกว่า 5 เมตรบนพื้น ก้อนหินถูกระเบิดจนกลายเป็นผงเติมเต็มบริเวณโดยรอบด้วยฝุ่น เซียวเฉินผู้ที่อยู่ในหลุมลึกนั้นกลายเป็นหน้าซีดแต่ยังไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรกแต่ประการใด
ด้วยฝุ่นที่บินไปทั่วทุกแห่ง ไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในหลุมได้อย่างชัดเจน เมื่อถังหยวนเห็นดังนั้น เขาหัวเราะขึ้น “ลุงสอง หลังจากโดนสามวิหคเพลิงของท่านเข้าไป ถ้าไม่ตายก็ย่างจนเกือบสุกแล้ว”
สีหน้าของผู้เฒ่าแสดงออกถึงความพึงพอใจ สามวิหคเพลิงนั้นคือทักษะระดับลึกซึ้งที่เขาภูมิใจกับมันมาก มันใช้พลังเข้าควบคุมจิตวิญญาณต่อสู้ของเขาให้มันออกมาจากร่างและจูโจมใส่ศัตรู
ทุกครั้งที่วิหคเพลิงส่งเสียงร้องออกมามัจะดูดซับพลังธาตุไฟในบริเวณโดยรอบของมัน เพิมพลังและความเร็วเป็นเท่าตัว หลังจากการร้องครั้งที่สามต่อให้ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดใช้ทุกอย่างที่เขามีก็ยังไม่รอดถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน
ก่อนหน้า ทันทีที่เขาตรวจพบว่ามีคนซ่อนอยู่หลังต้นไม้ พบว่าเป็นเพียงแค่ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดเท่านั้น เขาไม่มีทางเชื่อว่ามันจะรอดมาได้
“ลงไปดู ข้าหวังว่าผลอ่อนแดงจะไม่ได้รับความเสียหาย”
ผุ้เฒ่าพูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด เขารีบลงมือเกินไปและยังใช้ท่าใหญ่ตั้งแต่ต้น ตอนนี้เขาสำนึกได้ว่าลงมือหนักไปหน่อย ถ้าสมุนไพรได้รับความเสียหายมันจะกลายเป็นได้ไม่คุ้มเสีย
ในขณะนี้ ท่ามกลางฝุ่นตลบอบอวลในหลุมลึก แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่สัมผัสได้ถึงกระแสพลังได้ว่าบุคคลนั้นไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงแต่อย่างใด
“มันเป็นไปได้เยี่ยงไร!”
เหล่าสานุศิษย์ตระกูลถังตะโกนออกมาด้วยความตกใจ สีหน้าของผู้เฒ่าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
เขาอยู่เพียงระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดอย่างแน่นอน เขาสามารถป้องกันทักษะต่อสู้ระดับลึกซึ้งของข้าได้อย่างไร ช่างไร้สาระสิ้นดี
เซียวเซินผู้ที่ยังคงอยู่ในม่านควัน ไม่ได้เผยตัวออกไปแต่อย่างใด แต่เข้ากลับใช้สัมผัสวิญญาณของเขาเพื่อดูท่าทีและตำแหน่งของแต่ละคน เมื่อข้อมูลทั้งหมดไหลเข้ามาในหัวของเขา มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา
ไล่ถล่มข้าสนุกมากไหม? คงถึงตาข้าแล้วนะ!
เซียวเฉินยิ้มขึ้นในใจพร้อมกับชี้มือข้างขวาของเขาขึ้นไปบนฟ้าขณะที่มือซ้ายกำลังทำสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่อง ในไม่ช้าท้องนภาก็ดังกึกก้องไปด้วยเสียงฟ้าคำราม
ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใส ทันใดนั้นก็ถูกบดบังไปด้ด้วยเมฆดำมืด ป่ากลายเป็นมืดมัวในทันตาพร้อมกับพายุคะนองที่กำลังใกล้เข้ามา ช่างแปลกประหลาด
อัสนีร่วงหล่น!
อัสนีร่วงหล่น!
อัสนีร่วงหล่น!
