SPH:บทที่ 27 ไวน์ดีๆชนิดหนึ่ง
“เย่หยู นายดื่มเหล้ามาเหรอ?”
ฮันเสวี่ย สูดจมูกสองสามครั้งเบา ๆ และถามอย่างสงสัย ในขณะที่เธอขยับเข้ามาใกล้กับเย่หยู
เมื่อได้ยินคำถามของฮันเสวี่ย เย่หยูตอบอย่างมีพิรุจนิดๆว่า ” เปล่า ฉันไม่ได้ดื่ม”
ฮันเสวี่ยพูดขึ้นว่า “มันเป็นไปไม่ได้ จมูกของฉันดีจริง ๆนะ ฉันสามารถได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยมานิดหน่อย”
เย่หยูนำถ้วยเรืองแสง ที่เขาหยิบมาได้ และส่งให้กับฮันเสวี่ย พร้อมพูดว่า “ลองดู นี่เป็นกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ปล่อยออกมาใช่หรือไม่?”
ฮันเสวี่ย รับถ้วยเรืองแสงมาจากเย่หยู มองอย่างละเอียดถี่ถ้วน เบื้องหน้าเธอ รู้สึกประทับใจกับถ้วยที่ดูเหมือนงานศิลปะ
“ มันสวยจริงๆ ถ้าจะเรียกมันว่าถ้วยไวน์น่าจะดีกว่านะ เพราะว่ามันเป็นงานศิลปะ!”
นิ้วมือที่นุ่มอ่อนนุ่มของฮันเสวี่ย จับถ้วยไวน์อังไว้ใต้จมูกของเธอ แล้วใช้มืออีกข้างปัดลมเข้าจมูกเบา ๆ
กลิ่นหอมแปลก ๆโชยมา เข้าไปในจมูกของฮันเสวี่ย
ฮันเสวี่ยหลับตาของเธอลงเบา ๆ รอยแดงที่น่าหลงใหล โผล่ขึ้นมาบนใบหน้าของเธอ
“ใช่!” นั่นแหละ! “ช่างเป็นไวน์ที่บริสุทธิ์และมีกลิ่นหอมสุดๆ!”
หลังจากนั้นไม่นาน ฮันเสวี่ย ก็ลืมตาขึ้น และหายจากอาการที่มึนเมา
“เย่หยู สิ่งนี้คืออะไร? มันจะปล่อยกลิ่นหอมของไวน์ออกมาได้อย่างไร?และมันก็มีกลิ่นหอมมาก!”
เย่หยู ชี้ไปที่ถ้วยไวน์ของเขา และพูดกับฮันเสวี่ยว่า “สิ่งนี้แกะสลักมาจากหยกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าหยกม่วง และมันก็มีลักษณะพิเศษเช่นกัน”
ฮันเสวี่ย รู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก และรีบถามว่า “เย่หยู รีบบอกฉันหน่อย มันสามารถทำอะไรได้บ้าง?”
เย่หยู ยิ้มเบา ๆ เปิดขวดน้ำแร่ เติมลงไปใน ถ้วยเรืองแสงหนึ่ง ถ้วยจากนั้นวางไว้ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะผลักไปที่ด้านหน้าของฮันเสวี่ย “ลองดมอีกครั้ง”
ฮันเสวี่ยรู้สึกทึ่งกับการกระทำก่อนหน้านี้ของเย่หยู เธอก้มหัวมองดู ถ้วยไวน์แล้วดมเบา ๆ
“หืม?”
ฮันเสวี่ยตกใจ จากนั้นเธอก็วางมือบนถ้วยไวน์ และพัดตัวเธอเอง
“นี่มัน …”
ทันใดนั้นฮันเสวี่ย เงยหน้าขึ้นมองเย่หยู ด้วยความไม่เชื่อว่า “เย่หยู นี่คือไวน์นี่นา!” และมันก็เป็นไวน์ชั้นดี! เกิดอะไรขึ้น? น้ำเปลี่ยนเป็นไวน์ได้อย่างไร? “
“นี่เป็นส่วนที่พิเศษเกี่ยวกับถ้วยเรืองแสง มันสามารถเปลี่ยนของเหลวในถ้วยให้เป็นไวน์ได้!”
