ตอนที่ 244 นอนอยู่โดนลอบโจมตี
ซือเหยี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าซูเตอร์มีความเคลื่อนไหว นั่นถึงจะใช่ จะเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดใด คนอย่างซูเตอร์ขาดทุนกับเจียงมู่เฉินถึงขนาดนี้แล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่ทวงคืนกลับไปแต่รั้งทัพรอจังหวะบุกโจมตีแทน
“เป็นไรไป นายคิดถึงอะไรอยู่ใช่ไหม”
ซือเหยี่ยนหยุดสักพัก “เอางี้ นายช่วยเฝ้าระวังทิศทางความเคลื่อนไหวของแก๊งมังกรคราม มีเรื่องอะไรก็รีบบอกฉันทันที ส่วนซูเตอร์ทางนี้ฉันจะจัดการปัญหาเอง”
ไมเคิลพยักหน้า “โอเค นายวางใจเถอะ ทางนี้ฉันจัดการเอง”
หลังจากซือเหยี่ยนสิ้นสุดวิดีโอคอลแล้ว เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยครุ่นคิด ตลอดสามวันมานี้เขาจงใจไม่ติดต่ออะไรกับซูเตอร์ ก็เพื่ออยากจะรอดูว่าตกลงอีกฝ่ายคิดจะจัดการปัญหาอย่างไร
แต่เวลาสามวันกว่าๆ แล้ว คิดไม่ถึงว่าซูเตอร์จะไม่กระทำการอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว
นี่ก็เหมือนกับความสงบนิ่งก่อนพายุฝนจะโหมกระหน่ำอย่างแรง ซูเตอร์ไม่มีทางจะเป็นลูกไก่ในกำมือของเจียงมู่เฉินแบบนี้ได้หรอก ถ้าตอนนี้เขายังไม่มีท่าทีอะไร ก็มีนัยว่าเป็นไปได้สูงที่ซูเตอร์จะเตรียมการที่ยิ่งใหญ่กว่านี้
คิดถึงตรงนี้ สีหน้าซือเหยี่ยนดำดิ่งในอารมณ์ ความกังวลใจฉายสะท้อนในแววตา
……
กลับไปตอนเที่ยง เจียงมู่เฉินยังไม่ตื่นขึ้นมา ซือเหยี่ยนเดินย่องเข้าไปยังห้องนอนก็เห็นเขานอนฟุบอยู่บนเตียง
ซือเหยี่ยนมองดูรอยบนร่างกายเขาที่ตัวเองทิ้งไว้ เพียงรู้สึกว่าหายใจหนักเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปพลิกร่างคนบนเตียงกลับมากอดไว้
เจียงมู่เฉินถูกรบกวนจนขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ ซือเหยี่ยนเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็ขำจนยกยิ้มมุมปากขึ้น ใช้ฟันกัดเข้าที่ใบหน้าเขาเบาๆ คำหนึ่ง
เจียงมู่เฉินที่โดนกัดเข้าก็หงุดหงิด ง้างมือตบเข้าไปโดนหน้าของซือเหยี่ยนพอดี ซือเหยี่ยนตะลึงงันไม่ค่อยกล้าจะเชื่อว่าตัวเองจะโดนเจียงมู่เฉินสะบัดฝ่ามือใส่อย่างไร้คำอธิบายโดยไม่คาดคิดขนาดนี้
‘สะบัดกลับไปหรือว่ากัดกลับมา?’
ซือเหยี่ยนก้มหน้าลงประกบริมฝีปากเขาอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ เคี้ยว ค่อยๆ กัดอย่างช้าๆ แม้แต่มุมปากก็ไม่ปล่อยผ่าน
สะบัดฝ่ามือใส่เจียงมู่เฉิน ต้องตัดใจทำไม่ลงเป็นธรรมดา แต่ว่า…ใช้ฟันกัดงับเขา ตัวเองยังเต็มใจมากอยู่
เจียงมู่เฉินผู้หลับใหลท่ามกลางความฝันเพียงครู่เดียวก็หายใจติดขัด ใบหน้าเล็กที่อึดอัดแดงจัด อาการหายใจไม่ออกกำเริบ เขารีบลืมตาขึ้นมาก็เห็นใบหน้าที่แนบชิดอยู่ต่อหน้าของตัวเอง และสัมผัสแปลกประหลาดที่อยู่ในปาก
เจียงมู่เฉินโกรธจนน้ำใสๆ เอ่อขึ้นมาในดวงตา นัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นถลึงตาค้างใส่ซือเหยี่ยน เพิ่งจะตื่นนอนแขนขาไร้เรี่ยวแรงดิ้นรนสู้ไม่ไหวอยู่แล้ว ทำได้เพียงปล่อยให้เขาจูบได้ตามอำเภอใจ
