The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา – ตอนที่ 46 ฝันคืนสู่สูงสุด 2

EP.46  ฝันคืนสู่สูงสุด  2

“ ลองดมของท่านอีกครั้งสิ” หลินมู่อวี่หัวเราะ

        ชวีฉู่กับนัยน์ตาเหยี่ยวนั้นเหมือนกันตรงที่มากประสบการณ์ในยุทธภพ ใช้วิธี ‘ดมกลิ่น’ ก็สามารถแยกแยะระดับโอสถได้แล้ว เขาดมโอสถที่ตนเองปรุงออกมาทั้งสองขวดแล้ว อดผิดหวังไม่ได้ “เกรดเก้า…”

       “ ก็ไม่เลวแล้ว อย่างน้อยสิ่งนี้ก็คือฝันคืนสู่สูงสุดของจริงแน่นอนอยู่ดี”

        หลินมู่อวี่เก็บขวดโอสถทั้งห้าขวดลงย่ามของตัวเอง

      “ เดี๋ยวก่อน…”

       ชวีฉู่เห็นย่ามของหลินมู่อวี่มีฝันคืนสู่สูงสุดห้าขวดจึงเอ่ยขึ้น “เหลือ…เหลือไว้ขวดหนึ่งให้องค์หญิงได้หรือไม่ นางกำลังจะเข้าสู่ช่วงเวลาทองของผู้ฝึกตน ฝันคืนสูงสุดหนึ่งขวดสำคัญกับนางมาก เจ้าต้องการเงินเท่าไร บอกราคามาเลย ”

        หลินมู่อวี่อดหัวเราะไม่ได้ “องค์หญิงซี…ช่างเถอะ ข้าให้นางขวดหนึ่งแล้วกัน”

       “ อือ…ขอบใจมาก!”

       “ เอาล่ะ!”

        หลินมู่อวี่ปัดมือ “วิชาฝ่ามือพิสุทธิ์สำหรับสกัดแก่นโอสถ สูตรยา และวิธีการปรุงฝันคืนสู่สูงสุดข้าสอนให้แก่ท่านหมดแล้ว ตอนนี้ถึงตาท่านที่ต้องรักษาบ้างสัญญาแล้ว สอนเกราะศิลาเขียวกับหมัดเสียงปีศาจข้า!”

       “ ได้! ”

      ชวีฉู่เป็นคนรักษาสัจจะ ภายใต้แสงจันทร์ เขาสอนเคล็ดวิชาเกราะศิลาเขียวกับวิธีเดินปราณให้แก่หลินมู่อวี่ ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เปลี่ยนปราณในร่างกายให้กลายเป็นศิลาแข็งแรงหนาๆ คล้ายกับปราณคุ้มกันร่างกายที่ยกระดับขึ้นมาอีกขั้น ถึงแม้ว่าเกราะศิลาเขียวสำหรับชวีฉู่แล้วเป็นเพียงแค่ปราณหนาๆ ปกป้องร่างกาย แต่สำหรับหลินมู่อวี่แล้ว พอใช้เกราะศิลาเขียวรวมกับกระดองเต่าทมิฬของน้ำเต้าเขียว ก็ไม่ใช่ขี้ๆ เหมือน  1+1=2   แต่เป็นการเพิ่มระดับขั้นไปอีกหลายขั้น อาศัยพลังป้องกันที่ทรงพลังมากกว่าปกตินี้ เขาก็สามารถท้าทายยอดฝีมือที่มีพลังเหนือกว่าตนเองได้แล้ว  

       ฝึกมาหนึ่งชั่วโมงกว่า เขาสามารถรวมพลังปราณในร่างจนเปล่งแสงสีเขียวอ่อนออกมาได้แล้ว เพียงแต่ยังห่างไกลจากชวีฉู่ที่ทำได้หนาขนาดนั้น ต่อจากนี้ที่ต้องฝึกก็คือจังหวะและความแรงเท่านั้น อย่างน้อยตอนนี้ก็นับว่าประสบความสำเร็จน้อยๆ แล้ว

       เรียนเกราะศิลาเขียวเป็นแล้ว เขาก็ไปหาชวีฉู่ให้สอนต่อ

       หมัดเสียงปีศาจ ถึงจะเป็นวิชาที่หลินมู่อวี่โปรดปรานที่สุด ตั้งแต่ตอนที่เห็นชวีฉู่ใช้หมัดเสียงปีศาจครั้งแรกนั้น หลินมู่อวี่ก็ชอบวิชานี้ทันที ใช้การเคลื่อนที่ของปราณไปส่งผลให้อาการสั่นสะเทือน เกิดเป็นคลื่นเสียงทะลุอากาศเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ ที่สามารถกระแทกอวัยวะภายในของอีกฝ่ายได้ เป็นเคล็ดวิชาที่เจ๋งอะไรแบบนี้!  