ฮันเสวี่ยสูดหายใจลึก ๆ แล้วถามด้วยความประหลาดใจว่า “นี่คือความสามารถแปลกๆของมันเหรอ?” เย่หยู, นายได้สิ่งนี้มาจากไหน? “
เย่หยู รู้ว่า ฮันเสวี่ยเป็นห่วงเขา และถ้วยเรืองแสงนี้มาจากสถานที่ที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงปลอบโยนเธอด้วยเสียงอ่อน
“ไม่ต้องกังวลว่ามันมาจากไหน ในระยะสั้น นี่คือสิ่งที่เป็นของๆฉัน มันถูกกฎหมาย และไม่ได้ถูกขโมยมา”
ฮันเสวี่ยตบหน้าอกของเธอ แล้วปล่อยลมหายใจออกอย่างโล่งอก “งั้นฉันก็โล่งอก นายต้องเก็บสิ่งนี้ไว้กับตัวนะ ถึงจะปลอดภัย แน่นอนต้องมีค่ามากๆ”
“อ๋อ ใช่ ฮันเสวี่ย ทำไม เธอดูคุ้นเคยกับกลิ่นเหล้า” เย่หยูถามฮันเสวี่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะเขาพบว่าฮันเสวี่ย มีความไวต่อแอลกอฮอล์ และควรคุ้นเคยกับแอลกอฮอล์เป็นอย่างดี
ฮันเสวี่ยขยิบตาหัวเราะเบา ๆ ให้เย่หยู และพูดว่า “พ่อของฉันชอบดื่มมาตั้งแต่ฉันเด็กๆ ฉันได้รับอิทธิพลจากเขา ดังนั้นฉันจึงคุ้นเคยกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”
เย่หยูพยักหน้า “แล้ว มันเป็นยังไงบ้างล่ะ”
ดวงตาของเย่หยู สว่างขึ้น ผู้ที่เข้าใจแอลกอฮอล์ จะรู้ถึงคุณภาพของไวน์นี้อย่างแน่นอน “ฮันเสวี่ย ทำไมเธอไม่ลองดูดื่มและดูว่ามันเป็นอย่างไรล่ะ?”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ฮันเสวี่ยรีบโบกมือของเธอ “ไม่ ไม่ ฉันไม่ดื่ม!”
เย่หยูต้องการให้ฮันเสวี่ย ได้ลิ้มรสไวน์ของถ้วยเรืองแสง แต่รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ที่จะปล่อยให้สาวน้อยต้องดื่มเหล้า เขารีบพูดว่า “ฉันขอโทษ มันเป็นความผิดของฉัน ฉันไม่ควรปล่อยให้เธอได้ลองดื่มมัน”
ใบหน้าของฮันเสวี่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธอรีบอธิบายว่า “เย่หยู นายกำลังเข้าใจผิด นิสัยของฉันจะเปลี่ยนไปอย่างมาก หลังจากที่ดื่มเหล้า”
เย่หยู ตกตะลึงบุคลิกของเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก? เป็นไปได้ไหมที่เธอจะคลั่งไคล้การดื่มเหล้า?
เขาเห็นว่าฮันเสวี่ย เงียบสงบ เหมือนกล้วยไม้ ไม่พูดมาก เย่หยู ก็ยากที่จะจินตนาการถึงภาพของฮันเสวี่ยหลังจากดื่มได้
“ฮันเสวี่ย ฉันจะมอบถ้วยเรืองแสงให้พ่อของเธอดีไหม?” เย่หยูมองดูที่ฮันเสวี่ย แล้วพูดขึ้น
ฮันเสวี่ย ผลักถ้วยไวน์ของเธอไปที่เย่หยู และพูดอย่างหนักแน่นว่า “จะเป็นไปได้ยังไง! ถ้วยเรืองแสงนี้มีค่ามาก นายไม่ได้บอกว่า นายจะสร้างบ้านหลังใหญ่ให้คุณปู่ของนายไม่ใช่เหรอ? “
เมื่อเห็นว่า ฮันเสวี่ยยืนยัน เย่หยู ก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน เขารู้สึกว่า ถ้วยเรืองแสง นี้เป็นรายการที่เหมาะกับประมูลมาก
“เดี๋ยวก่อน เย่หยู บรรจุไวน์เอาไว้ในขวดก่อน ฉันรู้ว่ามีคนช่วยลิ้มรสสิ่งนี้ได้”
เย่หยูดึงถ้วยเรืองแสงของเขา เพื่อต้องการที่จะเทไวน์ข้างในถ้วย ให้เหลือแต่ถ้วยอย่างเดียว เมื่อเห็นการกระทำของเย่หยู ฮั่นเสวี่ยก็หยุดเขาไว้
เย่หยูคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเทของเหลวจากถ้วยเรืองแสงลงในขวดน้ำเปล่า
“ฮันเสวี่ย มีใครที่เข้าใจเรื่องนี้ได้ดีหรือไม่?”
