Sevens – ตอนที่ 20 เริ่มบทใหม่

(น้ำเยอะ เพราะทวนเนื้อเรื่องนะครับ)

 

หลังจากผ่านเรื่องทั้งหมดมา ผมก็นั่นทานข้าวเย็นที่ค่อนข้างเลทกับเด็กผู้หญิงสองคนตรงหน้า

 

‘ม-ไม่รู้รสชาติเลย’

 

ผมเริ่มกังวลกับสถานการณ์นี้แล้วสิ

 

จากที่เป็นทายาทตระกูลเคานต์อยู่ดีๆ ก็โดนไล่ออกมา

 

พอเสียทุกอย่างไป และคิดว่าจะออกจากบ้านเกิดมาเริ่มชีวิตใหม่ด้วยการเป็นนักผจญภัย

 

{โนแวม ฟ็อกซ์} อดีตคู่หมั้นของผม บุตรีคนที่สองของตระกูลบารอน และเพื่อนสมัยเด็ก ก็ติดตามผมมาด้วย

 

เธอเป็นคนที่ไม่เหมาะกับผมเอาซะเลย

 

ไม่ใช่ว่าเธอน่ากลัวหรืออะไรนะ

 

แต่เพราะเธอทั้งขายสินสอดทองหมั้นที่เตรียมไว้แต่งงานกับผมไปเสียหมด และเอาเงินที่ได้มาใช้เพื่อให้ผมตั้งตัวเป็นนักผจญภัยอีก

 

ทั้งดูแลผมที่อ่อนต่อโลก

 

ทั้งใจดี และสวยสง่า

 

ทั้งเส้นผมสีน้ำตาลสดใสโพนี่เทลมัดข้างของเธอ และริมฝีปากอมชมพูที่กำลังสัมผัสช้อนที่กินข้าวอยู่ตอนนี้

 

ขณะรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ ดวงตาสีฟ้าของเธอกำลังจดจ่ออยู่กับมื้ออาหารที่เป็นขนมปัง ซุป และเนื้อย่างราคาประหยัดบนโต๊ะ

 

“ท่านไรเอล ไม่ถูกปากหรือคะ? ”

 

เมื่อเธอรู้ตัวว่าผมมองอยู่ โนแวมก็แสดงความเป็นห่วงออกมา

 

“ม-ไม่ใช่หรอก!”

 

ผมรีบหันกลับมากินอาหารตรงหน้าตัวเอง และมองไปยังเด็กสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับโนแวมไปด้วย

 

ผมสีแดงยาวประหลังปลายม้วน ดวงตาสีม่วงที่กำลังลุกลี้ลุกลนอยู่ไม่สุข

 

{อาเรีย ล็อคเวิด} เด็กสาวไร้บ้าน

 

แน่นอนว่ามาจากคนละกรณีกับผม

 

เพราะพ่อของเธอดันไปติดต่อกับกองโจรที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่ในเหมืองร้างใกล้ๆ เมืองเดลลีน

 

และคอยสนับสนุนพวกมันอีกต่างหาก

 

ทั้งๆ ที่เดิมทีเป็นถึงตระกูลเคานต์ และขุนางชั้นผู้บริหารของรัฐบาลแท้ๆ  

 

พ่อเด็กคนนี้…พ่อของอาเรียกลับพังประวัติศาตร์อันยาวนานของตระกูลลงไปได้ในชั่วอายุคนเดียว

 

แถมยังเอามรดกของตระกูลไปขายแดกอีก

 

และผมที่แสดงบทบาทเป็นขุนนางผู้ตกต่ำงี่เง่า ก็คือคนที่ไปทวงมรดกนั้นคืนมาจากพวกโจรด้วยเงินทุนจากเจ้าเมืองนั่นเอง

 

“ฮ่า ดีจังเลย”

 

เมื่ออาเรียบอกแบบนั้น โนแวมก็ดูมีความสุข และอธิบายจานอาหารตรงหน้า

 

“ฉันใช้สาเกหมักให้เนื้อนุ่มขึ้น ดีใจที่คุณชอบนะคะ”

 

แต่ผมไม่ได้ช่วยอาเรียเพราะผมชอบเธอนะ

 

ไม่ใช่แน่ๆ

 

แต่นั่นกลับเป็นเหตุผลที่เธอมาอยู่ในบ้านของผมกับโนแวมล่ะ

 

พ่อของอาเรียตอนนี้กำลังถูกลงโทษจากเจ้าเมืองอยู่ และเธอก็ถูกไล่ออกจากที่อยู่ปัจจุบัน

 

ตามปกติเธอคงไม่พ้นต้องเป็นโสเภณีแน่ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลที่ว่าล่ะก็นะ….

