(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท – ตอนพิเศษ 1-7 สถานที่

ตอนพิเศษ 1-7 สถานที่

 

 

 

 

ไม่ว่าจะลองคิดอย่างไร ก็ไม่เข้าใจเลยสักนิด ทั้งมุนเซจอง ทั้งคิมจองอู ต่างก็เหมือนกันอยู่อย่าง ก็คือเรื่องที่ชอบฮันซองจู ถึงจะรู้ว่าอีกคนเป็นเจ้าตัวปัญหาในหลายๆ เรื่อง แต่ก็ยังคงลงเอยแบบนั้นได้ ในตอนแรกก็คิดว่าหลงใหลในรูปโฉม แต่ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะอดทนกับฮันซองจูที่เจ้าอารมณ์แบบนั้นได้ เพียงเพราะเรื่องของรูปลักษณ์ หรือหมอนั่นจะมีเสน่ห์อะไรที่เขาไม่รู้อย่างนั้นเหรอ ซองฮีได้แต่สงสัยอยู่แบบนั้น 

 

 

“ก็ไม่รู้สิครับ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน” 

 

 

แต่ว่าคำตอบที่ได้รับกลับมานั้นไม่อาจช่วยไขข้อข้องใจได้เลย ซองฮีที่มีสีหน้าอ่อนแรงจึงได้บ่นพึมพำออกมา 

 

 

“อะไรเนี่ย คิดว่าจะได้คำตอบอะไรที่มากกว่านี้ซะอีก” 

 

 

คำพูดนั้นทำเอาจองอูระบายยิ้มกว้างออกมา 

 

 

“ก่อนหน้านี้ผมก็เคยถูกถามคำถามแบบนี้ แต่ผมเองก็ไม่รู้เหตุผลเหมือนกัน มันก็แค่เหมือนว่าเป็นอะไรที่ขัดขืนไม่ได้น่ะครับ” 

 

 

“ขัดขืนไม่ได้?” 

 

 

ซองฮีมองตรงมาที่จองอูอย่างต้องการถามว่าคำพูดแบบนั้นมันหมายความว่าอย่างไรกัน จองอูจึงได้กล่าวต่อ 

 

 

“ครับ ขัดขืนไม่ได้ ถูกดึงดูดเข้าไปตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น มันเป็นความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศบางอย่างที่อธิบายออกมาไม่ได้ ให้พูดออกมาแบบดูดีก็ทำไม่ได้ แต่มันคือความรู้สึกที่ว่าเป็นคนนี้ละ อะไรประมาณนั้นครับ” 

 

 

จองอูกล่าวออกมาเช่นนั้น ขณะที่หวนนึกไปถึงครั้งแรกที่ได้เจอกับซองจู 

 

 

ในตอนนั้นจองอูตกอยู่ในสภาพที่เป็นโรคนอนไม่หลับเรื้อรังและยังหูแว่วเข้าขั้นวิกฤต พอนึกย้อนกลับไปในตอนนั้น มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ไม่รู้ว่าจะสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ได้หรือไม่ แต่ว่าพอได้ก้าวเท้าเข้าไปในห้องใหม่ และผู้อาศัยเดิมที่ปรากฏตัวออกมาด้วยท่าทางคุกคามเขาอย่างเต็มที่นั้น ในความคิดของจองอู อีกคนดูมีเสน่ห์อย่างมาก 

 

 

ครั้งแรกเขาเพียงมองผ่านๆ ไปเท่านั้น แต่พออีกฝ่ายเห็นเขาแล้วถึงกับทำตัวไม่ถูกไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแสดงออกว่าโกรธจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง แล้วก็เดินกลับห้องตัวเองไป โทรศัพท์ไประบายความโกรธที่ไหนสักที่ ในตอนนั้นจองอูคิดเพียงแค่นั้น ตามนิสัยของดงฮยอนที่เป็นเจ้าของวิลล่า มีความเป็นไปได้สูงที่อีกคนจะไม่ได้บอกเรื่องจองอูให้คนที่อาศัยอยู่ก่อนรู้ ดังนั้นจองอูจึงแสดงท่าทางเป็นแขกไม่ได้รับเชิญแสนเรียบร้อย คิดว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เขาก็จะไปจากที่นี่ 

