เซี่ยวเฉินหันกลับไปมองพบเป็นผู้เฒ่าผู้หนึ่ง ถึงจะดูแก่ชราแต่ผู้เฒ่าผู้นี้ยังแลดูกระฉับกระเฉง เซี่ยวเฉินพยายามนึกแต่ก็ไม่พบชื่อของผู้เฒ่าผู้นี้อยู่ในหัวของเขา จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปด้วยความสงสัย “ท่านคือ?”
ผู้เฒ่าหัวเราะขึ้น “ฮ่าฮ่า บางทีนายน้อยเซี่ยวคงจะจำผู้เฒ่าผู้นี้ไม่ได้ ข้าคือเจ้าของร้านแห่งนี้ แซ่อันต่ำต้อยของข้าคือหม่า”
เซี่ยวเฉินยิ้มอย่างสุภาพ “งั้นท่านก็คือเถ้าแก่หม่า ข้ากำลังหาซื้อหม้อปรุงยาคุณภาพสูง แต่ดูเหมือนในร้านของท่านจะมีแต่ของทั่วไป”
เถ้าแก่หม่าหัวเราะเสียงดัง “ในเมื่อนายน้อยเซี่ยวไม่มีความสนใจในหม้อปรุงยาเหล่านี้ ลองตามข้าไปดูของข้างหลังเป็นไง”
ไปดูของข้างหลัง? เซี่ยวเฉินระวังตัวขึ้นมาในทันที ในความทรงจำของเขาไม่เคยพบปะกับเถ้าแก่หม่ามาก่อน ทำไมอยู่ดีๆเถ้าแก่หม่าถึงเชิญเขาเข้าไปข้างในโดยไม่มีเหตุผลหรือจะมีอะไรแอบแฝง แม้ว่าเขาจะอยากได้หม้อปรุงยาชั้นดีแต่ก็อดสงสัยไม่ได้
“ถ้าเช่นนั้น เถ้าแก่หม่าโปรดนำทาง” เซี่ยวเฉินยิ้มอย่างสุภาพ ความสงสัยของเขาพ่ายให้กับความต้องการหม้อปรุงยาคุณภาพดี อย่างไรก็ตามเขาก็ระวังตัวอยู่ตลอดถ้ามีปัญหาลอยมาเข้าตาเขาจะเผ่นทันที
เถ้าแก่หม่านำทางเซี่ยวเฉินผ่านฝูงคนมุ่งหน้าขึ้นไปชั้นบน หลังจากขึ้นมาถึงชั้นบนเขาเห็นว่าสินค้าที่อยู่ในตู้โชว์บนชั้นสองคุณภาพสูงกว่าชั้นแรกมาก เซี่ยวเฉินยังสังเกตุเห็นอาวุธวิญญาณราคาสูงลิบที่หลายคนได้แต่จองมองมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้หยิบไปครอบครอง เถ้าแก่หม่ายิ้มขึ้นและนำทางต่อไปจนพวกเขาขึ้นมาถึงชั้นสี่
จากชั้นสองขึ้นมาผู้คนก็บางตาขึ้นเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาขึ้นมาถึงชั้นสี่ก็แทบจะไม่มีคนเหลืออยู่เลย การตกแต่งที่ชั้นสี่นั้นหรูหราเป็นอย่างมาก ถึงอย่างนั้นชั้นนี้กลับไม่มีตูโชว์สินค้าอยู่เลยทำให้เซี่ยวเฉินรู้สึกไม่ชอบมาพากล มีเพียงชายหนุ่มในชุดประดับลวดลายยืนอยู่ตรงหน้าต่างหันหลังมองออกไปที่ถนนด้านล่าง
เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้าของพวกเขา เขาก็หันมาพร้อมกับยิ้ม “ลำบากท่านแล้วเถ้าแก่หม่า เชิญพักก่อนเดียวข้าจะดูแลแขกผู้นี้เอง” เสียงของเขาช่างไพเราะ นุ่มนวล เป็นธรรมชาติราวกับเสียงสายลมพลิ้วไหว
เถ้าแก่หม่าพยักหน้าก่อนจะถอยออกไป ชายหนุ่มคนนั้นเดินตรงมาที่เซี่ยวเฉินอย่างรวดเร็วและพูดขึ้น “เชิญทางนี้ ต้องขออภัยถ้าหากข้ารบกวนท่าน”
