SPH:บทที่ 38 รักษาได้
ซิงเหมิงหยิบขวดน้ำออกมาและนั่งลง เขาต้องการเห็นเย่หยูว่าจะช่วยหยานเฟิงวูกลายเป็นนักสู้ฝึกหัดอย่างรวดเร็ว!
เอี๊ยด
เย่หยูเริ่มยืดตัวท่ายิมนาสติกบนพื้นสนามกีฬา ทุกการเคลื่อนไหวของเขาลักษณะท่าทางเหมือนกับนักกีฬาที่แข็งแรงของมหาวิทยาลัย
หยานเฟิงวูเฝ้าดูเขาขณะที่คิ้วเลิกขึ้น และขบฟันพูด
“เย่หยู! นี่แนวทางของนายหรอ ถ้านายหยุด ฉันสัญญา ฉันจะไม่ฆ่านาย!”
เย่หยูหยุด เขาไม่ได้ปล่อยให้หยานเฟิงวูทำตามเอง เขากลับถามด้วยความงงงวย
“ทำไมไม่มาทำกับฉัน?”
ฉันจะตามนายไปติดๆ!
การมองเห็นหยานเฟิงวูก็เริ่มมืดลงไป เธอเกือบจะเป็นลม
“เย่หยู! มาสู้กับฉัน!”
เมื่อเห็นหยานเฟิงวูรู้สึกโกรธ เย่หยูก็รีบอธิบาย
“เฟิงวู อย่าเพิ่งโกรธ ขั้นต่อไปจะจริงจังแล้วนะ”
หยานเฟิงวูไม่ได้เชื่อทั้งหมดแต่ความคิดเรื่องที่จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ทำให้เธอพยายามยืนหยัดต่อสู้เพื่อที่จะเอาชนะเย่หยูให้ได้และเริ่มฝึกระบวนท่ายิมนาสติก
ซิงเหมิงยืนอยู่ข้างๆ เขาหัวเราะอย่างเบิกบานขณะจิบน้ำ เมื่อนึกภาพของเย่หยูที่ถูกทุบตีอย่างน่าอนาถ
เย่หยูรอหยานเฟิงวูวอร์มร่างกายเสร็จก่อนที่จะพูดกับเธอ
“ขั้นต่อไปต้องทำให้ถูกต้อง เธอต้องทำตามหลักและพยายามอดทน!”
หน้าอกที่ผายของหยานเฟิงวูยกขึ้นลงแรงสองสามครั้ง หลังจากนั้นเธอกัดฟันและพยักหน้า
“มาแล้ว ขอเห็นท่าที่นายบอกว่าซีเรียสทำออกมาให้ดูหน่อย”
“ดูดีๆนะ!”
หลังจากเย่หยูพูดจบ เขาก็กลับหลังและบิดตัวเองราวกับแป้งเกลียวทอด
ฟู!
ซิงเหมิงถ่มน้ำลายในปาก จ้องไปยังเย่หยูด้วยสายตาที่เบิกกว้าง นี่มันบ้าอะไรเนี่ย!
ก่อนหน้านี้ ลมที่โรงเรียนยังพัดหนักอยู่ แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเรื่องยากมากกับกายกรรมบรรยากาศมันไม่เปลี่ยนเร็วเกินไปหรอ!?
หยานเฟิงวูสูดหายใจเข้าลึก อ้าปากกว้างแล้วมองที่เย่หยู เธอตกตะลึงกับท่าทางประหลาดของเขา
หลังจากที่ทำ เมื่อเห็นหยานเฟิงหยูไม่ขยับ เย่หยูจึงตะโกนใส่หน้าเธอ
“มานี่ เฟิงวู ทำตามฉันเท่าที่เธอทำไหว เธอก็จะสามารถปลดล็อคมันได้แน่ เธอจะต้องกลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้แน่!”
