18ความทะเยอะทะยานของไรเอล
—
ที่คฤหาสน์ของเจ้าเมืองเดลลีน
บรรยากาศรอบๆ กลับต่างออกไปในครั้งที่สองที่เรามานี้
ครั้งก่อนผมมาทำตัวงี่เง่าเอาไว้ และชุดที่สวมก็ไม่ได้เปลี่ยนเพราะตรงมาจากิลด์เลย
ทีแรกผมก็จะเปลี่ยนเป็นชุดที่สุภาพกว่านี้แหละ แต่คุณเซลฟี่บอกให้รีบมานี่สิ
พอผ่านประตูคฤหาสน์เข้าสู่ตัวอาคารตามการนำของคุณเซลฟี่ ก็พบคุณเวนตรากำลังรอเราอยู่
‘อืม พวกเขาคงอยากเสร็จเรื่องเร็วๆ ‘
สำหรับคุณเซลฟี่แล้ว การปล่อยให้ผู้ว่าจ้างรอนานคงจะทำให้เธอเครียดล่ะ
ผมกล่าวคำทักทายกับคุณเวนตราที่กำลังดื่มชาด้วยรอยยิ้ม
“ข้ารู้สึกซาบซึ้งมากที่คุณ…”
“ไม่ต้องมากพิธีหรอก ตอนนี้ข้ากำลังคุยกับคุณไรเอลที่เป็นนักผจญภัยต่างหากล่ะ”
นั่นหมายความว่าเขาตัดสินใจไม่ยอมรับผมในฐานะขุนนางสินะ
‘หรือจะได้ยินมาจากคุณเซลฟี่กัน? ’
เธอคงรายงานให้เขาไปในตอนที่รู้ว่าผมมาจากตระกูลวอลท์
‘เธอน่าจะสงสัยและสืบหาความจริงในตอนที่ผมใช้เวทมนต์ให้ดูรึเปล่านะ’
รุ่นที่เจ็ดที่เปลี่ยนผลัดกับบรรพบุรุษคนอื่นมา ออกความเห็น
[เข้าใจล่ะ เขาเป็นคนที่ดูแค่ภายนอกไม่ได้สินะ เยี่ยมจริงๆ ]
พอพวกเรานั่งบนโฟซา คุณเวนตราก็ถามในเรื่องที่เขาอยากรู้
นั่นคงเป็นจุดประสงค์หลักของเขาที่เรียกพวกเรามาล่ะ
“ข้าได้ยินจากเซลฟี่มาแล้วว่า เดิมพวกคุณทั้งสองคนไม่ได้มุ่งกลับเป็นขุนนาง และตั้งใจใช้ชีวิตเยี่ยงนักผจญภัย แต่มันดูต่างออกไปมากเลยนะ
ถ้าคิดจะสร้างชื่อในการปราบโจร คุณควรจะเคลื่อนไหวพร้อมกับกลุ่มหัวกระทิมากกว่า
รู้รึเปล่าว่าตอนนี้คุณถูกเรียกกันว่า ‘เด็กเหลือขออดีตขุนนาง’ น่ะ? ”
จากที่ทำไป ผมก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าคนอื่นจะมองมาที่ผมยังไง
ผมจ่ายเงินจ้าง และรวมคนมากมายเพียงเพื่อไปปราบโจรกลุ่มกระจึ๋งนึง มีหนทางอีกเยอะที่ดีกว่าการทำแบบผม
ไม่แปลกเลยถ้ามันจะขาดทุนยับ และถูกคนอื่นเรียกกันว่าไอ้ง่าว
เอาเถอะ ถึงจะขี่ช้างจับตั๊กแตนเอาชัวไปหน่อย แต่ผมก็บรรลุจุดประสงค์ของตัวเอง แถมยังได้กำไรมาตั้ง 60 เหรียญทองแหนะ
มันดีพอแล้วล่ะ
“อ่า นั่นก็เพื่อประโยชน์ของข้าเองน่ะครับ”
“คุณจะบอกว่าได้ประโยชน์จากการปราบโจรในครั้งนี้ด้วยงั้นรึ? ”
