ตอนที่ 274 เจียงมู่เฉินเมาเหล้า
เจียงมู่เฉินยกมุมปากขึ้น “ถ้าเมาได้ก็ดีมากเลย”
เขาดื่มแก้วต่อแก้ว ไม่ให้เวลาตัวเองหยุดพักเลยสักนิด
ซังจิ่งอยากจะห้ามปรามแต่กลับทำอะไรไม่ได้ คุณชายน้อยเจียงฟังความเห็นคนอื่นได้เมื่อไหร่ นั่นก็ไม่ใช่คุณชายน้อยเจียงแล้ว
ซังจิ่งนั่งอยู่ข้างๆ ไม่แตะเหล้าสักหยด นั่งดูเจียงมู่เฉินดื่มอย่างเอาเป็นตาย
จนสุดท้ายเจียงมู่เฉินเมาจนคว่ำหน้าฟุบลงกับโต๊ะ ซังจิ่งถึงได้ลุกขึ้นประคองเขาขึ้นมา
“เจียงมู่เฉิน…เจียงมู่เฉิน…” ซังจิ่งเรียกชื่อเขาสองครั้งสองครา
แพรขนตายาวสั่นไหว หลังจากเจียงมู่เฉินปรือตามองซังจิ่งแวบหนึ่ง ก็เข้าสู่นิทราอีกครั้ง
ซังจิ่งเห็นสถานการณ์แล้ว ทำได้เพียงประคองเขาออกจากไนต์คลับไป
เขายื่นมือเปิดประตูรถ ประคองเจียงมู่เฉินเข้ารถไปอย่างระมัดระวัง ทั้งเนื้อทั้งตัวเจียงมู่เฉินมีแต่กลิ่นเหล้า แก้มขึ้นสีแดงระเรื่อ
เป็นครั้งแรกที่ซังจิ่งได้เห็นเจียงมู่เฉินในสภาพแบบนี้ หัวใจเขาเต้นรัว มืออดจะลูบแก้มของเจียงมู่เฉินไม่ได้
อุณหภูมิร้อนผ่าวทำให้นิ้วมือของเขาสั่นสะท้าน
เจียงมู่เฉินยามเมาเหล้าช่างดูยั่วยวนใจอย่างบอกไม่ถูก ซังจิ่งพยายามให้ตัวเองละออกจากใบหน้าของเจียงมู่เฉิน
เขาสงบจิตใจแน่วแน่ ถึงได้ขับรถพาอีกฝ่ายกลับคฤหาสน์ไป
รถขับเคลื่อนอยู่บนถนน หาได้ยากที่เจียงมู่เฉินจะปรือตานั่งพิงพนักที่นั่งในรถอย่างว่าง่ายและน่าเอ็นดูเช่นนี้
ซังจิ่งลดกระจกรถลงนิดหนึ่ง ระบายกลิ่นเหล้าออกไป
ดีที่ไนต์คลับห่างจากคฤหาสน์ไม่ถือว่าไกลนัก เพียงครู่เดียวก็จอดอยู่หน้าทางเข้าคฤหาสน์
ซังจิ่งจอดรถเข้าที่เรียบร้อยแล้ว เจียงมู่เฉินก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่นิดเดียว เขาถอนหายใจ ทำได้เพียงเดินเข้าไปประคองอีกคนขึ้นมา
พยุงเขาไปตลอดทางจนเข้าห้องไป ซังจิ่งบรรจงวางร่างเขาลงบนเตียง
เขาเห็นหางตาเจียงมู่เฉินแดงเถือก ก็ทนไม่ไหวยื่นมือไปลูบคลึงเบาๆ ซังจิ่งมองเจียงมู่เฉินที่ตอนนี้ไม่มีแรงจะต่อต้านแม้สักนิด คิดทบทวนอย่างจริงจังว่าจะฉวยโอกาสนี้กลืนกินเจียงมู่เฉินให้หมดเกลี้ยงเลยดีไหม
เจียงมู่เฉินที่อยู่บนเตียงเหมือนว่าจะไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ ขมวดคิ้วขยับตัวขึ้นมา “น้ำ…”
‘น้ำ’ คำนี้ทำให้ซังจิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาในทันใด เขากดเก็บความคิดที่อยากจะจับเจียงมู่เฉินกดไว้ใต้ร่างเอาไว้ ออกไปรินน้ำให้แก้วหนึ่ง
ทั้งยังเอาผ้าขนหนูชุบน้ำเช็ดใบหน้าแดงก่ำของเจียงมู่เฉิน
หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จ ซังจิ่งก็ฟุบลงบนเตียงนอนมองหน้าเขา ปลายนิ้วลูบไล้เกลี่ยอย่างเบามือ ตั้งแต่ขนคิ้วจรดมุมปากก็ไม่ปล่อยผ่านแม้สักบริเวณ
เจียงมู่เฉินยามดื่มเหล้าจนมึนเมา ดูๆ ไปเหมือนจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวมากกว่าในยามปกติ ดูไม่มีพิษมีภัยให้เห็นมากแล้ว
ดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจคนอย่างไม่คาดคิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ซังจิ่งรู้สึกว่าตัวเองเหมือนโดนหลอกให้ลุ่มหลง เขาพินิจมองริมฝีปากแดงที่เพิ่งจะฉ่ำน้ำมาหมาดๆ ก็ทนไม่ไหว แนบชิดกายโน้มตัวเข้าไปใกล้อยากจะจูบคนตรงหน้า
เขาค่อยโน้มลงไปทีละนิดๆ ลมหายใจรินรดอยู่บนใบหน้าของเจียงมู่เฉิน
ระยะห่างระหว่างคนสองคนยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ขอเพียงแต่ซังจิ่งก้มหัวลงเท่านั้นก็จะจูบเจียงมู่เฉินได้
เจียงมู่เฉินเอียงหน้าเล็กน้อย ซังจิ่งเสียหลักกลางอากาศ ลงมาจูบโดนแก้มของเจียงมู่เฉินทันที
อุบัติเหตุไม่คาดฝันนี้ ทำให้ซังจิ่งหลุดจากภวังค์ เขายันกายขึ้นมานั่งมองเจียงมู่เฉิน แล้วยิ้มอย่างจนใจ
แม้กระทั่งยามหลับก็ยังไม่ให้เขาได้จูบ…
ซือเหยี่ยนฝืนยิ้ม เขาโตมาขนาดนี้แล้ว เจียงมู่เฉินก็ยังเป็นคนแรกที่รังเกียจและไม่แยแสเขาได้ถึงขนาดนี้
คิดดูว่าตัวเขาหลายปีมานี้ ไม่เอ่ยถึงว่าเป็นที่ต้อนรับมากแค่ไหน แต่อย่างน้อยดูๆ ไปก็ยังไม่มีใครสักคนหลบหลีกตีตัวออกห่างเขาแบบนี้
ก็จะมีเพียงคุณชายน้อยคนนี้เท่านั้น มองเขาเป็น ‘ตัวอะไร’ ป้องกันไว้ทุกทาง
‘ช่างเถอะ’ เวลานี้ฉวยโอกาสช่วงที่เสียเปรียบตักตวงกินเจียงมู่เฉินไป ถึงเวลาเขาตื่นมาคงจะไม่มีทางปล่อยตัวเองไปง่ายๆ
ซังจิ่งยิ้มหัวเราะ ยื่นมือไปลูบสัมผัสริมฝีปากของเจียงมู่เฉิน
‘แล้วกันไป ช่างเถอะ ครั้งนี้ปล่อยคุณไปก่อน’
‘ยังไงซะไม่ช้าก็เร็ว คุณก็จะเป็นของผมทั้งหมด’
ตอนที่ 275 แผนการร้ายของซูเตอร์
ซือเหยี่ยนพักอยู่ที่ห้องมาสองวันแล้ว เรย์มอนมาเข้าดูอยู่หลายครั้ง ให้เขาได้พักฟื้นดีๆ
ซูเตอร์ก็อยู่ข้างกายเป็นเพื่อนซือเหยี่ยน คอยดูแลปรนนิบัติไม่ห่างตลอด
การกระทำเช่นนั้นดูเอาใจใส่ยิ่งกว่าที่เขาดูแลพ่อของตัวเองอีก เพียงไม่นานคนในแก๊งก็ยิ่งโพนทะนาเรื่องของทั้งสองคนนี้กระจายกันไปทั่ว
แต่ซูเวลล์และเรย์มอนก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเรื่องนี้
เหตุการณ์ที่เป็นไปในขณะนี้ ดูไม่ค่อยจะเข้าใจได้เสียจริงๆ
ซือเหยี่ยนพักฟื้นอีกไม่กี่วัน ก็เสนอตัวออกไปทำงานต่อได้แล้ว แต่ซูเตอร์ยังไม่วางใจ ต้องการให้ซือเหยี่ยนพักผ่อนให้มากกว่านี้ต่ออีกสักวันสองวัน
ซือเหยี่ยนมองเขา “ตอนนี้กำลังเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายกันได้ง่ายๆ”
“งั้นนายก็รอให้แผลหายดีแล้วค่อยทำต่อสิ”
ซือเหยี่ยนสีหน้าเคร่งขรึม “ซูเตอร์ ผมจะพูดอีกครั้ง ผมไม่เป็นไรแล้ว”
“ฉันบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิ นายพักรักษาแผลนายต่อไปเลย”
เรย์มอนมาหาซูเตอร์พอดี ได้ยินทั้งสองคนโต้เถียงกัน เขาจึงเข้าไปสอบถาม “เกิดเรื่องอะไรกันขึ้น อยู่ไกลยังได้ยินเสียงพวกนายทะเลาะกันแล้ว”
“อาเรย์ อามาได้จังหวะเวลาพอดี ผมให้เหยี่ยนพักฟื้นต่ออีกสักวันสองวัน แต่เขายืนกรานว่าตัวเองหายดีแล้วครับ”
เรย์มอนมองมาทางซือเหยี่ยน “แผลยังไม่หายดี อย่าฝืนตัวเองเด็ดขาด”
“คุณวางใจเถอะครับ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว”
เรย์มอนพยักหน้า “ในเมื่อซือเหยี่ยนพูดมาขนาดนี้แล้ว ก็เอาตามซือเหยี่ยนว่าเถอะ”