“บรึ้ม!บรึ้ม!บรึ้ม!..”
เซียวเฉินช่างไร้ความปราณี เขาผลาญพลังปราณเกือบทั้งหมดในร่างของเขาและอัญเชิญสายฟ้าลงมาอย่างน้อยสิบเส้น ไม่มีใครมาตีเขาก่อนเขาก็จะไม่ตีกลับ แต่ถ้ามีใครมาตีเขา เขาก็จะตีกลับไปสิบครั้ง
สายฟ้ากว่าสิบเส้นร่วงหล่นจากเมฆดำตัดผ่านท้องฟ้าลงมา ทำให้ป่าที่มืดมิดกลายเป็นประกายสว่างสไสวส่องแสงให้ทุกคนที่เห็นมัน
มองดูท้องฟ้าที่มืดครึ้ม เหล่าคนจากตระกูลถังพากันประหลาดใจ อากาศยังดีๆอยู่จนถึงเมื่อครู่ ทำไมอยู่ดีๆถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ ช่างแปลกประหลาด!
“เชี้ย! นี่มันเป็นทักษะต่อสู้ระดับสูง พวกเจ้าทุกคนระวัง!” ผู้เฒ่าตะโกนออกมาเสียงดัง ในใจเป็นกังวลอย่างมาก
ถึงแม้จะได้ยินเสียงเตือนจากผู้เฒ่า ก่อนที่พวกเขาจะได้ขยับตัว สายฟ้านับสิบผ่าลงมาจากท้องฟ้า หลังจากสิ้นเสียงสายฟ้ามันก็เต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
หลังจากเมฆดำได้จางหายไป คนจากตระกูลถังแทบจะทั้งหมดนอนอยู่กับเพื้น เนื้อตัวถูกเผาดำอย่างกับก้อนถ่านมีควันสีดำลอยออกมาจากปากจมูกของพวกเขา
ระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดระดับสูงตายคาที่ทันทีสามศพ ส่งกลิ่นบาร์บีคิวลอยออกมา
ถังหยวนพยุงตัวขึ้นมาอยู่ในสภาพที่น่าสลด มีความหวาดกลัวเข้ามาครอบง่ำใจของเขาเมื่อเขาเห็นระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงสามคนถูกย่างตรงหน้าของเขา ถ้าผู้เฒ่าไม่ปกป้องเขาไว้เมื่อครู่ เขาอาจจะเป็นคนที่สี่ต่อจากสามคนนั้น – ถูกย่างจนดำ
“ทะ..ทักษะต่อสู้นี้มันอะไรกัน..” ถังหยวนถามขึ้นมาด้วยความสับสนและสั่นกลัว
ผู้เฒ่าเมินเฉยต่อคำถามพร้อมกับมองไปยังร่างที่อยู่หลังม่านฝุ่น เขาพึมพำ “ทักษะต่อสู้ระดับปฐพีธาตุสายฟ้า…ระดับปฐพี…”
ทักษะต่อสู้ระดับปฐพี แม้กระทั่งตระกูลที่ร่ำรวยและทรงอำนาจยังหามาไว้ในครอบครองได้ไม่ง่าย ปกป้องและเก็บรักษาไว้ราวกับสมบัติล้ำค่า มันผู้นี้เป็นใครกัน เขามีสถานะเช่นไร?
ไม่เพียงแค่เขาจะใช้พลังไฟได้ดี เขายังมีทักษะต่อสู้ระดับปฐพีธาตุสายฟ้าอีก หรือว่าเขาจะเป็นผู้บ่มเพาะพลังสองคุณลักษณะ?