รุ่นที่เจ็บกระซิบ
[ข้าไม่คิดว่าพอเจ้าจะอธิบายไปว่า ‘มันคือเงื่อนไขในการใช้สกิลของรุ่นที่หนึ่ง’ แล้วเขาจะเข้าใจหรอกนะ]
มันเป็นเรื่องเฉพาะจริงๆ
ผมเห็นด้วยกับรุ่นที่เจ็ด
และแล้ว คุณเซลฟี่ก็เอ่ยชื่อคุณล็อคเวิดขึ้นมา
“เป็นเพราะคำขอร้องของคุณหญิงอาเรียไปกระตุกหัวใจของเจ้า? ไม่สิ หรืออาจจะเป็นแรงจูงใจลับๆ ? ”
“เอ๋? ไม่หรอก เรื่องแบบนั้น…”
ชั่วขณะนึง คุณเซลฟี่ก็ส่งซิกให้ผมตามน้ำคำพูดของเธอไป
รุ่นที่เจ็ดคร่ำครวญก่อนจะแนะนำออกมา
[ไรเอล ตามน้ำไปเถอะ คงจะไม่ดีถ้ารุ่นที่หนึ่งออกมาโวยวายเพราะของอาเรียอีก]
ผมยอมรับไปแบบงงๆ
“อ-อืม…ใช่เลย คุณรู้…สินะ? ”
ผมเหลือบไปทางโนแวม
เธอไม่ว่าอะไร และแค่กำลังดื่มชาอยู่
‘เยี่ยม โนแวมเข้าใจ! ไม่สิ แบบนี้พอมองจากมุมไหน ที่ผมทำไปทั้งหมดก็เพื่อคุณล็อคเวิดชัดๆ เลยนี่หว่า”
ในเมื่อผมยอมรับความเห็นของคุณเซลฟี่ ทำให้คำตอบที่คุณเวนตราได้รับออกมาเป็น
“ข้าเข้าใจ ในเมื่อคุณไรเอลก็เป็นชายหนุ่มคนนึงที่ซื่อสัตย์ต่อความปรารถนาของตัวเองนะ”
เขายิ้ม แต่ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกชมอยู่เลย
และในเมื่อผมเปลี่ยนเรื่องอะไรไม่ได้แล้ว มันจึงจบลงด้วยการที่ผมปราบโจรเพื่อคุณล็อคเวิด
ผมเหลือบตามองอีกครั้ง
‘มันดูไม่ดีเลย โนแวมจะว่าอะไรมั้ยเนี่ย’
เธอไม่โกรธแม้แต่น้อย
ผมกังวลว่าเธอจะคิดอยู่ในใจ แต่เธอก็ไม่แสดงออกมาเลย
“หึ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณคงจะไม่ว่าอะไรถ้ารางวัลของคุณคือ คุณหญิงอาเรียสินะ? ”
“..รางวัล? ”
คุณเวนตราพยักหน้า
“เพื่อตอบแทนประโยชน์ที่คุณไรเอลทำไว้ ในเมื่อคุณต้องการคุณหญิงอาเรีย งั้นข้าก็จะปล่อยนางให้
ข้าหมายถึง หัวหน้าตระกูลล็อคเวิดปัจจุบันถูกพบว่าเกี่ยวข้องกับพวกโจรน่ะ”
คุณเวนตราสอบสวนพวกโจรตามการกระทำที่มีพิรุจมานาน ว่าอาจจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่
และก็พบว่ามันชี้ไปยังตระกูลล็อคเวิด
คุณล็อคเวิดพอรู้เรื่องนี้ก็ถึงกับช็อก
“ของที่ไม่ควรมีอยู่ในยุคปัจจุบันอย่างอัญมณีที่มีหลายสกิล ถ้าจะขายมันให้กองโจร พวกเขาก็ย่อมรู้ผลที่จะตามมาด้วย
