เนื่องจากห้างสรรพสินค้าเป็นสถานที่คึกคัก เกิดเรื่องขึ้นบ่อย ดังนั้นตำรวจจึงมาได้ทันท่วงที ตอนที่มาก็เห็นวรรณวิมลกำลังกุมท้องตัวเองอยู่บนพื้น
“คุณเป็นยังไงบ้าง คุณเป็นยังไงบ้างครับ คุณเป็นคนแจ้งตำรวจใช่ไหม?” ตอนที่ตำรวจมาถึง ต่างนึกว่าวรรณวิมลเป็นคนแจ้งตำรวจ ส่วนวรกัญญาเหมือนคนที่ไม่เป็นอะไรยืนอยู่ตรงนั้น รอจนขาของตัวเองถูกวรรณวิมลกอดไว้
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันเป็นคนแจ้งตำรวจเอง คุณตำรวจคะ คุณดูผู้หญิงคนนี้กอดขาฉันไว้ไม่ให้ฉันไป ฉันจนปัญญามากเลยค่ะ” วรกัญญาบอกตำรวจ
“คุณแจ้งตำรวจเหรอ? แต่ว่า……” ตำรวจที่อายุน้อยมองวรกัญญาแล้วหน้าแดงเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้ดูดีมาก แต่ว่าคนที่อยู่บนพื้นเห็นได้ชัดเจนว่าเจ็บปวดทุกข์ทรมานมาก ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ตำรวจที่อายุมากกว่าหน่อยที่จอดรถเสร็จแล้วอีกคนเดินเข้ามา เขามองเล็กน้อย จากนั้นนั่งยองถามวรรณวิมลว่าต้องการความช่วยเหลืออะไร
“เมื่อกี้ผู้หญิงคนนี้ทำร้ายฉัน ท้องฉันเจ็บมากเลย” วรรณวิมลถลึงตาพูดจาโกหก
“คุณผู้หญิงครับ ผู้หญิงคนนี้บอกว่าคุณทำร้ายเธอ” ตำรวจบอกวรกัญญา
“ได้ ถ้าหากพวกคุณก็คิดว่าฉันทำร้ายเธอละก็ ไปดูกล้องวงจรปิดได้เลย ถ้าหากฉันไม่ได้ทำร้ายเธอ งั้นฉันก็ต้องฟ้องเธอข้อหาใส่ร้าย แล้วให้เธอขอโทษฉันผ่านโทรทัศน์และตีข่าวลงในหนังสือพิมพ์” วรกัญญามองวรรณวิมล ลูกไม้เล็กๆ ของเธอ ก็นำออกมาใช้ต่อหน้าตัวเอง ช่างไม่เจียมตัวเลย ทว่าเธออยู่เมืองหลวงได้ไม่นาน ทำไมถึงได้ผิดใจกับคนอื่นแล้วล่ะ?
พอวรรณวิมลได้ยินว่ามีกล้องวงจรปิด เธอก็รีบเงยหน้าดูทันที รอบๆ ไม่มีกล้องวงจรปิดนี่ เมื่อกี้เธอยืนอยู่ตรงนี้ก็สังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีกล้องวงจรปิดอย่างแน่นอนถึงได้กล้าทำเรื่องแบบนี้
“ได้สิ ถ้าหากเธอไม่ได้ทำร้ายฉัน ฉันจะขอโทษเธอ ถ้าหากเธอทำร้ายฉัน ฉันก็จะหานักข่าวกับทนายมา ต้องให้คำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้กับฉัน” วรรณวิมลยืนกรานเป็นอย่างมาก เธอมั่นใจว่าไม่มีกล้องวงจรปิด
ผู้หญิงสองคนโต้แย้งถกเถียงกัน ตำรวจก็ลำบากใจนิดหน่อย ใครผิดใครถูกกันแน่ พวกเขาก็ไร้หนทางแล้ว
“มีแต่วิธีนี้แล้ว นำตัวทั้งสองคนไป ให้ห้างสรรพสินค้านำวิดีโอกล้องวงจรปิดมาให้สถานีตำรวจ หลังจากที่เราได้ดูแล้วก็สามารถยืนยันได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” ในท้ายที่สุดตำรวจที่อายุมากกว่าหน่อยคนนั้นก็ตัดสินใจ
