ตอนที่ 150 เฉินเฉิน น้ำยาผมดีหรือไม่ดี
“วางใจเถอะ ฉันเป็นคนดีพอ ไม่รังแกคนไร้น้ำยาหรอก” เจียงมู่เฉินเหมือนยังขยี้จุดไม่จบ
ไป๋จิ่งเดือดจนดวงตาดำคร่ำเคร่ง ถ้าซือเหยี่ยนไม่อยู่ด้วย เขาคิดว่าตัวเองคงจะอดใจพูดกับเจียงมู่เฉินไม่ได้ ให้ไอ้หมอนี่มาลองน้ำยาเขาดูสักหน่อย
ยังดี ที่ยังไม่ได้พูดประโยคนี้ออกมา ไม่เช่นนั้นเจียงมู่เฉินไม่เป็นฝ่ายเผาเขา ก็เป็นซือเหยี่ยนที่จะฆ่าเขาแทน
“รีบพาคุณชายเจียงของนายออกไปที ไม่งั้นฉันกลัวว่าฉันจะคุมตัวเองไม่อยู่” ไป๋จิ่งแอบตักเตือน
เจียงมู่เฉินก็เดือดเช่นกัน เขาเป็นคนที่ต้องให้ซือเหยี่ยนปกป้องเหรอ
“ผู้ชายกากไร้น้ำยา” คำพูดเดียวหลายความหมายของเจียงมู่เฉิน
ซือเหยี่ยนเห็นสองคนนี้ใกล้จะทะเลาะกันจริงจังแล้ว ก็กุมขมับอย่างจนใจ เขาเดินเข้าไปดึงแขนลากตัวเจียงมู่เฉินมา “ไปได้แล้ว ควรจะกลับสักที”
ไป๋จิ่งเห็นซือเหยี่ยนเข้ามาจัดการ ก็ยักคิ้วอย่างลำพองใจทันที
เจียงมู่เฉินเห็นเขายั่วยุกันจะจะก็อยากจะสะบัดแขนตัวเองให้หลุดออกจากมือของซือเหยี่ยน แต่ซือเหยี่ยนล็อกไว้แน่นหนาจึงสะบัดไม่ออก
ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองไป๋จิ่งผู้ลำพองใจตรงหน้า “ที่จริงฉันกลัวเฉินเฉินของฉันจะปล่อยหมัดหนักใส่นายรุนแรงเกินไป ฉันเห็นใจสงสารนาย”
ไป๋จิ่ง “……” เขายังเป็นไก่อ่อนมากกว่าเจียงมู่เฉินอีกเหรอ
ไฟโมโหลุกโชนเต็มอก เจียงมู่เฉินผู้เล็งหัวไป๋จิ่งแบบต้องเอาให้ตายกันไปข้างหนึ่งเพียงพริบตาก็สบายใจสบายอารมณ์แล้ว เขาจัดระเบียบเสื้อผ้าบนตัวอย่างมีมาด
“เห็นแก่หน้าซือเหยี่ยน ฉันก็จะไม่รังแกนายแล้ว” เจียงมู่เฉินเสยผม “ถึงยังไง ฉันก็สาดเกลือใส่แผลนายต่อไม่ได้หรอก”
พูดไปยังกวาดสายตามองช่วงขาของไป๋จิ่งด้วย
ไป๋จิ่งโมโหจนดวงตาคู่นี้ดำคล้ำ รู้สึกว่าซือเหยี่ยนหาปีศาจแสนร้ายกาจขนาดนี้มาทำให้เขาโมโห
โดนเจียงมู่เฉิน ‘ปลอบใจ’ ขนาดนี้ ไป๋จิ่งรู้สึกว่าตัวเองยิ่งบาดเจ็บหนักกว่าเดิม
ทันใดนั้นในหัวไป๋จิ่งก็มีความคิดหนึ่งวาบขึ้นมา เขารีบหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความหาซือเหยี่ยน หัวเราะเยาะเขาเหรอ
‘เดี๋ยวก็รู้ว่าใครจะลงจากเตียงไม่ไหว’
……