 

 

มันช่างเป็นบ้านที่แสนโดดเดี่ยว น่าจะอยู่ที่นั่นอย่างอึดอัดใจพอควร มันทั้งกว้างและโดดเดี่ยว ภายในบ้านหลังนั้นที่ไร้ซึ่งความอบอุ่นใดๆ ฮันซองจูยืนอยู่ที่นั่นอย่างอ้างว้าง 

 

 

ภายในห้องที่ปิดไฟ เขายืนอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์สีแดงในยามอัสดง จองอูมองภาพความมืดมิดที่ค่อยๆ กลืนกินเข้ามา ก่อนเสียงครึกโครมจะดังขึ้น แล้วเขาก็ได้เห็นซองจูที่เปิดประตูดังปังเข้ามา แล้วยืนค้างนิ่งอยู่ตรงนั้น มันให้รู้สึกเหมือนกับลมหายใจนั้นสะดุดลง 

 

 

ภายในห้องที่มืดมิด ใบหน้าใสกระจ่างของซองจูดูเป็นหนึ่งเดียวกับแสงสว่างที่ทางเดินเบื้องหลังนั่นสะท้อนเข้ามาจนทำให้ดูราวกับกำลังเปล่งประกาย 

 

 

เขายืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิด สายตาของอีกคนทอประกายแปลกประหลาด ทำให้รู้สึกได้ถึงความร้อนที่คืบคลานไปทั่วร่าง หากทว่าภายในใจนั้นกลับมืดมนเสียยิ่งกว่าใคร คนที่ชื่อว่าฮันซองจูนั้นเป็นคนที่มีความขัดแย้งอยู่ในตัวสูงมาก เหมือนในดวงตาคู่นั้นมีสีสันแบบเด็กๆ แฝงอยู่ 

 

 

แม้จะดูสดใสอย่างมาก แต่ก็เป็นคนที่มืดมนยิ่งกว่าใคร จองอูรู้ทั้งที่เพิ่งสบตากันเป็นครั้งแรกว่าซองจูเป็นเช่นนั้น แล้วเขาก็ถูกดึงดูดเข้าไปในทันที 

 

 

นั่นละคือสิ่งที่เกิดขึ้น 

 

 

“ถึงยังไง ต่อให้ได้สบตากันในที่อื่น ผมก็ยังคงจะตกหลุมรักคนนั้นอยู่ดี มันเป็นเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมมั่นใจครับ” 

 

 

สีหน้าของซองฮีที่มองมายังเขาซึ่งกำลังพูดออกมาอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั้น ยังคงมีเงาของความเศร้าพาดผ่าน แต่ว่าจองอูก็ไม่ได้ใส่ใจกับมัน อย่างไรเสียชีวิตเขาก็ไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบอยู่แล้ว ท่ามกลางมรสุมของความไม่มั่นคงทางจิตใจที่พัดกระหน่ำ หากจะมีอะไรโผล่ขึ้นมาอีกสักอย่าง มันก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิม กลับกันเพราะมรสุมนั้น คนอื่นคงจะไม่รู้ว่ามันได้ทำให้เขาสามารถจัดการกับชีวิตที่เคยแหลกเหลวได้ 

 

 

“ก็ ต่อไปถ้าจะเกิดอะไรขึ้นมาอีก มันก็คงจะดราม่าได้เท่านี้ละครับ เพราะแบบนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกครับ” 

 

 

