Sevens – ตอนที่ 6 กิลด์นักผจญภัย

กิลด์นักผจญภัย

 

เดลลีนเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นใกล้กับเมืองหลวง

 

หลายปีที่ผ่านมาที่นี่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา และการเติบโตอันโดดเด่นนี้ก็เลื่องลือไปไกล

 

เทียบกับเมืองในอาณาเขตของวอลท์บ้านผมแล้วมันเล็กว่า  

แต่ความรู้สึกที่ได้สัมผัสกับภูมิทัศน์อันเป็นระเบียบของเมืองก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกใหม่

 

“ใช้เวลาสองวันจากเมืองหลวงมาสถานีขนส่งของเดลลีน เฮ้อ…มันเป็นเพราะถนนถูกดูแลดีมากทำให้เรามาถึงเร็วขนาดนี้”

 

เมื่อมาถึงเดลลีน ขณะผมก็ยืดบิดขี้เกียจแล้วสำรวจรอบๆ โนแวมก็บอกว่ามีป้ายประกาศติดอยู่

 

“บนนี้มีแผนที่เบื้อนต้นอยู่ค่ะ มันมีตำแหน่งของสถานที่สำคัญๆ ด้วย”

 

สะดวกแท้ ผมติดแล้วดูมันกับเธอ มีจุดนึงบนแผนที่ถูกระบุว่าเป็นกิลด์นักผจญภัย

 

ตามเส้นทางบนแผนที่แล้ว…

 

“ท่านไรเอล ตึกโน้นรึเปล่าคะ? ”

 

อาคารที่มองเห็นได้จากทางเข้าเมือง และใหญ่กว่าอาคารสองถึงสามชั้นรอบๆ มาก

 

ถ้านับในอาณาบริเวณนี้ มันคงเป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุด

 

ดูเหมือนกิลนักผจญภัยของเดลลีนจะค่อนข้างมีอิทธิพลนะ

 

“กลับบ้า-…ไม่ มันใหญ่กว่าที่สาขาในเขตตระกูลวอลท์อีกแฮะ”

 

เมื่อเห็นผมแก้คำพูดตัวเอง โนแวมก็ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง เพราะงั้นผมเลยบังคับให้ตัวเองยิ้มออกมา

 

“เอาล่ะ เราพอมีเวลาอยู่ ไปสมัครที่กิลด์ก่อนมั้ย? ”

 

“ค่ะ ท่านไรเอล”

 

ผมถือกระเป๋าของเด็กสาวที่กำลังยิ้มแย้มแล้วเดินตรงไป

 

‘ถึงแซลกับโนแวมจะพูดแล้วก็เถอะ…แต่เงินเนี่ย หายไปก่อนที่เราจะรู้ตัวจริงด้วยนะ’

 

กระเป๋าเงินของร่อยหรอลงมาก

 

เดิมที พวกเราก็ไม่ค่อยใช้จ่ายอะไรในการเดินทางมาที่นี่ ของแพงที่สุดก็คือดาบที่ผมซื้อ

แต่น่าจะเพราะดาบคมเดียวนี้เป็นรูปทรงหายาก ทำให้ราคาแพงตามจำนวนของที่น้อยล่ะ

 

‘เราคงต้องคิดเรื่องการใช้จ่ายมากกว่านี้ และค่าเงินในหัวของบรรพบุรุษแต่ละคนก็ต่างกันด้วยสิ…’

 

ทั้งค่าเงิน และค่าครองชีพก็ต่างกันไปตามยุค

 

เพราะทรัพย์สมบัติที่ตกทอดกันมาจากรุ่นก่อนๆ ตั้งแต่รุ่นที่ 5 ลงมาก็เลยมีสามัญสำนึกแบบคนรวย

 

ส่วนรุ่นที่หนึ่งก็ยืนกรานว่าอาวุธของลูกผู้ชายต้องเป็นขวานหรือกระบอง และดูถูกว่าดาบคมเดียวมันไร้ประโยชน์

 

[อีกอย่างเจ้าหยิบท่อนไม้หรือเศษหินข้างทางขึ้นมาขว้างก็ยังได้นี่? หรือถ้าไม่มี แค่หมัดของเจ้าก็พอแล้ว]

 

…ความคิดของเขาช่างเหมือนคนป่าจริงๆ  

 