หลังจากออกจากบริษัทไป ทั้งสองคนเพิ่งจะนั่งในรถ มือถือของซือเหยี่ยนก็ดังขึ้นมา เขาหยิบมือถือขึ้นมาดู เลิกคิ้วขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ แล้วผลัดไปมองเจียงมู่เฉินที่กำลังรัดเข็มขัดนิรภัยอยู่
นัยน์ตาฉาบความรู้สึกที่ยากจะหยั่งถึงได้ ซือเหยี่ยนไม่พูดอะไรสักคำ ขับรถออกไปทันที
เจียงมู่เฉินเห็นทางที่เขาขับรถมา ไม่ค่อยจะถูกต้องเท่าไหร่ จึงรีบเอ่ยถาม “นายขับไปผิดทางแล้ว”
ซือเหยี่ยนเบนรถเลี้ยวไปทางซ้าย “ไม่ผิดหรอก”
เจียงมู่เฉินทำหน้างุนงง เขาไม่ได้โง่จนไม่รู้แม้กระทั่งว่าบ้านตัวเองไปทางไหน อีกอย่างเส้นทางนี้ก็ไม่ใช่ทางไปบ้านซือเหยี่ยน
ไม่กี่นาทีต่อมา เจียงมู่เฉินโดนเขาจับกดลงเตียงหลังใหญ่อยู่ในโรงแรมเป็นที่เรียบร้อย เจ้าตัวยังตอบสนองกลับไปไม่ค่อยได้
“อะไรกัน……พูดจากันดีๆ ก็ได้ อย่าลงไม้ลงมือกันสิ” เจียงมู่เฉินลุกลี้ลุกลนจับเสื้อผ้าตัวเองไว้ ปกป้องข้างบนไม่ได้ ก็ป้องกันข้างล่างไม่ได้แล้ว จนสุดท้าย บนตัวก็จะไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้น
ซือเหยี่ยนมองดูใบหน้าของเขา ออกแรงงับเขาไปคำหนึ่ง “รู้สึกว่าผมไร้น้ำยา อยู่ดีๆ ไม่ชอบใช่ไหม”
เจียงมู่เฉินไม่เข้าใจ เขาไปพูดแบบนี้ตอนไหน
ซือเหยี่ยนไม่ให้โอกาสเขาได้โต้แย้งอะไร ลงมือประกบปาก มอบจูบแนบสนิทไร้อากาศใดจะผ่านได้
เจียงมู่เฉินโดนซือเหยี่ยนจับกดที่เตียงเล่นลวดลายหลากลีลาซึ่งเขาก็ขัดขืนไม่ไหวอยู่แล้ว เจียงมู่เฉินโกรธจนอยากจะขบกราม ต้องเป็นแผนที่ไป๋จิ่งไอ้หมอนั่นจงใจเล่นงานเขาแน่ๆ
ถ้ามีครั้งหน้า เขารับรองว่าจะต้องเอาคืนไป๋จิ่งไอ้คนระยำนั่นเป็นสองเท่าให้ได้
ซือเหยี่ยนมองคนใต้ร่างที่กำลังใจลอย โน้มตัวเข้าไปกัดหูเขาแรงๆ “ซี๊ด…” เจียงมู่เฉินร้องขึ้นมา รีบเอามือกุมหูที่โดนกัดเอาไว้
“นายเป็นหมาหรือไง”
เสียงซือเหยี่ยนแหบพร่า เซ็กซี่บาดใจ “ไม่มีอะไร ก็แค่อยากให้คุณรับความรู้สึกให้ดี ว่าน้ำยาผมดีหรือเปล่า”
โดนเล่นบท ‘รัก’ ซ้ำแล้วซ้ำอีกไปหลายชั่วโมง เจียงมู่เฉินยกมือไม่ขึ้นแล้ว สุดท้ายซือเหยี่ยนค้ำเอวที่ยืดตรงไม่ได้ของเขา แล้วเอ่ยเสียงอ่อนโยน “เฉินเฉิน น้ำยาผมดีหรือไม่ดี”
‘แม่งเอ๊ย’
เจียงมู่เฉินพังครืนลมแทบจับแล้ว “ดีๆๆ นายแม่งดีที่สุดในโลกเลย”
เขาอยากร้องไห้ อยากเลิก
เหตุผลเพราะน้ำยาดีเกินไป
ตอนที่ 151 คุณชายปวดขา เดินไม่ไหว
