EP.52 เซียงเซียงกับมีดเสียงปีศาจ
“ ข้าคงจะไปสมาพันธ์โอสถเมืองหยินซานนั่นแหละ!”
ฉู่เหยากัดริมฝีปากที่แดงระเรื่อ สายตามุ่งมั่นอย่างมาก “หากข้าไม่ไปสมาพันธ์โอสถ กิจการของร้านโอสถไป่หลิงก็ยังคงซบเซาเหมือนเดิม อีกอย่างท่านปู่ก็เดินทางไปสมาพันธ์โอสถในเมืองหลวงแล้ว ข้าไม่อยากให้ท่านปู่ผิดหวัง”
“ งั้นก็ตามใจเจ้า ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
“ อือ”
ช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสองเดินทางมาถึงสมาพันธ์โอสถ ผู้ที่มาทำหน้าที่ต้อนรับคือชายอายุประมาณห้าสิบปีผู้หนึ่ง ที่สวมเสื้อคลุมสีดำ ในมือถือขวดยาน้ำไว้ขวดหนึ่ง เขาหัวเราะพลางพูดว่า
“ หลินมู่อวี่ ฉู่เหยา ในที่สุดพวกเจ้าก็มาถึง ข้าชื่อลู่ปิน มีหน้าที่นำทางพวกเจ้าเข้าสู่สมาพันธ์โอสถ”
หลินมู่อวี่มีชื่อเสียงมากที่เมืองหยินซาน เขากับฉู่เหยาได้รับเชิญจากทางสมาพันธ์โอสถ สำหรับนักปรุงโอสถที่อายุน้อยแล้ว นี่เป็นเกียรติที่หาได้ยากยิ่ง
ลู่ปินนำทาง พลางมองฉู่เหยาอยู่เนืองๆ แล้วพูดว่า
“ หลายปีแล้วที่ไม่มีนักปรุงโอสถที่อายุน้อยขนาดนี้เข้ามายังสมาพันธ์ หาได้ยากเหลือเกิน ห้องทำงานของทางสมาพันธ์แบ่งออกเป็น ห้องเก็บสมุนไพร ห้องคัดสมุนไพร และห้องปรุงโอสถ พวกเจ้าทั้งสองถูกจัดให้ทำงานในห้องปรุงโอสถนี้ รับผิดชอบสกัดแก่นโอสถและหลอมโอสถ ปริมาณงานไม่ได้มากมาย แค่หลอมโอสถระดับสามขึ้นไปให้ได้สี่สิบขวดต่อวันเท่านั้น”
ฉู่เหยาพยักหน้ายิ้มรับ “เข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านอาลู่”
“ ไม่เป็นไร ข้าจะพาพวกเจ้าไปดูห้องพักกับสถานที่ทำงานในห้องปรุงโอสถ”
“ ตกลง”
เมื่อเข้ามาในห้องปรุงโอสถแล้ว ที่นี่มีนักปรุงโอสถทำงานอยู่แล้วสามสิบกว่าคน ตำแหน่งสูงสุดคือระดับปรมาจารย์โอสถ ระดับต่ำสุดคือนักปรุงโอสถ โอสถหลักๆ ที่ต้องทำการปรุงคือ โอสถสมานแผล โอสถฟื้นสภาพ และโอสถผิวศิลา เพื่อจัดเตรียมไว้ใช้ในยามสงคราม เมื่อคนหนุ่มสาวอย่างหลินมู่อวี่กับฉู่เหยาเข้ามายังห้องปรุงโอสถก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้น นักปรุงโอสถเหล่านี้สนใจเฉพาะเรื่องหลอมโอสถ จึงไม่สนใจเหตุการณ์ภายนอก ถึงขนาดไม่รู้จักกระทั่งหลินมู่อวี่ผู้นี้
“ หลินมู่อวี่!”
