ปล้นสวรรค์ – ตอนที่ 63 คงต้องพักหนึ่งปี

SPH:บทที่​ 63 คงต้องพักหนึ่งปี
เฉียนฮูเขย่าดาบยาวในมือ เหมือนเสือร้ายกระหายเลือด แล้วทะยานร่างเข้าหาเย่หยูในพริบตา เย่หยูกล่าวได้ว่าในยามเผชิญหน้ากับเฉียนฮูผู้บ้าคลั่ง หากเทียบกับหมาป่าหิมะแล้ว เฉียนฮูเป็นเหมือนแมวป่วย
เขาดึงเอาไพ่โปกเกอร์ออกมา ดาบฉีในร่างพุ่งออกไป ด้วยการดีดนิ้ว ไพ่โปกเกอร์ก็กลายเป็นลำแสงตวัดใส่เฉียนฮู
อะไรกัน!
เฉียนฮูมองไปทีไพ่โจกเกอร์ซึ่งพุ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็วและรู้สึกตกใจ เขารีบยกดาบยาวในมือขึ้นสกัด
แกร๊ง!
หลังเสียงโละหะปะทะโลหะดังบาดหูเงียบลง สีหน้าของเฉียนฮูเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงขณะที่ร่างเตี้ยๆ ของเขาล่าถอยอย่างไม่เต็มใจ
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ้บ!
ดาบยาวในมือของเฉียนฮูสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาจำต้องจับด้ามดาบให้แน่นขึ้นเพื่อไม่ให้มันหลุดจากอุ้งมือ
“พลังนี้ มันเป็นไปได้อย่างไร”
ดาบยาวในมือถูกตัดออกด้วยไพ่โปกเกอร์
สีหน้าของเฉียนฮูเปลี่ยนเป็นไม่น่าดู เขาหมุนตัวไปจ้องพี่งู “นี่คือสิ่งที่แกพูด นี่นะเหรอที่บอกว่าเก่งแต่เหาะเหิน”
ในยามนี้เอง พี่งูตัวสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาเกรงว่าจะโดนทำร้ายไปด้วย เมื่อได้ยินคำถามของเฉียนฮู เขาก็กลัวมากจนเหงื่อเย็น ๆ ไหลลามลงมาตามหน้าผาก
“ผม ผมก็ไม่รู้ครับ”
มีผู้กล่าวว่า คนเราจะแพ้ไม่ได้ เฉียนฮูจ้องไปที่พี่งูครู่หนึ่ง แล้วคำรามใส่เย่หยูพลางพุ่งตัวเข้าหาอีกครั้ง
ยังกล้าเข้ามาอีกรึ
เมื่อเห็นเฉียนฮูยังไม่อยากยอมแพ้ เย่หยูยิ้มบาง ๆ และดึงเอาสำรับไพ่ออกมา เมื่อเขาพลิกข้อมือวูบ พัดกลมที่ดูละมุนตาก็ปรากฏตรงหน้า
ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!
ไพ่ที่เหมือนชุดดาบพุ่งออกไปตามจังหวะการดีดนิ้วของเย่หยู เมื่อเห็นไพ่หลายใบพุ่งมาที่เขาเหมือนดาวตก เฉียนฮูรู้สึกราวกับเขากลืนน้ำดีลงไป เพราะไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแสดงฝีมือเต็มที่เพื่อเกียรติของหัวหน้า
ปึง ปึง ปึง
พลังงานชีวิตและเลือดหลั่งไหลดุจแม่น้ำ และเขาตวัดดาบฝันดุจสายฝน ใบหน้าของเฉียนฮูแดงก่ำ สุดท้ายเขาก็รับไพ่ได้ทั้งหมด แต่แขนนั้นปวดร้าวเหลือทนจนมันกำลังจะหัก เมื่อดูดาบที่เป็นรอยบุบในเมือ เฉียนฮูวิตกว่าเขาอยากจะฆ่าลูกน้องเจ้าปัญหาได้หรือไม่ เมื่อเย่หยูเห็นเฉียนฮูยังมีแรงหลงเหลือ ก็เลิกคิ้วแลละตกใจเพราะพลังของเฉียนฮูแข็งแกร่งไม่เลวเลย
ต้องรู้ว่าเย่หยูใส่ดาบฉีลงไปในตัวไพ่ แม้จะแค่หนึ่งนาทีแต่พลังของมันและความแหลมคมอาจทำให้เจาะดาบเหล็กให้เป็นรูได้ แต่เฉียนฮูรับมันได้ ดาบเสือร้ายนี้มีฝีมือยอดเยี่ยมอยู่บ้าง
เย่หยูถือไพ่อีกสำรับในมือขึ้นมา พร้อมจะดูว่าเย่หยูไปได้ไกลแค่ไหน เมื่อเห็นไพ่ในมือเย่หยูพร้อมพุ่งมาอีกครั้ง เฉียนฮูรีบโยนมันทิ้งและยิ้มล้อเลียน “น้องชายเย่ อย่าได้พยายามแจกไพ่ในมือเลย ฉันรับไม่ไหวอีกแล้ว”
