“เหร่ยเชียนซัง”
กู่หยางกู่ร้องขึ้นมาด้วยอาการตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด พลันก็รีบพุ่งเข้าโจมตีผู้อยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรมผู้นั้นด้วยความเดือดดาล ทั่วทั้งร่างกายทอประกายแสงสว่างของอักขระที่กำลังปะทุพลังอันบ้าคลั่งขึ้นมาไม่หยุด
หลังจากที่ผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นใช้เพียงกระบวนท่าเดียวสังหารเหร่ยเชียนซังลงไป เหล่าศิษย์ฝ่ายธรรมะต่างก็เกิดความโกรธแค้นขึ้นมาจนโลหิตพุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่งไปตามๆ กัน เพราะนี่ถือเป็นการสูญเสียพวกพ้องเป็นครั้งแรกของพวกเขานับตั้งแต่เปิดศึกมา อีกทั้งยังเป็นถึงศิษย์สายตรงผู้แข็งแกร่งอย่างเหร่ยเชียนซังอีกด้วย
“ตายซะ!”
ทันใดนั้นเหล่าศิษย์ของทางหมู่ตึกก็ปะทุรังสีสังหารขึ้นมาเป็นสาย พลันก็พุ่งเข้าใส่ศิษย์ฝ่ายอธรรมอย่างบ้าคลั่งโดยไม่รอให้ศัตรูโจมตีเข้ามาได้แม้แต่ครั้งเดียว
ถังหว่านเอ๋อและเยี่ยจื่อชิวทอแววตาแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าพวกนางและเหร่ยเชียนซังจะเคยเป็นคู่แค้นกันมาก่อน ทว่าเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้นก็ได้ถูกกาลเวลาพัดผ่านไปจนหมดสิ้นแล้ว และหลังจากที่ได้ร่วมมือกันในศึกครั้งใหญ่นี้ก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสหายร่วมรบกันไปแล้ว
ทว่าเมื่อเห็นว่าเหร่ยเชียนซังจะต้องมาตายจากไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่ได้ช่วยเหลืออันใดเลย ภายในจิตใจขงพวกนางจึงเกิดโทสะจนระเบิดพลังทั้งหมดออกมาอย่างไม่คิดชีวิตแล้วมุ่งหน้าเข้าไปหาผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นทันที
ความตายของเหร่ยเชียนซังทำให้หลงเฉินเกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายขึ้นมา ดวงตาคู่คมเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหารอันแรงกล้า ทว่าเขาต้องสงบจิตใจให้แน่นิ่งเอาไว้
ด้วยสถานะของผู้บัญชาการที่จะต้องนำทัพและนำพาพวกพ้องรอดชีวิตกลับไปให้ได้มากที่สุด เขาจึงจำเป็นที่จะต้องยับยั้งความรู้สึกโกรธแค้นเอาไว้ ไม่เช่นนั้นอารมณ์วู่วามจะทำให้ฝ่ายของเขาไปสู่ความพ่ายแพ้
ถังหว่านเอ๋อ เยี่ยจื่อชิว กู่หยาง ซ่งหมิงเหยียน และโหลวฉางมุ่งหน้าเข้าปิดล้อมผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นเอาเป็นเอาตาย จากนั้นก็โจมตีไปที่คนผู้นั้นอย่างบ้าคลั่ง
หมัดของกู่หยางหนักหน่วงเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยพลังอันน่าหวาดกลัวมากกว่าครั้งไหนๆ จนทำให้ผู้อยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรมได้รับบาดเจ็บภายใน