หยานเฟิงวูพงกหัวอย่างทื่อๆ
“โอเค”
บิดเอวและยกขาขึ้นสูงเหนือไหล่ หยานเฟิงวูทำตามท่าเย่หยูและดึงเอาขีดจำกัดของร่างกายเธอออกมา
“โอ้ย! มันเจ็บ!”
หลังจากเสร็จไปหนึ่งท่า หยานเฟิงวูรู้สึกว่าร่างกายของเธอเจ็บอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เธอก็ฝืนร่างกายตัวเองไม่ให้คลายมันออก
“ดีมาก! ท่าต่อไปคืออะไร!”
เย่หยูพยักหน้าด้วยความพอใจ ร่างกายของหยานเฟิงวูเหมือนกับจะยืดหยุ่นดีมาก
ด้านข้าง ซิงเหมิงจ้องไปที่เย่หยูและหยานเฟิงวูด้วยใบหน้าที่เฉยเมย เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขวดที่เขาถืออยู่ในมือหล่น เขารู้สึกตกตะลึงที่ร่างกายนั้นจะทำสำเร็จได้
ขณะที่ยังทำท่าต่อ หยานเฟิงวูหมดแรงลงอย่างรวดเร็ว ร่างกายทั้งหมดของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เธอเซและเหมือนจะล้มพับลง
“ฟิ้ว… ฉันทนไม่ไหวแล้ว เย่หยู ฉันทนต่ออีกไปไม่ไหวแล้ว! “
หยานเฟิงวูรักษาท่าทางอาการหอบขณะพูด
เมื่อเห็นหยานเฟิงวูล้มพับ เย่หยูก็รีบตะโกน
“อดทนไว้! เธอรู้สึกว่าความร้อนที่ออกมาจากร่างกายตอนนี้รึเปล่า”
“ความร้อน?”
หยานเฟิงวูส่ายหัวที่มึนงง หลับตาลงและทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เธอจมลงอยู่ในห้วงความรู้สึกที่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเธอ
เวลาต่อมา หยานเฟิงวูก็เบิกตาพึ่บ ด้วยแววตาที่ประหลาดใจที่เปล่งประกายออกมาขณะอุทานออกมาว่า
“ฉันรู้สึก! ฉันรู้สึกว่ามันออกมาจากร่างกายของฉันจริงๆ”
หยานเฟิงวูรู้สึกตื่นเต้นจนตาของเธอแดงก่ำ เธอเริ่มรู้สึกกำลังจะเป็นนักสู้!
ตูม!
ซิงเหมิงลุกขึ้นพรวด เลือดและพลังงานพุ่งพล่านราวกับสายน้ำที่เดือดดาลขณะจ้องที่หยานเฟิงวู
หลังจากอดทนได้สักพัก ไม่นานหยานเฟิงวูก็ทนไม่ไหว เธอปล่อยร่างกายของเธอและนั่งไขว้ขาบนพื้น
ความร้อนพรั่งพรูออกมาจากไขกระดูกของหยานเฟิงวูราวกับระลอกกระแสน้ำ ความร้อนทะลุผ่านผิวหนังแผดเผาทั่วทั้งร่างจนเนื้อตัวเธอแดง
หลังจากสักพักใหญ่ หยางเฟิงวูเปิดปากและตะโกน ลูกศรชียาวหนึ่งฟุตพุ่งออกมาจากปากของ
เธอ พร้อมด้วยคลื่นความร้อน ร่างกายของหยานเฟิงวูกลับมาเป็นสีขาวดุจหยกอีกครั้ง
“ฉันกลายเป็นนักสู้แล้วหรอ?”
หยานเฟิงวูมองไปที่มืออย่างไม่น่าเชื่อ เธอไม่ได้คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้
ซิงเหมิงมองหยานเฟิงวูเป็นวงกลม กระเดาะลิ้นด้วยความสงสัย สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมันเหนือความคาดหมายของเขา
“เย่หยู เกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่มันน่าอัศจรรย์จริงๆ!”