นักปรุงโอสถผู้หนึ่งชี้ไปยังโต๊ะทำงานที่ด้านข้าง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าเป็นนักปรุงโอสถหรือ ที่นี่มีหญ้าไส้เดือนกับโสมโลหิต เจ้าช่วยข้าสกัดแก่นโอสถได้หรือไม่ ข้าจะปรุงโอสถฟื้นสภาพระดับสี่”
หลินมู่อวี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่ล่ะ ข้าอยากจะปรุงโอสถผิวศิลาสี่สิบขวด จะได้เสร็จสิ้นงานของวันนี้“
“ อะไรนะ โอสถผิวศิลา ?“ นักปรุงโอสถขมวดคิ้ว ”เจ้ามีปัญญาสกัดแก่นโอสถของต้นเหล็กทมิฬงั้นหรือ“
หลินมู่อวี่ไม่พูดให้มากความ เขาเพียงเดินเข้าไปหยิบต้นเหล็กทมิฬที่มีความสูงหนึ่งเมตรกว่ามาต้นหนึ่ง จากนั้นก็แบมือออก ปราณบริสุทธิ์พรั่งพรูออกมา ฝ่ามือพิสุทธิ์กระเทาะเปลือกของต้นเหล็กทมิฬออกด้วยความเร็ว จากนั้นไม่นาน แก่นโอสถเม็ดเล็กๆ ของต้นเหล็กทมิฬก็ลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วตกลงมาบนถาดใส่โอสถ
ขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที หลินมู่อวี่เองก็รู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย คิดว่าคงเป็นเพราะระดับพลังที่สูงขึ้นของตนเองเป็นแน่ ที่ทำให้ฝ่ามือพิสุทธิ์สกัดแก่นโอสถได้เร็วขึ้นมาก ส่วนกลุ่มนักปรุงโอสถที่อยู่รอบข้างต่างตะลึงงัน ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กอายุน้อยขนาดนี้จะสามารถสกัดแก่นโอสถของต้นเหล็กทมิฬได้
ไม่นาน โอสถผิวศิลาที่เพิ่งปรุงเสร็จหมาดๆ สี่สิบขวดก็เรียบร้อย
“ ผู้อาวุโสลู่!” นักปรุงโอสถคนก่อนหน้ามีสีหน้าไม่พอใจ ชี้ไปที่หลินมู่อวี่แล้วพูดขึ้น “เจ้าเด็กที่ชื่อหลินมู่อวี่ใช้เวลาไม่ถึงชั่วยามก็ปรุงโอสถผิวศิลาออกมาได้สี่สิบขวด เห็นได้ชัดเลยว่าต้องแอบลดทอนขั้นตอนการหลอม ข้าสงสัยว่าโอสถของเขาแม้แต่ระดับเจ็ดก็คงไม่ถึงด้วยซ้ำ นี่จะทำให้ชื่อเสียงของสมาพันธ์โอสถเราเสื่อมเสีย หากโอสถด้อยคุณภาพเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในกองทัพ มีแต่จะทำร้ายผู้คน!”
ลู่ปินรู้ดีว่านักปรุงโอสถในห้องปรุงโอสถนี้ต้องการที่จะรักษาอำนาจของตัวเองเอาไว้ ขณะเดียวกันเขาเองก็รู้ความสามารถของหลินมู่อวี่ จึงขมวดคิ้ว “งั้นหรือ ท่านหวัง ท่านช่วยตรวจดูคุณภาพของโอสถผิวศิลาเหล่านี้สักหน่อยว่าเป็นอย่างไร”
“ ขอรับ!”