จองอูกล่าวออกมาเช่นนั้น พร้อมกับเอนตัวพิงไปกับโซฟา ท่าทางสบายๆ ยิ่งกว่าที่คิดแบบนั้น คงมีเพียงซองฮีเท่านั้นที่ร้อนรนภายในใจ จองอูมองไปยังคนคุ้นเคยมาแสนนานซึ่งนั่งทำหน้าบูดอยู่ด้วยสีหน้าสบายใจ แต่ทว่าซองฮีกลับไม่พอใจกับท่าทางแบบนั้น จึงได้บ่นพึมพำออกมา 

 

 

“ที่จริงแค่ฉันคิดว่าในอนาคตมันอาจจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมา ก็จะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่ก็ห่วงนายที่เป็นนายแบบนี้ แล้วก็พี่ที่เป็นแบบนั้นจนแทบบ้าแล้ว” 

 

 

“ไม่สบายใจเพราะพวกเราสองคนงั้นเหรอครับ” 

 

 

“ก็มีบ้างแหละ แต่เพราะทั้งสองคนเป็นคนที่ใกล้ชิดกับฉัน คนนึงก็นะ ถึงจะบ้าบอยังไงก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ที่มีคนเดียวในโลก และนายเองก็เป็นมากกว่าแค่เพื่อนร่วมงาน ในตอนนี้พวกนายใช้ชีวิตแบบคนรัก ตัวติดกันตลอดทั้งวัน แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ถ้าเกิดว่าสุดท้ายแล้วมันจบไม่สวยขึ้นมา ก็เป็นพวกนายทั้งคู่นั่นแหละที่ต้องเจ็บปวด แต่ว่าคนที่อยู่ตรงกลางแบบฉันก็คงไม่ได้ดีไปกว่ากันนักหรอก” 

 

 

ซองฮีกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะหลับตาลงอย่างช้าๆ ถึงเขาจะรู้สึกได้ถึงสายตาของจองอูที่มองตรงมาที่ตัวเอง แต่ว่าตอนนี้เขาไม่อยากสบตาอีกคนแบบตรงๆ เลย ซองฮีที่แกล้งทำท่าทางไม่รับรู้อะไรอยู่นั้น ไม่นานนักน้ำเสียงกลั้วหัวเราะของจองอูก็ดังมาให้ได้ยิน 

 

 

“พี่นี่จริงๆ เลย ถ้างั้นพี่ก็ต้องดูแลคนนั้นสิครับ ก็เป็นพี่น้องกันนี่นา” 

 

 

“พูดต่างกันเลยนะ” 

 

 

“ครับ?” 

 

 

“กับหมอนั่นน่ะ พูดต่างกันเลยนี่” 

 

 

ซองฮีบังคับให้เปลือกตาที่ปิดอยู่ ปิดสนิทขึ้นไปอีก 

 

 

เขาคิดว่าช่างเป็นคู่รักที่พูดคุยกันน้อยเหลือเกิน แล้วก็เหมือนว่าจะเดาได้ถูกเสียด้วย จองอูไม่ได้รู้เลยว่าซองจูนั้นคิดถึงตัวเองแบบใด และห่วงมากแค่ไหน เพราะแบบนั้นตอนที่พูดถึงเรื่องของจีฮุน ถึงได้จดจ่อเสียขนาดนั้น จนถึงตอนนี้คิมจองอูไม่เคยรู้เลยว่าคนที่คอยใส่ใจและระมัดระวังความสัมพันธ์ที่มีต่อฮันซองจูนั้น ไม่ใช่ใครอื่นเลย แต่เป็นตัวฮันซองจูนั่นแหละ ซองฮีพรูลมหายใจออกมาแผ่วเบา ก่อนจะลืมตาขึ้น 

 

 

“ตอนก่อนหน้านี้ที่นายหายไป แล้วก็กลับมาใหม่น่ะ” 

 

 

