EP.65 ทหารรับจ้างก็เฉกเช่นหมาป่า
“ อาอวี่ จะไปหาคนของกลุ่มทหารรับจ้างจั๋วเฟิงไหม” ฉู่เหยาลังเลอยู่นิดหน่อย
หลินมู่อวี่ถาม “พี่ฉู่เหยาท่านเห็นว่าอย่างไร”
ฉู่เหยาขมวดคิ้วแน่น “เดิมที เจ้ากับข้าสองคนเดินทางไปเมืองหลันเยี่ยนอย่างเงียบๆ นั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แต่หลายวันมานี้ทหารรับจ้างที่ตามไล่ล่าพวกเรานับวันก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเจ้ายังได้รับบาดสาหัสอีก ข้ากังวลว่าหากเราไปเจอทหารอีกกลุ่มเข้า เกรงว่าจะมิอาจรับมือได้ เขาจั๋วเฟิงห่างจากที่นี่ไม่ถึงหนึ่งร้อยลี้ พวกเราไปที่นั่นไหม”
“ อือ”
หลินมู่อวี่พยักหน้า อาการบาดเจ็บของเขายังไม่หายเป็นปกติดีทั้งหมด พละกำลังใช้ได้ไม่ถึงเจ็ดส่วน หากต้องพบกับยอดฝีมืออย่างเย่เหลียงกับกวานหยางเข้าอีกจริงๆ ละก็ เกรงว่าจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี
ใช้เวลาเพียงครึ่งวัน ม้าชั้นยอดฝีเท้าดีตัวนี้ก็พาพวกเขามาถึงเขาจั๋วเฟิง ซึ่งเป็นภูเขาที่ตั้งอยู่ในเขตภูเขาไฟ สามารถมองเห็นยอดภูเขาไฟคุกรุ่นที่สวยงามได้จากที่ไกลๆ เมื่อทั้งสองมาถึงตีนเขา ก็พบกับลูกสมุนสองสามคน หลินมู่อวี่หยิบจดหมายของเหลยไป่จ้านออกมาแล้วถูกพาตัวขึ้นเขาไป
ไม่ควรเรียกพวกนี้ว่ากลุ่มทหารรับจ้าง น่าจะเรียกว่ากลุ่มโจรที่มาซ่องสุมกันในภูเขาเสียมากกว่า แต่ละคนมีท่าทางเหมือนทหารเสียที่ไหน หน้าอย่างกับโจร หลินมู่อวี่กับฉู่เหยาเห็นเข้าก็รู้สึกไม่สบายใจ
“ หัวหน้าอยู่ที่ห้องโถง เชิญท่านทั้งสอง” สมุนผู้หนึ่งกล่าวด้วยความเคารพ
หลินมู่อวี่หยิบกระบี่เหลียวหยวน มือจับด้ามกระบี่ เดินเข้าไปในห้องโถงอย่างระมัดระวัง แล้วก็เห็นว่าทั้งสองข้างมีเก้าอี้นับสิบตัวตั้งเรียงกันอยู่ หัวโจกทุกคนล้วนอยู่ที่นี่ และตรงตำแหน่งที่นั่งของหัวหน้ากลุ่มมีทหารรับจ้างวัยกลางคนอายุประมาณสามสิบห้าปีผู้หนึ่งนั่งอยู่ ดวงตาเป็นประกาย
“ เจ้าก็คือหลินมู่อวี่ ?” เขายกมุมปากขึ้น
“ ใช่ขอรับ ท่านก็คือหัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างจั๋วเฟิง เหลยเชียนไห่ ?”
“ ใช่ ข้าเอง”
เหลยเชียนไห่เดินลุกออกจากเก้าอี้ แล้วหัวเราะครืนใหญ่ “คาดไม่ถึงว่าน้องชายจะสามารถสังหารฮว๋าเทียนกับฮว๋าหวัน สองพ่อลูกที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่มาเป็นเวลาหลายปีได้ ช่างเป็นวีรบุรุษที่อายุน้อยจริงๆ มาๆๆ เชิญนั่ง พวกเจ้าคงเหนื่อยกันแล้วกระมัง เด็กๆ เตรียมมื้อค่ำ!”