และถ้ายังช่วยเหลือพวกมันอีก…พวกเราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงโทษพวกเขา”
เขาอธิบายว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ไปช่วยศัตรูของเจ้าเมือง
เดี๋ยวนะ…
[ข-ขาย เจ้าพูดว่า….ไรเอล! ไปบี้หัวผู้นำตระกูลล็อคเวิดกันตอนนี้เลย! ไอ้คนที่มันขายอัญมณีของคุณอลิสมันไม่ใช่คนแล้วโว้ย! ]
รุ่นที่สองปรามรุ่นที่หนึ่ง
[และเจ้าก็มันก็ผิดมนุษย์ของคนที่เป็นพ่อแม่เหมือนกันนั่นล่ะ
ฟังที่พวกเขาพูดก่อนสิ มันเกี่ยวกับคุณหญิงอาเรียแสนสำคัญของเจ้าไม่ใช่หรือไง? ]
[อ๊า ใช่! ]
พอบรรพบุรุษเงียบลงผมก็มองไปทางคุณเวนตรา
“ตามปกติแล้ว คุณหญิงอาเรียที่เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลก็ต้องรับผิดชอบด้วย ยิ่งการที่พวกเขาเหลือกันแค่พ่อลูกอีก
น่าเศร้าจริงๆ….แม้แต่คุณเซลฟี่ก็บอกว่า เธอจะยังยอมช่วยเหลือข้าอยู่ก็ต่อเมื่อข้าปล่อยให้พวกเขายังอยู่ที่นี่ได้น่ะ”
“ขอเสียมารยาทนะคะ แต่ตระกูลล็อคเวิดไปทำอะไรมาหรือคะ? ”
“ใช้สิทธิ์ของขุนนางไปมีเอี่ยวกับอาชญากร และมองข้ามอาชญากรรมที่พวกมันทำ ทำให้ชื่อเสียงของตระกูลล็อคเวิดป่นปี้
ส่วนหัวหน้าตระกูลก็ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายจนทำให้พ่อของข้าถูกไล่ออก และพวกเราก็ออกจากเมืองหลวงมาใช้ชีวิตที่เดลลีนน่ะ”
คุณเวนตราอธิบายต่อจากเธอ
“การที่อัศวินถูกไล่ออกจะทำให้โดนดูถูกเหยียดหยามจนใช้ชีวิตในเมืองหลวงได้ยากน่ะ
ตระกูลของคุณเซลฟี่ก็คงมีปัญหาไม่น้อย จนทำให้เธอถึงกับต้องกลายมาเป็นนักผจญภัยเพื่อจุนเจือครอบครัวตัวเอง”
คุณเซลฟี่ทำหน้าอธิบายไม่ถูก
“คุณหญิงอาเรียนอกจากจะเห็นตระกูลล่มสลายไปต่อหน้าต่อตาแล้ว ยังได้รู้ว่าพวกเขาติดต่อกับพวกโจรอีก”
“นั่นมัน…”
โนแวมพูดไม่ออก
ตัวตนของตระกูลสามารถรุ่งโรจน์ขึ้น และล่มสลายลงได้ในชั่วอายุคนเดียว
‘เราก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะพูดแบบนั้นได้ล่ะนะ’
รุ่นที่เจ็ดกล่าว
[เพราะความดีความชอบที่ทำมาจนถึงตอนนี้ทำให้พวกเขาไม่ถูกประหารงั้นรึ?
รู้หรือเปล่า ถ้าในยุคของข้าคงไม่พ้นโทษแขวนคอไปแล้วน่ะ?
