SPH: บทที่ 8 พบกันที่หลังโรงเรียน
กลับมาที่ห้องเรียน เย่หยูตรงไปนั่งที่ของเขาทันที
“เย่หยูรางวัลอะไรที่อาจารย์หวูให้นายคืออะไร? ฮันเสวี่ยที่นั่งข้างๆ อยากรู้อยากเห็นว่า อาจารย์หวูให้รางวัลอะไรกับเย่หยู
เย่หยูเอนหลังและห่อริมฝีปาก “ถอนหายใจ ฉันคิดว่ามันคือสิ่งที่ดี แต่ใครจะรู้ว่าฉันถูกขอให้ไปสอบ!”
“สอบหรอ?”
“ใช่ การแข่งขันวิชาคณิตศาสตร์ที่จัดโดยมหาวิทยาลัยพริ้นตั้น ฉันสงสัยว่านี้คือรางวัลหรือการการลงโทษกันแน่?
ปัง!
น่องขาของเย่หยูถูกเตะโดยฮันเสวี่ย “นายกำลังคิดอะะไรอยู่?
“หืม! การแข่งขันวิชาคณิตศาสตร์นี้เป็นรายการแข่งขันที่มีประโยชน์มากที่สุด ! หากนายได้อันดับที่ดี มันจะช่วยนายอย่างมากในอนาคต! “
“คือ ฉันต้องไปต่างประเทศ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะยอมแพ้ดีหรือไม่”
คนพูดพูดด้วยประมาทและคนที่แอบฟังก็ได้ยินอย่างไม่ตั้งใจ โอวหยางหยูหูเงี่ยหูของเขาฟังที่เย่หยูพูดทั้งหมด
หลังจากเย่หยูพูดจบ ใจของโอวหยางหยูคิดอย่างเร็ว มหาลัยพริ้นตั้นงั้นหรือ ดูคุ้นมาก
ใช่, แล้วลูกพี่ลูกน้องของฉันไงละจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันนี้หรือ? คิดเช่นนั้น ตาของโอวหยางหยูเปล่งประกาย เมื่อเวลานั้นมาถึง จะบอกลูกพี่ลูกน้องของเขาทำให้เย่หยูเสียหน้าให้ได้!
“ระบบ!” เย่หยูนั่งลงที่เก้าอี้ ทำใจให้สงบ และเรียกระบบ เขาเพิ่งได้จับรางวัล ดังนั้นเขาจึงอดใจรอแทบไม่ไหว
“มนุษย์ : เย่หยู (ผู้ฝึกตนระดับ 1)
“ร่างกาย: ร่างกายดาบแห่งจิตวิญาณ”
“จำนวนที่ขโมย: 0”
“คะแนนเต๋าที่ยอดเยี่ยม: 80/1000”
“พรสวรรค์: ทักษะไพ่บิน, สุดยอดการคำนวณ”
“จับฉลากรางวัล: 1”
ดวงตาของเย่หยูสว่างขึ้น เขาได้โอกาศจับรางวัลเพิ่ม 1 ครั้งจริงๆ
ในขณะที่เย่หยูกำลังจะคลิ๊กลงบนรางวัล เขาหยุดและถามฮันเสวี่ยว่า
“ฮันเสวี่ย โชคของเธอเป็นอย่างไร?”
“ฉันหรอ?” ฮันเสวี่ยอึ้งไปสักพักและบอกว่า “โชคของฉันดีจริงๆ ฉันเหมือนถูกรางวัล ทำไมหรอ?”
ตาของเย่หยูประกายขึ้น สัมผัสได้ด้วยมือที่อยู่ต่อหน้าฮันเสวี่ย มันก็จริง มา จับที่มือของฉันสิ!”
“จับมือนายหรอ นายกำลังจะทำอะไร!? ฉันบอกแล้วว่า ฉันจะไม่รักใครในโรงเรียนมัธยมเด็ดขาด”
ฮันเสวี่ยอายเล็กน้อย ความอายบนใบหน้าของเธอได้ลามไปที่หูแล้ว
“เธอคิดอะไร? แค่การทักทายจากเพื่อนร่วมชั้น” เย่หยูบอกด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินเช่นนี้ หน้าของฮันเสวี่ยกลายเป็นสีแดง เธอก้มหัวต่ำและแตะที่มือของเย่หยูเบาๆ ก่อนจะกระซิบว่า “แบบนี้ใช่ไหม?”
