SPH:บทที่ 31 วันวาเลนไทน์
“ห๊ะ!”
“มันมีค่ามากกว่าไข่มุกเพลิงอีกหรอ? งั้นแล้วมันคืออะไร?”
เขาอยากรู้อยากเห็นมาก ดังนั้นเขาจึงถามเย่หยูเพื่อที่จะได้รู้ว่าทั้ง 4 อย่างคืออะไร
เย่หยูกระพริบตาแล้วพูดว่า
“มันเป็นความลับ ถ้าเก็บของครบแล้ว ฉันจะบอก”
เมื่อเห็นเย่หยูไม่อยากพูดอะไร สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือยอมแพ้ไป
“ไข่มุกเพลิงนี้เมื่อนำไปประมูล สามารถกู้วิฤตสถานประมูลกลับมาได้ไหม?”
เฉียนจินพยักหน้า มองไปยังเย่หยูอย่างจริงใจ
“เพียงมีไข่มุกเพลิงอย่างเดียวก็สามารถฟื้นฟูความเสียหายของฉันได้”
“เอาหละ คุณเอาไข่มุกเพลิงนี้ไว้กับตัว สำหรับของที่ประมูลมาที่เหลือ ฉันจะให้พวกมันกับคุณเมื่อฉันมีเวลา!”
เมื่อได้ยินเย่หยูพูด มีเขาถึงกับตกตะลึง
“ให้ฉันตอนนี้?”
เย่หยูพยักหน้าและพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ใช่ อย่าบอกนะว่าอยากให้ฉันขนกล่องกลับ? มันหนักมาก โอเค?”
เฉียนจินมองไปยังเย่หยูด้วยอาการสับสน
“ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรแล้ว นายไม่กลัวว่าฉันจะวิ่งหนีไปพร้อมกับไข่มุกเพลิงหรอ? “
เย่หยูมองตาของเฉียนจินอย่างจริงจังแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“ฉันเชื่อคุณ แววตาคุณบอกว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น!”
แววตาของเฉียนจินเริ่มมีน้ำตาคลอทันที ไม่เคยมีใครไว้ใจเขาเท่านี้มาก่อน แต่นักเรียนมัธยมคนนี้ที่เพียงพบกันแค่สองครั้งก็เชื่อใจเขาได้ เย่หยูช่วยเขาเมื่อตกอยู่ในอันตรายมากที่สุดและไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
“เย่หยู ขอบคุณ! ไม่ใช่แค่เพราะนายช่วยชีวิตฉัน แต่เพราะยังให้โอกาสฉันเพิ่มอีกครั้ง!”
เฉียนจินมองไปยังเย่ยหยูด้วยแววตาที่ลุกโชนขณะพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ในเมื่อนายเชื่อใจฉันมากขนาดนั้น ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวัง!”
“ติ๊ด! ช่วยเหลือคนในยามวิกฤต จับล็อตเตอร์รี่หนึ่งครั้งเป็นรางวัล!”
เมื่อเฉียนจินเพิ่งจะพูดจบ เสียงในระบบก็ดังขึ้นมาในความคิดของเย่หยู ปากของเย่หยูกระตุก เมื่อเทียบกับการรู้สึกขอบคุณสำหรับเงินของเขา เย่หยูพอใจมากกับรางวัลที่ระบบให้เย่หยูยกถ้วยน้ำชาขึ้นแล้วชี้ไปทางเฉียนจิน
“ฉลองที่การกลับมาของคุณ!”
ดิ้ง!
เฉียนจินวางถ้วยน้ำชาลงขณะตาของเขาเปล่งประกายมองไปยังเย่หยูแล้วพูดว่า
“เย่หยู นายเอาไอดีการ์ดมารึเปล่า?”
“เอามา มีอะไรรึเปล่า? “
เย่หยูถามด้วยความงง
“ถ้านายอยากประมูลของบางอย่าง นายต้องลงทะเบียนชื่อของนาย”
เย่หยูพยักหน้าแล้วนนำไอดีการ์ดออกมาข้างหน้า
“นี่”
หลังจากเก็บไอดีการ์ดแล้วจากนั้นก็ค่อยๆใจักพรรดิ์เป่ยลงไปในกล่องอย่างระมัดระวัง
ขณะที่เขาเพิ่งปิดกล่อง เขาถอดแจ็คเก็ทแล้ววางลงในช่องว่างระหว่างกล่อง
“คุณทำอะไร?”
เย่หยูสงสัยการกระทำของเฉียนจิน
“หอยมุกนี่ก็เป็นสมบัติ มันจะไม่บาปใช่ไหมถ้าฉันทำมันพัง?”