อ้ะ ตระกูลล็อคเวิดก็อยู่ฝั่งราชวงศ์นี่? ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะความเมตตาของพระราชาเรอะ]
เรื่องนี้เหมือนจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่
แม้ตัวผมเอง ถ้าไม่มีแซลกับโนแวมอยู่ด้วยก็คงตายข้างถนนสักแห่งไปแล้ว
ผมเลยไม่คิดว่ามันคือปัญหาของคนอื่น
เพราะแซลช่วยผมไว้และมอบอัญมณีให้ ผมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้
“…แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลล็อคเวิดหรือครับ? ”
คุณเวนตราทำหน้าจริงจังให้กับคำถามของผม
ปัญหาที่ตระกูลล็อคเวิดสร้างไว้เคยถูกอดโทษมาจนถึงตอนนี้ แต่การที่พวกเขาขายอัญมณีให้โจรมันต่างออกไป
ไหนจะสนับสนุนให้พวกมันอยู่ในเขตเมืองเดลลีนได้อีก
ข้อหาขนาดนี้ ผมสงสัยว่าพวกเขาจะพ้นโทษได้ยังไงกัน
“เพราะคำขอร้องของคุณเซลฟี่ ข้าก็จะปล่อยให้พวกเขาอยู่ในเดลลีนได้ แต่ไม่มีอิสระนะ
การที่เสียยศและจุดยืนไป น่าจะทำให้พวกเขาลำบากไม่น้อยเลยล่ะ”
เมื่อตระกูลล็อดเวิดถูกเนรเทศออกจากเมืองหลวงเซ็นเทียล (Centralle)
ก็ย้ายมาที่เมืองเดลลีนที่ง่ายต่อการอยู่อาศัย และอยู่ไม่ไกลเมืองหลวง
แต่สำหรับขุนนางที่ติดต่อกับอาชญากร ที่เดลลีนก็คงไม่อยากเอาพวกเขาไว้เช่นกัน
คุณเซลฟี่เป็นคนที่จงรักภักดีจริงๆ
“การที่พวกเขาติดต่อกับพวกโจรให้มาอยู่ใกล้เดลลีนก็เรื่องนึง แต่ถ้าให้พวกเราตรวจสอบเข้าไปอีก
ข้าว่าน่าจะขุดเจอเรื่องอื่นอีกเยอะแน่…”
ไหนจะอัญมณีที่บอกว่าถูกขโมยไป ที่จริงกลับขายออกไปเองอีก
…บาปของหัวหน้าตระกูลล็อดเวิดช่างหนักหนา
“ผู้นำตระกูลจะถูกส่งเข้าไปทำงานในเหมือง และคุณหญิงอาเรียที่เหลือแต่ตัวกับวัยแบบนั้น
เธอคงไม่พ้นเป็นโสเภณีในเมืองอื่นล่ะนะ”
พ่อต้องทำงานหนักในเหมืองเยี่ยงทาส
และเส้นทางโสเภณีที่กำลังรอคุณล็อคเวิดอยู่
“แต่ข้าไม่ต้องการให้เด็กสาวผู้กล้าหาญเป็นแบบนั้น ในเมื่อคุณไรเอลต้องการเธอ ข้าก็จะปล่อยเธอให้คุณไปละกันนะ”
เมื่อเห็นคุณเวนตราที่กำลังยิ้ม ผมเอียงหัว
“…ห้ะ? ”
