ตอนที่ 210 ไม่อยากได้หน้า อยากได้คุณ
เจียงมู่เฉินตกใจจนฉี่จะราดแล้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลงจู่ๆ ก็มาถอดเสื้อผ้าเขาเลย จะหมายความว่าอะไรได้บ้างล่ะ
“เดี๋ยวก่อนสิ ยังพูดไม่จบเลย นายจะลงไม้ลงมืออะไรกัน” เจียงมู่เฉินรีบดึงเสื้อผ้าตัวเองเอาไว้แน่น
ยังพูดคุยกันไม่จบก็คิดจะป๊าบๆ เขาเลย? บนโลกจะมีเรื่องที่ไหนดีขนาดนี้อีก
ซือเหยี่ยนทำได้เพียงพูดคุยกับเฉินเฉินของเขาต่ออย่างจนใจ มือเขายังคงวางไว้บนหน้าอกของเจียงมู่เฉิน คลอเคลียอย่างตามใจ “งั้นคุณว่ามา”
“ฉันว่านายคิดแผนอะไรกับฉันอีกใช่ไหม” เจียงมู่เฉินถามคำถามที่เพิ่งถามไปเมื่อครู่นี้ซ้ำอีกรอบ
ซือเหยี่ยนตอบกลับอย่างไม่ลังเล “เปล่า”
“เปล่าจริงเหรอ”
ซือเหยี่ยนถูกเขาถามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำได้เพียงหยุดการกระทำในมือลง แล้วมองเขาอย่างจริงจัง “อยากปล้ำคุณถือว่าเป็นแผนหรือเปล่า อยากจูบคุณถือว่าเป็นแผนหรือเปล่า”
เจียงมู่เฉินโดนเขาถามกลับตรงๆ ขนาดนี้ ทำเอาใบหน้าเล็กได้รูปแดงระเรื่อ เขาเอามือไปตีซือเหยี่ยนเบาๆ ไปที “นายเก็บอาการนิดนึงหน่อยจะได้ไหม นายไม่ไว้หน้าตัวเอง แต่ฉันยังต้องการไว้นะ”
ดวงตาสีดำขลับของซือเหยี่ยนจ้องมองเขา “ตอนนี้อะไรที่อธิบายก็อธิบายไปหมดแล้ว ให้ผมถอดได้หรือยัง”
เจียงมู่เฉิน “…”
‘ประธานซือจะขอมีสัมพันธ์ทีพูดได้เต็มปากเต็มคำขนาดนี้เลยเหรอ’
“ฉันรู้สึกว่านายไม่ค่อยอยากจะเก็บหน้าตัวเองไว้เท่าไหร่เลยนะ” เจียงมู่เฉินมองหน้าเขาอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ
“อืม ไม่อยากได้หน้า อยากได้คุณ”
“…” โดนโจมตีด้วยคำหวานอีกจนได้ เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองต้านทานไม่ค่อยจะไหวแล้ว
“จะให้ถอดหรือไม่ถอด” ซือเหยี่ยนใช้ฟับงับเขาไปที “หืม?”
เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าเมื่อตกอยู่ในสภาพที่โดนความหน้าไม่อายของซือเหยี่ยนโจมตี เส้นตายของตัวเองก็ค่อยๆ มลายหายไปแล้ว โดยเฉพาะดวงตาคมเข้มสีนิลที่มองเขาอย่างซื่อๆจนน่าเหลือเชื่อ
เจียงมู่เฉินรู้สึกว่า ถ้ามาอีกประโยคหนึ่ง ตัวเองจะต้านทานไม่ไหว อยากจะรับปากยอมตกลงแล้ว
“คุณชายเจียง…ยังนอนอยู่ไหม” เสียงเคาะประตูดังขึ้นมากะทันหัน เสียงของซังจิ่งดังเข้ามาจากข้างนอก
เจียงมู่เฉินตาลุกวาว รีบดันมือซือเหยี่ยนไว้ “รีบลุกสิ มีคนเคาะประตูแล้ว”
ซือเหยี่ยนกดหน้าต่ำลง แรงกดดันหนักขึ้นเพียงเสี้ยวเวลา “ไม่สน” เขาพูดจบก็ส่งมือไปถอดเสื้อผ้าของเจียงมู่เฉิน
เจียงมู่เฉินรีบดึงเสื้อผ้าตัวเองไว้ แต่ครั้งนี้ซือเหยี่ยนตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าต้องการจะป๊าบๆ กับเขา ดึงไปก็ดึงไว้ไม่อยู่ฃ
เสียงเคาะประตูข้างนอกยังคงดังต่อไป ซังจิ่งยังอยู่ข้างนอกเรียกเขาออกมากินข้าวเย็น
เจียงมู่เฉินชักจะสับสนลุกลี้ลุกลนแล้ว นี่ถ้า ‘ทำ’ กับซือเหยี่ยนแล้ว ก็ออกไปไม่ได้สิ ข้างนอกยังมือซังจิ่งอยู่ด้วย เขาปวดหัวทีเดียว
เขารีบสกัดกั้นมือซือเหยี่ยนไว้ “ที่นี่กันเสียงไม่ดี”