ส่วนถังหว่านเอ๋อและพวกพ้องที่เหลือต่างปะทุพลังสภาวะขึ้นมาไม่หยุด โดยเฉพาะการโจมตีของถังหว่านเอ๋อ ที่เฉียบคมเป็นอย่างยิ่งจนอยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรมต้องรีบปัดป้องเอาไว้อย่างไม่คิดชีวิต
พลังการโจมตีจากศิษย์สายตรงทั้งห้าคนเข้าปิดล้อมการเคลื่อนไหวของผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นเอาไว้ อีกทั้งยังเป็นการลงมืออันหนักหน่วงจนเกิดเป็นเสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างวุ่นวาย
“รักษาความเยือกเย็นเอาไว้ให้มั่น อย่าได้ทำให้ขบวนทัพแตกแยกเป็นอันขาด” หลงเฉินตะโกนขึ้นมาเสียงดังเมื่อเห็นว่าศิษย์ของทางหมู่ตึกเริ่มแยกย้ายกันวิ่งตะบึงออกไปเพราะถูกความโกรธเกลียดเข้าครอบงำจิตใจ
“ระวังตัวเองให้ดีก่อนเถิด”
ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ชายหนุ่มผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีแดงและหมวกสีเขียวเข้มกำลังเหาะเหินเข้ามาหาหลงเฉินอย่างรวดเร็ว
“มาจบชีวิตของเข้าให้รวบรัดเสียหน่อยเถิด ข้าคร้านที่จะต้องใช้หลายกระบวนท่า” ชายหนุ่มชุดแดงทอแววตาเย็นเยียบจ้องมองมาที่หลงเฉินประดุจเป็นมหาจักรพรรดิกำลังเหลือบมองขอทานผู้หนึ่งอยู่อย่างไรอย่างนั้น
หลงเฉินแสยะยิ้มพร้อมกับชักดาบใหญ่ขึ้นมาแล้วสะบัดคมดาบไปที่คอหอยของชายหนุ่มผู้นั้น “ไสหัวกลับไปหามารดาของเจ้าซะ”
หลงเฉินระเบิดบันดาลโทสะขึ้นมา ในเมื่อการต่อสู้ทั้งหมดเข้าสู่หนทางที่ควรจะเป็นแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องคอยชี้แนะพวกพ้องอีกต่อไปแล้ว
“เหอะ จงตายไป……” ในขณะที่ชายหนุ่มชุดแดงกำลังด่าทอออกมาได้ไม่กี่คำก็ถูกหลงเฉินโจมตีเข้ามา เขาจึงรีบยกกระบี่ยาวขึ้นต้านดาบใหญ่ของหลงเฉินอย่างรวดเร็ว
“เพล้ง”
ทว่าพลังอันน่าหวาดกลัวของหลงเฉินกลับเป็นพลังทั้งหมดที่มี ด้วยการปัดป้องด้วยกระบวนท่าธรรมดาของเขาจึงถูกซัดจนลอยกระเด็นออกไปไกล แรงระเบิดดังสนั่นทั่วทั้งผืนฟ้าแล้วเงาร่างสายหนึ่งก็ลอยคว้างอยู่กลางอากาศพุ่งเข้าชนกลุ่มของศิษย์ฝ่ายอธรรมเป็นทางยาวจนร่างกายแหลกละเอียดเป็นเศษชิ้นเนื้อไปในทันที
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
เหล่าผู้อาวุโสของฝ่ายอธรรมที่มองดูอยู่จากบริเวณที่ห่างไกลออกไปต่างก็ทอแววตาโง่งมมองมาทางผู้อยู่เหนือขอบเขตทั้งสี่คนที่กำลังถูกปิดล้อมเอาไว้ และหนึ่งในนั้นก็เพิ่งจะถูกดาบใหญ่ของหลงเฉินซัดออกมาจนพาศิษย์ฝ่ายอธรรมบาดเจ็บและล้มตายกันระเนระนาด
เพียงแค่การลงมือสังหารผักปลาขอบเขตก่อโลหิตเพียงตัวเดียวกลับยังกระทำไม่ได้ เดิมทีก็เป็นเพียงความอับอายอันยิ่งใหญ่ทว่าในตอนนี้กลับกลายเป็นความอัปยศไปเสียแล้ว