เฉียนจิน รู้สึกพอใจเมื่อใส่ที่รองกระแทกเสนริมเข้าไป โดยมีเสื้อของเขาเป็นที่รองกระแทก
หลังจากที่ใส่ของลงไปหมด เย่หยูก็กลับออหไปจากโรงน้ำชา ที่นี่มีคนอยู่ไม่มากนัก ดังนั้นเขาต้องหาที่ปลอดภัยเงียบๆจับรางวัลของตัวเอง
“มนุษย์ : เย่หยู(ลัทธิเต๋า เลเวล 1)”
“รูปร่าง: ร่างกายแห่งจิตวิญญาณดาบ”
“การขโมย รวม: 0”
“คะแนนเต๋าชั้นสูง: 210/1000”
“ความสามารถ: ทักษไพ่บิน ซุปเปอร์แคลคูลัซ, ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา ,13 เข็มของเผ่าภูติผี
“
“วิถีทางทักษะ: “36 กระบวนท่าของท่าออกกำลังกาย”
“ไอเท็ม: น้ำยาสัตย์จริง แว่นของโคนัน ประตูมังกรหยกแกะสลัก ถ้วยเรืองแสง “
“จับล็อตเตอร์รี่: 1”
เมื่อมองไปยังหน้าระบบในความคิด เย่หยูหัวเราะ ครั้งนี้เขาช่วยงานได้ดี แต่เขาได้แค่จับล็อตเตอร์รี่จริงๆหรอ มันประหลาดอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ
“งั้นเริ่มเลยแล้วกัน!”
เย่หยูออกคำสั่งหน้าระบบก็หายไป แล้วกงล้อล็อตเตอร์รี่ก็ขึ้นมา
เมื่อมองไปยังเข็มที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว เย่หยูก็ตะโกนออกมา
“หยุด!”
เข็มค่อยหมุนช้าลงจนในที่สุดก็หยุดตรงที่ที่หนึ่งแล้วภาพก็ค่อยๆเห็นชัดขึ้น
นี่มันแหวนคู่หนึ่ง?
เย่หยูมองไปยังสิ่งที่เห็นบนหน้าจอแล้วอุทานออกมา
ไอเท็มปรากฏให้เห็นเป็นแหวนคู่หนึ่งที่เกี่ยวพันกัน เพียงแค่มองแหวนบนหน้าจอ เย่หยูก็เหมือนถูกดึงดูดจากมัน
เฟี้ยว!
ภาพในความคิดของเขาก็หายไปในทันทีแล้วมาปรากฎอีกทีบนฝ่ามือของเขา
เย่หยูหยิบแหวนที่วางอยู่บนฝ่ามือขึ้นมาแล้วค่อยๆเพลิดเพลินกับมัน
แหวนที่บอบบางและอบอุ่น และแม้จะมีร่องรอยความเย็นของมัน เป็นเหตุให้จิตวิญญาณเย่หยูเพิ่มขึ้น
ตัวเรือนของวงแหวนนั้นดำและเข้มราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืนแสนสงบที่มีดวงดาวมากมายกระจัด
กระจายไปทั่ว เหมือนกับทางช้างเผือกที่ได้ผ่านไปแล้ว
“ติ๊ด!”
“ขอแสดงความยินดีที่โฮสได้รับแหวนเลิฟซิก!”
เย่หยูถูแหวนของเขาที่นิ้วและถามระบบในความคิด
“แหวนเลิฟซิก? ความหมายของสิ่งนี้คืออะไร?”
เป็นชื่อที่ถูกละเว้นจากโรคไข้ใจ ซึ่งสร้างจากเลิฟซิกหนึ่งกำมือของหนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า
กลุ่มดาวอินทรีระยะไกล ช่างส่องสว่าง ช่างสดใสละสวยงาม
เขาถึงกับพูดไม่ออก
“แหวนเลิฟซิก: ไม่ว่าคุณจะอยู่ไกลแค่ไหน ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่ไหน เพื่อรอการกลับมาพบกันอีกครั้ง!”
เย่หยูเก็บแหวนเลิฟซิกไว้ซึ่งมันอาจจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดจากคู่รักบนโลก
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
เย่หยูหยิบมือถือออกมาแล้วมองไปยังหน้าจอ
“เย่หยู เย็นนี้ว่างรึเปลา?”
เสียงของฮันเสวี่ยดังออกมาจากมือถือ
“• • •วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ฉันเหงา งั้นทำไมเราไม่ไปเดินเล่นกันหน่อยหละ?”
ฮันเสวี่ยพึมพำกับตัวเองสักพักก่อนที่กลับไปถือสายรอเย่หยู
หัวใจของเย่หยูเต้นรัวแล้วตอบกลับไปอย่างอ่อนโยน
“โอเคครับ”
หมิงจูเอ็นเตอร์เทนเมนเป็นสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหมิงจู ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่คึกคักและผู้คนมากมาย วันนี้คึกคักกว่ามากเพราะที่นี่เต็มไปด้วยคู่รักทุกทีบนท้องถนน
“เย่หยู ฉันอยู่นี่!”