คุณเซลฟี่กระแทกไหล่ของผมอย่างรวดเร็ว
“เยี่ยมไปเลยนี่ ไรเอล! เจ้าได้สาวสวยอย่างคุณหญิงอาเรียเชียวนะ เยี่ยมจริงๆ ! อะฮ่าฮ่าฮ่า! ”
“เดี๋ยวก่อนสิ…อ้าว? ”
เธอรีบจบบทสนทนา และไม่มีใครฟังที่ผมกำลังจะพูดอีกต่อไป
ผมมองขอความช่วยเหลือจากโนแวม
และเธอ…
“ทำได้แล้วนะคะท่านไรเอล แบบนี้ท่านก็เข้าใกล้ความฝันไปอีกก้าวแล้วค่ะ”
“ห้ะ? ความฝัน? เอ๋? อะไร!? ”
การพูดคุยดำเนินต่อไปพร้อมกับความสบสันของผม
[ฮ-เฮ้ย…มันหมายความว่าไงกัน? ]
รุ่นที่หนึ่งงงวย
รุ่นที่สองก็เช่นกัน
[เอ๋? ไม่…ตรงนี้เจ้าต้องช่วยเขาก่อนสิ!? เร่งคิดและช่วยไรเอลป้องกันไม่ให้เด็กสาวอาเรียไปเป็นโสเภณีเร็ว! ]
แต่รุ่นที่สามดูต่างออกไป
[ใช่เหรอ? แต่ดูเหมือนทุกคนจะได้ข้อสรุปของตัวเองแล้วนะ…]
รุ่นที่สี่กังวลกับปฎิกิริยาของโนแวม
[หนูโนแวมดูให้ดีสิ! จบแบบนี้มันไม่สวยนะ! ]
รุ่นที่ห้าตำหนิคุณเวนตรา
[เจ้าเมืองใช้อาเรียเพื่อเอาคืนเรื่องที่ถูกไรเอลหลอกสินะ ชายเจ้าเล่ห์คนนี้คงกำลังหัวเราะลั่นในใจที่เห็นไรเอลมีปัญหาแน่ๆ ]
รุ่นที่หกดูจะชอบคุณเซลฟี่
[นักผจญภัยเซลฟี่คงจะเข้าตาจนจริงๆ แต่ปฎิกิริยาของโรแวมนี่คาดไม่ถึงเลยนะ]
ส่วนรุ่นที่เจ็ดไม่สนใจเรื่องนี้เลย
[เป็นเพราะโนแวมคือบุตรีของตระกูลฟอกซ์ เธอเลยไม่สนว่าไรเอลจะมีเมียน้อยเพิ่มสักคนสองคนก็ได้งั้นรึ?
ถ้าเป็นแบบนี้ ข้าว่าเราควรกังวลเรื่องไรเอลมากกว่ารึเปล่า? ]
ไม่มีคนเข้าข้างผมเลย
แม้แต่การ์ดข้างเจ้าเมืองก็หลุดยิ้มมุมปาก
‘…น-นี่มันเตี๊ยมกันไว้แล้วนี่หว่า? ต-แต่ทำไมล่ะ? ”
ผมว่าคุณเซลฟี่จะขอคุณล็อคเวิดไปเองก็ได้ไม่ใช่หรือไงกัน
ไหงเรื่องมันจบลงด้วยการที่ผมได้ตัวเธอมาล่ะเนี่ย
.
.
.
ในที่สุดก็ได้กลับมาที่บ้านเช่าในรอบหลายวัน ผมยืนอยู่ตรงหน้าโนแวม
การให้โนแวมทำอาหารหลังจากเพิ่งเหนื่อยมาคงจะไม่ดี พวกเราจึงหาร้านอาหารและกินกันมาก่อนแล้ว
ซึ่งผมก็อาบน้ำแปรงฟันเรียบร้อย
‘ร-เราต้องใส่ความตั้งใจเข้าไป! ‘
ผมหายใจลึก และตั้งมั่น
มันไม่ใช่เพียงเพราะบรรพบุรุษเป็นนคนบอก