หลินมู่อวี่ประสานมือคำนับ ปฏิเสธด้วยความเคารพ “ข้ากับศิษย์พี่ถูกตามไล่ล่ามาตลอดทาง ไม่กล้าที่จะรบกวนพวกท่านมากเกินไป อาหารมื้อนี้อย่าได้ลำบากเลย พวกข้าวางแผนจะออกเดินทางในทันที หากเป็นไปได้ หวังว่าท่านหัวหน้าจะส่งพี่น้องบางส่วนร่วมเดินทางไปด้วยเพื่อคุ้มครองพวกข้า แล้วข้าจะจ่ายค่าตอบแทนให้อย่างพอใจ”
“ จอมยุทธ์น้อยพูดอะไรเช่นนั้นเล่า”
เหลยเชียนไห่ตบหน้าอก “ท่านพี่ให้ข้าปกป้องเจ้า หากข้าเหลยเชียนไห่รับค่าตอบแทน งั้นข้าจะกลายเป็นคนเช่นไร ในเมื่อจอมยุทธ์น้อยไม่ยินดีที่จะค้างแรม ก็ไม่เป็นไร ข้าจะเลือกคนที่มีฝีมือดีสักร้อยคนให้ติดตามท่านจอมยุทธ์ไปแล้วกัน”
“ ร้อยคน ?”
หลินมู่อวี่ตะลึง “ไม่ต้องมากถึงเพียงนั้น ยี่สิบคนก็พอแล้ว”
“ ฮ่าๆ จอมยุทธ์น้อยเกรงใจไปแล้ว เด็กๆ เลือกทหารฝีมือดียี่สิบคนมาเดี๋ยวนี้ให้เตรียมตัวออกเดินทาง อีกอย่าง เตรียมเสบียงอาหารให้เพียงพอ ทั้งน้ำและม้า ต้องคุ้มกันส่งจอมยุทธ์หลินให้ถึงที่หมายโดยปลอดภัย”
ขณะที่พูด จู่ๆ เหลยเชียนไห่ก็พลันโค้งตัวลง สายตามองไปยังหลินมู่อวี่กับฉู่เหยา “ว่ากันว่า ฮว๋าเทียนผู้นั้นเพื่อแย่งชิงตำราเทพโอสถแล้ว จึงต้องสูญเสียชีวิต ตำราเทพโอสถนี้คงถูกท่านจอมยุทธ์ชิงกลับมาแล้วสินะ”
ฉู่เหยาชะงัก
หลินมู่อวี่ตอบเสียงเรียบ “ตอนที่พวกข้าหนีออกมานั้นฝนกำลังตกหนัก และข้าก็ได้รับบาดเจ็บ ทั้งเลือดและน้ำฝนผสมรวมกัน กว่าจะนึกขึ้นได้ ตำราเทพโอสถก็เปื่อยขาดไปเสียแล้ว กลายเป็นเยื่อฟางไปหมด ดังนั้น…จึงไม่มีตำราเทพโอสถบนโลกใบนี้อีกต่อไป”
“ อ้อ เป็นเช่นนี้เอง…”
เหลยเชียนไห่ยิ้มน้อยๆ แต่สายตายังคงจ้องมองไปที่ตาของหลินมู่อวี่ แล้วเขาก็มองดูกระบี่ในมือของหลินมู่อวี่อีกครั้ง ตาเป็นประกาย “กระบี่เล่มนี้…เหมือนจะเป็นอาวุธที่หลอมรวมวิญญาณเอาไว้ ไม่ทราบว่ามีชื่อว่าอะไรหรือ”
หลินมู่อวี่ร้องคร่ำครวญอยู่ในใจ เหลยเชียนไห่ผู้นี้ไหนเลยจะมีจิตใจงาม เห็นชัดว่าเป็นโจรขโมยผู้หนึ่ง
“ กระบี่เล่มนี้ชื่อเหลียวหยวน เป็นสิ่งที่หนึ่งในเจ็ดเทพยุทธ์เย่เหลียงให้ข้าไว้”
“ หา ? เย่เหลียงให้เจ้า ?”