ชายหนุ่มชุดแดงถูกซัดออกไปกว่าสองร้อยจั่งแล้วค่อยค่อยฝืนหยุดร่างกายเอาไว้ได้ เขารู้สึกว่าท่อนแขนของเขาเกิดความเจ็บปวดราวกับถูกตัดออกเป็นชิ้นๆ ไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น ที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่งก็คือศาสตราวุธที่ผู้อาวุโสพรรคมารได้มอบให้ถึงกับเกิดเป็นรอยร้าวขึ้นมาเป็นสาย
และในขณะที่เพิ่งจะมีปฏิกิริยาคืนกลับมานั้น จู่จู่เบื้องหน้าของเขาก็มีเงาร่างหนึ่งกำลังวิ่งตะบึงเข้ามาพร้อมกับดาบใหญ่สีทอง “เจ้าโง่หมวกเขียว คิดจะสังหารข้าอย่างนั้นหรือ มาสิ เข้ามาสิ……”
ดาบทลายมารของหลงเฉินฟันออกไปอย่างต่อเนื่องไม่หยุด และทุกครั้งที่ฟาดฟันออกไปนั้นต่างก็ทำให้ทั่วทั้งแผ่นดินเกิดการสั่นไหวไปมาอย่างรุนแรง กระแสลมกรรโชกโบกพัดเหล่าศิษย์ฝ่ายอธรรมโดยรอบอย่างบ้าคลั่งจนเงาร่างหลายสายลอยกระเด็นออกไปไกล เพราะในขณะนี้มีเพียงหลงเฉินคนเดียวเท่านั้นที่บุกเข้าไปต่อสู้อยู่ท่ามกลางศิษย์ฝ่ายอธรรม
การลงมืออย่างหนักหน่วงของหลงเฉินได้สร้างความฮึกเหิมให้กับศิษย์ฝ่ายธรรมะที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าหวาดกลัวมากถึงเพียงใด ขอเพียงพบเห็นหลงเฉินลงมืออยู่เบื้องหน้าสายตา โลหิตภายในร่างกายของพวกเขาก็ราวกับเร่าร้อนขึ้นมาในทันที
“พี่ใหญ่ลงมือแล้ว พวกเราบุกได้!”
กัวเหรินตะโกนเสียงดังพร้อมกับยกหน้าไม้ยิงเข้าใส่ศัตรูทางด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง รอบด้านของกัวเหรินมีเหล่าพวกพ้องของพรรคฟ้าดินนับสิบคนทำการคุ้มกันเอาไว้อย่างหนาแน่น เนื่องจากการโจมตีของกัวเหรินเป็นการสังหารผู้คนในระยะไกลจึงไม่อาจปล่อยให้ศัตรูเข้ามาใกล้ตัวได้
การลงมือของหลงเฉินทำให้ศิษย์ของทางหมู่ตึกปะทุพลังอันมหาศาลทั้งหมดออกมาอย่างต่อเนื่อง พลันก็ออกอาวุธฟาดฟันศิษย์ฝ่ายอธรรมทั้งหมดโดยไม่คิดชีวิต การต่อสู้ในหลายวันที่ผ่านมานี้ได้ทำให้พวกเขาผสานการต่อสู้ทั้งรุกและรับกันอย่างคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้น ภายในจิตใจเปี่ยมไปด้วยความโหดร้ายเสียยิ่งกว่าศิษย์ฝ่ายอธรรมไปแล้ว
เมื่อได้เห็นศิษย์ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์ลงมือสังหารศัตรูอย่างห้าวหาญ เหล่าศิษย์จากสำนักอื่นก็เกิดโลหิตพุ่งพล่านขึ้นมาบ้าง พลันก็แยกย้ายกันไปป้องกันอยู่ทางด้านหลังของศิษย์ของหมู่ตึกพลิกสวรรค์
นากจากศิษย์ของศาลาการแพทย์ที่คอยรักษาผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บแล้วก็ยังมียอดฝีมือจากตำหนักป่าสวรรค์สิบกว่าคนเข้ามาทำการสนับสนุนการต่อสู้ในครั้งนี้อีกด้วย ทว่ายอดฝีมือเหล่านั้นกลับเป็นถึงศิษย์สายตรงทั้งหมด โดยพวกเขาจะรับหน้าที่จัดการศัตรูในแนวกลาง หากมีผู้คนได้รับบาดเจ็บก็จะช่วยลงมือรักษาให้ด้วย