เมื่อกำลังเดินไปยังกิลด์ พวกเราก็เห็นนักผจญภัยคนอื่นๆ เดินไปทางเดียวกันด้วย

 

เครื่องแต่งกายของพวกเขามีหลากหลายแบบ แต่ผมเห็นทุกคนดูคล้ายอันธพาลไปซะหมดเลย

 

พวกเขาเหน็บมีดไว้ข้างเอว และเดินกร่างใส่ผู้สัญจรไปมาบนถนน

 

นักผจญภัยมักจะเดินถืออาวุธไปมา ถึงกิลด์จะพยายามเข้าควบคุม แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องที่พวกเขาก่อมันน้อยลงเลย

 

ผมหมายถึง พวกเขาส่วนใหญ่จะเป็นนักเลงไม่ก็ทหารรับจ้าง

 

พวกเขาบางคนก็มีใบประกาศจับและซ่อนตัวอยู่ ทางกิลด์พยายามระวังแล้วแต่ก็ไม่ค่อยได้ผลนัก

 

อันที่จริงก็มีเพียงนักผจญภัยราว 3 ถึง 4 ส่วนต่อ 10 ที่มีแนวโน้มจะเป็นนักผจญภัยที่ดี

แล้วก็มีคนมากมายที่ทำงานเป็นนักผจญภัยในเวลาว่างด้วย

 

‘อืม…นั่นเป็นสิ่งที่เราได้ยินจากบรรพบุรุษล่ะนะ…’

 

มันไม่ใช่ความรู้ของผมเอง

 

ตัวผมเองเคยมีความเข้าใจเกี่ยวกับนักผจญภัยที่คลุมเครือ แต่พอรู้ความจริงก็รู้สึกว่าตัวเองที่เคยชื่นชมพวกเขานั้นโง่แค่ไหน

 

ความจริงแล้วมีนักผจญภัยแค่ไม่ถึง 1 ใน 10 เท่านั้นที่เหล่าเด็กๆ ชื่นชม

 

“พวกเรามาถึงแล้วค่ะ ท่านไรเอล”

 

“หืม? ทำไมกิลด์ชั้นแรกถึงเป็นตลาดล่ะ? “

 

บนชั้นแรกของอาคารมีป้ายระบุไว้ชัดเจนว่ากิลด์นักผจญภัย และพื้นที่ที่เหมือนตลาดก็มีเสาค้ำยันเพดานอยู่

 

นักผจญภัย และพ่อค้าเข็นรถเข็นเข้าออกกันขวักไขว่

 

และที่นี่ก็มีทั้งนักผจญภัย พ่อค้า หรือคนธรรมดาชอปปี้งอยู่รอบๆ

 

“ท่านไรเอล นี่คือพื้นที่ซื้อขายค่ะ ที่ชั้นแรกนี้ นักผจญภัยสามารถใช้แลกเปลี่ยนชิ้นส่วนมอนสเตอร์ หรืออะไรก็ตามที่พวกเขานำกลับมาได้ค่ะ”

 

“เอ๋? จริงดิ? เจ้าไม่ต้องให้ทุกอย่างที่เอากลับมากับกิลด์ก่อนเหรอ? ”

 

โนแวมทำหน้าลำบากใจ

 

“ข้าก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่นะคะ แต่การออกไปล่ามอนสเตอร์ข้างนอกเมืองแล้วเอามันกลับมาด้วย…มันสกปรกไม่ใช่หรือคะ?

มันไม่ค่อยดีถ้าพวกเขาจะเข้าไปในอาคารทั้งๆ แบบนั้น เห็นนั่นไหมคะ มีโรงอาบน้ำอยู่ข้างๆ ด้วย

ถ้ามีเรื่องจำเป็นที่จะต้องพบพนักงานกิลด์จริงๆ ต้องไปล้างสิ่งสกปรกที่นั่นก่อนค่ะ”

 

ใช่แฮะ พอคิดว่าเอาชิ้นส่วนมอนสเตอร์มาพลิกไปมาบนเคาเตอร์แล้วก็แปลกจริงๆ นั่นแหละ

มีหวังเคาเตอร์คงเต็มไปด้วยคราบเลือด และโคลนกันพอดี

 

งานของพนักงานต้อนรับน่าจะเป็นงานเอกสาร และเป็นธรรมดาที่จะสร้างพื้นที่ไว้สำหรับเรื่องพวกนี้โดยเฉพาะแทน

 

“น-นั่นสินะ ฮะฮ่าฮ่าฮ่า”

 

ผมที่ตั้งใจจะยืนให้ได้ด้วยลำแข้งตัวเอง แต่กลับโชว์โง่ไปกี่ครั้งกันแล้วนะ?