เหลยเชียนไห่หรี่ตา “เกรงว่า…ด้วยนิสัยของเย่เหลียงเขาไม่ใช่คนที่ใจกว้างถึงเพียงนั้น ถึงขั้นยกกระบี่ป้องกันตัวให้ผู้อื่น นี่…มิใช่ว่าเกิดการเข้าใจอะไรผิดหรอกหรือ”
หลินมู่อวี่ยิ้มจางๆ “งั้นข้าพูดความจริงก็แล้วกัน นี่เป็นของที่เย่เหลียงทิ้งเอาไว้ก่อนลาจากโลกนี้ไป”
“ อะไรนะ เย่เหลียงตายแล้ว ?” เหลยเชียนไห่ตกตะลึงพรึงเพริศ พึมพำขึ้น “เย่เหลียง อันดับสามแห่งเจ็ดเทพยุทธ์ที่น่าเกรงขามตายแล้วจริงๆ หรือ สวรรค์ หรือว่าเขาตายด้วยน้ำมือของจอมยุทธ์น้อย”
หลินมู่อวี่พยักหน้า “เขาต้องการจะฆ่าข้า ข้าไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องเอาชีวิตเขา”
ความหวาดผวาปรากฏขึ้นในแววตาของเหลยเชียนไห่วูบหนึ่ง เขาเหลือบมองทหารระดับสูงของกลุ่มทหารรับจ้างที่นั่งกันอยู่ แล้วเอ่ยขึ้นเสียงดัง “การเดินทางครั้งนี้เส้นทางบนเขานั้นยากลำบาก มีอันตรายมาก สิงหลาน เจ้าคุ้มกันจอมยุทธ์หลินเดินทางขึ้นเหนือก็แล้วกัน”
ในกลุ่มคน นักรบที่ถือทวนเหล็กผู้หนึ่งลุกขึ้นยืน ประสานหมัดแสดงความเคารพ “ขอรับ ท่านหัวหน้า!”
เหลยเชียนไห่หัวเราะเบาๆ “จอมยุทธ์หลิน สิงหลานเป็นผู้ที่มีฝีมือทวนยอดที่สุดในกลุ่มทหารรับจ้างจั๋วเฟิงของเรา ความสามารถในการสู้รบบนหลังม้าก็ไม่เป็นสองรองใคร ความแข็งแกร่งอยู่ขั้นปรมาจารย์สงคราม ระดับสี่สิบหก เชื่อว่าจะสามารถช่วยจอมยุทธ์หลินกับแม่นางฉู่เหยาให้ปลอดภัยได้”
หลินมู่อวี่สูดหายใจเข้าลึก “ขอบคุณหัวหน้าเหลย!”
ฉู่เหยามองเขา แววตามีความกังวล ส่วนหลินมู่อวี่จะไม่ให้กังวลได้อย่างไรเล่า ความละโมบในแววตาของเหลยเชียนไห่นั้นแสดงออกมาชัดเจนขนาดนี้ ยิ่งเขาส่งคนมามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งชัดเจนว่าเขาต้องการของล้ำค่าในมือของหลินมู่อวี่ แม้กระทั่งสายตาของเหลยเชียนไห่ที่มองฉู่เหยาก็มีแววแห่งความตะกละตะกลาม หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างผู้นี้ดูเหมือนว่าจะถูกตาต้องใจสาวงามอย่างฉู่เหยาเข้าให้แล้ว
ที่พวกนี้ไม่ลงมือบนภูเขา น่าจะเป็นเพราะต้องคำนึงถึงชื่อเสียงของทหารรับจ้างจั๋วเฟิงในวงการทหารรับจ้างกระมัง ส่วนที่ลงมือนอกภูเขานั้นคงคิดว่าจะปัดความรับผิดชอบไปให้กับคนอื่นได้สินะ
นี่เป็นโอกาสเดียวของหลินมู่อวี่เช่นกัน หลังจากลงเขา การเผชิญหน้ากับยอดฝีมือยี่สิบเอ็ดคน บางทีอาจจะยังมีโอกาสรอดชีวิตบ้าง แต่หากต้องเผชิญหน้ากับทหารรับจ้างสองพันคนบนภูเขา โอกาสชนะอันน้อยนิดนี้ก็คงไม่มีเหลือ