ทว่าการรักษาของพวกเขานั้นแตกต่างจากศิษย์ของศาลาการแพทย์เป็นอย่างมาก ไม่จำเป็นที่จะต้องสัมผัสร่างกายของผู้ได้รับบาดเจ็บก็สามารถรักษาบาดแผลได้แล้ว ขอเพียงผสานทั้งสองมือเข้าด้วยกันก็จะทำให้มีพลังชีวิตไหลเวียนขึ้นมาจากพื้นดินแล้วเข้าห่อหุ้มบาดแผลของคนผู้นั้นเอาไว้
หากเป็นการบาดเจ็บภายนอกก็สามารถทำให้หายได้ในทันที ส่วนอวัยวะภายในที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักก็ใช้เพียงสามถึงห้าลมหายใจเข้าออกเท่านั้น เรียกได้ว่าแข็งแกร่งจนศิษย์ของศาลาการแพทย์ต้องปากอ้าตาค้างกันไปตามๆ กัน
ด้วยเหตุนี้หลงเฉินจึงสามารถปล่อยวางพวกพ้องทางด้านนั้นได้แล้วหันมาต่อสู้ได้อย่างสบายใจ สถานะการเป็นผู้บัญชาการของทัพจึงหมดวาระลงแต่เพียงเท่านี้ ขอเพียงกระตุ้นกำลังใจของผู้คนขึ้นมาได้ก็สามารถมองเห็นความหวังที่จะได้รับชัยชนะแล้ว
ทว่าหลงเฉินก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าผู้อยู่เหนือขอบเขตมีพลังอันแกร่งกล้าเป็นอย่างมาก แม้จะตกเป็นฝ่ายป้องกันก็ยังไม่หวั่นไหวแต่อย่างใด อีกทั้งการโจมตีอย่างหนักหน่วงของหลงเฉินก็ไม่อาจสร้างความเจ็บปวดให้กับคนผู้นั้นได้เลยแม้แต่น้อย
หลงเฉินกวัดแกว่งดาบใหญ่สีทองจนบรรยากาศโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงประดุจพายุฝนกระหน่ำ ทั้งยังออกแรงฟันเข้าใส่ศัตรูไม่หยุดหย่อนจนคนผู้นั้นแทบจะไม่มีโอกาสสวนกลับมาได้เลย
ผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นจึงเกิดโทสะขึ้นมา พลันก็คิดไปว่าพลาดท่าไปเพียงกระบวนท่าเดียวก็ถูกหลงเฉินโต้กลับมาไม่ยั้งจนทำได้แค่ต้านรับเอาไว้ อีกทั้งดาบทลายมารเล่มนั้นก็ช่างมีพลังทำลายที่น่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง การต้านทานแต่ละครั้งจึงราวกับมีขุนเขาลูกหนึ่งทับถมลงมา โลหิตภายในร่างกายตีกลับไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ศาตราวุธที่ท่านผู้อาวุโสของสำนักได้มอบให้ก็ถูกการโจมตีของหลงเฉินสร้างรอยแตกร้าวอยู่เต็มไปหมดจนมีลักษณะคล้ายกับใบเลื่อย ถึงแม้ว่ากระบี่หยกของเขาจะเป็นถึงศาสตราวุธแห่งเทพที่ไม่เคยมีผู้อยู่เหนือขอบเขตคนใดได้ครอบครองมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
และตามปกติแล้วกระบี่หยกเล่มนี้ก็มักจะได้ช่วงชิงชีวิตของผู้คนมากกว่า เมื่อมาตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกกดดันเช่นนี้ก็แทบจะทำให้เขาหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บปวดใจอย่างถึงที่สุด แม้แต่เวลาที่จะหยุดหายใจสักครู่หนึ่งก็ยังไม่อาจกระทำได้