ฮันเสวี่ย ยิ้มเบา ๆ “ครูคณิตศาสตร์ของเรา อาจารย์หวู รู้เรื่องแอลกอฮอล์เป็นอย่างดี”
เย่หยูตกตะลึง อาจารย์หวู?
โอ๊ะ ใช่ อาจารย์หวู พูดก่อนหน้านี้ ว่าเขาคุ้นเคยกับตระกูลฮันมาก
“เย่หยู!”
ผู้ช่วยของนักเรียนชั้นปีที่ 1 ที่อยู่ที่หน้าประตู ตะโกนออกมา
“มีอะไรเหรอ?”
“อาจารย์หวู บอกให้นายไปหาเขา เขาบอกว่าเขาต้องการให้นายฝึกฝนกับเขา เพื่อตอบคำถามการแข่งขันคณิตศาสตร์”
เย่หยูปากกระตุก ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ!
หลังจากเก็บถ้วยเรืองแสงไปแล้ว เย่หยูก็หยิบขวดน้ำแร่ขึ้นมา และเดินไปที่สำนักงานของอาจารย์หวูทันที
ก๊อก ก๊อก!
“เข้ามาได้!”
โดยไม่ต้องรอให้เย่หยูส่งเสียง เสียงของหวูไต้ก็ดังขึ้นในสำนักงาน
“อาจารย์หวู คุณกำลังมองหาผมอยู่เหรอครับ?” เย่หยูมองไปที่หวูไต้ และพูดขึ้น
อาจารย์หวู วางปากกาที่อยู่ในมือของเขาลง มองดูเย่หยูและยิ้มว่า “เด็กขี้เกียจ!” ฉันบอกให้นายเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันคณิตศาสตร์ แต่นายก็ไม่ยอมมา! “
เย่หยูเกาหัวของเขา “ผมยุ่งมากในสองวันที่ผ่านมา”
หวูไต้โบกมือและดุว่า “เอาล่ะคณิตศาสตร์ของคุนายอยู่ในระดับที่ดี แต่นายยังต้องอ่านหนังสือบางเล่ม นายยังมีความรู้ไม่เพียงพอ”
เย่หยูพยักหน้า รู้ว่าหวูไต้นั้นพูดถูก แม้ว่าเขาจะมีความสามารถด้านการคำนวณได้อย่างยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่เข้าใจสูตรและไม่เข้าใจหลักการ
เย่หยูวางขวดน้ำและดูรอบ ๆ ของสะสมของอาจารย์หวู
ผนังทั้งสี่นั้นเต็มไปด้วยหนังสือสะสมที่ไม่ค่อยน่าสนใจ ส่วนใหญ่เป็นหนังสือเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ เรขาคณิตและฟิสิกส์บ้าง
เย่หยู หยิบหนังสือปกแข็งออกมาวางไว้บนโต๊ะข้างเขา และเริ่มอ่าน
การวิเคราะห์กฎของเส้นโค้งของอาเบล
เปิดหน้าถัดไป เขาเห็นข้อความที่หวูไต้เขียนไว้ในหนังสือ
เมื่อเวลาผ่านไปเย่หยูมีความรู้ด้านคณิตศาสตร์อย่างสมบูรณ์ ด้วยความช่วยเหลือของการคำนวณขั้นสูง ความรู้ที่ลึกซึ้งในขั้นต้นของคณิตศาสตร์นี้ กลับกลายเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจ
หวูไต๋มองเย่หยู ผู้ซึ่งหมกมุ่นอยู่กับหนังสือเล่มนี้ และพยักหน้าอย่างพอใจ
ก๊อกๆ!
