“มุก คุณคือทรัพย์สมบัติของผมจริงๆ มาจุ๊บหน่อย” ชลธีจับใบหน้าของมุกดา แต่ว่าก็ทำให้ใบหน้าของมุกดานั้นปิดเดี๋ยวขึ้นมาในทันที เขาจับโดนจุดที่มุกดาเจ็บอยู่พอดี
“โอ๊ะ” มุกดาสูดหายใจเข้า
“เป็นอะไรไป?”ตอนนี้ชลธีเพิ่งจะเห็นว่าใบหน้าข่าวมุกดาบวมเล็กน้อย เมื่อกี้ความสนใจของเขามัวแต่จดจ่ออยู่ที่การเจรจาธุรกิจ และมุกดาก็ใช้ใบหน้าอีกฝั่งหันหน้าเข้าหาเขา ดังนั้นเขาก็เลยไม่เห็น
“ไม่มีอะไร”ปากมุกดาก็พูดว่าไม่มีอะไร แต่ว่าน้ำตาของความเสียใจก็ไหลลงมา
“จะไม่มีอะไรได้ยังไงกัน ผมเห็นรอยนิ้วมือด้วย ใครตบคุณเหรอ?”สีหน้าของชลธีมืดมนลงในทันที
ภรรยาของตัวเองถูกตบ ก็มีกองไฟเกิดขึ้นในหัวใจของเขาทันที
“ฉันก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร ไปกันเถอะ ฉันเหนื่อยมากเลย อยากพักผ่อน” มุกดาไม่อยากพูดอะไร ตอนนี้เธอไม่มีอารมณ์จะไปพูดเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลสุวรรณเลิศ
“ได้แล้ว มุก หน้าเธอเป็นอะไรไป?”โธรณีเข้ามาเก็บข้าวของ แต่พอเข้ามาก็เห็นว่ามุกดากำลังปาดน้ำตาอยู่ แล้วก็มีรอยแดงบนใบหน้าของเธอ
“พี่ พี่ตบมุกเหรอ? ทำไมพี่ต้องตบมุกด้วย ทำไมถึงเป็นแบบนี้?”โธรณีดึงมือชลธีไม่ยอมปล่อย เธอนึกว่าชลธีเป็นคนตบมุกดา
“พี่ชายเธอไม่ได้เป็นคนทำหรอก แสนดีปล่อยมือได้แล้ว” มุกดาดึงโธรณี
พี่ชายไม่ได้เป็นคนตบอย่างนั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นใครเป็นคนทำ โธรณีมองดูใบหน้าของมุกดาด้วยความปวดใจ รอยตบนี้มันใหญ่มาก และแดงมาก น่าจะไม่ใช่ฝีมือของผู้หญิง
“พ่อเป็นคนทำเหรอ?”โธรณีคิดถึงผู้ชายเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในบ้านได้ในทันที ในเวลานี้ผู้ชายคนเดียวที่อยู่ในบ้านก็มีแค่พ่อ พี่ชายทั้งสามคนก็ต่างไปทำงานแล้ว
“พ่อหรอก? เขามีสิทธิ์อะไรมาตบคุณ?” ชลธีดึงมือมุกดาเหมือนจะกลับบ้านไปต่อสู้กับชุติภาส มันทำให้มุกดาตกใจจนรีบดึงเขาไว้
“เพราะว่าข่าวในหนังสือพิมพ์ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครถ่ายรูปของพวกเรา แถมยังพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์อีก พ่อเห็นแล้วก็เลยโกรธ ให้ฉันอธิบายให้เขาฟัง แต่ว่าวันนี้ฉันต้องรีบมารับคุณนายโรส ฉันก็เลยออกมาก่อน คุณย่าไม่ปล่อยให้ฉันมา และก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงล้มลงไปที่พื้นได้ พ่อก็เลยตบฉัน” มุกดาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเช้าในบ้านให้ชลธีฟัง
