“อืม พวกเรามาแล้ว”หวางทิงเสว่ดึงซางหยูให้รีบเดินเข้าไป
หลินซินเหยียนมองพวกเขาสองคน ยิ้มและถาม “แอบคุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ?”
ซางหยูหัวเราะ “ทิงเสว่เห็นคุณซื้อเสื้อผ้าเด็กเล็ก เลยมาถามฉันมาคุณคลอดลูกแล้วเหรอ ฉันเลยบอกว่าคุณเป็นคุณแม่ลูกสามแล้ว เธอบอกว่าดูแล้วคุณยังสาวมาก”
“และยังสวย คุณหน้าตาดีมาก” หวางทิงเสว่รีบพูดเสริม
หลินซินเหยียนหยิบบาง เธอเองก็เป็นคนปกติ ถูกชมว่าสวย หน้าอาจจะไม่ได้แสดงออกมา แต่ในใจนั้นดีใจมาก
“ลูกชายหรือเปล่า?” ”หวางทิงเสว่มองเสื้อกันหนาวเด็กสีแดงที่อยู่ในมือของหลินซินเหยียนดูแล้วเหมือนจะเป็นชุดเด็กชาย
หลินซินเหยียนพยักหน้า
พนักงานในร้านพูด “เสื้อหนาวตัวนี้ใส่คู่กับกางเกงลำลองสีดำหรือกางเกงยีนก็ดูดี”
เรื่องการจับคู่สีสำหรับหลินซินเหยียนนั้นไม่จำเป็นจะต้องได้รับคำแนะนำจากพนักงาน ลูกของเธอนั้นสวมเสื้อผ้าแฟชั่นมาโดยตลอด เธอผู้เป็นนักออกแบบเสื้อผ้าจุดนี้ค่อนข้างมีความคิดเห็นไม่เหมือนใครและเป็นตัวของตัวเองอย่างมาก
เรียกพวกเธอมาช่วยดูนั่นก็เพราะว่าพวกเธอนั้นยังเด็กอยู่ น่าจะมีสายตาที่แตกต่าง เธอต้องการที่จะสัมผัสกับสิ่งแปลกใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพตัวเองให้สูงขึ้น
หวางทิงเสว่มองไปที่ชุดที่อยู่บนนายแบบ ดูเท่มากๆเมื่อคู่กับกางเกงลำลองสีดำ
“น่าจะดูดีมาก”
ซางหยูเองก็พูด “คู่กับรองเท้าผ้าใบสีขาวยิ่งดูเท่จริงๆ”
หวางทิงเสว่ชี้ไปที่รองเท้ากีฬารุ่นคุณพ่อคู่หนึ่งและพูด “คู่กับรองเท้านี้ดูเหมาะมาก”
“เข้ากับรองเท้าผ้าใบสีขาว”
สองคนถกเถียงกันไปมา หลินซินเหยียนเห็นพวกเขาหัวเราะ รู้สึกสนุกมาก
วัยรุ่นนี่ช่างดีเหลือเกิน
เธอดูยังอ่อนวัย แต่จิตใจนั้นมีความเป็นผู้ใหญ่สูงมากเมื่อเทียบกับพวกเธอ
หลินซินเหยียนซื้อสองชุดที่ร้านนี้ จากนั้นไปร้านอื่น สุดท้ายหมดให้กับเด็กสองคนไปสองสามชุด
หลินซินเหยียนให้คนขับไปส่งหวางทิงเสว่กลับโรงเรียน เธอและซางหยูถึงกลับมาที่บ้าน
ทารกน้อยยังคงตื่นอยู่ จับจองด้วยดวงตากลมโต ซางหยูล้างมือเพื่อมาอุ้ม หลินซินเหยียนเอาเสื้อผ้าเข้าไปเก็บในห้อง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาเสิ่นเผยซวน 【มากินข้าวเย็นที่บ้าน】
เสิ่นเผยซวนกำลังดูทีวีอยู่ที่บ้านคนเดียว คอลัมน์สังคมและกฎหมาย ซางหยูไม่อยู่บ้าน เขาอยู่คนเดียวค่อนข้างน่าเบื่อ
ได้ยินเสียงข้อความดังขึ้นมาเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเป็นครั้งแรก คิดว่าเป็นซางหยู สุดท้ายกลับกลายเป็นหลินซินเหยียน เขาค่อนข้างผิดหวัง เขาไม่อยากจะออกไป ตอบกลับไปว่า 【ฉันไม่ไป】
ข้อความของหลินซินเหยียนก็เข้ามาอีกอย่างรวดเร็ว【ซางหยูอยู่ที่นี่ จะมาไม่มาแล้วแต่คุณ】
พอส่งข้อความนี้เรียบร้อยแล้วหลินซินเหยียนก็วางโทรศัพท์มือถือเดินออกไป ซางหยูนั่งอยู่ที่โซฟาหยอกล้อกับทารกน้อย เห็นว่าหลินซินเหยียนออกมาก็เลยพูดว่า “ฉันรู้สึกว่าเขายิ่งโตยิ่งเหมือนคุณ”
หลินซินเหยียนพูด “จริงหรือเปล่า?”