ความวิตกกังวลฝังเข้าไปในจิตใจของเขาลึกขึ้นเรื่อยๆ และก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้ เขาก็พุ่งตัวออกไปข้างหน้าในทันที หลังจากที่มันสังหารสมาชิกตระกูลจางไปมากมาย เขาไม่สามารถปล่อยให้มันหนีไปได้ หากมันมาจากตระกูลที่ทรงพลังอำนาจจริงๆ เขาก็ควรจบชีวิตมันซะเดียวนี้
มิเช่นนั้น หากปล่อยมันหนีไปได้ มันอาจจะกลับมาแก้แค้น ด้วยพลังอำนาจของตระกูลเช่นนั้น ตระกูลเล็กจ้อยอย่างตระกูลถังของพวกเขา คงจบสิ้นลงเพียงเท่านี้
ใช้ทักษะต่อสู้ระดับปฐพีทั้งที่อยู่เพียงระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นต่ำ มันคงจะใช้พลังไปจนเกือบหมด เขาจะไม่ปล่อยให้มันมีโอกาสได้ฟื้นฟูพลัง
กลืนเม็ดยาฟื้นฟูพลังฉีลงคอพร้อมกับมองไปยังสถานการณ์ของตระกูลถัง เซียวเฉินพึงพอใจกับพลังของสายฟ้าที่เขาใส่พลังไปเต็มแรง
การลงมือของผู้เฒ่านั้นก่อนหน้านี้ก็ถึงตายได้ ถ้าหากเขาไม่ได้ฝึกโล่อัสนีสวรรค์ เขาอาจจะไม่ถึงตายแต่ก็คงเจ็บไม่ใช่น้อย ดังนั้นไม่มีความจำเป็นที่จะปราณีคนพวกนี้ เมื่อเขาตัดสินใจที่จะลงมือ เขาก็จะเอาให้ถึงที่สุด
สัมผัสวิญญาณของเซียวเฉินจับความเคลื่อนไหวของผู้เฒ่าที่กำลังตรงมาทางเขาได้แต่แซียวเฉินไม่เป็นกังวลแม้แต่น้อย เม็ดยาฟื้นฟูพลังฉีเริ่มทำงานแล้วและพลังปราณของเขาก็กำลังฟื้นกลับคืนมา
มองดูผู้เฒ่าที่กำลังใกล้เข้ามา เซียวเฉินโห่ร้องออกมา อัสนีหลบเลี่ยง!
ก่อนที่ผู้เฒ่ากำลังมาถึงปากหลุม มองดูเซียวเฉินที่ห่างออกไปไม่ไกลและยิ้มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอัจฉริยะจากตระกูลไหน เจ้าก็ต้องคายออกมาให้ข้ารู้
อย่างไรก็ตาม ในจังหวะนั้นร่างของเซียวเฉินก็เลือนหายไปและมีสายฟ้าปรากฎขึ้นห่างไปกว่าร้อยเมตรตรงหน้า ผู้เฒ่าเงยหน้าขึ้นมามองไปที่สายฟ้านั้น เมื่อสายฟ้าสลายออกไป ก็ปรากฎเป็นร่างของเซียวเฉิน
นั้นมันทักษะอะไรกัน?
ผู้เฒ่าสับสน เขาเร่งพลังปราณในร่างจนถึงจุดสูงสุดและเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับกระต่ายเชี้ยวลากดิน เขาต้องสังหารมันลงให้ได้ หรือไม่ผลลัพธ์เลวร้ายจะตามเขากลับมา ผู้เฒ่าคิดอย่างเป็นกังวลพร้อมกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นมหาศาล
สัมผัสได้ถึงผู้เฒ่าที่กำลังตามเขามา เซียวเฉินก้าวขึ้นหน้าพร้อมกับใช้อัสนีหลบเลี่ยงอีกครั้ง หลังจากสายฟ้าสลายตัวไป เซียวเฉินปรากฎตัวห่างไปอีกหนึ่งร้อยเมตร
มองดูเซียวเฉินหนีห่างไปไกล ผู้เฒ่าตะโกนออกมาอย่างเกรี๊ยวกราด แปลวไฟปะทุออกมาจากร่างของเขาก่อตัวขึ้นเป็นปีกบนหลังของเขา เมื่อปีกก่อตัวขึ้นเต็มที่มันกว้างกว่าสองเมตร
ย่างก้าวเบาๆ ร่างของเขาเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วขึ้นไปในอากาศ เหล่าต้นไม้ที่เขาผ่านลุกไหม้อยกกว้างเป็นสองส่วน ทิ้งไว้เพียงตอไม้ที่ลุกไหม้เป็นเส้นทาง