กว่าจะปล่อยไม่ใช่ง่ายๆ เจียงมู่เฉินผลักซือเหยี่ยนออกไป หายใจหอบอย่างรุนแรง ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงผ่อนคลายลง เมื่อฟื้นคืนสภาพเดิมกลับมาได้ก็เปิดปากด่าชุดใหญ่ทันที “นายแม่งฉวยโอกาสตอนฉันหลับลอบโจมตีฉัน ไม่ละอายใจหรือไง”
ซือเหยี่ยนทำไม่รู้ไม่ชี้ “ใครใช้ให้คุณยั่วยวนผมก่อนล่ะ”
เจียงมู่เฉินโมโหจนหน้ามืดตามัว เขานอนอยู่ดีๆ ก็ยังยั่วยวนอีกเหรอ
“คุณชายนอนก็หาเรื่องนายแล้วใช่ไหม”
ซือเหยี่ยนลูบจมูก “คุณนอนอยู่บนเตียงแบบนี้ ไม่ใช่ว่ายั่วยวนผมเหรอ” เห็นเรียวขายาวนั่นเต็มตา เขาจะไม่ฮึกเหิมได้ยังไงไหว
เจียงมู่เฉินฉุนเฉียวจนอยากจะชูนิ้วกลางใส่เขา ยังไม่ทันได้ชูออกมา ท้องก็ร้องขึ้นมา เขาถึงเพิ่งได้รู้ตัวว่าตัวเองหิวจนอกติดแผ่นหลังแล้ว
เขายกเท้าถีบซือเหยี่ยน “อุ้มฉันไปอาบน้ำ แล้วฉันจะกินข้าว”
พอซือเหยี่ยนได้ยินก็รีบอุ้มเขาขึ้นมา มุ่งหน้าไปทางห้องน้ำ ถึงยังไงดูเฉินเฉินอาบน้ำ เขาก็ชอบที่สุดแล้ว
อาบน้ำทีก็ใกล้จะครบหนึ่งชั่วโมงแล้ว กว่าจะออกมาอีกที เจียงมู่เฉินแม้แต่ด่าคนก็ยังด่าไม่ไหวแล้ว ปล่อยให้ซือเหยี่ยนอุ้มเขาออกไปที่โต๊ะอาหาร
“คุณรอผมไม่กี่นาทีนะ เดี๋ยวผมไปอุ่นอาหารแป๊บนึง”
เขาถืออาหารเข้าไปในครัว ทั้งยังหยิบผ้าขนหนูให้เจียงมู่เฉิน “ผมยังมีน้ำหยดลงมาอยู่ เช็ดผมให้แห้งก่อนนะ”
เจียงมู่เฉินมือไม้อ่อนเช็ดผมอย่างเกียจคร้าน เขานั่งพิงเก้าอี้มองดูซือเหยี่ยนที่อยู่ในครัว สวมเสื้อผ้าในมาดของคน ถอดออกแล้ว…ก็คือสัตว์ดีๆ นี่ล่ะ
ตอนที่ 245 ขาดทุนแล้ว
เมื่อเจียงมู่เฉินนึกถึงภาพที่เขาถอดเสื้อผ้าออกแล้วหัวรู้สึกชาๆ ถึงอย่างไรซือเหยี่ยนที่ถอดเสื้อผ้าก็ไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว
ซือเหยี่ยนที่อยู่ในห้องครัวไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองถูกเจียงมู่เฉินหมายหัวขีดฆ่าว่าเป็นคนไม่ดีแล้ว เขาอารมณ์ดี เอาอาหารที่ซื้อกลับมาออกมาอุ่นร้อนครั้งหนึ่งแล้วจัดใส่จานอย่างดีวางลงต่อหน้าเจียงมู่เฉิน
เจียงมู่เฉินหิวจนไม่ไหวแล้ว ไม่กี่วันมานี้โดนซือเหยี่ยนตักตวงขูดรีดกันดุเดือดเกินไป รู้สึกว่าถ้าเขาไปชั่งน้ำหนักตอนนี้ต้องผอมลงไปเป็นกิโลแน่นอน
เขาพิจารณาไตร่ตรองดูว่าถ้าตอนนี้ไปฟ้องร้องซือเหยี่ยนในข้อหาใช้ความรุนแรงในครอบครัว จะมีโอกาสชนะคดีบ้างหรือเปล่า
ซือเหยี่ยนถือถ้วยเข้ามา ทั้งสองคนนั่งตรงข้ามกัน ถึงแม้ว่าเจียงมู่เฉินจะหิว แต่กิริยาท่าทางการกินอาหารของเขายังคงเป็นสไตล์ตามความเคยชินของเขา เชื่องช้าเหมือนแมวขี้เกียจอย่างไรอย่างนั้น
ซือเหยี่ยนเห็นเขานั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ กินไปหาวไป คอเสื้อเลื่อนตกลงไปถึงครึ่งแล้วก็ยังไม่รู้ตัว
สายตาเขาจับจ้องมาที่ไหล่ขาวผ่องของเจียงมู่เฉิน มองไปมองมาสุดท้ายสายตามาหยุดลงตรงกระดูกไหปลาร้าอันได้รูปของเขา ซือเหยี่ยนขบกรามแล้วขบกรามอีก อยากโผตัวเข้าใส่แล้วกัดสักคำสองคำ
แต่พอเห็นสภาพเจียงมู่เฉินเป็นแบบนี้ ขืนเขากล้ากัดจริงๆ เจียงมู่เฉินต้องระเบิดลงจริงๆ แล้ว
ซือเหยี่ยนตักน้ำแกงไก่ใส่ถ้วยให้เขา “กินซุปหน่อย”
เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “ทำไม รู้สึกว่าฉันขาดทุนเลยอยากจะชดเชยให้ฉันเหรอ”