ซองฮีกล่าวถึงแค่นั้น ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึก ด้วยตระหนักว่ากำลังข้ามมาพูดถึงเรื่องนี้โดยไม่คาดคิด จึงได้ตั้งสติกับตัวเองครู่หนึ่ง แล้วจึงได้เปิดปากกล่าวต่อไป 

 

 

“ฉันบอกไปว่าเข้าข้างนาย ถึงจะทำอะไรตามใจยังไง ถ้าเป็นเรื่องที่ผิดต่อนาย ฉันก็ไม่คิดจะอยู่เฉยๆ” 

 

 

“แล้วทำยังไงล่ะครับนั่น เขาไม่ใช่คนที่จะยอมทนฟังนิ่งๆ นี่นา” 

 

 

“แต่ว่าไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมาเลย” 

 

 

“ครับ?” 

 

 

คำพูดที่คาดไม่ถึงแบบนั้นทำเอาจองอูถึงกับตาเบิกโพลง ซองฮีคอยให้จองอูสงบลง ก่อนจะกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง 

 

 

“ก็นะ ตอนแรกก็พูดออกมาเสียงแข็งว่าพี่ของนายน่ะคือฉันนะ แต่ว่าเรื่องที่อยากพูดจริงๆ ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกนะ” 

 

 

“ถ้างั้น…” 

 

 

“หมอนั่นบอกว่าไม่ต้องมาสนใจตัวเขา ถ้าจะดูแลใคร ก็ให้ไปดูแลนาย” 

 

 

“อะไรนะครับ” 

 

 

“หมอนั่นว่า ถ้าเกิดมีเรื่องอะไรกับตัวเอง คนที่จะคอยอยู่ข้างนายน่ะแทบจะไม่มีเลย ยังไงซะฉันก็ไม่ได้ลงรอยกับตัวเขาอยู่แล้ว มันก็เข้าเค้าพอดีไม่ใช่เหรอแบบนั้น เพราะงั้นก็ให้ดูแลตัวนายแทนตัวเองซะ แต่ก็นะ การที่คนที่มีสายเลือดเดียวกันมาบอกให้เข้าข้างคนอื่นแบบนั้น มันก็รู้สึกไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดฉันพูดอะไรโต้แย้งกลับไป หมอนั่นก็คงจะพูดอะไรยืดยาวออกมาอีกก็เท่านั้น” 

 

 

คิ้วกระตุกขึ้น พร้อมกับริมฝีปากที่เบะออก ท่าทางเช่นนั้นของซองฮีที่จองอูได้เห็นทำให้เจ้าตัวได้แต่พรูลมหายใจออกมาเงียบๆ  

 

 

“เหมือนมันจะไปกันใหญ่แล้วนะครับ” 

 

 

“งั้นเหรอ เพราะนายเองก็ขี้ขลาดกว่าที่คิด หมอกนั่นถึงได้ทำตามใจตัวเองเป็นเท่าตัวแบบนั้นได้” 

 

 

“ถึงยังไงมันก็ไม่ใช่แบบนั้น เพราะว่าเคยร่วงลงไปถึงจุดต่ำสุดมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ในอนาคตก็ไม่ได้จะเลิกกันแน่นอนสักหน่อยนี่ครับ” 

 

 

“แบบนั้นมันจะไม่โลกสวยไปหน่อยหรือไง” 

 

 

“งั้นพี่ก็แต่งงานทั้งที่คิดว่าจะต้องเลิกกันงั้นเหรอครับ” 

 

 

ซองฮีไม่ได้ตอบโต้อะไรกับคำกล่าวนั้นของจองอู อย่างไรสองคนนี้ก็มักจะจี้ใจดำกันได้อยู่เรื่อย จนไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่ออีก ได้แต่ทำเสียงฮึ่มๆ ออกมา เห็นท่าทางเช่นนั้นของซองฮีแล้ว จองอูก็เอ่ยปากออกมาอีกครั้ง 

 

 

“ช่วยเล่าเรื่องคนนั้นให้ฟังอีกหน่อยสิครับ” 

 

 

“คนนั้น?” 