ซิงเหมิงถามด้ยความอยากรู้อยากเห็นกับเย่หยู กระบวนการของท่าสามารถกระตุ้นศักยภาพร่างกายของมนุษย์และพัฒนาสมรรถภาพได้อย่างรวดเร็วโดยปราศจากผลข้างเคียง!
“ผมบอกคุณแล้ว ว่านี่มัน 36 กระบวนท่ายิมนาสติก!”
เย่หยูหยุด เขามองซิงเหมิงเพราะสังเกตว่าเขาไม่ได้สนใจ
หยานเฟิงวูในที่สุดก็คืนสติจากความตื่นเต้นที่จะกลายเป็นนักสู้และพูดว่า
“เย่หยู ตอนนี้ฉันทำอะไรได้บ้าง? “
เย่หยูมุ้ยปาก
คิ้วของหยานเฟิงวูขมวดเข้าหากันขณะมองเย่หยู
“มันเป็นไปได้ยังไง? ฉันอดทนทำทุกอย่างแล้วนะ! “
“สิ่งเหล่านี้คือ 36 กระบวนท่าทั้งหมด เธอยังทำไม่ครบหนึ่งในสามของมันเลย เธอคิดว่าไง?”
“อื้อ หืออ~”
หยานเฟิงวูไม่รู้จะพูดอย่างไรในครั้งนี้ เธอจ้องเย่หยูและพ่นลมออกจมูกเบาๆ
เย่หยูไม่สบอารมณ์เล็กน้อยกับคำพูดของหยานเฟิงวู และพูดต่อย่างรดเร็ว
“ท่าเซตพวกนี้สามารถกระตุ้นศักยภาพร่างกายมนุษย์ เพิ่มสมรรถภาพร่างกายโดยสามถึงห้าเท่า!
อย่างไงก็เถอะ เธอต้องอดทนและทำอีกครั้ง “
“สามถึงห้าเท่า?”
หยานเฟิงวูประหลาดใจเล็กน้อย เธอพัฒนาขึ้นมากจริงๆ!
ทางด้านซิงเหมิง เขาจดจ่ออยู่กับท่าที่เย่หยูเพิ่งทำไป ยิ่งเขาคิดถึงมันมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งน่าอัศจจรรย์มากขึ้นเท่านั้น
“เย่หยู เธอสามารถทำจนครบทุกท่าได้ไหม?”
เมื่อได้ยินคำขอของซิงเหมิง เย่หยูก็พยักหน้า
“แน่นอน แต่วันนี้คงไม่เสร็จ “
ต่อไป เย่หยูก็แสดงท่าออกมาทั้งหมด
เมื่อได้เห็น ซิงเหมิงและหยานเฟิงวูก็รู้สึกมึนงงพวกเขาทั้งคู่รู้สึกกังวลกับเย่หยูเป็นอย่างมาก กลัวว่าเย่หยูจะฉีกร่างออกเป็นชิ้นๆในนาทีต่อมา
เมื่อเย่หยูเสร็จ ซิงเหมิงและหยานเฟิงวูก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทั้งคู่ ความกังวลของพวกเขาได้คลายลงแล้ว
“ฟิ้ว!สบายอะไรอย่างนี้!”
เย่หยูหยุดและรู้สึกความร้อนที่แผ่ทั่วร่างกาย มันเป็นความรู้สึกที่สบายมากเหนือสิ่งอื่นใด
หลังจากที่เย่หยูพูดจบ ซิงเหมิงก็หลับตาลงและคิดเป็นเวลาสักพักก่อนที่จะเปิดตาอีกครั้ง เขาพึมพำ
“หากกระบวนท่าพวกนี้สามารกระตุ้นศักยภาพร่างกายมนุษย์ได้ งั้นมันสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของฉันได้รึเปล่า?”
หยานเฟิงวูเบิกตาขณะพูดด้วยความดีใจ
“อาจารย์ ลองดูสิคะ! ไม่แน่กระบวนท่าพวกนี้อาจจะรักษาอาการบาดเจ็บของอาจารย์ได้!”