ซือเหยี่ยนกะพริบตาปริบๆ ตักน้ำแกงให้ตัวเองถ้วยหนึ่งเช่นกัน “พูดแบบนี้ ผมเองก็ต้องการชดเชยเหมือนกัน”
เจียงมู่เฉิน “…” วันนี้หมดหนทางจะผ่านไปได้แล้ว
หลังจากกินอาหารเสร็จแล้ว ซือเหยี่ยนเองก็ไม่รีบไปทำงาน เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยถามนิ่งๆ “บริษัทของนายจะเจ๊งแล้วเหรอ”
“อะไรกัน คุณหวังไว้มากว่าบริษัทผมจะเจ๊งเหรอ”
“เงินของนายไม่ใช่เงินของฉีนสักหน่อย จะเจ๊งไม่เจ๊งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน”
“งั้นผมเอาเงินให้คุณ? แบบนี้ก็จะเกี่ยวกับคุณได้แล้วใช่หรือเปล่า” จู่ๆ ซือเหยี่ยนก็รู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลวทีเดียว
ขมับเจียงมู่เฉินกระตุกทันที รีบเอ่ยห้าม “อย่า คุณชายอย่างฉันเองมีเงิน ไม่อยากได้เงินของนายหรอก”
‘เงินของเขามีมหาศาล ตัวเองยังใช้ได้ไม่หมดเลย ถ้าบวกเงินของซือเหยี่ยนเข้าไปอีก…’
ความฝันของเขาเองก็ไม่ใช่มานอนนับเงินบนกองเงินกองทอง อยากได้เงินเยอะขนาดนั้นไปเพื่ออะไร
“เงินของคุณมารวมกับเงินของผม ถ้าเอาให้คุณทั้งหมด เฉินเฉินคุณอาจจะเป็นคนที่รวยที่สุดในถานโจวแล้ว”
เจียงมู่เฉินสมองกระตุก “ฉันไม่ได้อยากกลายเป็นคนที่รวยที่สุดอะไรสักหน่อย”
เขายื่นมือไปสะกิดซือเหยี่ยน “ซูเตอร์ทางนั้นตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง สามวันมานี้จะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเชียวเหรอ”
สามวันมานี้เขาตัวติดกันซือเหยี่ยนตลอด ไม่มีเวลาคิดทบทวนอะไรเลย ตอนนี้นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้กะทันหัน
“ไม่มีความเคลื่อนไหว” ซือเหยี่ยนก้มหน้าลงจูบเขา “อาจจะยอมศิโรราบให้กับความห้าวหาญของคุณ ถึงได้ไม่กล้ามีความเคลื่อนไหวอะไรมั้ง”
เจียงมู่เฉินมองบนใส่ มองเขาเป็นเด็กอายุสามขวบหรือไง ยังจะเชื่อคำโกหกที่ไม่มีชั้นเชิงขนาดนี้ได้อยู่เหรอ
เขาไม่ได้โง่ถึงขนาดจะคิดว่าคำพูดในวันนั้นจะทำให้ซูเตอร์รู้ถึงความยากลำบากแล้วจะยอมถอนตัวได้จริงๆ
ตอนนี้เขาไม่มีความเคลื่อนไหว เป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นเพราะกำลังวางแผนการที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ ถ้าซูเตอร์ไม่มีท่าทีตอบสนองอะไร เขาถึงรู้สึกแปลกประหลาด ถ้าเป็นแบบนั้นจะคู่ควรกับตำแหน่งผู้สืบทอดของแก๊งมังกรครามได้อย่างไร
ดวงตาเจียงมู่เฉินจมดิ่งลงเล็กน้อย นัยน์ตาฉายความหยั่งลึกในอารมณ์ แต่เมื่อมองไปยังซือเหยี่ยนกลับสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
เขาเงยหน้ามองซือเหยี่ยน “นายได้ไปหาเขาหรือยัง”
ซือเหยี่ยนส่ายหัว “คุณไม่เห็นด้วย มีหรือผมจะกล้าไป”
เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะมองเขา “โอ้ ประธานซือว่าง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เมื่อก่อนประธานซือไม่เคยจะถามความคิดเห็นอะไรของฉันเลย”
ซือเหยี่ยนเห็นแววตาเล็กๆ นั่นของเขาแล้ว จิตใจพลันหวั่นไหว โน้มตัวเข้าใกล้ไปกัดเขา เจียงมู่เฉินผลักอีกฝ่ายออก “พูดจากันก็พูดจากันสิ อย่าเอาแต่ขยับมือขยับปาก”