จิตวิญญาณต่อสู้ประทับร่าง มันเป็นความสามารถที่จะได้มาตอนที่ก้าวขึ้นเป็นระดับขอบเขตปรมจารย์ ในทวีปเทียนวู่ ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีจิตวิญญาณต่อสู่ประเภทสัตว์อสูรมีปีก
สำหรับคนพวกนั้น เมื่อเรียกจิตวิญญาณต่อสู้ออกมาจากร่าง พวกเขาสามารถงอกปีกออกมาได้ อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อจำกัดมากกว่าการบินจริงๆ
วิญญาณต่อสู้ประทับร่างของระดับขอบเขตปรมจารน์นั้นไม่ได้หลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณต่อสู้จริงๆ ดังนั้นมันสามารถทำได้เพียงเหินเป็นระยะสั้นๆเท่านั้น มันยังผลาญพลังปราณเป็นจำนวนมาก หมายความว่าไม่สามารถคงสถานะนั้นได้เป็นเวลานาน
เพื่อที่จะสามารถหลอมร่วมกับจิตวิญญาณต่อสู้ได้อย่างแท้จริง ผู้นั้นอย่างน้อยต้องอยู่ระดับขอบเขตราชา เมื่อนั้นพวกเขาจะสามารถบินสูงเท่าที่ต้องการและคงสถานะไว้ได้นานขึ้น อีกทั้งยังผลาญพลังปราณน้อยลง
มองดูผู้เฒ่าประทับร่างวิญญาณต่อสู้และกำลังใกล้เข้ามาหาเขา เซียวเฉินโยนเม็ดยาฟื้นฟูพลังฉีอีกเม็ดหนึ่งลงคออย่างช่วยไม่ได้ การฟื้นฟูพลังปราณของเขาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ ผลข้างเคียงจากการใช้เม็ดยาหลายเม็ดในครั้งเดียว เข้ายังไม่อาจรู้ได้ในตอนนี้
“สามวิหคเพลิง!”
ผู้เฒ่าตะโกนออกมาอย่างเกรี๊ยวกราด มองดูเซียวเฉินที่กำลังใกล้เข้ามา เขาใช้ทักษะต่อสู่ระดับลึกซึ้งออกมาอีกครั้ง เขาเลิกถนอมพลังปราณเพราะกลัวว่าเซียวเฉินจะใช้ท่าหลบหลีกนั้นอีกครั้ง
เพราะว่าทักษะต่อสู้นี้ใช้จิตวิญญาณต่อสู้ของเขาเป็นตัวนำ หลังจากเขาใช้ออกมา ปีกเพลิงที่อยู่บนหลังของเขาแยกออกมาจากร่างและกลายเป็นวิหคเพลิงขนาดยักษ์ หลังจากที่มันร้องออกมา มันก็บินตรงไปหาเซียวเฉิน
จากความช่วยเหลือของเม็ดยาฟื้นฟูพลังฉีสองเม็ด ความเร็วในการฟื้นฟูพลังปราณของเซียวเฉินนเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว เมฆสีขาวรอบข้างมังกรฟ้า สองจากสามในนั้นถูกเติมจนเต็ม
มองดูวิหคเพลิงที่พุ่งเข้ามาหาเขา สมองของเซียวเฉินตื่นตัวเต็มที่ หลังจากนั้นเขาก็เข้าใจถึงสถานการณ์ หากเขาใช้อัสนีหลบเลี่ยงในตอนนี้เขาอาจจะโดนตีขัดในจังหวะสุดท้าย
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหลังจากที่มันร้องออกมาครั้งที่สอง ความเร็วและพลังของมันจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว ขณะนี้เขาไม่ได้อยู่ในสภาพเต็มร้อย ไม่ฉลาดนักที่จะรับมันด้วยโลอัสนีสวรรค์
เขาควรใช้ความได้เปรียบที่ตอนนี้เจ้านกย่างนั้นร้องออกมาได้เพียงหนึ่งครั้ง ขณะที่พลังและความเร็วของมันยังต่ำอยู่ เขาสามารถล้มมันลงได้ เมื่อเขาคิดได้ดังนั้น เขาก็ลงมือทันที เซียวเฉินนั้นไม่ใช้คนที่จะเก็บงานสะเพร่า เขาชักประบี่เงาพระจันทร์ออกมาจากแหวนหวงอวกาศ
อัสนีฟาดฟัน!