ด้วยคำพูดนั้น ซิงเหมิงจ้องอย่างตื่นเต้นแต่ไม่กระวนกระวาย
ในฐานะผู้ฝึกสอนศิลปะการต่อสู้ที่ครั้งหนึ่งเคยมีความสามารถพิเศษ ท่าที่เขาเพิ่งทำไปนั้นซับซ้อนมาก แต่ซิงเหมิงยังคงจดจำมันได้อย่างชัดเจน
หลังจากที่เขายืดแขนขาออกเล็กน้อย ซิงเหมิงก็เตรียมตัวเริ่มทำท่าสามสิบหกกระบวนท่าของยิมนาสติก
“เดี๋ยว!”
เย่หยูรีบหยุดซิงเหมิง
“จำได้ไหม ต้องวอร์มร่างกายก่อน!”
เส้นขีดสีดำปรากฏขึ้นบนหน้าผากซิงเหมิงขณะฟังเขา แต่เขาไม่มีทางเลือกนอกนึกย้อนไปในสมัยเรียนของเขา
สไตล์หนึ่ง สไตล์สอง…
อย่างที่คาดไว้ว่าผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่ทรงพลัง ซิงเหมิงเคลื่อนไหวได้เกือบครึ่งก่อนที่จะหยุด
ไม่ได้อีกต่อไป
หวือ!หวือ!
ชั่วขณะที่ซิงเหมิงหยุดเคลื่อนไหว เสียงเลือดที่ไหลเวียนอยู่ที่เหมือนกับแม่น้ำไหลพล่าน ก็แผ่ความร้อนออกมาจากร่างกาย
ความร้อนรุนแรงปกคลุมไปทั่วร่างซิงเหมิง ราวกับสัตว์ร้ายตัวยักษ์กำลังพ่นไอน้ำออกมา
“อูวว…”
หลังจากนั้นสักพัก ซิงเหมิงก็สูดลมหายใจเข้าไปนาน ความร้อนได้แผ่กระจายทั่วร่างอย่างสมบูรณ์
เมื่อหยานเฟิงวูมองซิงเหมิงหยุดฝึกตน เธอก็รีบถาม
“เป็นยังไงบ้างคะอาจารย์? มันได้ผลไหม?”
ซิงเหมิงพยักหน้าอย่างตื่นเต้น
“มันอาจจะอ่อนแรงไปหน่อย แต่มันได้ผล ฉันเชื่อแล้วว่าหลังจากทำจนครบทุกท่า อาการบาดเจ็บของฉันจะหายได้เร็วแน่!”
“จริงหรอ? ดีจริง!”
หยานเฟิงวูกระโดดขึ้นอย่างมีความสุข
ซิงเหมิงมีความสุขร่วมไปด้วย บาดแผลของเขาถูกหุ้มไว้ด้วยหัวใจเสมอ และตอนนี้เขาต้องรักษามัน มันเป็นโอกาสที่น่าสนุกจริงๆ!
เย่หยูรู้สึกตกใจ
“นี่ทำอะไรกันอยู่ รีบลุกขึ้นมาได้แล้ว”
ซิงเหมิงแสดงอาการเคร่งขรึมและพูดอย่างจริงจังว่า
“กระบวนท่าเซตนี้ได้ให้โอกาสฉันเป็นครั้งที่สองในการกลับมาเป็นนักสู้ที่ทรงพลัง สมควรได้รับการยกย่องจากซิงเหมิงแล้ว!”
“ติ๊ด! ขอแสดงความยินดีกับโฮสที่สามารถเลื่อนขั้นยิมนาสติก รางวัลเป็นการจับล็อตเตอร์รี่หนึ่งครั้ง!”
เสียงระบบดังขึ้นในหัวทำให้เย่หยูรู้สึกประหลาดใจอย่างเป็นสุข ไม่แน่การเป็นพันธมิตรกับปีศาจก็ไม่แย่?