แต่ผมต้องการตอบรับความรู้สึกของเธอ ต่อเด็กสาวที่ช่วยเหลือผมเสมอมา
และ…ผมก็ชอบโนแวมด้วย
ผมเหงื่อออกจากความประหม่า คำพูดที่จะบอกออกไปก็ไม่ดีอย่างที่หวังไว้
“โนแวม…ข้ารักเธอ สำหรับคนสิ้นหวังอย่างข้าแล้ว จะดีใจมากถ้าเธอแต่งานกับข้านะ”
“ท่านไรเอล…ฉันมีความสุขจริงๆ ค่ะ”
โนแวมปิดปากของเธอด้วยมือทั้งสองข้าง แก้มของเธอแดงเปล่งปลั่ง และชโลมไปด้วยน้ำตาแห่งความยินดี
“อ-อื้ม! ดังนั้นแล้ว…ข้าชอบโนแวม และไม่มีความรู้สึกเชิงนั้นกับคุณล็อคเวิดเลยนะ
เรื่องก่อนหน้านี้มันเป็นเพื่อช่วยเธอคนนั้นเอาไว้ต่างหาก”
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นผู้ชายที่น่าสิ้นหวังที่กำลังหาข้ออ้างในการนอกใจอยู่
แต่การบอกความรู้สึกของผมให้โนแวมต้องมาก่อนล่ะนะ
บรรพบุรุษขัดจังหวะ
ผมจะยินดีมากถ้าพวกเขาอ่านบรรยากาศออก และเงียบเอาไว้น่ะ
รุ่นที่หนึ่ง และสองกล่าว
[น่าสิ้นหวังจริง…เจ้าต้องพูดให้ชัดเจนกว่านี้สิฟะ]
[น้ำหน้าอย่างเจ้าที่ไม่กล้าพูดกับรักแรกของตัวเองไม่มีสิทธิ์มาพูดหรอก]
ผมอยากจะพูดว่า ‘ขอเพียงมีเธออยู่เคียงข้างผู้เดียวก็เกินพอแล้ว’
“ดังนั้น ข้าอยากให้เธออยู่ๆ ข้างด้วยกัน และคงจะดีถ้าได้ใช้ชีวิตต่อกันไปแบบนั้น เธอรู้ไหม…”
[เอาล่ะ คำสารภาพของเจ้ามันไม่ลื่นไหลเอาซะเลย และข้าว่าเจ้าควรจะสร้างบรรยากาศสักหน่อยนะ
อย่างหาของขวัญหรือเลือกสถานที่ดีๆ หรือไม่ก็…]
รุ่นที่สามขยี้ผมอย่างละเอียด
ผมรู้ แต่ถ้าไม่พูดเอาตอนนี้ ผมกลัวว่าสถานการณ์มันจะแก้ไขไม่ได้อีก
“ขอบคุณค่ะ ท่านไรเอล…แต่…”
‘ต-แต่? เราจะถูกปฎิเสธเหรอ? เมื่อกี้ไม่ใช่ว่าเธอบอกว่ามีความสุขหรือไง? ’
“ลูกผู้ชายอย่างท่านไรเอลไม่ควรล้มเลิกความฝันเอาง่ายๆ นะคะ
ในเมื่อท่านต้องการเป็นนักผจญภัย และได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่โดยไม่ถูกหญิงสาวใดมารั้งเอาไว้…
การจะทำให้ความฝันนั้นเป็นจริงได้ ท่านควรจะเพิ่มอิทธิพลของตัวเองด้วยการเป็นนักผจญภัยชั้นยอดก่อนนะคะ”
ผมไม่เข้าใจเรื่องที่เธอพูดเลย
นักผจญภัยชั้นยอด?