เหลยเชียนไห่เตรียมม้าให้ฉู่เหยาตัวหนึ่ง แต่ดูเป็นม้าที่ท่าทางกระเสาะกระแสะ จากนั้นทหารรับจ้างที่ร่วมเดินทางไปพร้อมกับสิงหลานรวมทั้งหมดยี่สิบเอ็ดคนก็ทยอยขึ้นม้า แต่เสบียงอาหารและน้ำที่เตรียมไปกลับไม่มาก เป็นการยืนยันอย่างแน่ชัดแล้วว่าพวกเขาไม่ได้คิดจะเดินทางเป็นเวลานานตั้งแต่แรก บางทีพอถึงตีนเขาจั๋วเฟิงพวกนั้นก็คงคิดที่จะลงมือเลย
“ อภัยด้วยที่ต้องส่งแค่นี้!” เหลยเชียนไห่ประสานหมัด หัวเราะครืนใหญ่
หลินมู่อวี่คำนับตอบ จับกระบี่เหลียวหยวนแน่น ควบม้าพาฉู่เหยาออกเดินทาง ทหารรับจ้างด้านหลังยี่สิบเอ็ดคนก็ตามติดไม่ห่าง คนกลุ่มใหญ่ผิวปากลงจากภูเขา
ลงเขาจั๋วเฟิงมาได้ไม่ไกล ม้าของฉู่เหยาก็วิ่งต่อไปไม่ไหว นี่มันม้าป่วยชัดๆ หลินมู่อวี่เองก็คาดเดาเจตนาชั่วร้ายของเหลยเชียนไห่เอาไว้อยู่แล้ว ขอเพียงฉู่เหยาไปต่อไม่ได้ เขาเองก็ไปต่อไม่ได้เช่นกัน แต่หากสองคนขึ้นม้าตัวเดียวกัน เช่นนั้นก็หนีไม่พ้นพวกมันแน่
สายตาของหลินมู่อวี่มองไปยังกลุ่มทหารรับจ้างทีละคนๆ ในกลุ่มนี้คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือสิงหลานที่อยู่ในขั้นปรมาจารย์สงคราม ระดับสี่สิบหก มีสองสามคนอยู่ขั้นบรรพชนสงคราม ระดับสามสิบกว่า ที่เหลือส่วนใหญ่คือขั้นวิญญาณสงครามหรือไม่ก็ขั้นแม่ทัพ ซึ่งมิได้น่ากลัวเท่าใดนัก แต่ที่ทำให้หลินมู่อวี่แอบครั่นคร้ามอยู่ก็คือ คันธนูที่แขวนอยู่ด้านข้างตัวม้าของทุกคน ทำให้เขาต้องล้มเลิกความคิดที่จะหนีไปอย่างสิ้นเชิง ต้องสังหารคนกลุ่มนี้เท่านั้น มิเช่นนั้นคงต้องทิ้งฉู่เหยา กระบี่เหลียวหยวนและชีวิตของตัวเองเอาไว้ที่นี่แล้ว
“ จอมยุทธ์หลิน ไม่ทราบว่าตำราเทพโอสถบันทึกสูตรยาโบราณอันใดไว้หรือ” จู่ๆ สิงหลานก็ถามขึ้น
“ ข้าไม่รู้ ตำราของท่านอาจารย์ ข้าไม่เคยอ่าน”
“ อ้อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
สิงหลานมองไกลออกไป แล้วเอ่ย “บนแนวสันเขาที่อยู่เบื้องหน้าเป็นถิ่นของหมาป่าวายุ หมาป่าวายุเหล่านี้จะออกอาละวาดในยามค่ำคืน ข้าว่าพวกเราน่าจะพักแรมกันที่ด้านล่างนี่สักคืน พรุ่งนี้เช้าค่อยออกเดินทาง ท่านเห็นว่าอย่างไร”
“ ด้านล่างสันเขา ?”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ไม่จำเป็น พวกเราอาศัยความมืดข้ามแนวสันเขาเถอะ มิเช่นนั้นทหารรับจ้างที่ตามไล่ล่าพวกเราจะยิ่งมีมากขึ้น ข้าเองก็กังวลว่าคนของพวกเจ้าจะเกิดอันตรายอะไรขึ้นมา”
“ แบบนี้นี่เอง…” นัยน์ตาของสิงหลานเผยแววสังหารออกมาวูบหนึ่ง เขาหัวเราะ “งั้นก็ตามนี้ ข้ามสันเขาก็ข้ามสันเขา พวกเราคนเยอะ หมาป่าวายุพวกนั้นคงไม่กล้าโจมตี มิเช่นนั้นพวกมันคงต้องถูกเลาะฟันหน้าจนเกลี้ยงแน่นอน ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ…จริงสิ จอมยุทธ์น้อย ตำราเทพโอสถนั่นเปื่อยขาดไปหมดแล้วหรือ น่าจะหลงเหลือตัวอักษรไว้บ้างล่ะน่า”