“อาเรย์…” ซูเตอร์ยังอยากจะพูดอะไรต่อ
“พอเถอะ คนในอาณัติของนายมาหา บอกมีเรื่องด่วน” เรย์มอนอุดปากเข้าไว้เสียก่อน
ซูเตอร์ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงกำชับซือเหยี่ยน ก่อนออกจากห้องไป
“คุณชายน้อยครับ พวกเราที่ไปถานโจวมาบอกว่า เจียงมู่เฉินไม่อยู่ถานโจว มาอเมริกาแล้วครับ”
ซูเตอร์ตาลุกวาว “จริงเหรอ”
“ผมให้คนไปสืบหาร่องรอยของเขาแล้ว เขามาประชุมอยู่ที่แคปริคอร์นเจมฮอลล์ครับ”
แววตาซูเตอร์ทอประกายความดีใจ เขาคาดไม่ถึงว่าเจียงมู่เฉินจะเป็นฝ่ายมาหาถึงที่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็จะยิ่งไปหาเจียงมู่เฉินได้ดีๆ แล้ว
“คุณชายน้อยครับ ต้องการให้นำคนไปจัดการไหมครับ”
“ไม่ต้อง ฉันเปลี่ยนใจแล้ว” ซูเตอร์หรี่ตาลง ใช้ปืนฆ่าเขามันง่ายเกินไป เขาต้องการจะทรมานเจียงมู่เฉินอย่างช้าๆ เอาความอัปยศที่ได้รับเมื่อก่อนคืนกลับไปให้หมด
“เตรียมรถให้ฉัน ตอนบ่ายฉันจะไปแคปริคอร์นเจมฮอลล์”
หลังจากที่เขาจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็กลับไปยังห้องนอนของซือเหยี่ยน ส่วนเรย์มอนออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ซูเตอร์มองเขา เสียงต่ำเอ่ยถาม “ตอนบ่ายฉันจะไปแคปริคอร์นเจมฮอลล์ นายไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะ”
ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว “เมื่อกี้ยังบอกไม่ให้ผมไปอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ฉันกลัวว่านายจะอยู่นิ่งเฉยไม่ไหวไงล่ะ ถึงยังไงไปแคปริคอร์นเจมฮอลล์ ก็ไม่ได้มีอันตรายอะไร ก็ถือว่าพานายออกไปรับลมชมวิวแล้วกัน”
ซือเหยี่ยนพยักหน้า “รู้แล้ว”
ตอนบ่ายสองโมง ซูเตอร์กับซือเหยี่ยนขับรถมุ่งหน้าไปแคปริคอร์นเจมฮอลล์ ซูเตอร์มองซือเหยี่ยนอยู่ข้างกาย นัยน์ตาฉายสะท้อนแผนการขึ้นมาวาบหนึ่ง
รออีกไม่นานให้ซือเหยี่ยนได้เจอกับเจียงมู่เฉิน…
‘ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเกิดฉากเด็ดๆ อะไรออกมาได้ เขารอคอยมากเลยนะ’
เจียงมู่เฉินประชุมอยู่ตลอดทั้งช่วงเช้า ประชุมจนปวดหัวแล้วจริงๆ สื่อสารคุยกับคนไม่รู้จักกลุ่ม เรื่องทำนองนี้เขาไม่เคยจะทำได้อยู่แล้ว
ซังจิ่งเห็นเขาเอาแต่ขมวดคิ้ว ก็อดจะเอ่ยถามไม่ได้ “ไม่อยากอยู่ที่นี่เหรอ”
“นายอยากอยู่เหรอ
” เจียงมู่เฉินถามกลับ
ซังจิ่งยิ้มหัวเราะ “ไม่งั้นออกไปเดินเล่นไหม ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณเอง”
เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “นายใจดีได้ขนาดนี้เชียว อยากมาเดินเล่นกับฉันด้วยเหรอ”
“คุณชายเจียง คุณว่าพวกเรารู้จักกันมาก็นานแล้ว อีกอย่างผมคิดกับคุณยังไง นายก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้” ซังจิ่งถอนหายใจอย่างเศร้าโศก “ต่อให้คุณไม่ชอบผม ก็คงไม่ถึงกับว่าจะไม่ให้โอกาสไปเดินเล่นด้วยกันเลยหรอกใช่ไหม”
ซังจิ่งกะพริบตาปริบๆ “หรือว่า คุณกลัวคนเข้าใจผิด…ให้ผมเดา เป็นคนไหนของคุณ ระหว่างจี้ฉิงแฟนสาวน้อยคนใหม่ของคุณ หรือว่า…ซือเหยี่ยน…”