นี่คือฝันร้ายใช่ไหม
หลินมู่อวี่มั่นใจว่านี่ไม่ใช่ความฝัน หากเป็นตนเองที่ทะลุมิติไปยังอีกโลกที่ไม่รู้จักมาก่อน นี่มันมหัศจรรย์ยิ่งกว่าฝันเสียอีก
ด้านหลังชายชรา หญิงสาวผู้หนึ่งในชุดกระโปรงลายดอกสีครามยืนอยู่ นางมองมาทางหลินมู่อวี่ด้วยสีหน้าตื่นเต้น หญิงสาวผู้นี้น่าจะมีอายุอานามประมาณยี่สิบปี ใบหน้างดงาม แถมกระโปรงลายดอกสีครามนั้นสั้นจนทำให้ขาเรียวขาวผ่องดุจหิมะคู่นั้นสะดุดตาอย่างยิ่ง เนินเนื้อสองก้อนตรงลำตัวช่วงบน อวบอัดหลังผ้าที่รัดปิดไว้ หากนี่เป็นความฝัน.. ก็ออกจะบ้าเกินไปหน่อยรึเปล่า
หลินมู่อวี่รีบดึงสติคืนกลับมาก่อนจะเอ่ยถาม “ท่าน…ท่านช่วยข้าไว้หรือ”
ชายชรายิ้มเล็กน้อย “เปล่าหรอก หลานสาวข้าต่างหาก ฉู่เหยาคือคนช่วยชีวิตเจ้า!”
ที่แท้หญิงงามผู้นี้ก็ชื่อฉู่เหยานั่นเอง ชื่อเพราะอะไรแบบนี้! หลินมู่อวี่แอบชื่นชมอยู่ในใจก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านปู่ ขอบคุณท่านมาก…ว่าแต่ที่นี่คือที่ไหนเหรอ”
“ ที่นี่ก็เมืองหยินซานไงเล่า” รอยยิ้มเมตตาฉายอยู่บนหน้าชายชรา “เจ้าไม่รู้กระทั่งว่าตัวเจ้าอยู่ที่ไหนงั้นรึ เข้าป่าสัตตะดาราที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายเพียงลำพัง เจ้านี่บ้าบิ่นดีแท้ ถ้าไม่ใช่เพราะฉู่เหยาขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรแล้วพบเจ้า เกรงว่าเจ้าคงต้องกลายเป็นอาหารเลิศรสของหมาป่าไปเสียแล้ว”
“ ขอบใจเจ้า…” หลินมู่อวี่มองไปยังฉู่เหยา
ฉู่เหยาเบนใบหน้าแดงระเรื่อหนี เอ่ยด้วยน้ำเสียงอันแสนไพเราะ “ไม่ต้องขอบใจข้า ข้าเป็นหมอ ช่วยชีวิตผู้คนเป็นงานของข้าอยู่แล้ว”
จากนั้นชายชราถามขึ้น “เจ้าหนุ่ม เจ้าชื่ออะไรล่ะ เหตุใดถึงเข้าไปในป่าสัตตะดาราเพียงลำพัง ข้าจับชีพจรของเจ้าดูแล้ว ร่างกายเจ้าไม่มีพลังใดๆ ไม่เหมือนผู้ฝึกตนเลย”
แล้วจะตอบยังไงดีล่ะ จะบอกว่าตนเองออฟไลน์ออกจากเกมผิดพลาดแล้วทะลุมิติมางั้นเหรอ แถมก่อนหน้ายังเจอสัตว์ประหลาดที่เรียกตนเองว่าราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปกำลังต่อสู้กับเหล่ายอดฝีมือ แต่เรื่องพวกนี้ฟังดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงตอบว่า “ข้าชื่อหลินมู่อวี่ ข้าบังเอิญหลงทางเข้าไปในป่าสัตตะดารา จากนั้นข้าหมดสติ…”
“ โอ้ แล้วเจ้าเป็นคนที่ไหนหรือ เจ้าหายดีแล้ว ข้าจะได้ส่งเจ้ากลับไป”
จะตอบยังไงดีล่ะ หลินมู่อวี่ตกที่นั่งลำบากอีกครา หากบอกว่าตนเองมาจากหุบเขาลึก ชายชราผู้นี้จะต้องถามต่อว่าภูเขาลูกไหน เมืองอะไร ตัวเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย ต้องถูกจับได้เป็นแน่ วิธีเดียวที่ดีที่สุดคือ…
“ อ่า…”
จู่ๆ เขากุมขมับและร้องออกมา พร้อมเอ่ยว่า “ข้า…ข้านึกอะไรไม่ออกเลย ข้า…อยู่ที่ไหน…”
แกล้งความจำเสื่อม เรานี่ฉลาดไม่เบา!