“สำเร็จ สำเร็จ”
เย่หยูดึงมือของเขาออก ฮ่าฮ่า เขาจะได้บางอย่างที่ดีแน่นอนในเวลานี้
ฮันเสวี่ยมองที่เย่หยูที่ดึงมือกลับอย่างมีความสุขและเธอย่นจมูกด้วยความเศร้าเล็กๆ
ปึง!
โอวหยางหยูกระแทกโต๊ะเสียงดัง หน้าเขามืดจนดูเหมือนเป็นดั่งน้ำแข็งที่กำลังจะตกลงมา
มารยาทที่ดีต่อกันระหว่างนักเรียนงั้นหรอ? ฉันเชื่อแกก็บ้าแล้ว!
หน้าของโอวหยางหยูเข้มขึ้น เขาแอบสาปแช่งเย่หยูอยู่ในใจอย่างเงียบ มันแย่จริงๆ ฉันอยากจะจับมือของฮันเสวี่ยมาตั้งนานฉันไม่คาดว่าเธอจะให้มันจับก่อน
ในใจของเย่หยู ตัวชี้สีแดงค่อยๆชะลอตัวลงบนแผ่นสี่เหลี่ยมที่อยู่ในวงกลม
“ฮันเสวี่ย โชคของเธอดีจริงหรอ?” เย่หยูกระพริบตา หันหัวของเขาไปถามฮันเสวี่ย
“แน่นอน ฉันได้ห้าดอลลาร์ในการจับรางวัล!” ณ จุดนี้ ฮันเสวี่ยยกหัวขึ้นด้วยความภูมิใจเล็กๆ
“ห้าหรอ? เย่หยูกลืนน้ำลายขณะถามด้วยสั่นเทา “เธอซื้อมาเท่าไหร่?”ฮันเสวี่ยเงยศีรษะของเธอและคิดสักครู่ และพูดว่า “ฉันไม่รู้ ฉันรู้ว่าตอนฉันยังเด็ก พ่อให้บัตรรางวัลกล่องใหญ่แล้วให้ฉันขูด “
“กล่องใหญ่หรอ? โอเค เย่หยูเชื่อที่ฮันเสวี่ยพูด ฉันไม่ได้หวังว่าผลจะเป็นแบบนี้
“ปี๊บ ยินดีด้วยกับเจ้าที่จับฉลากได้จักรพรรด์ดาวแห่งแม่น้ำครั้งที่ 36 ด้วยท่ากายกายกรรมอันลือชื่อ
เหมือนที่ฉันพูด ว่าท่ากายกายกรรมที่ออกอากาศทางวิทยุคือสิ่งดี ฉันสามารถเคลื่อนย้ายข้อต่างๆร่างกาย เพิ่มการใช้ออกซิเจน เร่งการไหลเวียนของเลือด และยังช่วยในการเผาผลาญ มี 36 ท่า นั่นไม่ใช่ท่ากายกรรมที่ลือชื่อเช่นกันหรือ? เดี๋ยวนะ นี่มันจักรพรรดิฉิงฮั่นหรือใช่ไหม?
“ระบบ?”
ท่ากายกรรมลือชื่อทั้ง36 ท่าของจักรพรรดิฉิงฮั่นเป็นมาตรการสำคัญในการพัฒนาร่างกายของชาติ ท่ากายกรรมลือชื่อนี้สามารถพัฒนาความแข็งแกร่ง ความเร็วและความยืดหยุ่นของร่างกายมนุษย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ “
“บอกรายละเอียดฉันหน่อยสิ!” เย่หยูเริ่มเป็นกังวลเล็กน้อย มีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น!
“การฝึกอย่างต่อเนื่องสามารถเพิ่มระดับความแข็งแกร่งได้ 2-5เท่า
แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก !
“หากทำได้ ใครจะรู้ว่าแข็งแกร่งกี่เท่าหล่ะ?”
“เจ้าของร่างนั้นใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบ ช่วยให้เพิ่มขีดจำกัดได้ 5 เท่า!”
ใช่ ฉันสามารถทำได้
“มันคือยังไงหล่ะ? โชคของฉันคือดีใช่ไหม? ชนะรางวันได้ห้าดอลลาร์! ” เสียงของฮันเสวี่ยดังในหูของเย่หยู
คิ้วของเย่หยูกระตุกและพยักหน้าด้วยความยินดี “อืม” !”
ติ๊งงงงง!
“เย่หยู ฉันกลับก่อนนะ!”
กระดิ่งของโรงเรียนดังขึ้น ฮันเสวี่ยโบกมือให้เย่หยูด้วยรอยยิ้มและออกจากห้อง
โอวหยางหยูเดินออกจากห้องเช่นกัน แต่ก่อนที่จะออก เขาทำท่าทางด้วยมือของเขาไปที่เย่หยู
เย่หยูรู้ว่าโอวหยางหยูไม่ให้เขาออกไปจากโรงเรียนง่ายๆแน่ อย่างไรก็ตาม นี้คือสิ่งที่เย่หยูต้องการ เขาจะได้สอนบทเรียนให้กับเขา หลังโรงเรียนเป็นป่าทึบ ซึ่งนักเรียนของโรงเรียนมัธยมเซียงหยูเรียกว่า ป่าเล็ก ต้นไม้สูงขนาดเท่าตึกสองชั้นที่เขียวชอุ่ม ทำให้สภาพแวดล้อมเงียบสงบและบรรยากาศที่เงียบสงบ
ไม่ว่าจะเป็นการดวลเป็นกลุ่มหรือเดทลับนักเรียนส่วนใหญ่มักมาที่นี่
ในขณะนี้ กลุ่มแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาถึงป่าเล็ก ๆ ผู้ที่นำมาคือโอวหยางหยูกับชายร่างสูงดูแข็งแรงด้วยรอยสักรูปงูบนหน้าอก
ด้านหลังของทั้งสอง มีชายวัยรุ่นประมาณสามคนทำสีผมสีเหลืองแซมน้ำตาล
“โอวหยางหยูคือแกเป็นคนประเภทไหนที่ให้พี่ชายสักลายรูปงูมาที่นี่? นักเลงคนที่มีผมสีเหลืองอยู่ด้านหลังโอวหยางหยูพูดขึ้น
ชายรอยสักงูที่เขาพูดถึงเป็นชายร่างสูงและแข็งแรงที่มีรอยสักงูบนหน้าอกของเขา เขามีสีผมเหลืองอ่อนที่ดูยุ่งๆ ใบหน้าที่เพรียวของเขาแสดงออกอย่างสบาย ๆ มือล้วงอยู่ในกระเป๋าและคาบบุหรี่ในปากขณะที่เขาเดินมาข้างโอวหยางหยู
“เขาเป็นพวกกุ๊ยในห้องเรียนแต่ หวังจะมาคว้าผู้หญิงไปจากฉัน เวลานี้ฉันหวังว่าพี่จะสอนบทเรียนให้มัน!” ฉันจะทำให้มันนอนไม่ได้เลยเป็นเดือน! “โอวหยางหยูพูดด้วยความเจ็บใจ
“ฮุ!” ชายรอยสักงูเป่าควันบุหรี่ออกและพูดว่า “ไม่มีสิ่งใด ตราบใดที่มีเงิน ฉันสามารถทำให้มันนอนเป็นผักได้ตลอดชีวิต อย่าว่าแต่เดือนเดียวเลย! “
“เฮเฮ พี่อย่างกังวล เงินไม่ใช่ปัญหา ตาของโอวหยางหยูเป็นประกายอย่างตื่นเต้น ราวกับว่าเขาเห็นเย่หยูกอดขาที่หักและคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
เวลานี้เย่หยูมาถึง โอวหยางหยู ชายรอยสักงูและคนอื่นได้รอคอยเขาอยู่แล้ว
“นั่นแหละมัน!” โอวหยางหยูกัดฟันขณะเขาชี้ไปที่เย่หยูที่ใกล้เข้ามา
เห็นเย่หยูเดินมาอย่างสงบ อันธพลาลคนนั้นเขวี้ยงบุหรี่ลงพื้นถ่มน้ำหลายและเริ่มด่าทอ เย่หยู “ ไอ้หมาน้อย” แกเก่งมาที่ทำให้พี่เขารอนานได้ขนาดนี้! “
เย่หยูไม่สนใจโอวหยางหยูมองโอวหยางหยูและหัวเราะว่า “ฉันอยากจะพูดว่า โอวหยางหยูระดับของแกไม่ต่ำไปหน่อยหรอ เรียกมาแค่สองสามคนแค่นี้งั้นหรือ?”