“นั่นก็เหมือนกับการกำจัดคนชั่วให้คนดีไม่ใช่หรือ” เย่หยูพูดอย่างสงบ
เฉียนฮูรีบโบกมือเมื่อเหงื่อเย็น ๆ ไหลที่หน้าผาก เขาพูดด้วยสีหน้าจริงใจว่า “ฉันตาเฒ่าเฉียน เปลี่ยนใจแล้ว มันถูกชำระล้างจนขาวสะอาด”
เย่หยูชี้ไปที่ชายที่นอนกองบนพื้น หลีปิงที่ถูกซัดจนสลบเพราะเฉียนฮู เขายิ้มบาง ๆ และเอ่ยขึ้นว่า “นี่คือการแสดงออกว่าคุณเปลี่ยนใจงั้นเหรอ”
เฉียนฮูรีบพูดว่า “น้องชายเย่ ฉันไม่มีทางเลือกแต่ต้องทำเช่นนี้ทันทีที่เราถูกบีบให้เข้าสู่ยุทธจักร สำหรับหลีปิง เพราะเขาโง่เง่าเกินไป ฉันอยากให้เขาเก็บหนี้ แต่เขาปฏิเสธ ในฐานะหัวหน้า ฉันได้แต่ลงโทษเขา”
“เพื่อรักษาวินัยหรือ” เย่หยูมองไปที่หลีปิงซึ่งกระอักเลือดและหมดสติไป แล้วก็เกือบหัวเราะออกมาเพราะความโกรธ “เขาถูกคุณซ้อมจนเกือบตาย”
เฉียนฮูไอแห้ง ๆ เมื่อสีหน้าเปลี่ยนไปแบบไม่เป็นธรรมชาติ “นายเพิ่งเข้าสู่โลกยุทธจักร มันยากที่จะเลี่ยงความขัดแย้ง ปล่อยเลยตามเลยเถอะ”
เย่หยูพยักหน้า และไม่เชื่อเจตนาร้ายของเขาอยู่ดี แต่จากการใช้ทักษะการคำนวณขั้นสุดยอด แม้เฉียนฮูคนนี้มีพลังลมปราณและเลือดบนตัว แต่มันจางไปมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ทำให้ใครบาดเจ็บมานาน
นี่คือการเปลี่ยนจากคนชั่วมาเป็นผู้มีคุณธรรมเหรอ เฮอะ เย่หยูไม่เชื่อวาจาของเฉียนฮูสักคำ
“รู้ไหมทำไมผมถึงมาวันนี้” เย่หยูหาที่นั่งและพูดอย่างสบาย ๆ
“น้องชายเย่ผู้นี้มีความหมายมากที่มาถึงที่นี่ ทำไมเราถึงไม่มาคุยกันอย่างสบาย ๆ เล่า”
เฉียนฮูเดินไปข้างหน้าเรื่อย ๆ และกล่าวด้วยสีหน้าเขิน ๆ
เย่หยูตวัดสายตาไปทางพี่งู ซึ่งแอบอยู่ด้านหลังและกล่าวอย่างเย็นชา “ผมเกลียดเจ้าคนนี้จับใจ นี่…พอผมรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ เขาไม่ให้เวลาผมได้ตั้งตัว และรีบมาหาผมเลย”
เมื่อเฉียนฮูได้ยินคำนี้ เขารู้สึกทันทีว่าราวกับเขาเอาดาบฟันแมลงวัน เขาเอียงศีรษะไปด้านข้างเมื่อมองไปที่พี่งู และส่งสัญญาณให้เขาเข้ามาหา พี่งูเห็นหัวหน้าของเขาหมดความลำพอง เช่นนั้นเขาก็ต้องเป็นแพะรับบาป นั่นจะดีหรือ เขาอยากหนีไปอย่างที่สุด แต่เมื่อเห็นสายตาที่จ้องมาของเฉียนฮู เขาก็ทำราวกับว่าเขาไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
เฉียนฮูโมโหขึ้นมาทันที ฉันมาที่นี่จนถูกทำร้ายก็เพราะแก และฉันกลัวว่าฉันกำลังจะล้ม แต่แกยังอยากหนีเอาตัวรอดงั้นหรือ
“ให้ตายสิ รีบมาตรงนี้เร็วเข้า” เฉียนฮูสบถใส่พี่งู แล้วพุ่งกายวาบไปคว้าแขนของพี่งูไว้ และโยนเขาไปอยู่ตรงหน้าเย่หยู ภายใต้สายตาเย็นชาของเย่หยู พี่งูนึกถึงความหวาดกลัวเมื่อถูกเย่หยูควบคุมและพูดด้วยเสียงสั่น ๆ ว่า “น้องชายเย่ ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันไม่อยากล้างแค้นนาย จริง ๆ นะ”
พอเห็นแววตาจริงใจของพี่งู เย่หยูก็เกือบหลงเชื่อ