นำตัววรกัญญาและวรรณวิมลขึ้นรถตำรวจ แล้วพาทั้งสองคนไปสถานีตำรวจ
วรรณวิมลกุมท้องไว้ ใบหน้าที่ดูการแสดงของเธอมองวรกัญญา หึ มุกดา เธออยากดูกล้องวงจรปิดงั้นเหรอ? ในหลายๆ ครั้งก็ไม่เป็นเหมือนอย่างที่เธอคิดหรอก สถานที่แห่งนี้ไม่มีกล้องวงจรปิด เมื่อไม่มีกล้องวงจรปิดแล้วฉันบอกว่าเธอทำร้ายฉัน ฉันจะดูว่าเธอจะอธิบายอย่างไร
ตำรวจเรียกหมอคนหนึ่งให้มาดูอาการวรรณวิมลหน่อย ยืนยันให้แน่ชัดว่าเธอปวดท้องรุนแรงใช่ไหม วรรณวิมลร้องตะโกนอยู่ในสถานีตำรวจบอกว่าท้องของตัวเองปวดมาก ต้องไปโรงพยาบาล
จนปัญญา ได้แต่พาวรรณวิมลมาตรวจดูอาการที่โรงพยาบาล วรกัญญาโทรหาที่บ้าน บอกว่าตัวเองจะกลับไปช้าหน่อย
โรงพยาบาลตรวจอาการวรรณวิมลค่อนวันก็ไม่พบอะไร ทว่าเธอรู้สึกปวดอยู่ตลอดเวลา จึงกำหนดได้แค่มีอาการเนื้อเยื่อฟกช้ำ
จ่ายยาเล็กน้อย ก็ไม่ได้นอนพักอยู่โรงพยาบาล ไม่มีความจำเป็นต้องพักอยู่โรงพยาบาลจริงๆ
ถึงอย่างไรวรรณวิมลก็ถือใบรับรองแพทย์ว่าตัวเองเนื้อเยื่อฟกช้ำ จะต้องให้วรกัญญาได้รับการลงโทษที่สาสม
ตอนที่มาถึงสถานีตำรวจอีกครั้ง วิดีโอกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าก็มาถึงแล้ว
วิดีโอกล้องวงจรปิดนั้นเป็นของทั้งโรงรถชั้นใต้ดิน เปิดดูหลายตัวแล้วก็ไม่พบสองคนนี้เลย
ถึงตัวสุดท้ายแล้ว เห็นแค่เพียงสองคนเดินเข้าไป แต่ไม่มีบันทึกว่าทำร้ายคนหรือถูกทำร้ายเลย
“ฉันรู้อยู่แล้ว เธอรู้ว่าสถานที่นั้นไม่มีกล้องวงจรปิดอย่างแน่นอน ดังนั้นถึงได้กำเริบเสิบสานกับฉัน ฉันช่างน่าสงสารเสียจริง ฉันแค่อยากคุยกับเธอไม่กี่ประโยค นึกไม่ถึงว่าจะถูกทำร้าย ฉันก็เป็นคนที่มีฐานะและมีเกียรติ จะถูกคนทำร้ายฟรีๆ แบบนี้ไม่ได้ เธอควรจะทำอย่างไร? ควรจะขอโทษฉันใช่ไหม?” เมื่อวรรณวิมลเห็นว่ากล้องวงจรปิดเปิดดูหมดแล้ว และไม่มีภาพที่สองคนเกิดการโต้เถียงกัน เธอก็ยิ่งมีความกล้ามากขึ้น
“หืม ฉันจำได้ว่าที่จอดรถชั้นใต้ดินของห้างสรรพสินค้ายังมีกล้องวงจรปิดที่ซ่อนอยู่อีกตัวหนึ่ง พวกคุณไม่ได้เอาตัวนั้นมาด้วยงั้นเหรอคะ?” วรกัญญาเอ่ยถามคนนั้นที่เอากล้องวงจรปิดจากห้างสรรพสินค้ามาให้
“เอามาครับ ผมนึกว่าไม่สลักสำคัญอะไร เลยไม่ได้เอาออกมา อยู่นี่ครับ” คนคนนั้นนำวิดีโอกล้องวงจรปิดตัวสุดท้ายออกมา
เขาก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร คิดแค่ว่าเป็นวิดีโอพวกนั้นก็ใช้ได้แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะได้ใช้วิดีโอจากกล้องวงจรปิดที่ซ่อนไว้จริงๆ
ถึงคราวนี้วรรณวิมลหน้าถอดสี ยังมีกล้องวงจรปิดที่ซ่อนอยู่ ทำไมเธอถึงไม่รู้?