 

“นี่มันอร่อยกว่าที่ฉันเคยทำเองซะอีก..”

 

โนแวมปลอบอาเรียที่กำลังเศร้า

 

“ถ้าคุณชอบ จะให้ฉันสอนวิธีทำก็ได้นะคะ”

 

“ฉ-ฉันขอรบกวนหน่อยนะ”

 

…เพราะเจ้าเมือง ท่านเวนตราไม่อยากลงโทษเธอแบบนั้น จึงโยนมาให้ผมรับผิดชอบแทน

 

‘แบบนี้ ผมก็ดูเหมือนคนเจ้าชู้น่ะสิ!? ‘

 

ทั้งๆ ที่โนแวมเธอดีกับผมขนาดนี้ ผมกลับพาผู้หญิงที่ถูกใจใช่เลยเข้าบ้านมาเพิ่ม

 

แต่ที่ผมยอมให้เธอมาอยู่ด้วย ไม่ใช่เพราะชอบเธอหรือรู้สึกผิดถ้าทิ้งเธอไปอะไรหรอกนะ

 

มันมีเหตุผลที่ลงตัวอยู่

 

พอเรื่องมันลงล็อคดังว่า ผมจึงชิงสารภาพรักกับโนแวมก่อน แต่เธอกลับยินดีรับอาเรียเข้ามาซะงั้น

 

เธอตอบกลับคำสารภาพรักของผมว่า…

 

{ข้ารู้สึกปลิ้มปิติกับความรู้สึกของท่านจริงๆ ค่ะ แต่ถ้าข้าแต่งงานกับท่านไรเอล มันจะไม่ดีต่อคุณอาเรียที่มาอยู่ด้วยเอานะคะ

เอาไว้ถึงเวลาที่ท่านไรเอลกลายเป็นนักผจญภัยชั้นนยอดแล้วรับพวกเราทั้งสองคนไว้..}

 

…เธอผู้มาประมาณนั้นล่ะ

 

‘ไหงพอเราสารภาพความรู้สึกออกไปแล้ว เรื่องมันกลับวนมาที่จุดเริ่มต้นกัน?

และเราไม่เคยคิดเลยว่าโนแวมจะเป็นคนบอกเองว่าอยากให้เรามีฮาเร็มน่ะ! ’

 

และเรื่องนั้นก็มาจากคำที่ผมเคยพูดเอาไว้เพื่อเธอไล่เธอกลับไป เมื่อตอนเริ่มออกเดินทางซะด้วย

 

{ข้าจะเป็นนักผจญภัย สร้างฮาเร็ม และใช้ชีวิตให้เต็มที่ไปเลย}

 

ผมเคยพูดไว้ราวๆ นั้น

 

และโนแวมก็ไปศึกษาต่อเอง จนกลายเป็น

 

{นักผจญภัยที่จะมีฮาเร็มได้ต้องขึ้นเป็นชั้นหนึ่งก่อน และถ้าจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบายๆ ก็ต้องเป็นหัวกระทิในหมู่หัวกระทิ}

 

และประมวลผลออกมาเป็นสิ่งที่เธอเข้าใจว่า

 

{เป้าหมายของท่านไรเอลคือ การเป็นนักผจญภัยที่ยอดเยี่ยมมที่สุดให้ได้เล้ย}

 

มันไม่ใช่ละ

 

ปกติแล้วเธอเป็นคนที่ไหวพริบดี ผมจึงไม่เข้าใจเลยว่าเธอเข้าใจแบบนั้นไปได้ไงกัน

 

‘คิดว่าถ้าทำให้เธอเห็นว่าเราเป็นคนที่ไร้ค่าแล้วเธอจะยอมกลับไปเสียอีก

แต่เธอกลับติดตามมา…คอยรับใช้ และยึดถือคำพูดของเราอย่างสุดหัวใจ’