 

‘เราจะรอดไหมเนี่ย? ’

 

ผมที่กำลังจิตตก ขึ้นไปหาแผนกต้นรับที่ชั้นสองพร้อมกับโนแวม พกวเราขึ้นบันไดไปตามป้ายนำทาง

.

.

.

เคาเตอร์แผนกต้อนรับของกิลด์นักผจญภัยนั้นกว้างสุดๆ

 

เป็นแถวของพนักงาน และผจญภัยที่ตามติดต่ออีกด้านของเตอร์

 

“ขั้นตอนมันต้องเยอะแน่ๆ ”

 

“ค่ะ ข้าก็ไม่เคยมาสมัครมาก่อนเลยรู้สึกประหม่านิดหน่อย”

 

ผมได้ยินเสียงของรุ่นที่สองออกมาจากอัญมณีแทนรุ่นที่หนึ่ง

 

[ตาแก่อารมณ์เสียอีกแล้วข้าเลยมาแทนเขา เจ้ากำลังกังวลเรื่องสมัครสมาชิกกิลด์เหรอ

ข้าว่าพวกเขาคุ้นเคยกับมือใหม่นะ มั่นใจหน่อยสิ]

 

‘คงจะดีถ้ารุ่นที่สองมาดูแลผมตั้งแต่แรกนะ? ‘

 

เพื่อบอกว่าเข้าใจผมจึงแตะอัญมณีครั้งนึง พอฟังเสียงของรุ่นสองผมก็มองหาแถวที่จะไปต่อคิว

 

พอมองแล้ว แต่ละแถวมันต่างกันชัดเจน

 

พวกเขาเป็นนักผจญภัยหน้าใหม่? ที่กำลังต่อแถวของพนักงานกิลด์สาวสวยอยู่

 

หญิงสาวที่ยิ้มแป้น และอามรมณ์ดี

 

นอกจากนี้ก็แถวของหญิงวัยป้าทีจะมีเฉพาะนักผจญภัยที่เร่งรีบมาต่อแถว

 

พนักงานส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มีแค่ไม่กี่แถวที่เป็นของผู้ชาย

 

ผมกำลังไปต่อแถวของหญิงกลางคน แต่รุ่นที่สองก็หยุดผม

 

[ไรเอล ทำไมเจ้าไม่ไปต่อแถวที่สิ้นที่สุดล่ะ? ]

 

‘เอ๋? ถ้าแถวที่สั้นที่สุด…’

 

ผมมองหาตามที่รุ่นที่สองแนะนำ แล้วเจอกับพนักงานผิวแทนสายกล้ามที่ไว้ทรงผมเกรียน เขาดูน่ากลัวไปหน่อยนะ

 

รุ่นที่สองพูดขึ้นเมื่อเห็นผมลังเล

 

[ไม่ต้องห้วง ในบรรดานพนักงาน เขาเป็นที่เหมาะสมที่สุด]

 

‘ส่วนไหนของเขาที่เหมาะสมกัน? ‘

 

ถ้าเขาถอดเสื้อนอกออกคงเต็มด้วยมัดกล้ามเหล็กไหลปริเสื้อ หากผมไปทำให้เขาหงุดหงิดแล้วต่อยสวนมาจะทำยังไง?

 

เขาทำให้ผมคิดไปถึงขนาดนั้น

 

[โธ่ ไ ป สั ก ที !  อย่างทำให้หนูโนแวมรอสิ! ]

 

‘ทำไมรุ่นที่หนุ่งถึงสี่ถึงชอบยกโนแวมมาอ้างผมกัน? ไม่สิ ผมรู้ว่าเธอเป็นลูกหลานของคนที่ช่วยพวกเขาไว้ แต่…’

 

ผมเดินไปตามที่เขาบอกอย่างไม่เต็มใจ โนแวมส่งเสียงประหลาดใจ

 

“ท่านเลือกพนักงานกิลด์คนนั้นเหรอคะ? ข้าคิดว่าท่านไรเอลจะเลือกคนที่ทำงานเร็วๆ ซะอีกค่ะ”

 

“ใช่ ตอนแรกข้าก็คิดแบบนั้น…”