เสียงการเคาะที่ประตูปลุก เย่หยูขึ้น เขาเงยหน้าขึ้น และเห็นว่าเขาอ่านหนังสือหนาจบหลายเล่มแล้ว
“อาจารย์หวู ฉันเพิ่งได้ไวน์ดีๆหนึ่งขวด แล้วฉันจะให้คุณได้ลิ้มรส!”
อาจารย์ใหญ่ หลี่เสวี่ยซู ผลักเปิดประตูแล้วเดินเข้ามา
“ยินดีที่ได้พบ อาจารย์ใหญ่” เมื่อเย่หยูเห็น หลี่เสวี่ยซูเข้ามาเขาลุกขึ้นยืนแล้วพูดขึ้น
หลี่เสวี่ยซู มองเย่หยูที่ยืนอยู่ข้างหน้าเขา “ช่างเป็นเมล็ดพันธ์ที่ดีมาก!” หวูไต้ได้บอกฉันเกี่ยวกับนายแล้ว ขยันและพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อชนะที่หนึ่งให้ได้!
เย่หยู พยักหน้า ขณะที่เขานั่งลงหยิบหนังสือที่เขาอ่านไม่เสร็จและเริ่มอ่านอีกครั้ง
หลี่เสวี่ยซู ถือไวน์หนึ่งขวดไปที่โต๊ะของหวูไต้เขาวางขวดไว้บนโต๊ะ และทำท่าทางให้หวูไต้ “ลิ้มรส มูตอง รอทฮิลล์ อายุ 30 ปีของบอร์โดซ์!”
ดวงตาของหวูไต้สว่างวาบขึ้น “ในเมื่อเสียเงินมาแล้ว ก็คงต้องลอง!”
หวูไต้หันหลังกลับ และนำเครื่องมือสำหรับเปิดจุกขวดออกมา เขาเทไวน์ลงถ้วยและจิบชิมอย่างอดทน
“ว้าว … “
หวูไต้ กลืนไวน์เข้าไปในปากของเขา แล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ไวน์ดี แต่ฉันก็ยังชอบไวน์จีนอยู่ดี”
หลี่เสวี่ยซู ชี้ไปที่ หวูไต้และหัวเราะว่า “ฮ่าฮ่า ท่านอาจารย์หวู ท่านยังคงคิดถึงของขวัญพิเศษที่ผมซ่อนไว้เป็นเวลา 50 ปี อยู่เหรอ!”
หวูไต้ เม้มริมฝีปากแล้วถอนหายใจ “ไวน์นั่น เป็นไวน์ที่ดีจริง ๆ ! กลิ่นที่ค้างนานมาก คุณขี้เหนียว ดื่มครั้งละถ้วยเท่านั้นเอง!”
หลี่เสวี่ยซู รีบขออภัย “เอาล่ะหวูไต้ ผมจะให้คุณดื่มเพิ่มอีกหนึ่งวัน”
เย่หยู ผู้อ่านหนังสืออยู่ด้านข้าง ได้ยินการสนทนาและมองขวดน้ำบนโต๊ะ ดวงตาของเขาสว่างขึ้น
“อาจารย์หวู เหมือนว่าคุณจะรู้เรื่องการชิมไวน์เยอะเลยเหรอ?”
อาจารย์ใหญ่หลี่เสวี่ยซู พูดโดยไม่รอให้หวูไต้ พูดก่อน “แน่นอน อาจารย์หวู เป็น ‘คนขี้เมา’ ในแง่ของการชิมไวน์เพียงอย่างเดียว
หลี่เสวี่ยซูยกนิ้วให้หวูไต้ แบบยกย่องเขา
เมื่อเห็นว่าเย่หยูกระตือรือร้น ที่อยากที่จะถามเกี่ยวกับเรื่องไวน์ อาจารย์หวูเปล่งเสียงหัวเราะ พร้อมพูดว่า “อะไรนะ นายเข้าใจไวน์ด้วยเหรอ?”
เย่หยูวางขวดน้ำแร่ไว้บนโต๊ะของ อาจารย์หวูไต้ “ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับไวน์มากนัก แต่ผมมีไวน์ดีๆชนิดหนึ่ง!”