ฮันเสวี่ยยืนอยู่ตรงทางเข้าของสวนสนุก เธอตะโกนเสียงดังเมื่อเธอเห็นร่างเย่หยูเดินมาไกลๆ
แจ็คแก็ตสีขาวหิมะเข้ากับสัดส่วนของฮันเสวี่ยพอดี ผมสีดำยาวของเธอราวกับน้ำตกที่กระจายอยู่ข้างหลัง
เมคอัพจางๆที่อยู่บนใบหน้าอันบอบบางของเธอ และเมื่อเห็นเย่หยู เธอก็ส่งรอยยิ้มที่เบ่งบานราวกับดอกไม้
ผู้คนที่เดินผ่านไปอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ใครกันแน่ที่ทำให้ผู้หญิงที่สวยราวกับนางฟ้าตกหลุมรักเขา?
เขารีบเดินไปตรงหน้าฮันเสวี่ย มองไปยังหญิงสาวที่มีความสุขที่อยู่ตรงหน้าเขา เย่หยูไม่รู้จะพูดอะไรขึ้นมาทันที
“ไปกันเถอะ มันไม่ง่ายเลยนะที่จะได้หยุดพักผ่อนวันนี้ และเราทำให้มันเป็นวันที่ดีได้และมันจะเริ่มเมื่อเราเริ่มเดินไปด้วยกัน “
หลังจากที่ฮันเสวี่ยพูดจบ เธอก็ยื่นมือไปจับแขนเย่หยูแล้วดึงเขาเข้าไปในสวนสนุก
ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาของผู้ชายรอบๆ เย่หยูถูกฮันเสวี่ยดึงเข้าไปในผู้คนมากมายและเล่นกันตลอดทาง
เย่หยูและฮันเสวี่ยหยุดอยู่ตรงหน้าแผงลอยเล็กๆ
“เย่หยูมาดูนี่เร็ว กระต่ายน่ารักมาก!”
ฮันเสวี่ยดึงมือเย่หยูมาแล้วชี้ไปยังตุ๊กตากระต่ายที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้วกระโดดอย่างตื่นเต้น มีของเล่นที่น่ารักและน่าสนใจอยู่สองสามอย่างวางอยู่ที่บูธนี้ สิ่งที่สะดุดตามากที่สุดก็คือ
กระต่ายที่มีสูงเท่ากับความสูงครึ่งนึงของคนที่มีขนสีขาวราวกับหิมะและหูที่ยาวหนึ่งคู่
“บอส คุณขายตุ๊กตาตัวนี้เท่าไหร่?”
เมื่อเห็นว่าฮันเสวี่ยชอบ เย่หยูจึงถามเจ้าของแผง
เมื่อเจ้าของแผงได้ยินเย่หยูถามแล้วชี้ไปยังกระดานไม้ที่อยู่หลังพวกเขา
“ไม่เห็นวงกลมบนกระดานหรอ? ถ้าคุณปาลูกดอกเข้าวงกลมที่เล็กที่สุดได้ ก็เอากระต่ายไปเลย! “
เย่หยูมองไปตามทางที่เจ้าของแผงชี้แล้วมองไปยังกระดานไม้ที่ตั้งขึ้นประมาณ 4 ถึง 5 เมตร
ไม้ที่มีวงกลมขนาดใหญ่และเล็ก และวงที่เล็กที่สุดมีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 5 มิลลิเมตร
“บอส วงกลมมันเล็กมากเลย จะปาได้ยังไง?”
ฮันเสวี่ยมองไปยังวงกลมที่อยู่ไกลจากเธอแล้วบ่น
“แม่หิมะตัวน้อย ถ้าหนูอยากได้ ก็ขอให้พี่ใหญ่ฉินช่วยหนูสิจ้ะ!”
ด้านหลังเย่หยูและฮันเสวี่ยมีเสียงพูดเล่นๆเบาๆดังขึ้นมา
เย่หยูกับฮันเสวี่ยหันหลังกลับไปแล้วยืนไม่ห่างจากพวกเขา เป็นชายร่างสูงที่กำลังมองพวกเขาอยู่
ผู้ชายที่สวมสูทราคาแพงและมีรูปร่างหน้าตาดี อย่างไรก็ตาม เขาใช้สายตาเหมือนกำลังมองเหยื่อทำเลยทำให้เย่หยูขมวดคิ้ว
สาวสวยที่สวมชุดที่โดดเด่นอยู่ในอ้อมเขนของชายหนุ่มและกำลังมองไปยังฮันเสวี่ยที่กำลังเศร้าด้วยอาการยั่วโมโห