เซียวเฉิน ผู้ที่วิ่งหนีผู้เฒ่าคนนั้นมาตลอด ทันใดนั้นก็หันกลับพร้อมร้องคำราม ร่างของเขาเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าและฟันไปที่วิหคเพลิง
ด้วยการเสริมพลังจากจิตวิญญาณต่อสู้มังกรฟ้า แม้แต่การฟันปกติของเขาก็เปรียบได้กับระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูงสุด และในตอนนี้เขาใช้ทักษะต่อสู้ พลังของเขานั้นเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
ประกายแสงเปล่งออกมาจากกระบี่เงาพระจันทร์ มองดูวิหคเพลิงที่ใกล้เข้ามา เซียวเฉินรู้สึกได้ถึงความร้อนที่เข้ามาปะทะหน้าของเขา เขาหลี่ตาลงเล็กน้อย มองไปยังหัวของวิหคเพลิงที่ดุร้าย
เซียวเฉินกระทืบเท้าลงไปและลงมืออย่างสงบนิ่ง เล็งไปที่หัวของมัน พลังน่ากลัวทั้งสองเข้าปะทะซึ่งกันละกัน ปรากฎเป็นการระเบิดรุนแรง คลื่นความร้อนถูกส่งกระจายไปทั่วทิศทาง ต้นไม้ใรรัศมีสิบเมตรแหลกกระจายในพริบตา
ก้อนพลังขนาดใหญ่ดีดตัวออกมาจากกระบี่เงาพระจันทร์กลับเข้าร่างของเซียวเฉิน เซียวเฉินกระอักเอาเลือดสดๆออกมา ร่างของเขากระเด็นถอยหลังจนไปปะทะเข้ากับต้นไม้ใหญ่
เสียง ‘บูม’ ดังออกมาพร้อมกับต้นไม้ที่แตกกระจาย เซียวเฉินกลิ้นไปตามพื้นและกระอักเลือดออกมาอีกคำ
เขาคาดการณ์ผิดไป เขาไม่เคยใช้อัสนีฟาดฟันมาก่อน เขาหวังมากไปที่จะใช้มันเข้าปะทะกับทักษะต่อสู้ระดับลึกซึ้งของระดับขอบเขตปรมจารย์ เซียวเฉินผุ้ที่นอนกองอยู่กับพื้นยิ้มออกมาอย่างขมขื่น แม้มังกรฟ้าจะทรงพลังถึงเพียงใด ทักษะต่อสู้ระดับเหลืองก็ยังคงเป็นระดับเหลือง
ในที่สุดข้าก็จัดการมันผู้นี้ลงได้ ก็ไม่ได้เปลืองแรงข้าไปสักเท่าไหร ในที่สุดผู้เฒ่าจากตระกูลถังก็หายใจได้คล่องคอ ไม่ปล่อยให้มันฟื้นพลังปราณขึ้นมาได้ เขารีบตรงไปหาเซียวเฉินทันที
หลังจากที่ได้เห็นหน้าเซียวเฉินชัดๆ ผู้เฒ่าราวกับได้เดินมาเห็นผี ก่อนที่สักพักจะหัวเราะออกมา เขาหัวเราะพร้อมกับพูดเสียงแหบ “ข้า ถังเหอ ตบตีกับเจ้ามากว่าครึ่งวัน คิดว่าเจ้าคืออัจฉริยะจากตระกูลใหญ่ ทำให้ข้าอยู่ในสภาพน่าสลด ไม่คิดไม่ฝันว่าคือเจ้าขยะจากตระกูลเซียว ”