กว่าทั้งสองคนจะออกจากโรงแรมได้ เจียงมู่เฉินก็ขี้เกียจถึงขั้นแม้แต่เดินก็ไม่อยากจะเดินแล้ว ถ้าไม่ติดว่าคนในโรงแรมเยอะเกินไป เขาต้องให้ซือเหยี่ยนอุ้มออกไปแน่ๆ
‘ได้สมใจแล้วก็ไม่สนใจเขาแล้ว มีเรื่องที่ดีขนาดนั้นที่ไหนกัน’
ก้อนเนื้ออย่างคุณชายนี้ ซือเหยี่ยนกล้ากินเข้าไป เขาก็ควรจะทำใจเตรียมพร้อมเรื่องกลืนยากด้วย
ยามเข้าโรงแรมไป ข้างนอกสว่างไสว กว่าจะออกมาอีกที ข้างนอกก็เปิดไฟประดับแต่หัวค่ำแล้ว
‘สามชั่วโมงเต็มๆ เลยนะ นี่มันเป็นสัตว์แล้ว’
เขามองซือเหยี่ยนที่สุขสมใจอยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง อดจะกัดฟันกรอดๆ ไม่ได้ ทั้งๆ ที่เป็นคนออกกำลังกายมาสามชั่วโมงเต็มๆ ทำไมเขาถึงเหมือนคนที่ถูกตีมาหลายวัน เจ็บปวดเมื่อยไปทั้งตัว
เจียงมู่เฉินเห็นเขาทำหน้าสุขสมก็ไม่ค่อยปลื้มแล้ว เขายืนขึ้นก็ไม่อยากเดินทันที
ซือเหยี่ยนหันกลับมามองเขา “เป็นไรไป”
“คุณชายปวดขา เดินไม่ไหว”
ซือเหยี่ยนยกมุมปากขึ้นหัวเราะ พูดโดยไม่คิดอะไร “ให้ผมอุ้มคุณไหม”
เดิมทีเจียงมู่เฉินจงใจอยากให้ซือเหยี่ยนลำบาก แต่เห็นอีกฝ่ายเสนอตัวอยากอุ้มตัวเอง ความไม่สบายไม่สดชื่นแม้แต่นิดเดียวในใจก็สลายหายไปในพริบตา
เขาเปลี่ยนไปโหมดเล่นแง่ใส่แทน “คุณชายไม่ได้พิการขนาดนั้น ต้องให้นายอุ้มด้วยเหรอ”
ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางเล่นแง่ระเบิดลงของเขาน่าขำอยู่ไม่เบา นัยน์ตาฉาบรอยยิ้ม พร้อมพยักหน้า “อืม เฉินเฉินของผมเก่งที่สุดอยู่แล้ว”
เจียงมู่เฉินที่เอียงคออยู่ รู้สึกว่าหูตัวเองเริ่มร้อนขึ้นมา โดนเขาปากหวานใส่กะทันหัน ยังรู้สึกอายๆ อยู่ด้วย
“ไปแล้วๆ”
เจียงมู่เฉินไม่กล้ามองซือเหยี่ยน หมุนตัวเดินไปข้างหน้า แสงไฟสีสันแพรวพราวตกกระทบเรือนกายของเจียงมู่เฉิน ร่างเพรียวสูงโฉบเฉี่ยวเปล่งประกายวิบวับ
“เจียงมู่เฉิน…” จู่ๆ ซือเหยี่ยนก็เอ่ยเรียก
เจียงมู่เฉินที่เดินอยู่ข้างหน้าได้ยินเสียงซือเหยี่ยนเรียก จิตใต้สำนึกบอกให้เขาหันกลับไป ยังไม่ทันได้มองซือเหยี่ยน แขนของอีกฝ่ายก็โอบกอดเอวเขาไว้ ริมฝีปากแสนอบอุ่น
เจียงมู่เฉินเบิกตากว้างมองซือเหยี่ยนที่จูบตัวเองกะทันหัน รีบเอามือผลักเขาออก “ซือเหยี่ยน นายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง กลางถนนแบบนี้ จู่ๆ นายมาจูบฉันทำไม”