ตอนที่ตำรวจจะเปิดวิดีโออันนั้น วรรณวิมลก็เริ่มนั่งไม่ติด
“เอ่อคือ คุณมั่นใจว่าเป็นวิดีโอของที่จอดรถชั้นใต้ดินเหรอคะ? คงไม่ใช่ของที่อื่นหรอกนะ?” วรรณวิมลกล่าวกับพนักงานคนนั้น
“ใช่แน่นอนครับ ผมเป็นคนดูแลกล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าเราทั้งหมด จะผิดได้ยังไง?” พอคนนั้นได้ยินคนสงสัยตัวเอง เขาก็เลยไม่สบอารมณ์นัก
“คุณตำรวจรีบเปิดเถอะครับ ผมยังต้องรีบกลับไป” คนนั้นบอกตำรวจ
เปิดวิดีโอกล้องวงจรปิดที่ซ่อนอยู่แล้ว ในนั้นถ่ายเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบของวรรณวิมลกับวรกัญญาไว้ได้ทั้งหมดพอดี
วรกัญญายืนอยู่ตลอด ส่วนมือก็หิ้วนมผงอยู่ เท้าก็ไม่ได้ขยับ ทุกอย่างล้วนเป็นการแสดงที่วรรณวิมลจัดฉากขึ้นมาเอง
โดยเฉพาะตอนสุดท้ายล้มลงไปเอง เมื่อดูก็รู้ว่าแสร้งทำ ตำรวจสองคนจึงโกรธมาก ดูสภาพของวรรณวิมลยังนึกว่าเธอถูกทำร้ายจริงๆ นึกไม่ถึงว่าพวกเขาถูกผู้หญิงคนนี้หลอก
“คุณตำรวจคะ ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ กล้องวงจรปิดซ่อนอะไรนั่นเป็นของปลอมสินะ เป็นของปลอมแน่นอน” วรรณวิมลขวางการดูวิดีโออยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล เธอจึงทำได้แค่ทุ่มสุดตัว
“กล้องวงจรปิดอันนี้จะปลอมได้ยังไง คุณต่างหาก แสดงได้แนบเนียนมาก ทำทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีการจริงๆ ” คนที่เอาวงจรปิดมาให้นั้นดูถูกวรรณวิมลอย่างโหดเหี้ยม
“เอาล่ะ เอากล้องวงจรปิดกลับไปได้แล้ว ส่วนคุณผู้หญิงคนนี้ คุณมาล้อเลียนตำรวจอย่างพวกเราเล่นแบบนี้ไม่ถูกต้อง เรายังมีงานมากมายต้องจัดการในทุกวัน ไม่ใช่ให้ถูกคุณมาหลอกเล่น” ตำรวจสองคนต่างทำใบหน้าเคร่งขรึม
“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันแค่ปวดท้องกะทันหัน ฉันนึกว่าถูกเธอทำร้าย ไม่นึกว่าจะว่าไม่ใช่ ขอโทษค่ะคุณตำรวจ ขอโทษนะคะ” คราวนี้วรรณวิมลก็ฉลาดที่จะขอโทษตำรวจ
“เอาเถอะๆ ก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว กลับกันไปเถอะครับ” ตำรวจก็รู้สึกโกรธที่ถูกผู้หญิงคนนี้หลอกโดยไร้มูลเหตุ
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันเป็นคนแจ้งตำรวจแท้ๆ เพราะผู้หญิงคนนี้ขวางไม่ให้ฉันขับรถ แต่ว่าพวกคุณเอาแต่บอกว่าฉันทำร้ายผู้หญิงคนนี้ ตอนนั้นฉันบอกไว้แล้ว ถ้าหากผู้หญิงคนนี้ใส่ร้ายฉันละก็ ต้องขอโทษฉันผ่านโทรทัศน์และตีข่าวลงในหนังสือพิมพ์” ทว่า วรกัญญาไม่ยอมอ่อนข้อให้
ตำรวจสองคนนี้ก็ไร้หนทางแล้ว เมื่อกี้พวกเขาก็เชื่อคำพูดของวรรณวิมล คราวนี้ย่อมต้องคืนความบริสุทธิ์ให้แก่วรกัญญา