ใครบางคนกำลังภูมิใจกับไหวพริบตนอยู่
ชายชราชะงักแล้วเอ่ยว่า “ข้าตรวจดูแล้ว ศีรษะของเจ้าถูกกระแทกอย่างแรง เป็นไปได้ว่าเพราะเหตุนี้เลยทำให้ความจำเสื่อมชั่วคราว แต่เจ้าไม่ต้องวิตกไป พักอยู่ที่ร้านโอสถไป่หลิงไปก่อน รอเจ้าฟื้นคืนความทรงจำได้แล้ว ค่อยให้ฉู่เหยาพาเจ้าไปส่ง หากเจ้าต้องการสิ่งใดระหว่างที่พักอยู่ที่นี่ก็บอกฉู่เหยาได้ตามสบาย”
“ ขอบคุณท่านปู่ ข้ายังไม่รู้จักชื่อท่านเลย!”
“ ข้าชื่อฉู่เฟิง เจ้าเรียกข้าว่าท่านปู่ฉู่ก็พอ”
“ ขอรับ ขอบคุณท่านปู่ฉู่!”
“ ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าพักผ่อนเถอะ!”
“ ขอรับ”
ฉู่เฟิงออกจากห้องไปแล้ว ฉู่เหยากลับหันมามองหลินมู่อวี่ ก่อนที่จะแลบลิ้นอย่างซุกซนแล้วออกจากห้องไป ปล่อยให้หลินมู่อวี่มองตามเรือนร่างอันงดงามจนลับไป ไม่ว่าที่นี่จะเป็นโลกอะไร แต่หญิงสาวที่นี่งดงามเกินธรรมดาเสียจริง
พลันคลื่นแห่งความเหนื่อยล้าพัดโหมเข้าใส่ หลินมู่อวี่รู้สึกเหมือนหัวสมองกำลังจะระเบิด ในสมองมีแต่ภาพราชันย์ปีศาจเจ็ดประทีปที่จะยึดร่างของเขาลอยขึ้นมาไม่หยุด ราวกับฝันร้าย
ยามนี้ เขายอมรับความจริงได้แล้วว่าตนเองทะลุมิติมาจริงๆ ส่วนที่ว่าทำไมถึงทะลุมิติมานั้น เขาไม่รู้จริงๆ
เขาปิดตาลง ทว่าสัญลักษณ์ที่คุ้นเคยก็พลันปรากฏขึ้นในสมองของเขา นี่คือ…ทักษะหล่อหลอมงั้นหรือ ไม่สิ หากนี่เป็นโลกความจริง แล้วทำไมทักษะหลอมสร้างถึงโผล่ขึ้นมาในหัวตนเองได้
“ ภูตระบบ!” หลินมู่อวี่พูดอยู่ในใจ แต่ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ
“ ทักษะหล่อหลอม!”
คราวนี้มีการตอบรับ เบื้องหน้าเขาปรากฏรายการทักษะของทักษะหล่อหลอม แบ่งออกเป็นสองสาขา สาขาหนึ่งคือวิชาปรุงโอสถ อีกสาขาคือวิชาตีอาวุธ สัญลักษณ์พวกนั้นเป็นภาพเสมือน ยื่นมือออกไปก็สัมผัสไม่ถูก น่าจะมีแต่เขาที่มองเห็น หลินมู่อวี่ทำเสียงประหลาดใจ หรือว่าตนเองเอาทักษะจากเกมมาสู่โลกจริงงั้นหรือ
พอคิดมาถึงตรงนี้ หลินมู่อวี่รู้สึกเสียดายขึ้นมาทันที ทำไมถึงลบทักษะอย่างกลยุทธ์ดวงดาราและดื่มกินเทพสังหารทิ้งไปนะ หากนำทักษะเหล่านั้นมาสู่โลกนี้ได้ละก็ พวกมันจะต้องเป็นสุดยอดเคล็ดวิชาแน่นอน! เมื่อเขาเรียกทักษะของเขาอีกครั้ง เขากลับพบว่ามีเพียงทักษะหลอมสร้างเท่านั้นที่ตอบสนอง ส่วนฝีเท้าดาวตกและเพลงหอกรัดมังกรแสดงผลเหมือนถูกล็อกไว้ไม่ให้ใช้งาน!