ซือเหยี่ยนผู้ไม่เข้าตามตรอก ไม่ออกตามประตู จะทำเขาตกใจจนจะตายจริงๆ
ถึงแม้ว่าเมื่อครู่จะไม่มีใครเดินผ่านมา แต่ก็ยากจะเลี่ยงไม่ให้คนไม่เห็นได้ ถ้ามีคนมาเห็นตัวเองกับซือเหยี่ยนจูบกัน…
เจียงมู่เฉินครุ่นคิดสักพัก เหมือนว่า…มาเห็นก็ไม่มีอะไร
‘ก็แค่ก่อนที่ยังไม่ได้เตรียมตัวดีๆ จะยุ่งยากกว่าเดิมเท่านั้นเอง’
“จู่ๆ ผมก็อยากจูบคุณ” ซือเหยี่ยนทำหน้าทำตาน้อยใจ
เจียงมู่เฉินโกรธจนขบกรามแน่น แต่พอได้สบสายตาซื่อๆ ของเขา เพียงชั่วครู่ไฟโกรธในใจก็ดับมอดไปจนหมด
เขาถอนหายใจลึกๆ “ครั้งหน้าถ้านายไม่บอกกันก่อน ระวังคุณชายจะลงโทษนาย”
ซือเหยี่ยนกะพริบตาปริบๆ ตลกๆ “รับบัญชา นายท่านแฟนผู้ยิ่งใหญ่”
กลับมานั่งที่รถ เจียงมู่เฉินมองดูเวลา ตอนนี้หนึ่งทุ่มกว่าๆ แล้ว “จะกลับบ้านหรือว่าจะไปกินข้าวก่อน”
เวลานี้พ่อแม่เขาคงจะเตรียมกินข้าวกันแล้ว
“กลับบ้านเถอะ” ยามซือเหยี่ยนกำลังพูดคำว่า ‘กลับบ้าน’ สองคำนี้ ในใจก็ห้ามความรู้สึกอบอุ่นนี้ไม่ได้
ถึงแม้ว่าอยากจะพาเขาเลี้ยวกลับไปบ้านของพวกเขาสองคนแค่ไหน แต่เมื่อคิดว่ายังมีเรื่องอย่างอื่นอีก ซือเหยี่ยนก็อดทนไว้ ขับรถพากันกลับบ้านตระกูลเจียงไป
เป็นครั้งแรกที่เขาจงใจตกแต่งปรับปรุงบ้านใหม่เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการไปอยู่บ้านตระกูลเจียง พ่อแม่เจียงมู่เฉินดีกับเขามากมาตลอด ตั้งแต่เด็กๆ ก็ถือว่ามองเขาเป็นเหมือนลูกชายไปครึ่งหนึ่งแล้ว
แต่ว่าถ้ามีวันหนึ่ง เขาเผชิญหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองคน แล้วบอกว่า ‘ผมต้องการชิงตัวลูกชายสุดที่รักคนเดียวของพวกท่านหนีไป’
เกรงว่า คุณพ่อเจียงจะอดหยิบไม้ตะบองมาไล่ตามฆ่าเขาไม่ได้
ถึงอย่างไรคนที่เขาอยากชิงตัวไปก็เป็นถึงก้อนเนื้ออันล้ำค่าในใจของพวกเขา
ดังนั้น วิธีที่เขาอยากจะทำให้สองสามีภรรยาตระกูลเจียงชินกับการที่ตัวเองอยู่ด้วยกันกับเจียงมู่เฉินได้เร็วที่สุด ไหนเลยจะเท่ากับการเข้ามาในฐานะเพื่อนสนิท
เขาเอียงคอมองเจียงมู่เฉินที่หรี่ตาเล่นเกมอย่างเอื่อยเฉื่อย เขาทุ่มเทหมดใจเพื่อเปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขาในอนาคต แต่ไอ้หมอนั่นยังมีกะจิตกะใจเล่นเกมอยู่ได้