 

 

“คนหน้าสวยน่ะครับ คนรักเก่านั่นน่ะ” 

 

 

“อ้อ พูดถึงเซจองสินะ” 

 

 

ซองฮีมึนงงกับคำขอร้องแบบกะทันหันของจองอูไปครู่หนึ่ง ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเขาควรจะเล่าไปถึงขนาดไหน แต่ว่าจองอูก็ดูจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แล้วก็เริ่มขยับเข้ามานั่งติดกับซองฮี ขอร้องตัวเขาที่ยังไม่ยอมเปิดปากพูดแม้แต่น้อย 

 

 

“ขอร้องฮันซองจูแค่ไหน อีกคนก็ไม่ยอมเล่าเลย พี่ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิครับ” 

 

 

“นี่ แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันควรจะเล่าไหมล่ะ ฉันเองก็ไม่ได้รู้เรื่องระหว่างสองคนนั้นไปหมดซะทุกเรื่องหรอกนะ” 

 

 

“ผมไม่ได้สงสัยเรื่องนั้น ก็แค่อยากรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนต่างหาก ขนาดมองอยู่ไกลๆ ยังเห็นเลยว่าคนนั้นน่ะประหม่าแค่ไหน ถ้าทำให้คนนั้นว้าวุ่นได้แบบนั้น ก็คงไม่ใช่ธรรมดาแล้วแหละ” 

 

 

“นิสัยน่ะเหรอ คนละขั้วเลย แล้วก็เพราะแบบนั้น เพราะผูกพันกันมาก ถึงได้ปฏิเสธไม่ได้ง่ายๆ ตอนที่ต้องตัดขาด ถึงรู้ว่าต้องตัดก็ยังยื้อปล่อยไปเรื่อยๆ” 

 

 

ซองฮีกล่าวเช่นนั้น ขณะนึกถึงใบหน้าของเซจอง 

 

 

เพราะรูปลักษณ์ที่สวยขนาดนั้นจึงทำให้ดูบอบบาง แต่ว่ากลับเป็นพวกที่ดื้อรั้นยิ่งกว่าใคร ดังนั้นถึงได้คิดแค่ว่าจะต้องทำให้ความสัมพันธ์แบบคนรักที่แสนบากลำบากนี้ผ่านไปได้ด้วยดีให้ได้ และศัตรูก็อยู่ในกฎข้อนั้นนั่นละ พอถูกพ่อแม่จับได้ในงานเปิดตัวก็ต้องหลบหนีไปต่างประเทศทันที พอได้ยินเรื่องนั้นซองฮีกลับเป็นห่วงเซจองเสียยิ่งกว่าพี่ตัวเองที่ถูกทิ้งไว้ลำพังเสียอีก 

 

 

แต่มันก็แค่ครู่เดียว ตอนที่ได้ยินว่าพ่อแม่ของเซจองคอยขัดขวางอนาคตของซองจูแบบนั้น เขาก็เกิดนึกผิดหวังในตัวเซจองขึ้นมา ถึงจะรู้ดีว่าเรื่องนั้นมันไม่ใช่เพราะเซจอง แต่เขาก็ยังไม่หายหงุดหงิด ในตอนนั้นด้วยความสัมพันธ์พี่น้องที่เหมือนลิ้นกับฟัน ซองจูจึงไม่ได้บอกเล่ารายละเอียดอะไรให้รู้ นั่นจึงทำให้เรื่องยิ่งบานปลายออกไป ซองฮีได้คลายความเข้าใจผิดที่มีต่อเซจอง ก็ตอนที่อีกคนกลับมาที่เกาหลีอีกครั้ง 

 

 

“เพราะแบบนั้นทั้งสองคนก็เลยฝังใจมาจนถึงตอนนี้” 