“ ขาดยุ่ยไปหมดแล้ว ตัวอักษรทั้งหมดล้วนเลือนลาง อีกอย่างยังเต็มไปด้วยคราบเลือด”
“ แบบนี้เองหรอกหรือ…”
สิงหลานยังต้องการถามต่อ แต่หลินมู่อวี่กลับควบม้าวิ่งออกไป มือของเขายื่นออกไปคว้าเอวบางของฉู่เหยา มารัดแนบไว้ในอ้อมกอด พร้อมกับเร่งความเร็วขึ้นไปด้านหน้า
ฉู่เหยาเกิดความอบอุ่นขึ้นภายในใจ กระซิบบอก “อาอวี่ พวกมันจะลงมือแล้ว”
“ อือ ข้ารู้”
หลินมู่อวี่พูดเสียงต่ำ “ทันทีที่พวกมันลงมือ ท่านต้องโรยสายลมเมามายทันที ข้าจะสกัดพวกมันเอาไว้ พลังของพวกมันห่างชั้นกับเย่เหลียงมาก ยาน่าจะออกฤทธิ์ได้เร็ว แต่ก่อนที่พวกมันจะลงมือ เราห้ามลงมือ เพราะเราก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าพวกมันจะทำร้ายเราจริงหรือไม่ จะสังหารคนดีโดยที่เข้าใจผิดไม่ได้”
“ อือ”
สองคนขี่ม้าตัวเดียวจึงค่อนข้างช้า ถูกตามไล่ทัน ทหารรับจ้างห้าคนกวดมาด้านขวา มีห้าคนอยู่ด้านหน้า และยังมีด้านซ้ายอีกห้าคน ด้านหลังก็มี ทั้งสองถูกโอบล้อมทุกทิศทาง สัญญาณแห่งการลงมือชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
“ จอมยุทธ์น้อย จะถึงถิ่นของหมาป่าวายุแล้ว” สิงหลานหัวเราะเอิ๊กอ๊าก
“ แล้วจะทำไมหรือ” หลินมู่อวี่ถามอย่างเยือกเย็น
“ พวกมันหิวมาเป็นเวลานานแล้ว” รอยยิ้มของสิงหลานยิ่งเด่นชัด “จอมยุทธ์น้อยกำจัดผู้แข็งแกร่งช่วยเหลือผู้อ่อนแอ น่าจะเข้าใจเรื่องเฉือนเนื้อเลี้ยงหมาป่าใช่หรือไม่ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ พวกมันหิวกันแล้วจริงๆ…”
จากทุกทิศทาง กลุ่มทหารรับจ้างทยอยชักกระบี่ออกมา มีคนจำนวนหนึ่งในนั้นง้างสายธนูรอ และเล็งมาที่หลินมู่อวี่ สิงหลานยกทวนขึ้น พลางหัวเราะชอบใจ “หลินมู่อวี่ หัวของเจ้ามีค่าถึงหนึ่งแสนเหรียญทอง อย่าโทษพวกข้าเลย!”
“ ลงมือได้!”
หลินมู่อวี่กระซิบอะไรบางอย่าง แล้วฉู่เหยาก็โรยสายลมเมามายลงพื้นหญ้าทันที
ขณะเดียวกัน วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าเขียวก็ปรากฏออกมา กลายร่างเป็นน้ำเต้ายักษ์ครอบพวกเขาสองคนและม้าเอาไว้ กระดองเต่าทมิฬก็ปรากฏขึ้นรอบด้าน กันลูกธนูที่พุ่งโจมตีเข้ามา
สิงหลานทะยานขึ้นฟ้า สองมือยกทวนเหล็ก วิญญาณยุทธ์ของเขาปรากฏขึ้น บนทวนเหล็กมีแท่งน้ำแข็งพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย แล้วร่วงลงใส่กระดองเต่าทมิฬด้วยพลังที่มหาศาล!
“ เพล้ง!”
ผลึกน้ำแข็งแตกละเอียด สิงหลานกระดอนออกไป หลินมู่อวี่ก็แย่เหมือนกัน การโจมตีนี้ทำเขาเลือดลมปั่นป่วน เขายกมือซัดมีดเสียงปีศาจออกไป ท่ามกลางเสียงหวีดแหลมนั้น ทหารรับจ้างสองคนก็กรีดร้องอย่างน่าเวทนาและตายลงทันที