 

ผมบอกไม่ได้ว่าคนไหนดีกว่า แต่โนแวมกลับโล่งใจ

 

“ข้าก็กำลังจะแนะนำพนักงานคนนั้นเลยค่ะ ดีจังเลยนะคะ”

 

“เอ๋? จริงดิ? ”

 

ความเห็นของโนแวมเหมือนกันรุ่นที่สอง

 

“ค่ะ เขาคนนั้นค่อนข้างสุภาพอ่อนโยน เหมาะสำหรับคนที่จะมาสมัครสมาชิกแบบเราที่สุดแล้วค่ะ”

 

เมื่อเธอพูด รุ่นที่สองก็เห็นด้วย

 

[เยี่ยม ถูกต้องแล้ว แทนที่จะเป็นสาวสวยยิ้มแย้มที่ทำงานเร็วแต่ไม่รู้ว่าเธอทำงานดีหรือเปล่า

เจ้าควรเลือกคนที่ดูน่ากลัวแต่ทำงานอย่างปราณีตและสุภาพ ซึ่งสาวสวยคนนั้นก็ดูจะไม่ใช่นะ]

 

เมื่อรุ่นที่สองตำหนิเธอ ผมจึงหันไปมองแถวที่เธออยู่

 

“เอ๋~? ไปกินมื้อเที่ยงกันเถอะ~”

 

“ไม่เป็นไรหรอก? ไว้งานเธอเสร็จแล้วค่อยไปหาอะไรกินกันก็ได้”

 

“แต่ว่า~”

 

เธอยิ้มตอบ แต่พอคนถัดไป…

 

“ค่า นี่รางวัลของท่านนะ”

 

“อ-อืม…”

 

“ท่านต่อไปเชิญเลยค่ะ”

 

เธอปฎิบัติด้วยเฉพาะนักผจญภัยที่หน้าตา และสวมใส่อุปกรณ์ดีๆ แต่พอเป็นคนปกติหน้าตาธรรมดาก็ต่างไปโดยสิ้นเชิง

 

แล้วก็มีปัญหาด้วย

 

“เดี๋ยวสิ! รางวัลมันต่างกับในสัญญานี่! การประเมินของผู้ว่าจ้าง…”

 

“ถึงท่านบอกกับข้าแบบนั้น~”

 

เธอทำหน้าลำบากใจ แล้วนักผจญภัยในแถวก็ออกหน้า

 

“เฮ้ย! พวกเรารออยู่นะ อย่าโวยวายกับอีแค่ไม่กี่เหรียญทองแดงสิ! “

 

เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็ไม่คิดจะไปต่อแถวนั้นอีกเลย

 

[ใช่ไหมล่ะ? และเธอควรถูกถอดออกจากพนักงานต้อนรับด้วยซ้ำ แต่ด้วยทัศนคติของเธอ  

ข้าก็เชื่อว่าต่อให้เธอไปทำงานตรงอื่นก็ออกมาเหมือนกันนั่นแหละ]

 

การมองคนของรุ่นที่สองค่อนข้างเข้มงวดทีเดียว

 

เห็นได้ชัดว่าพนักงานกิลด์สาวสวยเป็นที่นิยมในหมู่นักผจญภัยมือใหม่ และนักผจญภัยที่ชอบหลีหญิง

แต่หลักวิชาชีพของเธอกลับแย่มาก

 

‘โชคดีที่เราไม่ได้ไปตรงนั้นด้วย’

 

ขณะกำลังคิด โนแวมก็เรียกผม

 

“ท่านไรเอลคะ ถึงคิวแล้วค่ะ”

 

“อ่า”

 

ถึงคิวของผมแล้ว

 

ไม่เหมือนที่มองจากไกลๆ ในระยะประชิดยิ่งขยายพลังทำลายให้ใหญ่ไปอีก  

นอกจากตัวโตแล้วเขายังให้บรรยากาศราวกับนักรบ

 

[ผู้ชายคนนี้น่าจะเคยเป็นนักผจญภัยแล้วมาทำงานนี้หลังเกษียณนะ เจ้าคาดหวังการบริการที่ดีจากเขาได้เลย

ไรเอล นับแต่นี้จงมาหาแค่ผู้ชายคนนี้ซะ]

 

รุ่นที่สองกำลังตัดสินใจแทนผมเอาเอง  

 