ซือเหยี่ยนยักคิ้ว “ผมไม่ถือ” จะได้ให้ซังจิ่งได้ยินว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันพอดี จะได้ให้เขารู้ถึงความยากลำบากแล้วถอนตัวไปด้วย
เจียงมู่เฉินเป็นของเขาได้เพียงคนเดียว ส่วนซังจิ่งถูกลิขิตไว้แล้วให้เป็นได้แค่ตัวรับกระสุนเท่านั้น
“นายไม่ถือ แต่ฉันถือนะ” เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้ “ฉันไม่ต้องการไว้หน้าตัวเองหรือไง”
ถ้าคนอื่นมาได้ยินการเคลื่อนไหวในห้องของพวกเขา ไม่ใช่ว่าจะรู้ทันทีได้เลยหรือไงว่าตลอดทั้งบ่ายปิดประตูทำอะไรกันอยู่ข้างใน
เขาเสียหน้าไม่ได้ อีกอย่างซังจิ่งเจ้าหมอนั่นก็ยังอยู่นอกประตู
“งั้นพวกเราไปห้องน้ำ” ซือเหยี่ยนเอ่ยอีก
เจียงมู่เฉินเห็นท่าทีเขาว่าไม่มีทางที่จะเจรจากันได้ ความคิดๆ หนึ่งก็วาบเข้ามาในหัว “ไม่งั้นให้ฉันใช้มือช่วยนายไหม”
เป็นอย่างที่คิดไว้ซือเหยี่ยนหยุดการกระทำในมือลง เขาก้มลงมองเจียงมู่เฉินที่ขอบตาแดงก่ำ แล้วพยักหน้าอย่างชื่นใจ “ได้ คุณพูดเองนะ”
เจียงมู่เฉินเห็นท่าทางเขาดูชื่นใจอะไรขนาดนั้น ก็รู้สึกว่าต้องมีตรงไหนผิดปกติ แต่ยังไม่ทันได้มีท่าทีตอบสนองกลับไป เขาก็โดนซือเหยี่ยนอุ้มเข้าห้องน้ำไปแล้ว
เจียงมู่เฉินมองดูซือเหยี่ยนที่ยืนจังก้าอยู่ต่อหน้า เล่นเอาปวดหัวทีเดียว เป็นครั้งแรกของเขาที่มาทำเรื่องอะไรแบบนี้ เขาไม่ประสีประสา ทำไม่ค่อยจะเป็นเท่าไหร่เลย
อยากจะรีบให้ซือเหยี่ยนปล่อยตัวเองออกจากห้องไป ผลสุดท้ายสิ่งที่ตัวเองเอ่ยเสนอไปกลับมาฝังกลบตัวเองจนได้
เขามองซือเหยี่ยนเงียบๆ จนหัวชักจะเริ่มชาๆ บ้างแล้ว
ตอนที่ 211 ขุดหลุมฝังกลบตัวเองอีกแล้ว
‘ลงมือทำหรือไม่ลงมือทำ ถอดหรือไม่ถอด เป็นปัญหาที่จริงจังเสียจริง…’
ซือเหยี่ยนเองก็ไม่ได้เร่งรีบอะไร และก็ไม่ได้เร่งรัดอีกฝ่าย ปล่อยให้เขายืนอยู่ต่อหน้าตัวเองคิดทบทวนอยู่เงียบๆ ถึงอย่างไรเขาก็มีเวลาให้เจียงมู่เฉินค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปได้
รออีกหลายนาที เจียงมู่เฉินถึงได้กัดฟันกรอด ก็แค่เรื่องใช้มือทำไม่ใช่หรือไง จะทำให้คุณชายน้อยเจียงลำบากได้เหรอ
เจียงมู่เฉินส่งมือไปปลดเข็มขัดให้ซือเหยี่ยน ขณะแก้อยู่ เหงื่อก็ไหลออกท่วมหัว มือน้อยๆ ที่ประหม่าของเขากำลังสั่นระริก
กว่าจะปลดเข็มขัดออกมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะโดนถอดออกไปชั้นหนึ่งแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะหน้าหนาพอ ไม่ใส่เสื้อผ้าล่อนจ้อนอยู่ต่อหน้าซือเหยี่ยนได้ไม่เป็นไร แต่ปัญหาคือเขาอยู่ต่อหน้าซือเหยี่ยน ช่วยซือเหยี่ยนถอดเสื้อผ้า มันไม่ใช่ความหมายนี้แล้ว
ความน่าละอายเกินจะบรรยายได้หมายความว่าไงกัน เจียงมู่เฉินแอบขบกราม รู้สึกว่าตัวเองไม่คืบหน้าไปไหนเลย
พอหลับตาก็ดึงกางเกงซือเหยี่ยนลงมา เอาล่ะ ในที่สุดก็เข้าเรื่องได้สักที
“เริ่มกันเถอะ คุณชายน้อยเจียงของผม”
เจียงมู่เฉินขบกราม หัวชักจะเริ่มชาๆ บ้างแล้ว
‘เริ่มกันเถอะ…สามคำนี้พูดง่าย แต่ทำยาก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะลงมือยังไงดี’
ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางแบบนั้นของเขาก็ถอนหายใจอย่างเลี่ยงไม่ได้ คิดว่าถ้าตัวเองไม่ลงมือสักที เกรงว่าผ่านไปคืนนี้ก็ยังหากินไม่ได้สักที
เขาส่งมือไปจับมือเจียงมู่เฉินดึงลงเข้าหาตัวเองไปตรงๆ
ใบหน้าเรียวเล็กของเจียงมู่เฉินแดงจัด ทันใดก็คิดอยากจะชักมือออก แต่กลับโดนซือเหยี่ยนกดทับไว้จนอยู่หมัด ไม่เหลือที่ให้เขาเผ่นแนบไปไหนเด็ดขาด
เขายกมุมปากขึ้นด้วยท่าทีสุขุม “เฉินเฉิน ขยับเองสิ”
……
เจียงมู่เฉินอยากร้องไห้ เป็นวันหนึ่งที่เขาขุดหลุมฝังกลบตัวเองอีกแล้ว ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจะเหนื่อยขนาดนี้ สู้นอนแผ่หลาให้ซือเหยี่ยนมาปล้ำยังจะดีกว่า
แบบนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขายังได้เสพสุขไปด้วย
ตอนนี้เป็นไงล่ะ เหลือแค่เหนื่อยอย่างเดียว มีหรือจะได้เสพสุขด้วย
เจียงมู่เฉินมองมาอย่างน่าสงสารอยู่บนเตียงไม่อยากขยับไปไหน ซือเหยี่ยนจัดเสื้อผ้าเรียบร้อยเดินออกมาด้วยสีหน้าสบายอารมณ์
“เฉินเฉิน ยังไม่ออกไปเหรอ ข้างนอกยังมีคนรอคุณกินข้าวอยู่นะ” เขาเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
อีกนิดเจียงมู่เฉินจะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว ตอนนี้รู้จักว่ามีคนรอกินข้าวอยู่เหรอ เมื่อกี้ไม่เห็นจะนึกถึงเรื่องนี้เลยสักนิด
เขาขบกรามแน่นยื่นมือไปทางซือเหยี่ยน
ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้น เข้าไปดึงเขา สุดท้ายเจียงมู่เฉินฉวยโอกาสกัดเข้าที่คอไปคำหนึ่ง
“ซี๊ด…คุณเป็นหมาหรือไง”
เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ “ฉันเป็นของนาย”
ได้กัดคอเขาระบายอารมณ์ เจียงมู่เฉินก็สบายใจได้สักที เขาลงจากเตียงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูออกไป
ซังจิ่งรออยู่ข้างนอกมานานสองนานแล้ว เห็นเจียงมู่เฉินเดินออกมาจากข้างในก็อดจะเลิกคิ้วไม่ได้ “ผมคิดว่าพวกคุณจะไม่กินข้าวเย็นกันแล้วซะอีก”
เจียงมู่เฉินทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดประชดของเขา นั่งลงตรงข้ามไป๋จิ่งทันที ซือเหยี่ยนก็ตามเข้ามานั่งลงข้างเจียงมู่เฉินด้วยตัวเอง
ซังจิ่งกวาดสายตามองพวกเขาสองคนสลับกันไปมา เขายกมุมปากขึ้น “ทั้งบ่ายนี้พวกคุณสองคนทำอะไรกันในห้องเหรอ”
เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขา “ทำไมนายนี้มันเผือกได้ขนาดนี้ นอนชดเชยไม่ได้เหรอ หรือว่าเวลาฉันนอนก็ต้องรายงานนายด้วย”
ซังจิ่งเลิกคิ้วเล็กน้อย หัวร้อนขนาดนี้ ดูท่าว่ายังไม่ได้ระบายความร้อนออกมาล่ะสิ แต่ว่าสองคนนี้ดูเหมือนจะไม่คิดจะร่วมเตียงกันเท่าไหร่
ซังจิ่งความกลัดกลุ้มในใจคลายลงเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าทำไมถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเจียงมู่เฉินกับซือเหยี่ยนมีความสัมพันธ์กันแบบนั้น แต่พอคิดเห็นภาพตอนที่สองคนนี้อยู่ด้วยกันใกล้ชิดสนิทสนมกัน ก็รู้สึกไม่ค่อยชอบใจเกินจะเอ่ยได้