ท่านหวังใช้แท่งประเมินจุ่มลงไปในขวดโอสถผิวศิลา ต่อมา เขาก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริดจนอ้าปากค้าง “นะ…นี่เป็นโอสถเกรดหนึ่งได้ยังไง”
ลู่ปินเอ่ยเสียงเย้ยหยัน “มีคำกล่าวว่าคนรุ่นหลังพัฒนาได้เก่งกว่า ท่านหวัง ท่านควรเรียนรู้กับหลินมู่อวี่ไว้ให้มาก”
“ ขะ…ขอรับ ผู้อาวุโสลู่…”
หลังจากหลินมู่อวี่เสร็จสิ้นงานของตนเองแล้ว เขาก็ไปที่โต๊ะทำงานของฉู่เหยา เห็นนางกำลังพยายามปรุงโอสถฟื้นสภาพระดับสี่ เห็นได้ชัดว่าฉู่เหยาได้ความรู้จากตำราเทพโอสถมาไม่น้อย ท่าทางการสกัดแก่นโอสถดูเชี่ยวชาญและคล่องแคล่วมากขึ้น แถมตำรับยาก็มีหลักการมาก ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยามก็ปรุงโอสถฟื้นสภาพสี่สิบเจ็ดขวดเสร็จ หลังจากผู้ประเมินโอสถทำการตรวจสอบแล้ว คุณภาพที่ได้อยู่ระหว่างเกรดหกและเกรดสาม ทำให้หลินมู่อวี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ดูท่าตนเองคงดูถูกฝีมือของพี่ฉู่เหยาผู้นี้เกินไป!
ที่พักของทั้งสองคนอยู่ใกล้กับจวนท่านเจ้าเมืองมาก กระทั่งเดินทะลุไปถึงจวนท่านเจ้าเมืองได้เลย จากนั้นสิบกว่านาที พวกเขาก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านพักแห่งหนึ่ง
“ ถึงแล้ว” ลู่ปินเอ่ย
ฉู่เหยาตกตะลึง แลบลิ้นออกมา แล้วยิ้มถาม “เดินมาผิดทางรึเปล่า พวกเราเป็นแค่นักปรุงโอสถตัวเล็กๆ ที่นี่…เป็นบ้านพักในจวนเจ้าเมืองไม่ใช่หรือ”
ลู่ปินหัวเราะเบาๆ “ท่านเจ้าเมืองฮว๋าเทียนไม่เพียงเป็นเจ้าเมือง แต่ยังเป็นผู้อาวุโสแห่งสมาพันธ์โอสถเมืองหยินซานอีกด้วย ส่วนหลินมู่อวี่ก็เป็นอัจฉริยะที่ได้รับการยอมรับในโลกการปรุงโอสถ ดังนั้นจึงจัดที่พักให้แก่พวกเจ้าเป็นพิเศษ ได้โปรดอย่าเกรงใจ มิเช่นนั้นจะเป็นการทำลายน้ำใจของท่านเจ้าเมือง”
ฉู่เหยายังอยากจะพูดอะไรอีก แต่หลินมู่อวี่กลับรู้ว่าพูดไปก็เปล่าประโยชน์ ”พี่ฉู่เหยา ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว อยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน“
” งั้น ก็ตามนั้น“
พอตกกลางคืน ก็มีสาวใช้ยกอาหารมาให้เยอะแยะมากมาย
หลังจากกินอิ่ม ฉู่เหยาก็กลับห้องไปฝึกฝนวิชาเข็มเงิน ห้องของนางกับหลินมู่อวี่ถูกกั้นไว้ด้วยลานบ้าน จะว่าไกลก็ไม่ไกล จะว่าใกล้ก็ไม่ใกล้
ส่วนหลินมู่อวี่ยืนอยู่ที่ลานบ้าน โคจรปราณปล่อยพลังพิฆาตอสนีบาต หมัดเสียงปีศาจ ขณะเดียวกันก็ไม่หยุดฝึกฝนวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าของตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้น พอถึงช่วงดึกสงัด เขาก็หยิบมีดบินทั้งสี่เล่มออกมาฝึกเป็นอาวุธลับ! เขารู้ว่าตัวเองยังไม่แข็งแกร่งพอ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าจะต้องใช้วิธีการที่ไม่ธรรมดา อาวุธลับก็คือหนึ่งในสุดยอดวิธี
ภายในจวนท่านเจ้าเมืองเต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำ ใครจะรู้ว่ามีอันตรายมากน้อยแค่ไหนที่กำลังรอเขาอยู่
“ ฟิ้ว!”