“หัวหน้าของคุณไม่มีประโยชย์แล้ว คุณมีความคิดอื่นไหม” เย่หยูเตะพี่งูและถามยิ้ม ๆ
พี่งูกลัวมากจนทั้งร่างสั่นสะท้าน และรีบพูดแทรกว่า “ไม่ ไม่ ฉันเคยทำให้น้องชายเย่โกรธมาก่อน การที่ถูกหักแขนก็ถูกต้องแล้ว”
เย่หยูตวัดสายตาไปที่พี่งูและไม่สนใจเขา เขาลุกขึ้น พลางชี้ไปที่สมาชิกแก๊งค์ที่สวมชุดดำบนพื้นและพูดว่า “เฉียนฮู บอกคนของคุณให้รีบลุกขึ้นซะ เลิกแกล้งตายได้แล้ว”
เฉียนฮูรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เขามองไปที่ลูกน้องอย่างระวังและพบว่าทุกคนแกล้งหมดสติ เขาเตะลูกน้องด้วยใบหน้าดำคล้ำและตะโกนด่า “ช่างน่าทุเรศจริง ลุกขึ้น”
สวบ สวบ สวบ!
ตอนนั้นเองที่ลูกน้องชุดดำลุกขึ้นและปัดฝุ่นให้ตัวเอง พวกเขาก้มหัวลงและเดินตามหลังเฉียนฮู ไม่กล้าที่จะแกล้งอีก
เย่หยูเดินไปที่ข้างกายหลีปิง ก้มตัวลงดูอาการของเขา เขาพบว่าหลังถูกเฉียนฮูทำร้ายในครั้งก่อน อวัยวะภายในของเขาบอบช้ำและเลือดออกเล็กน้อย เมื่อเห็นเย่หยูไม่พูดอะไรอยู่เป็นนาน เฉียนฮูรู้สึกเครียดเล็กน้อย เขาก้าวออกมาและกล่าวอย่างระวังว่า “น้องชายเย่ อยากส่งเขาไปโรงพยาบาลไหม ฉันพูดถูกนะ เขาควรอยุ่ในโรงพยาบาลสักหนึ่งปี”
เป็นอย่างที่สมาชิกคนอื่นๆคาดเดา​ อาการของหลีปิงตอนนี้คงต้อนนอนอยู่โรงพยาบาลสักปี​
“มันนานมากเลย สถานประมูลของฉันบังเอิญขาดผู้คุ้มกัน ฉันคิดว่าเขาเหมาะสมดูนะ” เย่หยูขมวดคิ้วและพูดขึ้น
แววตาของเฉียนฮูเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินคำนี้ นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้แสดงฝีมือแล้ว
“น้องชายเย่ อยากได้ลูกน้องของฉันเป็นผู้คุ้มกันไหม”
“ไม่คิดเงิน”
เย่หยูเหลือบมองเฉียนฮู “ให้ปล่อยลูกน้องคุณไปงั้นเหรอ และคุณอยากไล่ผมไปซะ”
เฉียนฮูครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่และรู้สึกว่าเขาพูดถูก อีกอย่าง การอยู่ในพรรค ผู้มีฝีมือย่อมแตกต่างจากบุคคลธรรดา
“งั้นเราควรทำยังไงดี ฉันพูดจริงนะก่อนหน้านี้ ถ้าหลีปิงคนนี้ไม่ได้พักรักษาตัวหนึ่งปี เขาจะไร้ประโยชน์”
เฉียนฮูมองไปที่หลีปิงที่สลบอยู่และแยกเขี้ยวขึ้น ถ้าเขารู้ก่อนหน้านี้ คงคลายใจมากกว่านี้ไปแล้ว
ลูกน้องหัวไวของเฉียนฮูเริ่มกล่าวพร้อมกันว่า “ฝีมือของพี่ฮูนั้นแม่นยำมาก เขาบอกว่ายังไงซะ เขาก็ต้องพักฟื้นถึงหนึ่งปี”
“พลังของพี่ฮูนั้นไม่เป็นที่กังขา ในอดีต คนที่อยู่ในมือของพี่ฮูนั้นอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งปี หลีปิงคนนี้ถือได้ว่ายังอายุน้อยมาก”
“ถูกต้อง ถึงแม้หลีปิงคนนี้จะไม่ตาย แต่เขาจะลุกจากเตียงไม่ได้ในหนึ่งปีแน่”
“ทำไมเราไม่ไปที่โรงพยาบาลหยานจิงล่ะ เราให้เขารักษาตัวสักสองเดือนก็ได้”
เฉียนฮูพอใจมากที่ได้ยินเหล่าลูกน้องยืนยันว่าเขานั้นแข็งแกร่ง แต่ในยามนี้ เฉียนฮูโกรธมาก
ใบหน้าของพี่ฮูดำคล้ำ เขาหันกลับมาและตะโกนด่าลูกน้อง “หุบปาก แกไม่เห็นหรือว่าน้องชายเย่ยังไม่พูดสักคำ”