“จริงสิ เด็กผู้ชายเหมือนแม่ถือว่ามีโชค เด็กผู้หญิงเหมือนพ่อถือว่ามีโชค ท่าทางเขาจะเป็นคนที่มีโชคทีเดียว”ซางหยูเคยได้ยินคำพูดเหล่านี้มาจากคนเฒ่าคนแก่พูดกัน ไม่มีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์รับรอง แต่ว่าเป็นมงคลอย่างมาก ถึงอย่างไรเด็กไม่เหมือนแม่ก็ต้องเหมือนพ่อ
หลินซินเหยียนนั่งลงมา ยื่นมือไปลูบแก้มของลูกชาย ถามซางหยู “วันนี้เดินทั้งวันเหนื่อยหรือเปล่า?”
ซางหยูส่ายศีรษะบอกว่าไม่เหนื่อย
เธอไม่ได้รู้สึกเหนื่อยจริงๆ ทุกครั้งที่ไปร้านจะมีคนรินน้ำและให้นั่งที่โซฟา ที่จริงแล้วไม่ได้เยอะแยะอะไรเลย
หลินซินเหยียนให้ป้าหยูเตรียมกับข้าวมาหน่อย ป้าหยูพูดว่ารับทราบ
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงจงจิ่งห้าวก็กลับมา ตามด้วยเสิ่นเผยซวน
เสิ่นเผยซวนได้รับข้อความที่สองของหลินซินเหยียนก็รีบส่งข้อความมาถามทันที ว่าทำไมซางหยูถึงมาอยู่ที่บ้าน?
เธอไม่ใช่ว่าไปโรงเรียนแล้วเหรอ? และยังอยากพักที่โรงเรียน บอกว่าเรียนหนักไม่มีเวลากลับไป ถึงแม้เขากลับมา ก็ไม่มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนเขาเหมือนกัน ทำไมถึงมาปรากฏตัวที่บ้านตอนนี้ได้?
หลินซินเหยียนไม่ได้มองโทรศัพท์มือถือ เป็นธรรมดาที่ไม่ได้ตอบกลับเขา เขาที่วางโทรศัพท์ลงหลังจากนั้นก็รีบมาทันที
ตอนที่เสิ่นเผยซวนมาถึงนั้นเป็นหลินซินเหยียนที่มาเปิดประตู ปากของเขานั้นอยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หลินซินเหยียนนั้นชิงตัดบทเขาก่อน “เข้ามาสิ ซางหยูเองก็อยู่นะ”
เธอทำท่าทางเหมือนไม่รู้อะไรเลย
ซางหยูทำท่าจะดื่มน้ำ เสิ่นเผยซวนก็มาแล้ว?
เขามาได้ยังไง?