หลังจากที่เซี่ยวเฉินเห็นลักษณะของคนผู้นี้อย่างชัดเจน เขายิ้มขึ้นในใจ ชายหนุ่มในชุดประดับลวดลายผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นสตรีที่แต่งตัวเป็นชาย ใบหน้าของนางช่างงดงาม ฟันขาวสะอาดและดวงตาเป็นประกาย แม้ว่าชุดผู้ชายที่สวมใส่จะทำให้นางดูห้าวหาญ
เซี่ยวเฉินยิ้ม “ตั้งแต่เมื่อไรที่ในเมืองม่อเหอแห่งนี้มีสาวงามเช่นเจ้า ข้าไม่เคยสังเกตมาก่อน”
หญิงสาวยิ้มขึ้น ไม่รังเกียจการเย้าแหย่ของเซี่ยวเฉิน “นายน้อยเซี่ยวอย่าล้อข้าเล่น ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงอันเลื่องลือของท่านและเมื่อได้มาพบด้วยตัวเอง ข้าต้องบอกว่าเสียงเล่าลื่อนั้นเหมือนจะเป็นจริง”
เกิดความสงสัยขึ้นในใจของเซี่ยวเฉิน นางรู้ถึงชื่อเสียงของเขาแต่นางยังคงนอบน้อมกับเขา นางผู้นี้เป็นใครกันแน่ เซี่ยวเฉินยิ้มอย่างสุภาพและถามขึ้น “ข้ายังไม่ได้ถามชื่อเจ้าเลย”
“เฟิงเฟยเสวี่ย”
เฟิงเฟยเสวี่ย เซี่ยวเฉินทวนชื่อนี้ในใจ เขามั่นใจว่านางไม่ได้มาจากเมืองม่อเหอ เขากำลังคิดถึงความเป็นไปได้นี้โดยยังคงไม่เปลี่ยนสีหน้า “เอาละแม่นางเฟิง ข้าขอไม่พูดเยอะ นำหม้อปรุงยามาให้ข้าดู”
ริมฝีปากของเฟิงเฟยเสวี่ยขยับและหัวเราะเบาๆมองดูซุกซน “นายน้อยเซี่ยวช่างใจร้อน ข้ากำลังจะพูดคุยอีกสักเล็กน้อยแท้ๆ”
เมื่อนางพูดจบ นางผายมือก็มีหม้อปรุงยา 4 ใบออกมาจากที่ไหนไม่รู้ปรากฎขึ้นบนโต๊ะไม้ข้างๆ เซี่ยวเฉินประหลาดใจ เพราะว่านางกำลังใช้แหวนมิติ ดูเหมือนว่าแม่นางผู้นี้จะมีเบื้องหลังไม่ธรรมดา แม้แต่ระดับขอบเขตนักบุญทั่วไปยังไม่มีโอกาสได้ครอบครองแหวนมิติ
ในไม่ช้า ความประหลาดใจของเขากลายเป็นความงงวยและสายตาของเขาถูกดึงไปที่หม้อปรุงยาสี่ใบบนโต๊ะ หม้อปรุงยาสี่ใบนี้มีรูปร่างแตกต่างกันไปและเห็นได้ชัดว่าเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ เซี่ยวเฉินมั่นใจว่าหม้อปรุงยาเหล่านี้มีศิลาแสงจันทร์เป็นส่วนผสมและไม่ใช่เป็นแค่ผงศิลาแสงจันทร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่อย่างนั้นสีและพลังวิญญาณของมันคงไม่หนาแน่นขนาดนี้
หนึ่งในนี้ มีหม้อปรุงยามังกรฟ้าที่ดึงดูดความสนใจของเขา หม้อปรุงใบนี้มีสามขาและก็มีมังกรฟ้าใสเหมือนมีชีวิตสองตัวกอดรัดไปกับตัวหม้อปรุงยา หนึ่งในหัวมังกรนั้นสำหรับใส่พลังลงไปส่วนอีกหัวหนึ่งสำหรับส่งยาออกมา ผู้ที่สร้างมันขึ้นมามีฝีมือยอดเยี่ยมและลวดลายสลักมังกรฟ้าแสดงออกมาราวกับมีชีวิตขึ้นมา
เซี่ยวเฉินจับมันขึ้นมาหมุนไปรอบๆเล็กน้อย ในที่สุดก็ถามขึ้น “ข้าอยากจะทดสอบหม้อปรุงยาใบนี้”