 

ปล้นสวรรค์

ปล้นสวรรค์

เรื่อง ปล้นสวรรค์ นักเรียนมัธยมปลายธรรมดา นามว่าเย่หยู จู่ๆวันหนึ่งก็มีลำแสงพุ่งลงมาที่มือของเขา ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้ระบบปล้นสวรรค์มาคลอบครอง ในแต่ละวันเขาสามารถเปิดช่องมิติ เพื่อที่จะใช้มือของเขา ล้วงเข้าไปขโมยของต่างๆจากทุกที่มาเป็นของตน “ยอดภูเขาดาบ ซึ่งมีดาบวิเศษปักอยู่ จู่ๆก็เกิดวังวน พร้อมทั้งมีมือยื่นออกมา คว้าดาบวิเศษ ที่นิกายดาบสวรรค์เฝ้ารอคอย” “ดร.อากาสะแว่นตารุ่นล่าสุดของผมอยู่ไหนครับ” “ โอ้มันอยู่ตรงนี้ โคนัน เอ๊ะ! มันหายไปไหนแล้ว!” “ ฮ่าฮ่า ในที่สุดตำราฝังเข็มเล่มนี้ก็เป็นของข้า! อ๊ะ! ใครบังอาจขโมยไป”

Options

not work with dark mode
Reset