ผมบอกพนักงานคนนี้ว่าจะมาสมัครเป็นนักผจญภัย

 

“ข้าอยากจะลงทะเบียนนักผจญภัย อ่า สองคนครับ”

 

เขารับทราบแล้วเตรียมกระดาษขึ้นมาสองแผ่น

 

“สมัครงั้นเหรอ? ยินดีที่ได้รู้จักนะ ข้าชื่อ ฮาวกิ้น ถ้ามีอะไรที่คุณไม่เข้าใจก็ถามข้าได้เลย แล้วก็ในเมื่อคุณมาสมัครสองคน  

งั้นลงทะเบียนแบบปาร์ตี้เลยรึเปล่าครับ? ”

 

ลงทะเบียนปาร์ตี้? ขณะที่ผมกำลัง

 

“หลังจากลงทะเบียน กิลด์สาขาหลักของคุณจะถูกนับว่าเป็นที่เมืองเดลลีนนี้ ถ้าต้องการย้ายที่ทำกิน

โปรดแจ้งเรื่องกับทางกิลด์แล้วก็เขียนแบบฟอร์มที่ที่จะย้ายไปลงในเอกสาร ถึงจะนับที่นั่นเป็นกิลด์สาขาหลักของคุณ

ไม่อย่างนั้น จะทำได้แค่ขายชิ้นส่วนของมอนสเตอร์ แต่จะไม่สามารถรับคำร้องได้ โปรดจำไว้ด้วยครับ”

 

ผมกรอกเอกสารแล้วฮาวกิ้นก็รับไปตรวจว่าผมพลาดตรงไหนไหม

 

ผมกับโนแวมคุ้นเคยกับงานเอกสารดีเพราะฝึกมาจากตระกูล และที่บ้านผมก็ต้องกรอกลายเซ็นต์ลงเอกสารมากมายอยู่แล้ว

 

“เยี่ยม คุณโปรดหยดเลือดลงบนกระดาษสองแผ่นนี้ที ใช้เข็มนี่นะ ไม่ต้องห่วงมันถูกฆ่าเชื้อมาแล้ว คุณผู้หญิงด้วยนะครับ”

 

“ครับ”

 

“ขอบคุณค่ะ”

 

ผมใช้เข็มเจาะปลายนิ้ว เลือดค่อยๆ ไหลออกมาเป็นหยดกลมๆ ก่อนที่ผมจะแปะลงบนแผ่นกระดาษเงิน

 

“สวยครับ นี่ยา ใช้หลังเช็ดเลือดออกก่อนนะ แล้วก็โปรดเขียนลงบนกระดาษด้วย หนึ่งในนั้นทางกิลด์จะเก็บไว้ครับ”

 

แผ่นเงินเป็นเหมือนบัตรประจำตัวกิลด์ หรือถูกเรียกกันว่ากิลด์การ์ด

 

มันเป็นอุปกรณ์ลึกลับที่พอเจ้าของตายไป ชื่อบนการ์ดจะเลือนหาย แล้วมันก็ยังบันทึกความประพฤติของผู้ถือครอง

ที่ทางกิลด์สามารถอ่านได้ตามดุลพินิจอีกด้วย

 

พอได้ยินคำอธิบาย รุ่นที่สองก็พูดขึ้น

 

[…พอผ่านมาถึงยุคของเจ้ามันช่างสะดวกจริงๆ ในยุคของข้าไม่มีของพวกนี้หรอกเจ้ารู้ไหม?

เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าของพวกนี้มันมีราคางั้นรึ? ]

 

พอรุ่นที่สองพูด

 

“เมื่อลงทะเบียนครั้งแรก คุณจะมีค่าบริการ 5 เหรียญเงินครับ แต่ถ้าไม่สะดวก ทางเราจะทยอยเก็บ

จากรางวัลคำร้องของคุณในอนาคต…ราว 1-2 ส่วนมาเป็นค่าธรรมเนียมแทน ดีไหมครับ? ”

 

“ไม่ค่ะ พวกเราจะจ่าย”

 

“เข้าใจแล้วครับ กิลด์การ์ดของพวกคุณกำลังทำอยู่ โปรดรอที่โซฟาทางนั้นนะครับ”

 

คุณฮาวกิ้นรับเอกสารเดินไปที่ประตูหลังเคาเตอร์ และสักพักก็กลับมาทำงานต้อนรับต่อ

 