ที่ผมมาเป็นนักผจญภัยก็เพื่อหาเลี้ยงชีพ ไม่ได้ตั้งเป้าไว้สูงขนาดนั้นสักหน่อย
“…อะไรนะ? ”
[ไรเอล! นี่เจ้าตั้งใจไว้แบบนั้นเรอะ!? ]
รุ่นที่สี่พูดด้วยความโกรธ
แต่ผมไม่เห็นจะจำได้ว่าตัวเองเคยพูดไว้แบบนั้นด้วย เพราะเดิมทีผมก็ไม่ได้อยากเป็นนักผจญภัยเสียด้วยซ้ำ
โนแวมพูดต่อ
“ฉันคิดถึงเรื่องเกณฑ์ของตระกูวอลท์ด้วยแล้ว คุณอาเรียผ่านแน่นอนค่ะ
ฉะนั้นได้โปรดรวมเธอเข้าไปในฮาเร็มของท่านได้เลยนะคะ”
สิ่งที่โนแวมกล่าวออกมาทำให้รุ่นที่หนึ่งช็อก
[น-นี่มันอะไรกัน…]
“หยุด ขอล่ะโนแวม หยุดก่อน”
เดี๋ยวสิ ผมไม่ได้อยากมีฮาเร็มสักหน่อย…
รุ่นที่สามพูดขึ้น
[อ๊า! ไรเอล เจ้าเคยพูดไว้นี่! นึกให้ดี เจ้าเคยพูดเรื่องแบบนั้นไว้จริงๆ นะ]
‘พูดก็บ้าแล้ว! การนอกใจไปมีหญิงอื่นทั้งๆ ที่โนแวมที่อุทิศตัวเพื่อเรามาขนาดนี้เนี่ยนะ เราไม่โง่ถึงขั้นนั้นหรอก! ‘
“ข้าไม่ได้พูด ข้าไม่เคยพูดอะไรแบบนั้น”
“ท่านไรเอลคะ? ”
ขณะที่โนแวมเอียงหัวของเธอ รุ่นที่สามก็พูดต่อ
[นึกสิ มันตั้งแต่แรกเลย! ก่อนที่เจ้าจะรู้จักพวกเรา ที่เจ้าพูดบนเกวียนนั่นน่ะ! ]
รุ่นที่สี่พอได้ฟังก็นึกขึ้นได้ทันที
[มันเป็นแบบนี้นี่เอง! ]
รุ่นที่สองสับสน
[ต-แต่ที่พูดไปก็เพื่อให้หนูโนแวมเลิกตามมาไม่ใช่เรอะ? ทำไมหนูโนแวมถึงไม่เก็ตมุกล่ะ? ]
เมื่อพวกเขาพูดมาขนาดนั้น ผมจึงเริ่มจำได้
ตอนที่ผมพยายามทำให้เธอเสียใจ และไล่เธอกลับบ้าน
{ไม่เอาหรอก ข้าตั้งใจจะเป็นนักผจญภัย และใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีผู้หญิงมาผูกมัด ที่จริงการที่ถูกไล่ออกมาจากตระกูลก็ทำให้ข้ารู้สึกโล่งใจขึ้นจริงๆ }
“บ้าเอ้ย ข้าพูดไปจริงด้วยนี่หว่า! “
พอผมนึกออกก็ร้องเสียงหลง และโนแวมก็เข้ามาจับไหล่ผมด้วยความกังวล
“ท่านไรเอล!? เป็นอะไรไปคะ ท่านไรเอล!? “
รุ่นที่หนึ่งกล่าวเสียงต่ำ
[จ-เจ้านี่…ถึงจะทำตัวน่าเบื่อ แต่กลับมีความฝันแบบนั้นซะได้]
รุ่นที่สองพูดกับรุ่นที่หนึ่ง
[ไม่ได้ยินที่พวกข้าพูดตะกี้หรือไงฟ่ะ! เธอเชื่อคำโกหกของไรเอลต่างหากโว้ย! ]
รุ่นที่สามงง
[แต่หนูโนแวมจะไม่เอะใจเรื่องนี้เลยเหรอ? ]
รุ่นที่สี่ตำหนิผมต่อ
[ไรเอล! เจ้าจะทำยังไงต่อ!? ในเมื่อมีหนูโนแวมอยู่แล้ว ก็จะรับเด็กสาวอาเรียมาเพิ่มหรือไง? เจ้าต้องเลือก! ]