“เย่หยู ฉันต้องชื่นชมความกล้าหาญของแกที่มีความกล้าที่จะมาที่ป่าเล็กนี้แต่อย่าคิดว่าจะได้เดินออกไป” โอวหยางหยูพูดกับเย่หยูด้วยความเกรี้ยวกราด
“เฮเฮ เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันนี่นา ไม่จำเป็นต้องโหดขนาดนี้ไหม?” เย่หยูพูดอย่างใจเย็น
โอหยางหยูนึกถึงตอนที่บังคับเย่หยูมาและการพูดคุยรวมทั้งการหัวเราะกับฮันเสวี่ยทำให้เขาโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ตอนนี้เขาได้เห็นเย่หยูแสดงความอ่อนแอบนใบหน้าก็เผยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายออกมา
“เย่หยู ถ้าแกคุกเข่าลงและขอโทษ ตบหน้าตัวเองสิบครั้ง และตะโกนออกมา ว่า ปู่ ผมผิดเอง! จากนั้นข้ามเข้าใกล้ฮันเสวี่ยอีก ฉันจะลืมเรื่องที่เกิดวันนี้ซะ มิฉะนั้น เตรียมตัวนอนหยอดน้ำข้าวต้มได้เลย! “
“ฮาฮาฮา…..” โอวหยางหยูเงยหัวและหัวเราะเสียงดัง “แกกลัวอะไรหรอ? คนที่หยิ่งจองหองเมื่อเช้านี้หล่ะ ? ทำไมแกเพิ่งจะมากลัวตอนนี้ สายไปแล้ว!”
“ไม่ใช่ว่าฉันกลัว แต่ฉันเป็นนักเรียนที่นี่มาสามปีแล้ว ฉันแทบทนไม่ได้ที่ทำร้ายแก “
โอวหยางหยูคิดคำนวณและมองไปที่เย่หยูด้วยความดูถูก “เหอะ แค่แก เย่หยูเป็นแค่กองขี้บนพื้นเท่านั้น “ แกสมควรจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันหรอ !”
“ตั้งแต่แกพูด ฉันแทบจะทนไม่ไหว!” เย่หยูมองที่โอวหยางหยุทำท่าทางอวดดี และดวงตาของเขาเริ่มเยือกเย็น ‘มีทางไปสวรรค์แต่แกไม่ไป!’
ก่อนที่โอวหยางหยูจะพูดอะไรออกมา นักเลงที่มีผมเหลืองนำโดยชายรอยสักงูเริ่มเคลื่อนไหว
เอื้อมมือออกมา ในมือของเขาถือมีดและจ้องมาที่เย่หยูอย่างยั่วยุ “แกเห็นมีดไหม?” แกไม่ต้องอวดดี ให้ฉันเอาเลือดแกออกก่อน! “
“เดี๋ยว! “
ชายรอยสักงูโบกมือให้นักเลงผมสีเหลือง ตาของเขาเป็นประกายอย่างเยือกเย็นเมื่อเขามองที่เย่หยู “เด็กเวร แกนี่หยิ่งมากๆนะ ฉันแค่ไม่รู้ว่าแกจะหยิ่งแบบนี้ได้อีกนานไหม!”