       ยิ่งเป็นวิชายุทธ์ที่ทรงพลังมากเท่าไร ก็ยิ่งเรียนยากขึ้นเท่านั้น  

         พื้นฐานของหมัดเสียงปีศาจคือการ “ชกลม” ตอนที่ปล่อยหมัดออกไป จะสามารถก่อความเปลี่ยนแปลงขึ้นในอากาศ เงื่อนไขคือความเร็วในการปล่อยหมัดต้องใกล้เคียงกับความเร็วเสียง ขณะเดียวกันก็ต้องขับเคลื่อนพลังปราณทำให้เกิดการสั่นสะเทือนในอากาศ เพียงแค่ขั้นนี้ หลินมู่อวี่ก็ฝึกชกลมไปไม่ต่ำกว่าสามชั่วโมง ฝึกจนเหงื่อกาฬไหลพลั่ก ในที่สุดก่อนฟ้าสางเขาก็จับเคล็ดวิชาชกลมได้แล้ว

       ชูวีฉู่ยืนมองหลินมู่อวี่ฝึกอยู่ข้างๆ รู้สึกตื่นเต้นไม่หยุด ในชีวิตเขาพบคนที่พรสวรรค์มามากมาย แต่ไม่เคยเห็นอัจจริยะที่เรียนรู้ได้เร็วอย่างหลินมู่อวี่มาก่อน เจ้าเด็กนี่ใช้เวลาแค่สามชั่วโมงก็ชกลมได้แล้ว ส่วนตัวเขาต้องลำบากฝึกฝนอยู่ถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนกว่าจะจับเคล็ดลับการชกลมได้!  

        หรือนี่จะหมายความว่าเจ้าเด็กนี่จะมีความสามารถในการเข้าใจมากกว่าตนเองสิบเท่าอย่างนั้นหรือ

      ชวีฉู่คิดไตร่ตรองไม่ตกอยู่ชั่วขณะ เขาไม่รู้ว่าตนเองกำลังสอนเด็กที่น่ากลัวแบบไหนอยู่ ทว่าตั้งแต่รู้จักจะกระทั่งถึงตอนนี้ ชวีฉู่เหมือนจะสัมผัสได้ลางๆ ว่า หลินมู่อวี่ซ่อนอะไรบางอย่างอยู่ แต่เขาไม่ใช่คนเลวอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นแล้วเขาคงไม่ยอมเสี่ยงชีวิตช่วยชีวิตถังเสี่ยวซีหรอก

       ถึงแม้ว่าถังเสี่ยวซีจะมีความงามที่ล่มเมืองได้ คุณชายจากจวนอ๋องทั้งหลายในเมืองหลวงต่างก็บอกว่ายอมตายได้เพื่อถังเสี่ยวซี แต่หากถึงเวลานั้นจริงๆ เกรงว่าพวกเขาทั้งหมดคงจะหัวหด เพราะอย่างไรเสีย สำหรับหญิงงามแล้วนั้น สิ่งที่ชายเจ้าชู้พวกนั้นต้องการจริงๆ คือการครอบครอง แต่ไม่ใช่การปกป้อง

        หลังจากที่ชกลมเป็นแล้ว ก็เริ่มถ่ายทอดเคล็ดวิชาหมัดเสียงปีศาจ ที่ทำให้ชวีฉู่ต้องตะลึงอีกครั้งก็คือเคล็ดวิชาที่ยาวเหยียด แต่หลินมู่อวี่อ่านเพียงสามรอบก็จำได้ขึ้นใจแล้ว!