มีดบินพุ่งออกไปอย่างรุนแรง เกิดเสียงตัดผ่านอากาศอย่างดุดัน จากนั้นเกิดประกายไฟขึ้นมา มีดบินพุ่งเข้าไปปักภูเขาหินจำลอง แล้วไม่บินกลับมาอีกเลย
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของมีดบินไม่ใช่วิถีวงโคจร แต่พอโจมตีเข้าเป้าหมาย มันก็ไม่บินกลับมาอีก ต้องใช้วิธีใดกันถึงจะควบคุมมีดบินได้อย่างอิสระ
ครุ่นคิดอยู่เป็นนาน จู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ วงวิถีโค้งของมีดบินนั้นอาศัยแรงกำลังและคลื่นอากาศ แล้วหมัดเสียงปีศาจไม่ใช่ว่าสามารถเปลี่ยนการไหลเคลื่อนของอากาศได้หรอกหรือ บางทีหมัดเสียงปีศาจอาจจะใช้ร่วมกับอาวุธลับก็ได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็เริ่มลงมือฝึกทันที
ในครั้งแรกที่มีดบินพุ่งออกไป เขาปล่อยหมัดตามออกไป เกิดพลังระเบิดของหมัดเสียงปีศาจขึ้นในอากาศในบริเวณที่ห่างออกไป แต่ดูเหมือนจะเห็นผลไม่ชัด มีดบินจึงร่วงตกลง นั่นเป็นเพราะองศากับแรงยังไม่เพียงพอ
เขาทดลองซ้ำหลายครั้ง จนในที่สุดหลังจากปล่อยหมัดเสียงปีศาจอยู่เกือบร้อยครั้ง ก็เกิดเสียง “พรึ่บ” ขึ้นกลางอากาศ วิถีโค้งของมีดบินเกิดการเปลี่ยนแปลง มันบินไปอีกทางโดยที่ความเร็วไม่เปลี่ยน แล้วปักเข้าไปในกำแพงหิน ความสำเร็จเล็กน้อยเพียงครั้งเดียวนี้ทำให้หลินมู่อวี่ดีอกดีใจไม่หยุด ความเป็นไปได้ที่หมัดเสียงปีศาจจะเข้ากันได้กับอาวุธลับมีดบินนั้นได้รับการพิสูจน์แล้ว
หลินมู่อวี่ยืนภาคภูมิใจอยู่ภายในลานบ้านที่วังเวง ท่าทางของเขาดูองอาจและสง่าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาหลับตาลงรวมสมาธิเป็นหนึ่งเดียว แล้วดำดิ่งสู่ขอบเขตของจิตบริสุทธ์ สัมผัสวงวิถีโค้งของมีดบิน เขาอาศัยแค่หูในการฟังและแยกแยะตำแหน่ง ทันใดนั้นเขาก็ปล่อยหมัดออกไป เสียงปีศาจสั่นสะเทือน มีดบินเปลี่ยนทิศและเพิ่มความเร็ว จากนั้นตามด้วยอีกหมัด วิถีของมีดบินก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างวิถีโคจรกับแรง องศา และจังหวะของหมัดเสียงปีศาจได้อย่างถ่องแท้แล้ว
ขณะที่กำลังมีสมาธิกับช่วงเวลาการฝึกฝนนี้ จู่ๆ ก็มีเสียงตบมือเบาๆ ดังลอยมาจากที่ไกลๆ เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังลอดประตูลานบ้านเข้ามา “วิทยายุทธ์ยอดเยี่ยม ไม่เสียแรงที่เป็นผู้เอาชนะเจ้าเมืองน้อยได้ในสามกระบวนท่า!”