เธอนั้นค่อนข้างว้าวุ่นใจในทันใด
“ซางหยู” เสิ่นเผยซวนเดินเข้ามา
ซางหยูเงยหน้าขึ้นมาค่อนข้างเจ็บโพรงจมูก ในใจรู้สึกน้อยใจ
เธอเบือนหน้าหนี
ใจเธอนั้นเข้าใจดีทั้งหมด รู้ว่าเสิ่นเผยซวนนั้นเป็นคนนิสัยแบบนี้ แต่ว่า……พวกเขานั้นเคยสนิทสนมกันขนาดนั้น หลังจากนั้นเขาก็ทำเหมือนว่ามันจางหายไป ไม่ส่งข่าวไม่โทรหาเธอเลย
นานๆทีติดต่อเธอมาหนึ่งครั้งก็แสนจะเย็นชา
เธอใส่ใจ เธอเพิ่งจะเป็นผู้หญิงเต็มตัว เธอหวังว่าผู้ชายคนนี้จะเอาใจใส่เธอมากกว่านี้อีกสักหน่อย
หลินซินเหยียนไม่ได้อยู่ในห้องรับแขก ขึ้นข้างบนไปแล้ว ให้พื้นที่นี้กับพวกเขา
เสิ่นเผยซวนนั่งข้างๆซางหยู พูดเสียงเบา “ไม่ใช่ว่ามีเรียนเยอะอย่างนั้นเหรอ? ทำไมถึง……”
“ฉันมีเรียนช่วงเช้า ช่วงเย็นไม่มี และอีกอย่างฉันก็ต้องกินข้าว ไม่ใช่ว่ามีเรียนเยอะเลยจนไม่กินอะไรเลย” ซางหยูพูดอย่างเมินเฉย
เสิ่นเผยซวนรู้สึกตัว มองไปที่เธอแล้วถาม “คุณโกรธผมอยู่หรือเปล่า?”
ซางหยูปฏิเสธ “เปล่า”
เสิ่นเผยซวนเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดตรงไหน รู้สึกแค่ว่าบรรยากาศนั้นดูไม่ค่อยจะถูกต้อง
“ซางหยู คุณพูดกับฉันสิว่าคุณมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า” รอตั้งนานกว่าเขาจะพูดประโยคนี้ออกมา
ซางหยูใช้มือทั้งสองข้างจับถ้วย “ฉันไม่มีอะไรที่ไม่สบายใจ ทุกวันนี้ฉันอยู่อย่างมีความสุขตลอด นอกจากเรียนแล้วก็ยังต้องหาบริษัทเพื่อฝึกงาน แค่นี้ก็ยุ่งมากพอแล้ว จะเอาเวลาไหนไปไม่สบายใจกัน?”
เสิ่นเผยซวนรู้สึกได้ถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน เมื่อก่อนซางหยูไม่ได้เป็นแบบนี้ คำพูดครั้งนี้ทำไมมีความประชดประชัน?
เขาครุ่นคิดสักครู่ “ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
ซางหยูพูด “ไม่มี”
เสิ่นเผยซวนยังอยากที่พูดอะไรอีก ตอนนี้เองที่หลินซินเหยียนและจงจิ่งห้าวลงมาจากข้างบน เขาเลยเก็บงำเอาไว้ ไม่ว่าเขากับซางหยูจะมีเรื่องอะไร ก็ไม่ควรจะทะเลาะกันตอนนี้ จะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะเอาได้นะ
จงจิ่งห้าวอาบน้ำ เปลี่ยนเป็นชุดลำลองอยู่บ้าน เอวแคบไหล่กว้างขายาวที่ไม่ได้สวมชุดสูท ขนาดสวมชุดลำลองสบายๆยังดูดีมากขนาดนี้
เขาถามเรื่องงานของเสิ่นเผยซวนขึ้นมา
สองคนพูดคุยกัน พวกเขาผู้ชายคุยกันทั้งหมดมีแต่เรื่องงานซางหยูเลยลุกขึ้นเดินออกไป ไปช่วยที่ห้องครัว
เสิ่นเผยซวนเงยหน้าขึ้นมามองเธอ แล้วจึงหลบตาลงอย่างช้าๆ