 

แม้กระทั่งตัวผมเองที่ลืมไปแล้ว เธอก็ยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่

 

แต่ผมอยากบอกเธอจริงๆ นะ…

 

ว่าผมไม่ได้ตั้งใจพูดน่ะ

 

 

‘อ่า แล้วเราก็มีพวกเขาอยู่ด้วย…ในอัญมณีนี้ ‘

 

อัญมณีล้ำค่านี้คืออัญมณีที่สมบูรณณ์แล้ว

 

จากอัญมณีที่สามารถบันทึกทักษะได้เพียงทีละทักษะ

 

ถึงความรู้นี้จะไม่แพร่หลายในปัจจุบัน แต่พอบันทึกทักษะไปเรื่อยๆ จนครบแปดสกิล อัญมณีก็จะสมบูรณ์ในที่สุด

 

และเรียกว่าอัญมณีล้ำค่า ( Gem กลายเป็น Jewel )

 

ซึ่งอัญมณีสีน้ำเงินที่ผมมีอยู่นี้ ก็บันทึกสกิลของผมเองที่ยังไม่รู้เอฟเฟค  

และสกิลของเหล่าผู้นำทั้งเจ็ดคนของตระกูลวอลท์ผ่านยุคสมัยที่ผ่านมาเอาไว้

 

แต่ปัญหาก็คือ…

 

 

[หนูอาเรียน่ารักจริงๆ…ช่างน่าสงสารที่เธอถูกไอ้แก่บ้านั่นทรมาน และถูกไล่ออกมาจากบ้านน่ะ]

 

เสียงห้าวๆ ของ {บราซิล วอทล์} ผู้ก่อตั้งตระกูลวอลท์ ดังออกมาจากในอัญมณี

 

[เจ้าก็ไปส่งกระจกเอาสิ! จะได้เห็นไอ้แก่บ้าๆ อีกคนสะท้อนกลับมาน่ะ! ]

 

เสียงท้าไผว้กับรุ่นที่หนึ่งดังสวนขึ้นมา

 

มันเป็นของ {คลาสเซล วอลท์} ผู้นำตระกูลรุ่นที่สอง

 

ชายในลุคนักล่า รุ่นที่สองถือว่าค่อนข้างธรรมดาในประวัติศาสตร์ของตระกูล

 

เริ่มต้นมาจากรุ่นที่หนึ่งที่ออกบุกเบิกดินแดน ก่อตั้งหมู่บ้าน และขึ้นเป็นเจ้าเมือง คือการเริ่มต้นของตระกูลวอลท์

 

ต่อด้วยรุ่นที่สามผู้ประกาศชื่อของตัวเองด้วยการพาทัพของกษัตริย์ถอยทัพ ในสงครามกับมหาอำนาจของดินแดนอื่นจนประสบความสำเร็จ

 

และเรื่องราวการเสียสละในสนามรบครั้งนั้นของผู้นำรุ่นที่สาม {สเลน วอทล์} ก็ยังคงถูกกล่าวสรรเสริญมาจนถึงทุกวันนี้

 

เมื่อเทียบกับเรื่องราวพวกนั้น รุ่นที่สองจึงไม่ค่อยโดดเด่นเป็นธรรมดา

 

…ซึ่งต่างกับความจริงโดยสิ้นเชิง

 

เพราะวิธีขยายดินแดนสั่วๆ และการชักชวนคนป่ามาเป็นประชากรด้วยกำลังจนศิโรราบของรุ่นที่หนึ่ง  

 

รุ่นที่สองที่ดูธรรมดานี้แหละ ที่คอยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายหลังจนสร้างรากฐานที่มั่นคงให้แก่ตระกูล และผลิดอกในผู้นำรุ่นต่อๆ มา

 

ซึ่งน่าเสียดายที่คุณงามความดีของเขาไม่ถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์เลย

 

‘…วันนี้รุ่นที่สองเกรี้ยวกราดกว่าปกติแฮะ’

 

 

สกิลที่ถูกบันทึกเอาไว้ในอัญมณีจะมีอัตตาเป็นของตัวเอง โดยยึดตามความทรงจำของบรรพบุรุษที่เคยใช้มัน