หลินมู่อวี่เลิกคิ้วมอง เห็นสตรีสวมชุดแดงนางหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เสื้อผ้าของนางนั้นเรียบง่าย บางเบาราวกับมุ้ง ขับรูปร่างที่โค้งมนให้มีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง อีกอย่าง การที่นางเอนกายพิงประตูเบาๆ นั้น ทำให้ดูน่าลุ่มหลงมากขึ้นไปอีก
“ เจ้าคือ ?”
“ ข้าน้อยนามว่าเซียงเซียง!”
นางยิ้มอย่างสนิทสนมพลางเดินเข้าไปหา ทุกย่างก้าวราวกับลูกแมวที่ปราดเปรียว ดวงตาคู่งามจับจ้องมองไปที่หลินมู่อวี่ นางยิ้มพลางพูดว่า “ข้าน้อยเป็นหญิงรับใช้ในจวนท่านเจ้าเมือง รับคำสั่งจากเจ้าเมืองน้อยให้มาปรนนิบัติคุณชายเจ้าค่ะ”
หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว เกิดความรู้สึกขยะแขยงขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ “เจ้ากลับไปเถอะ บอกฮว๋าหวันว่าข้าไม่ต้องการ”
“ งั้นหรือ”
ดวงตาคู่งามของเซียงเซียงราวกับว่าอ่านใจคนออก นางเอ่ยขึ้น
“ ค่ำคืนที่แสนยาวนาน โดดเดี่ยวมิอาจข่มตาหลับ คุณชายไม่ต้องการสตรีคอยปรนนิบัติข้างหมอนจริงๆ หรือเจ้าคะ อ้อ ต้องเป็นเพราะสตรีที่ชื่อฉู่เหยานางนั้นแน่ๆ ใช่ไหมเจ้าคะ น่าเสียดาย นางเป็นศิษย์พี่ของคุณชาย นางคงไม่มีทางมาคอยรับใช้ท่านบนเตียงนี่หรอก”
ขณะที่พูด เซียงเซียงก็เดินไปถึงประตูห้อง นางเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป “ไม่ว่าคุณชายจะว่ายังไง คืนนี้ข้าจะต้องนอนบนเตียงของท่านเจ้าค่ะ”
เมื่อนางมองกลับมา ใบหน้าสลดลงเล็กน้อย “ไม่เช่นนั้น ผลที่ตามมาข้ามิอาจจะจินตนาการได้”
นี่มันหมายความว่าอย่างไร
หลินมู่อวี่ตกตะลึง หรือว่านี่จะเป็นฉู่ป้าหวังขึ้นสายธนู*ในตำนาน ? นี่…มันสลับกันรึเปล่าเนี่ย อย่างน้อยข้าก็ควรจะเป็นฝ่ายรุกสิ
แต่ในความเป็นจริง เซียงเซียงผู้นี้ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือหน้าตา ล้วนแล้วแต่เยี่ยมยอด ฝีมือการคัดสรรสตรีของเจ้าเมืองน้อยฮว๋าหวันนับว่าเป็นยอดฝีมือ ข้อนี้ไม่ยอมรับไม่ได้
เซียงเซียงยืนพิงประตูห้อง ยิ้มหวานน่ารัก “คุณชาย มีดบินของท่านมีชื่อเรียกว่าอะไรหรือเจ้าคะ”
“ ไม่มีชื่อ แค่อาวุธลับน่ะ”
“ อ้อ เช่นนั้นวิชาหมัดที่สามารถระเบิดในอากาศได้ของท่านนั้นเรียกว่าอะไร”
“ หมัดเสียงปีศาจ”
“ คิก คิก” เซียงเซียงยกมุมปาก หัวเราะแล้วพูดว่า “ถึงแม้ข้าจะไม่เข้าใจวิทยายุทธ์ แต่ข้าก็มองออกว่าท่านใช้หมัดเสียงปีศาจเปลี่ยนวิถีของมีดบิน เพื่อบรรลุเป้าหมายการฆ่าคนแบบไร้ร่องรอย ใช่หรือไม่”