รุ่นที่หนึ่งท้ารุ่นที่สี่
[นี่เจ้าคิดจะเล่นตลกกับคนที่คล้ายคุณอลิสงั้นเหรอฟะ!? ไอ้สี่ตา มาเจอกันข้างนอกหน่อย! ]
รุ่นที่ห้ามีความเห็นคล้ายรุ่นที่สาม
รุ่นที่หกวิเคราะห์โนแวม
[โนแวม…เป็นหญิงสาวประเภทที่ถูกเจ้าเอาเปรียบได้ง่ายๆ เลยนะ]
ส่วนรุ่นที่เจ็ดก็ยังคงไม่แยแสเรื่องนี้เหมือนเคย
[ไรเอลคืออดีตทายาทของตระกูลเคานต์ที่มีสายเลือดของราชวงศ์เชียวนะ? มันอาจจะเป็นสิ่งที่ตระกูลฟ็อกซ์สอนต่อกันมาก็ได้
อย่าทำให้เรื่องที่ไรเอลมีคู่ครองเพิ่มมาคนสองคนกลายเป็นเรื่องใหญ่สิ]
รุ่นที่หกตอบกลับความเห็นของรุ่นที่เจ็ด
[…เจ้าพูดแบบนั้นทั้งๆ ที่เจ้ามีคู่ครองเพียงคนเดียวเนี่ยนะ]
รุ่นที่เจ็ดโต้กลับ
[ถ้าได้เห็นพ่อ(รุ่นที่เจ็ดหก)กับปู่(รุ่นที่ห้า)แล้ว ให้ตายก็ไม่มีทางที่ข้าจะอยากมีฮาเร็มแน่ๆ
แต่ถ้าเป็นโนแวมที่จะจัดการเรื่องภายในครอบครัวให้ได้ ย่อมไม่มีปัญหาแน่]
‘ทำไมพวกคุณไม่มาช่วยข้าแก้เรื่องตรงหน้าก่อนเนี่ย!? ’
ผมจับไหล่โนแวมทั้งสองข้างเพื่อแก้ความเข้าใจผิดของเธอ
“โนแวม! “
“ค-ค่ะ! ”
ผมหายใจลึก และมองไปยังดวงตาสีม่วงของเธอ
“ข้าไม่ได้ต้องการฮาเร็ม ข้าขอแค่มีเจ้าอยู่ด้วยก็พอแล้ว! “
“ท่านไรเอล…ข้าขอโทษจริงๆ ค่ะ”
ผมต้องพูดให้ชัดเจนเพื่อแก้ไขมัน
เพราะคำพูดที่คลุมเครือมันไม่ทำให้อะไรดีขึ้น
ถึงแบบนั้น…
“เอ๋? ”
กริ่งที่ประตูดังขึ้น
“แต่ข้าเรียกคุณอาเรียไปแล้วเพราะเธอไม่มีที่จะอยู่ และคุณเซลฟี่ก็มีคู่หมั้นทำให้พาเธอไปอยู่ด้วยไม่ได้น่ะค่ะ”
“แล้วความเห็นของข้าล่ะ!? “
เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยินเรื่องที่คุณเซลฟี่มีคู่หมั้นแล้ว ไหนจะเรื่องที่ผมต้องการคุยกับคุณล็อคเวิดก่อนอีก
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ อ้ะ ข้าจะออกไปพบเธอนะคะ”
พอเธอเดินไป โนแวมก็ยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างมีความสุขคล้ายกับเด็กที่ซุกซน
‘ห-หมายความว่าไง? ’
ผมนั่นยองๆ และเอามือกุมหัว
ผมพาผู้หญิงคนใหม่เข้าบ้าน ทั้งๆ ที่มีหญิงสาวที่อยู่ด้วยกันมานานอยู่แล้ว
มองจากมุมคนอื่น ผมมันไอ้ผู้ชายสิ้นหวังชัดๆ แก้ตัวไม่ได้เลย
“ข้าไม่มีทางเลือกเลยงั้นหรือ!? ”
และรุ่นที่สี่ก็พูดแทงใจดำผม
[หา? ไม่ใช่ว่าเจ้ามันหมดหวังมาตั้งแต่แรกแล้วรึ]
—-