 

แล้วอัตตาที่ว่าก็ดันตื่นขึ้นมาในตอนที่สกิลของผมตื่นขึ้น และอัญมณีพัฒนาเป็นอัญมณีล้ำค่านั่นเอง

 

ซึ่งอัญมณีล้ำค่านี้มัน…

 

 

[วันนี้พวกเขากระปี้กระเปร่ากันดีนะ]

 

รุ่นที่สามมองรุ่นที่หนึ่งกับสองทะเลาะกันอย่างมีความสุข

 

 

ถูกนับว่าใช้งานทุกครั้งที่ผมได้ยินเสียงของพวกเขา

 

…และเสียพลังเวท แม้แต่ตอนที่ผมยังไม่ได้ใช้สกิลด้วยซ้ำ!

 

‘พวกคุณใจเย็นลงหน่อยเถอะ…’

 

คงเพราะการวิวัฒนาการที่ว่าทำให้อัตตาของสกิลสามารถควบคุมการใช้งานของตัวเองได้

 

ทำให้ผมต้องยอมช่วยเหลืออาเรียเพื่อให้ได้รับอนุญาตในการใช้สกิลของเขาคนนั้น

 

แล้วทำไมถึงต้องช่วยอาเรียงั้นหรือ?

 

เพราะอาเรียคือคนที่คล้ายรักแรกของรุ่นที่หนึ่งไงล่ะ

 

ผมใช้สกิลที่ได้รับอนุญาตมาในการปราบกองโจรเพื่อเติมเต็มข้อตกลง

 

และสกิลของเขายังทำให้ผมใช้สกิลของบรรพบุรุษคนอื่นได้อีกด้วย

 

ยกเว้นสกิลของรุ่นที่สามและเจ็ดที่ยังเกิดความสามารถของผมไป และอาจรับภาระของสกิลไม่ไหวจึงถูกห้ามไว้

 

‘พวกเขาไม่ใช่มรดกของตระกูลวอท์หรอก น่าจะเป็นของต้องสาปอะไรเทือกนั้นซะมากกว่า’

 

ถึงจะคิดแบบนั้น แต่ผมก็ทำอะไรกับพวกเขาไม่ได้อยู่ดี นอกจากจะมองค่าอัญมณีเม็ดนี้ต่ำลงไปทุกวันๆ ล่ะ

.

.

.

สุดท้ายเรื่องก็จบลงด้วยการที่ผมยอมให้อาเรียมาอยู่ด้วย แต่ด้วยความที่พวกเราต้องการคนมาช่วยต่อสู้

 

จึงลงเอยด้วยการพาเธอไปสมัครเป็นนักผจญภัย

 

และอาเรียเองก็รู้สึกไม่ดีที่เอาแต่ได้รับความช่วยเหลือจากพวกเราอย่างเดียว เธอจึงยอมตกลง

 

“เอาล่ะ ปาร์ตี้ของคุณลงทะเบียนเสร็จแล้วครับ โปรดจำไว้ว่าถึงคุณจะเพิ่มคุณอาเรียเข้ามาด้วย  

แต่ก็ต่อระยะเวลาสัญญากับคุณเซลฟี่เพิ่มไม่ได้นะครับ”

 

ชายกล้ามผมแดงผิวเข้ม…พนักงานกิลด์ฮาวกิ้นบอกกับพวกเรา และอาเรียที่กำลังประหม่า

 

ถึงรูปลักษณ์จะดูน่ากลัว แต่เขาทำงานด้วยความปราณีตเรียบร้อย และถือว่าค่อนข้างเชี่ยวชาญคนนึงในกิลด์นักผจญภัยเดลลีน

 

“ค-ค่ะ! “

 

พออาเรียได้รับกิลด์การ์ด คุณเซลฟี่ก็ทักเธอ

 

“อย่าประหม่าเกินไปสิ ท่านมีเรื่องอื่นให้กังวลอีกเยอะ แล้วถ้าข้าจะเลิกยกย่องท่านในเวลางานจะว่าอะไรไหมคุณหญิงอาเรีย? “

 

คุณเซลฟี่ที่ปรึกษาจากกิลด์ของเราในตอนนี้ เคยทำงานรับใช้ตระกูลล็อคเวิดมาก่อน

 