พอโนแวม และผมเดินไปนั่งข้างกันที่โซฟา พวกเราก็ถูกคนรอบๆ เหล่ตามองมา

 

เสียงชิช๊ะ และสายตาริษยาส่งตรงมาที่ผม แน่นอนว่าเพราะผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ล่ะนะ

 

“อย่างที่ข้าคิดเลย เขาเป็นคนที่สุภาพอ่อนโยนจริงๆ ด้วยค่ะ ท่านไรเอล”

 

“ช-ใช่เลย”

 

โนแวมดูไม่ใส่ใจ แล้วรุ่นที่หนึ่งที่เงียบมานานก็พูดขึ้น

 

[เจ้าพวกโง่! อยากมาเหล่มองหนูโนแวมนะโว้ย ไอ้สารเลว! ]

 

รุ่นที่สองก็เข้ามาแจม

 

[ถ้าพวกเจ้าทำอะไรกับหนูโนแวม ไรเอลจะเข้าไปฆ่าแกซะ! ]  

 

แล้ว แม้แต่รุ่นที่สี่ก็พูดขึ้นมา

 

[เอาล่ะ มันก็จริงที่พวกเราจะทำอะไรโดยตรงไม่ได้จากในนี้ แต่…การที่เอาแต่พูดมันน่าสมเพชไม่ใช่เหรอพวกเจ้าน่ะ?

และก็ได้โปรดอย่าพูดเยอะ ไรเอลจะทรุดแล้ว]

 

ในขณะที่มีออร่าผู้มือปัญญาออกมาจากเสียง รุ่นที่สี่ก็หยุดทั้งสองคน  

การที่พวกเขามีอารมณ์ร่วม และทำแบบนี้ส่งผลให้มานาผมลดฮวบๆ

 

‘นั่งอยู่เฉยๆ ก็เหนื่อยแล้ว…อย่างกับเราเป็นโรคเลย’

 

ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองพลังเวทน้อยมาก่อน จนได้ฟังจากพวกบรรพบุรุษนี่แหละ ว่าพลังเวทผมค่อนข้างต่ำ

.

.

.

“นี่ครับ กิลด์การ์ดของพวกคุณ เพราะลงทะเบียนแบบปาร์ตี้เลยมีชื่อของอีกคนอยู่บนการ์ดด้วยนะครับ”

 

การ์ดที่คุณฮาวกิ้นนำมาให้มีชื่อผมสลักตัวใหญ่ไว้ และมีชื่อของโนแวมสลักตัวเล็กๆ อยู่ด้วย

 

“นี่คือแผ่นพับข้อกำหนด และเงื่อนขของกิลด์ ในวันนี้ทางเราไม่มีการอบรม แต่พรุ่งนี้ตอนเช้าบนห้องประชุมชั้นสาม

มีคอร์ส อบรมระยะสั้นสำหรับนักผจญภัยมือใหม่ หากพวกคุณมีเวลาโปรดแวะมาด้วยนะครับ”

 

เขาแนะนำคอร์สนี้ให้พวกเรามาก

 

“ขอบคุณที่อธิบายอย่างละเอียดครับ”

 

ขณะโนแวมกล่าวขอบคุณ คุณฮาวกิ้นก็มองเหม่อมาที่พวกเรา

 

“มีอะไรหรือครับ? ”

 

ผมพยายามถาม แต่เขาก็ยิ้มน้อยๆ กลับมา

 

“ไม่หรอก แค่หายากที่นักผจญภัยมือใหม่จะไม่กลัวข้าน่ะ

แล้วก็..ข้าไม่ได้บังคับนะ..แค่เสนอ..ถ้าพวกคุณทั้งสองไม่ขาดเงิน สนใจจะจ้างที่ปรึกษามั้ย? ”

 

“ที่ปรึกษาหรือคะ? ”

 

พอได้ยินโนแวม คุณฮาวกิ้นก็เริ่มอธิบาย

 

“ใช่ครับ นักผจญภัยเก่งๆ ที่ได้รับการยอมจากทางกิลด์ ในเวลาไม่กี่เดือน…ปกติแล้วจะสามเดือน

ในเวลานั้นพวกคุณจะจ้างนักผจญภัยที่ปรึกษาในฐานะผ่านคำร้อง โดยมีสัญญาหลายประเภท

แต่พวกคุณจะจ่ายเป็นส่วนหนึ่งของรางวัลภารกิจ หรือจ่ายก่อนล่วงหน้าก็ได้ครับ”