“ข้าจะทำให้เจ้าไม่ตายดีแน่ ข้าจะทำให้เจ้าไปแอบมองหญิงสาวอาบน้ำไม่ได้เลย……” หลงเฉินกร่นด่าออกไปอย่างไม่สนใจใยดีราวกับว่าแค่สบถเพื่อระบายความโกรธแค้นที่อยู่ภายในใจก็เท่านั้น
“ข้าจะไปแอบดูหญิงสาวอาบน้ำด้วยเหตุอันใดกันเล่า?” ผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นตะโกนขึ้นมาอย่างเดือดดาลแล้วทานรับคมดาบของหลงเฉินเป็นพัลวัน
“อย่าปากแข็ง ข้าจะสังหารเจ้า……สังหารเจ้า……เอง” หลงเฉินกล่าวออกไปไม่เป็นคำพร้อมกับโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ดาบใหญ่สีทองกวาดไปยังเบื้องหน้าจนฝุ่นละอองคละคลุ้งไปทั่ว
“ช่างเป็นการโจมตีที่หนักหน่วงยิ่งนัก”
ผู้อาวุโสของฝ่ายธรรมะเหล่านั้นทอสีหน้าไม่อยากจะเชื่อสายตามองไปทางผู้อยู่เหนือขอบเขตของฝ่ายอธรรมที่ถูกจู่โจมจนต้องถอยร่นออกไปไม่หยุด
“เหอะเหอะ ช่างสมกับเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง เหยาเอ๋อของข้าช่างมีสายตาที่ไม่เลวเลยทีเดียว” ฮวายวี่ยิ้มกริ่ม ยอดฝีมือที่อยู่เพียงขอบเขตก่อโลหิตขั้นสูงสุดสามารถกดดันผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้หนึ่งได้อย่างหมดจดเรียกได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความบ้าคลั่งอย่างไร้ที่เปรียบแล้ว!
ส่วนเฒ่าประหลาดเนตรมารที่มองดูจากบริเวณที่ห่างไกลออกไปก็ไม่อาจยับยั้งความอดทนอดกลั้นเอาไว้ได้อีก จนต้องด่าทอขึ้นมาเสียงดัง “มารดาของพวกเจ้าเถิด ผู้ใดสามารถบอกข้าได้บ้างว่าตอนนี้มันเกิดเหตุอันใดขึ้นกันแน่!”
ผู้อาวุโสของฝ่ายอธรรมมีสีหน้าซีดเผือดขึ้นมา ร่างกายผอมบางสั่นเทาอย่างรุนแรง ไม่มีผู้ใดคิดที่จะเอ่ยปากตอบกลับออกไป หากไม่ได้เห็นด้วยสายตาของตัวเอง พวกเขาก็คงจะไม่เชื่อเช่นกันว่าได้มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นจริง
“ตูม”
ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นมาเป็นสาย ดังสนั่นเสียจนผู้คนทั้งหมดเป็นต้องหันเหลียวไปมอง ในขณะนี้เบื้องหน้าสายตาของพวกเขามีเงาร่างหนึ่งกำลังจู่โจมผู้อยู่เหนือขอบเขตจนไม่อาจหลบเลี่ยงได้แล้ว ทันทีที่หลงเฉินจับกุมคนผู้นั้นได้แล้วก็รีบกระตุ้นพลังทั้งหมดออกมาโจมตีติดต่อกันอยู่หลายครั้ง
ทว่าจู่จู่ผู้อยู่เหนือขอบเขตใต้ฝ่าเท้าของเข้าก็ได้แผดเสียงร้องขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด แววตาทั้งสองทอสีแดงก่ำประดุจดวงตาของมารร้าย แล้วในมือของเขาก็มีโถขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา
“เจ้าตัวบัดซบ ข้าจะเลาะกระดูกของเจ้ามาบดเป็นผงเอง!”