เฟิงเฟยเสวี่ยประหลาดใจเล็กน้อย หรือว่าเขาอาจจะเป็นนักปรุงยา หม้อปรุงใบนี้เขาจะนำไปใช้เอง? ดูเหมือนก่อนนางนี้นางจะสันนิษฐานผิด นางพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “แน่นอน เชิญ”
เซี่ยวเฉินวางหม้อปรุงยาลงบนโต๊ะและมุ่งจิตของเขาเพื่อกลั่นลูกบอลเพลิงม่วงที่มือขวา เขาค่อยๆผลักเปลวเพลิงไปยังหม้อปรุงและควบคุมเปลวเพลิงให้ลงไปในหม้อปรุงยา เมื่อมันเข้าไปในหม้อปรุงยาเขาปลดการควบคุมและปล่อยให้เปลวเพลิงสีม่วงเผาไหม้หม้อปรุงยาอย่างดุเดือด
เซี่ยวเฉินเฝ้ามองหม้อปรุงยาอย่างระมัดระวัง ภายใต้ความร้อนของเปลวเพลิงสีม่วง หม้อปรุงยาสีฟ้าก็ไม่เกิดการเปลี่ยนเเปลงใดๆ พลังวิญญาณของมันยังคงหาที่เปรียบไม่ได้ดังเดิม หลังจากปล่อยให้เปลวเพลิงสีม่วงเผาไหม้ไปสักระยะ เซี่ยวเฉินรู้สึกได้ถึงพลังปราณที่ลดลง เขารีบเรียกเปลวเพลิงกลับคืนและระงับความผันผวนของพลังวิญญาณในร่างของเขา
เซี่ยวเฉินหยิบหม้อปรุงยามังกรฟ้าขึ้นมามองใกล้ๆ ไม่มีความร้อนออกมาภายนอกหม้อปรุงยา หลังจากที่เขาเปิดฝาหม้อปรุงมีลมร้อนพุ่งออกมา เซี่ยวเฉินเหมือนจะเห็นมังกรฟ้าไร้รูปร่างพุ่งขึ้นไปในอากาศ เขาสูดอากาศภายในหม้อปรุงยา อากาศในนั้นแห้ง สดชื่นและไม่มีกลิ่นแปลกประหลาด
เซี่ยวเฉินรู้สึกประหลาดใจอย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้ นี้เป็นหม้อปรุงยาอย่างที่เขาต้องการ ถ้าเขาต้องการเพียงหม้อปรุงยาธรรมดาสามัญ มันมีเรียงกับเป็นตับที่ตระกูลเซี่ยว น่าเสียดายภายใต้เปลวเพลิงสีม่วงที่แท้จริงเพียงชั่วครู่หม้อปรุงยาธรรมดาก็แตกร้าว หม้อปรุงยาพวกนั้นไม่เหมาะที่จะสกัดยา
เขาไม่ได้หวังมากนักตอนที่มาที่ร้าน เขาจึงนำศิลาแสงจันทร์ติดตัวมาด้วยเพียงชิ้นเดียว ถ้าเขาไม่อาจหาหม้อปรุงเหมาะๆได้ เขาคงใช้ศิลาแสงจันทร์ชิ้นนี้สร้างขึ้นมา เขานึกไม่ถึงเลยว่าจะมาเจอหม้อปรุงยาที่เขาต้องการในร้านฮั่นถี่
เซี่ยวเฉินยิ้มขึ้น “แม่นางเฟิง ข้าต้องให้เจ้าเท่าไหร่สำหรับหม้อปรุงยาใบนี้”
เฟิงเฟยเสวี่ยหยิบหม้อปรุงยามังกรฟ้าขึ้นมาหมุนในมือของนาง ไม่ตอบกลับเซี่ยวเฉินตรงๆ “นักปรุงยาเป็นหนึ่งในอาชีพที่ได้รับความเคารพที่สุดในทวีปเทียนหวู่ หม้อปรุงปรุงยาระดับสูงไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักปรุงยา หม้อปรุงปรุงยานั้นแบ่งเป็น 5 ระดับ นายน้อยเซี่ยวทราบหรือไม่? ”
แน่นอนว่าระดับของหม้อปรุงยาแตกต่างกันไป แต่เซี่ยวเฉินไม่เคยได้ยินเรื่องการจัดลำดับชั้นมาก่อน เขาส่ายหัวแล้วพูดขึ้น “โปรดชี้แจง”