       หลินมู่อวี่มองชวีฉู่ที่กำลังมองตนอย่างตกตะลึง ก็แอบหัวเราะ แค่ท่องเคล็ดวิชาหนึ่งพันตัวเท่านั้นเอง เรื่องเล็กแค่นี้ นึกถึงเมื่อก่อนตอนที่ตนเองเรียนวิธีการจำเร็วนั้นถึงจะเรียกว่าบ้าบิ่น แถมรางวัลชนะเลิศสารพัดจากการแข่งขันที่ได้มาตั้งแต่เล็กจนโตก็ไม่ใช่เรื่องโกหก เรียนเก่ง + เทพแห่งเกม + ทายาทมหาเศรษฐี ก็คือตัวตนของเขา จะว่าไป แลมโบกินี่ที่สั่งจองไว้ไม่รู้ส่งมาจากต่างประเทศหรือยัง ไม่รู้ว่าพี่ชายกับพ่อจะรับรถแทนเขาไหม ตอนนี้เขาต้องมาอยู่บนโลกแปลกหน้า ไม่รู้วิธีกลับไป

       สิ่งเดียวที่ทำได้คือมีชีวิตอยู่ต่อไป

      มองดวงดาวเต็มท้องฟ้า หลินมู่อวี่รู้สึกว่าตัวเองนั้นหลงทาง แต่พอก้มหน้ามอง แสงดาวเล็กๆ ตกกระทบบนใบหน้าของถังเสี่ยวซีที่หลับเงียบสงบอยู่ ราวกับว่าที่ตรงนี้ ตนเองได้ค้นพบอะไรบางอย่าง

        ทุกอย่างที่มีปลิวหายไปราวกับควัน พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ใครจะรู้เล่า

       จนกระทั่งฟ้าสว่าง ในที่สุดหลินมู่อวี่ก็ฝึกหมัดเสียงปีศาจเบื้องต้นได้แล้ว อย่างน้อยก็สามารถต่อยต้นไม้ที่ห่างออกไปสิบเมตร และทำให้มันสั่นกระเทือนได้เล็กน้อย ถึงแม้ว่าพลังโจมตีดูแล้วจะไม่เท่าไหร่ แต่ด้วยพลังยุทธ์ที่เพิ่มขึ้นของตัวเอง ความร้ายกาจของหมัดเสียงปีศาจก็จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา

       ที่สำคัญที่สุดก็คือ เคล็ดวิชาทักษะยุทธ์มั่วๆ ในเมืองหยินซานสามารถขายได้หลายเหรียญทอง แถมยังมีทักษะยุทธ์ของปลอมเต็มไปหมด แต่พิฆาตอสนีบาต เกราะศิลาเขียวและหมัดเสียงปีศาจที่เรียนจากชวีฉู่ต่างเป็นทักษะยุทธ์ชั้นสูงที่มีราคาแพงทั้งนั้น และที่สำคัญก็คือไม่เสียเงิน!  

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา หลินมู่อวี่ บุตรชายมหาเศรษฐีพันล้านที่ชีวิตสมบูรณ์แบบสุดๆ คนทั้งโลกต่างพากันอิจฉา เขามีโลกอีกใบคือการเป็นเซียนเกมที่ไต่ไปถึงระดับเทพยุทธ์ แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง และหันหลังให้โลกที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะพ่อต้องการให้เขาไปช่วยสืบทอดกิจการ ในวันที่เขาตัดสินใจหันหลังให้โลกใบนี้ หลินมู่อวี่ตัดสินใจลบแอคเคาน์ เพื่อจะได้ไม่ต้องโหยหาโลกใบนี้อีกต่อไป ในระหว่างที่เขาลบแอคเคาน์และรีเซ็ทระบบเพื่อออฟไลน์นั้น จู่ๆ รอบตัวก็เต็มไปด้วยความมืดมิด เขาถูกฉุดกระชากลงไปสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย มีเพียงเสียงชายชราผู้หนึ่ง ที่บอกว่าเส้นทางของเขายังไม่จบง่ายๆ หลินมู่อวี่ต้องเอาตัวรอดในโลกใหม่พร้อมปริศนาว่าใครคือต้นเหตุที่ทำให้เขาติดอยู่ในเกมและไม่สามารถออฟไลน์ออกไปได้ การผจญภัยในโลกแฟนตาซีสุดล้ำของหลินมู่อวี่จึงต้องเริ่มขึ้นอีกครั้ง…

Options

not work with dark mode
Reset