เธอเป็นคนที่สอนพื้นฐานการเป็นนักผจญภัยให้พวกเราที่ทั้งสับสนไร้ที่พึ่ง และออกจากบ้านเกิดมา

 

เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแต่งงาน เธอจึงออกจากปาร์ตี้ที่เคยอยู่ และมารับสอนนักผจญภัยหน้าใหม่แทน

 

…นั่นคือหน้าฉาก

 

ถึงการแต่งงานจะเป็นเรื่องจริง แต่เบื้องลึกของเธออีกอย่างคือการเป็นนักผจญภัยที่ขึ้นตรงกับเจ้าเมือง ท่านเวนตรา

 

ในเดลลีนเมืองที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นนี้ เธอถือว่าเป็นคนที่มีความสามารถสูงคนนึง

 

“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าได้สมาชิกคนที่สามมาแล้ว ข้าจะเริ่มสอนเธอจากพื้นฐานก่อน  

คุณหญิ…ไม่สิ อาเรีย ข้าจะสอนเธอที่ห้องรับรองของกิลด์ แล้วสำหรับพวกเจ้าทั้งสองคน ข้าจะให้ไปรับคำร้องทั่วไปเหมือนเดิม”

 

ผมทำหน้าเซ็ง

 

“พ-พวกเรายังต้องทำอยู่อีกเหรอ? ”

 

โนแวมมองผมด้วยสีหน้าลำบากใจ และเธอให้กำลังใจผม

 

“ท่านไรเอล มาพยายามด้วยกันเถอะค่ะ”

 

คุณเซลฟี่ยิ้มตอบผมกลับมา

 

คงเพราะพวกเราแอบหลอกเอาเงินจากนายจ้างของเธอมานิดหน่อย ทำให้คุณเซลฟี่ถูกเจ้าเมืองใช้งานหนักขึ้น เลยจะมาแก้แค้นกระมัง

 

“ไรเอลน่าจะเสร็จคำร้องพวกนั้นไม่เกินช่วงเช้านะ แล้วค่อยไปหาซื้ออุปกรณ์ต่อ เพราะดาบสำรองเจ้าพังไปแล้วนี่? ”

 

“…ใช่ครับ”

 

ดาบของผมพังไปเมื่อตอนที่สู้กับหัวหน้าโจร ผู้ถืออัญมณีสีแดงที่บรรจุสกิลสำหรับสู้ระยะประชิดไว้มากมาย

 

ตอนแรกผมคิดว่ามันจะซ่อมได้ แต่ช่างตีเหล็กกลับบอกให้ผมซื้อใหม่จะดีกว่า

 

“ตอนนี้เจ้ามีเงินแล้วน่าจะหาอันดีๆ ได้บ้างแหละ อาเรียไปชั้นบนกันเถอะ บอส ฝากอธิบายคำร้องกับพวกเขาด้วยนะ”

 

คุณเซลฟี่พาอาเรียจากไป

 

ส่วนคุณฮาวกิ้นก็นำเอกสารคำร้องขึ้นมา

 

“…งานพวกนั้นอีกแล้วเหรอ? ”

 

คุณฮาวกิ้นให้กำลังใจผมที่ไหล่ตก

 

“พ่อหนุ่มไรเอลอย่าเศร้าไปสิ งานพวกนี้ก็สำคัญนะ เวลาที่เธอย้ายสาขากิลด์พวกเขาจะดูพฤติกรรมของเธอจากบันทึกคำร้องพวกนี้ล่ะครับ”

 

พวกเราจะอยู่ที่เดลลีนไม่นานนัก

 

เพราะเมื่อความสามารถของพวกเราเพิ่มขึ้น…ผมคิดว่าเมืองที่พวกเราอยู่ก็คงจะเปลี่ยนตามไปด้วย

 

“ใช่แล้วค่ะ ท่านไรเอล งานสุจริตพวกนี้ก็สำคัญนะคะ มาพยายามด้วยกันเถอะค่ะ”

 

โนแวมยิ้มให้ผม

 

คุณฮาวกิ้นพูดขัด

 