“ ใช่” หลินมู่อวี่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “เซียงเซียง เจ้าคือคนที่ฮว๋าหวันส่งมาเพื่อให้จับตาดูข้าล่ะสิ ถึงแม้เจ้าจะรู้ชื่อของวิทยายุทธ์ของข้าก็ไม่มีประโยชน์ ข้ายังจัดการฮว๋าหวันได้อย่างสบายๆ อยู่ดี”
เซียงเซียงค่อยๆ ยกขาเรียวยาวที่ขาวราวหิมะมาพาดไขว้ไว้บนเข่า พลางหัวเราะ “คุณชายคิดมากไปแล้ว เซียงเซียงแค่มาปรนนิบัติคุณชาย เรื่องฝึกยุทธ์อะไรนั่น ข้าไม่สนใจหรอก ฮึ…”
นางพยักหน้าน้อยๆ แล้วพูดว่า “หากข้าได้ร่ำเรียนฝึกยุทธ์ ก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพที่ถูกคนรังแกตามอำเภอใจเช่นทุกวันนี้ คุณชายว่าข้าพูดถูกไหม”
หลินมู่อวี่แน่นอนว่าไม่เชื่อคำพูดของนาง เขาส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา แล้วฝึกการใช้มีดบินคู่กับหมัดเสียงปีศาจต่อ
เซียงเซียงมองอยู่พักหนึ่งแล้วพลันหาวออกมา นางยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “คุณชาย ดึกมากแล้ว เซียงเซียงจะเข้านอนแล้ว ข้าน้อยจะรอท่านอยู่บนเตียงโดยไม่สวมใส่เสื้อผ้าใดๆ ถ้าท่านเหนื่อยแล้วก็มาพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะปรนนิบัติท่านเป็นอย่างดี!”
หลินมู่อวี่ไม่ตอบ เซียงเซียงผู้นี้เป็นของดีจริงๆ แต่สำหรับเขาแล้วถือว่าเป็นการฝึกจิตไปในตัวพอดี
เซียงเซียงหาวอย่างน่ารักอีกครั้ง พร้อมโบกมือ “คุณชาย ข้าน้อยจะเข้านอนแล้ว หากท่านเข้ามาแล้วอย่าลืมปลุกข้าล่ะ แล้วก็ ในเมื่อมีดบินของท่านยังไม่มีชื่อ งั้นข้าจะตั้งชื่อให้ก็แล้วกัน มีดบินด้วยพลังของหมัดเสียงปีศาจ งั้นใช้ชื่อว่ามีดเสียงปีศาจก็แล้วกัน!”
มีดเสียงปีศาจ ?
หลินมู่อวี่ชะงักเล็กน้อย ชื่อนี้ไม่เลว!
เมื่อหันกลับไปมองอีกครั้ง เซียงเซียงก็ไปนอนขดตัวเย้ายวนอยู่บนเตียงแล้ว
……………………………….
* 霸王硬上弓 แปลตามอักษรจีนความหมายว่า “ฉู่ป้าหวังขึ้นสายธนู” ฉู่ป้าหวัง (ฌ้อปาอ๋อง) เป็นผู้ที่มีแรงมหาศาล ปกติการขึงสายธนูจะใช้ขาทั้งสองข้างช่วยโค้งคันธนูด้วย แต่ฉู่ป้าอ๋องสามารถขึ้นสายธนูด้วยสองมือเปล่าเท่านั้น มีความหมายว่าใช้เรี่ยวแรงเพียงอย่างเดียวกระทำการเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ยังมีความหมายแฝงว่าข่มขืนด้วย ซึ่งเป็นความหมายในเนื้อเรื่อง