 

 

จองอูกล่าวออกมาแบบนั้น พร้อมกับพรูลมหายใจแผ่วเบา 

 

 

“วันที่ถ่ายทำ เขาคนนั้นจะมาหรือเปล่าครับ” 

 

 

“หืม เจ้านั่นตอนนี้ก็ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รัก แล้วก็ออกห่างไปไกลแล้วละ ถ้าเป็นตอนถ่ายทำ ประธานคิมอาจจะเรียกให้เอาพวกของว่างมาส่งบ้างก็ได้ การถ่ายทำก็ต้องเป็นการถ่ายทำ ครั้งนี้อาจจะไม่เป็นแบบนั้นก็ได้มั้ง” 

 

 

“ทำงานเกี่ยวกับอาหารอย่างนั้นเหรอครับ” 

 

 

“อือ ตอนไปต่างประเทศ เห็นว่าไปเรียนพวกทำขนมมาน่ะ ตอนนี้ก็ทำงานที่คาเฟ่อยู่ ทำงานเป็นบาริสต้าด้วย” 

 

 

“เหมือนกันเลยแฮะ” 

 

 

เป็นคำพูดสั้นที่มีความรู้สึกมากมายทับซ้อนอยู่ 

 

 

พอมองแบบนี้แล้ว จองอูกับเซจองก็คล้ายกันอยู่มากทีเดียว ทั้งที่รู้และไม่รู้ ด้วยอาชีพมันย่อมต้องคล้ายคลึงกันอยู่แล้ว แต่ว่ากระทั่งบรรยากาศรอบตัวก็ยังคล้ายกันถึงขนาดนั้นอีก เริ่มจากภายในใจลึกๆ นั้น ซุกซ่อนความรู้สึกสับสนที่ปะทุขึ้นมาเอาไว้ และใช้ใบหน้าเรียบเฉยมาเป็นฉากบังหน้า แล้วยังบรรยากาศที่เหมือนโอบกอดทั้งโลกเอาไว้นั่นก็ด้วย แต่ทว่าด้วยสไตล์และรูปร่างที่ต่างกัน หากไม่ใช่คนที่คลุกคลีด้วยกันมานาน คงไม่มีทางจับสัมผัสถึงความพิเศษนั้นได้อย่างแน่นอน 

 

 

แต่ว่าที่ซองจูเลือกจองอู ก็ไม่ใช่ด้วยเหตุผลอะไรแบบนั้น นั่นคือเรื่องที่มั่นใจได้อย่างแน่นอนที่สุด 

 

 

“คนละคนกันอยู่แล้ว ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย พี่เองก็เพิ่งจะรู้เรื่องที่เซจองไปทำงานที่ร้านกาแฟเมื่อไม่นานมานี้เอง อย่าเอาอะไรไร้สาระแบบนั้นไปใส่ใจเลย” 

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท

ตอนที่ 1 – 5.5 (ตอนพิเศษ) อ่านนิยาย (จบ) ฮันซองจูนักแสดงหนุ่มชื่อดังโดนคู่หมั้นสาวถอนหมั้นอย่างไร้เยื่อใย แต่แล้ววันหนึ่งเจ้าของต้นสังกัดก็ส่งคิมจองอู ชายหนุ่มแปลกหน้าให้มาพักกับเขา จากที่คิดว่าอีกคนคงจะทนไม่ได้แล้วจากไป แต่กลับกลายเป็นว่าเขาก้าวเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจฮันซองจูมากกว่าที่คิด ทำไมแค่มีอีกคนอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาได้ ใครคนหนึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงให้เขามี ‘ชีวิต’ ขึ้นมา แล้วแขกไม่ได้รับเชิญที่ชื่อคิมจองอู ก็ไม่ใช่แค่คนแปลกหน้าอีกต่อไป แสดงเพิ่มเติม

Options

not work with dark mode
Reset