 

ตามวิธีการจ่าย คุณภาพของนักผจญภัยที่มาเป็นที่ปรึกษาก็จะต่างกัน

 

หากจ่ายด้วยการตัดเงิน ส่วนใหญ่จะเป็นนักผจญภัยระดับกลางค่อนต่ำที่รับงาน

แต่ถ้าจ่ายล่วงหน้าก็จะได้นนักผจญภัยระดับกลาง…หรือแม้แต่ระดับสูงก็อาจจะรับงานนี้

 

ซึ่งแลกมากับราคาถึง 10 เหรียญทอง

 

‘ไม่ล่ะ พวกเราไม่มีตังขนาดนั้น’

 

พอคิดได้ ผมก็หันไปถามโนแวมว่าจะจ้างที่ปรึกษาแบบตัดเงินรึเปล่า  

 

แต่…

 

“งั้นพวกเราขอแบบจ่ายล่วงหน้าค่ะ”

 

“…เอ๋? จ่ายล่วงหน้าเหรอ? ”

 

โนแวมหยิบเหรียญทอง 10 เหรียญออกมาจากระเป๋าตัง พอคุณฮาวกิ้นรับเงินไปเขาก็ประหม่าเล็กน้อย

 

ที่พูดอย่างนั้น เขาคงคาดว่าพวกเราจะเลือกจ้างแบบตัดเงิน

 

“เดี๋ยวสิโนแวม!? ”

 

เมื่อผมพยายามจะห้าม เธอก็อธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“ท่านไรเอล พวกเรามีโอกาสที่จะได้รับคำแนะนำจากนักผจญภัยที่ทางกิลรับรองความสามารถนะคะ

ข้าว่าควรให้ความสำคัญกับโอกาสนี้ โดยเฉพาะพวกเราที่แทบไม่รู้ว่านักผจญภัยคืออะไรด้วยยิ่งแล้วค่ะ”

 

ผมคิดว่าโนแวมถูกแล้ว แต่ผมตกใจที่เธอยอมจ่ายเหรียญทองสิบเหรียญต่างหาก

 

เธอต่างกับผมที่สิ้นเนื้อประดาตัว และมีแค่เงินที่ยืมมาจากคนใช้ มากเกินไปแล้ว

 

คุณฮาวกิ้นถามยืนยันอีกครั้ง

 

“งั้นคุณจะจ่ายทีเดียวสิบเหรียญทอง ถูกต้องไหมครับ? ”

 

“ค่ะ ฝากคุณด้วย ได้โปรดขอที่ปรึกษาดีๆ นะคะ”

 

“แน่นอน ถ้าคุณไม่ชอบพวกเขา ทางเราจะคืนเงินให้ครับ”

 

เขาดูมั่นใจไม่น้อย แต่บทสนทนามันดำเนินไปได้โดยไม่มีผมมาสักพักแล้วล่ะ

 

และ

 

[เฮ้ พวก…พอมองจากมุมคนนอกแล้ว ตอนนี้เจ้าดูไร้ประโยชน์ไปเลยนะ ไรเอล]

 

คำพูดของรุ่นที่สองค่อนข้างแทงใจดำผมเต็มๆ

 

 

เรื่องนี้อธิบายเยอะจัง ขี้เกียจ…

 

อ่าห์ ตัวเอกยังคงยูสเลสเช่นเคย

Sevens

Sevens

อ่านนิยาย เรื่องSevens เดิมไรเอลเป็นลูกชายคนโตที่ต้องรับช่วงต่อของตระกูล แต่พอเขาอายุได้ 10 ปี พ่อแม่ก็เริ่มไม่สนใจเขา แล้วหันไปเห่อน้องสาวของเขาแทน จนวันนึงในตอนที่เขาอายุครบ 15 ปี น้องสาวของเขาก็ท้าประลองเพื่อชิงตำแหน่งผู้สืบทอด และเขาก็ได้พ่ายแพ้ หลังจากที่ฟื้นตัว เขาก็ได้รับสืบทอด พลังone for all- เอ้ย อัญมณีที่มีความทรงจำของบรรพบุรุษทั้ง 7 คน และเริ่มออกผจญภัยไปกับเพื่อนสมัยเด็ก

Comment

Options

not work with dark mode
Reset