“อ่า งานของคุณโนแวมคืองานเลขาจนถึงถึงเที่ยง ส่วนพ่อหนุ่มไรเอลก็เป็นงานใช้กรรมกรนอก พวกคุณต้องแยกกันนะครับ”

 

“ม-ไม่นะ! ได้โปรดให้ฉํนไปทำงานกรรมกรด้วยเถอะค่ะ! “

 

พอเธอพูดแบบนั้น เสียงจากอัญมณีก็ดังขึ้น

 

เหล่าผู้แคร์ตระกูลฟ็อกซ์ของโนแวมอย่างยิ่งยวด แสดงตวามเลือกที่มักรักที่ชังกับโนแวมทันที

 

[หนูโนแวมเนี่ยนะไปใช้แรงงาน!? เอ็งต้องล้อข้าเล่นแน่ๆ ! ]

 

เมื่อรุ่นที่หนึ่งเปิด รุ่นที่สองก็ตาม

 

[ไรรเอลถึงเวลาที่เจ้าจะแสดงความเป็นลูกผู้ชายออกมาแล้ว]

 

รุ่นที่สามก็เช่นกัน…

 

[หนูโนแวมเป็นเด็กดีจริงๆ เอาล่ะ ไรเอลพูดอะไรสักอย่างสิ]

 

รุ่นที่สี่…

 

[เจ้าจะไม่ปล่อยหนูโนแวมไปทำงานแบบนั้นอยู่แล้วใช่มั้ย ไรเอล? ]

 

พวกเขาขู่ผม

 

‘…พวกคุณ…ผมก็ทำเหมือนกันนะ…’

 

ส่วนรุ่นที่ห้าลงไปไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับเธอเป็นพิเศษ นอกจากจะเป็นแค่ตระกูลสาขาล่ะ

 

รุ่นที่ห้ากล่าว

 

[การให้เด็กผู้หญิงไปทำงานประเภทนั้นมันไร้ประสิทธิภาพ]

 

รุ่นที่หกก็มีความเห็นคล้ายกัน

 

[ใช่ เธออาจะไปเกะกะเจ้าก็ได้]

 

ส่วนรุ่นที่เจ็ด ปู่ของผม…

 

[ให้ไรเอลไปทำงานกรรมกรมัน…ไม่เหมาะสมกับสายเลือดราชวงศ์ของเขาเลยนะ]

 

เศร้ากับผม เขาคือท่านปู่ที่ใจดีกับหลานล่ะ

 

ผมมองไปที่โนแวม

 

“ข-ข้าไม่เป็นไรหรอก ไว้ตอนเที่ยงค่อยไปช้อปปิ้งด้วยกันนะ”

 

เธอยังคงกังวลเล็กน้อย

 

“ท่านไรเอล อย่าหักโหมเกินไปนะคะ ข้าขอตัวไปทำงานเอกสารก่อน”

 

เพราะอัญมณีดูพลังเวทของผมจะเป็นจะตาย จนทำให้คนรอบข้างคิดว่าผมร่างกายอ่อนแอซะงั้น

 

ทำให้โนแวมกังวลกับผมทีเคยสลบไปแล้วหลายครั้งเสมอมา

 

‘…บางทีก็รู้สึกว่าอัญมณีนี่ มันไม่เหมาะกับเราเอาซะเลย’

 

ผมอยากจะตะโกนออกไปให้โลกรู้ ว่าข้าไม่ผิดโว้ย เสียจริงๆ 

 

Sevens

Sevens

อ่านนิยาย เรื่องSevens เดิมไรเอลเป็นลูกชายคนโตที่ต้องรับช่วงต่อของตระกูล แต่พอเขาอายุได้ 10 ปี พ่อแม่ก็เริ่มไม่สนใจเขา แล้วหันไปเห่อน้องสาวของเขาแทน จนวันนึงในตอนที่เขาอายุครบ 15 ปี น้องสาวของเขาก็ท้าประลองเพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอด และเขาก็ได้พ่ายแพ้ หลังจากที่ฟื้นตัว เขาก็ได้รับสืบทอด พลังone for all- เอ้ย อัญมณีที่มีความทรงจำของบรรพบุรุษทั้ง 7 คน และเริ่มออกผจญภัยไปกับเพื่อนสมัยเด็ก

Comment

Options

not work with dark mode
Reset