“คุณย่าอีกแล้วเหรอ เธอคงจะไม่ได้เป็นอะไร แล้วก็แกล้งล้ม แล้วก็เสแสร้งทำเป็นทุกข์และทำใช่ไหม?” โธรณีไม่ได้รู้สึกดีต่อคุณย่าของตัวเองเท่าไหร่นัก
“ไม่ว่าจะพูดยังไง ภรรยาของผมก็ไม่ใช่คนที่จะปล่อยให้พวกเขามารังแกได้ง่ายๆ ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณกลับบ้านไปเรียกร้องความยุติธรรม” พอชลธีได้ยินสิ่งที่มุกดาพูด ก็ไม่ได้รู้สึกอารมณ์เย็นขึ้นเลย แถมยังรอขอให้กลับบ้าน เขาไม่สามารถปล่อยให้มุกดาอยู่บ้านอย่างไม่มีศักดิ์ศรีได้
“ใช่ ต้องกลับไปนะ มุก เธอไม่ต้องกลัวไปหรอก ฉันกับพี่ชายจะเธอเอง”โธรณีเองก็โกรธมากเหมือนกัน เกิดอะไรขึ้นกับคนในครอบครัวนี้ เหมือนถูกขังอยู่ในความเป็นอัปมงคล
“ทำไม? มีคนไปฟ้องอย่างนั้นเหรอ?” ชุติภาสกำลังนั่งดื่มชาและพูดคุยอยู่กับย่านิ่มที่ห้องนั่งเล่น พอเห็นว่าชลธีกลับมาด้วยท่าทีที่เกรี้ยวกราด เขาก็เงยหน้าขึ้นมา ถลึงตาใส่มุกดา
มุกดาก็ไม่ได้กลัวเขา แล้วก็ต้องมองเขากลับ
“พ่อ ทำไมต้องตบมุกด้วย? ” ชลธีเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าชุติภาส แล้วก็ถามเขากลับ
“ทำไมฉันถึงต้องตบเธอ ก็ถามเธอเองสิ ในฐานะที่เป็นคนที่เด็กกว่า กล้าลงไม้ลงมือกับคนแก่ แกคิดว่าฉันควรจะตบเธอไหมล่ะ? ” ชุติภาสเองก็ลุกขึ้น สองพ่อลูกนี้ต่างก็เป็นผู้ชายร่างใหญ่สูง 180 เซนติเมตร การเผชิญหน้ากันของทั้งสองคนทำให้คนอื่นรู้สึกกดดัน
“คุณย่า มุกดาตีคุณย่าอย่างนั้นเหรอ?”โธรณีนั่งลงข้างๆ ย่านิ่ม แล้วก็จับแขนของย่านิ่มเอาไว้
“ถือว่า เธอไม่ได้ตียากหรอก แต่ว่าในใจเธอก็ย่อมรู้ดีอยู่แล้ว” ย่านิ่มก็อธิบายได้ไม่เต็มปาก เพราะว่ามุกดาไม่ได้ทำร้ายเธอจริงๆ
“อ้อ หนูรู้สึกว่าเรื่องนี้มันต้องถูกจัดการอย่างชัดเจน มุกดา เธอทำร้ายคุณย่าของฉันหรือเปล่า ฉันต้องช่วยย่าแก้แค้น ชลธี พี่ไปเปิดกล้องวงจรปิดของห้องนั่งเล่นเลย ฉันอยากจะรู้ว่ามุกดาทำร้ายย่าของฉันยังไง” โธรณีทำเหมือนกับว่ากำลังช่วยย่านิ่มระบายความแค้น
แต่ว่าพอเธอพูดแบบนี้ ก็เหมือนเป็นการเตือนชลธี สาวน้อยโธรณีคนนี้เมื่อถึงเวลาสำคัญก็ยังคงฉลาดหลักแหลมจริงๆ เตือนว่าที่นี่มีกล้องวงจรปิดที่สามารถตรวจสอบได้ ไม่ต้องไปกลัวการเถียงข้างๆ คูๆ ของพวกเธอ
“โธรณี เธอเป็นอะไรไป? มุกดาดีกับเธอขนาดนั้น ตอนนี้เธอเห็นคนอื่นดีกว่าแล้วอย่างนั้นเหรอ? ใช่สิพ่อ พวกเราไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็ได้ จะดูซิว่ามุกดาทำร้ายคุณย่ายังไง” ชลธีแสร้งทำเป็นต่อว่าโธรณี แต่ว่าสายตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม
“ตรวจสอบตรวจสอบไปสิ แกจะได้ยอมรับความจริง” ชุติภาสเองก็ไม่กลัวเหมือนกัน เพราะว่าเช้านี้เขาเห็นมุกดากับย่านิ่มทะเลาะกันกับตาของตัวเอง
แต่ว่าย่านิ่มกลับรู้สึกขาดความมั่นใจ เธอล้มเอง ถ้าเกิดว่าไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด มันก็จะเห็นได้ชัดเลยว่าเธอแกล้งล้ม
“ช่างเถอะ ช่างเถอะ จะไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดอะไรกัน ต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ย่าไม่สนใจหรอกเราก็ไม่ได้ล้มอะไรมากมายด้วย” ย่านิ่มรีบผลักเรื่องนี้ออกในทันที
“คุณย่า ไม่ได้ค่ะไม่ได้ ดูมุกดาสิ ท่าทางเธอดูไม่ยอมรับเลย หนูต้องทำให้เธอยอมรับให้ได้ ทำร้ายคนแก่ก็คือทำร้าย หนูจะไม่ยอมให้เธออยู่อย่างไร้ยางอายได้หรอก”ในเวลานี้โธรณีกลับจับกล้องวงจรปิดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ทำให้ย่านิ่มรู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก
“พ่อ ไปสืบเถอะ ก็จะได้เป็นการเตือนคนอื่นด้วย ว่าห้องนี้มีกล้องวงจรปิด จะมาใส่ความคนอื่นมั่วซั่วไม่ได้” ชลธีเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
“ได้ ดูก็ดูไปเลยสิ!”ชุติภาสฮึกเหิมเพราะว่าถูกยั่วยุ เขาอยากจะให้มุกดายอมรับทั้งปากและใจ ว่าการที่เขาตบเธอนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด
ย่านิ่มอยากจะห้ามก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ชุติภาสกับชลธีเปิดทีวีเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เชื่อมต่อระบบกล้องวงจรปิด
ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนเช้าปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน เริ่มแรกชุติภาสป่าหนังสือพิมพ์ใส่เท้าของมุกดา หลังจากนั้นย่านิ่มก็ดึงมือมุกดาไว้ไม่ยอมปล่อยให้เธอไป กล้องวงจรปิดนั้นยังมีเสียง ทุกคนต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน
มุกดาแค่อยากจะดึงแขนของตัวเองออกมา แต่ว่าย่านิ่มก็เหลือบมองมุกดา แล้วก็เหลือบมองว่าชุติภาสไม่ทันได้สังเกต แล้วเธอก็ล้มลงไป หลังจากนั้นก็เป็นตอนที่ชุติภาสตบหน้าของมุกดา
ความจริงปรากฏขึ้นต่อหน้าของทุกคนแล้ว ชุติภาสมองหน้าย่านิ่ม ย่านิ่มก็ได้แต่ก้มหน้าลง
“น่าจะเพราะว่าย่ายืนไม่มั่นคงเอง”ย่านิ่มพยายามอธิบายข้างๆ คูๆ แต่ว่าสีหน้าของเธอในตอนนั้นเห็นได้ชัดว่าพยายามจะใส่ร้ายมุกดา
ชุติภาสเองก็ดูอย่างละเอียดมาก แต่ว่าตบไปแล้วก็คือตบไปแล้ว จะให้มุกดาตบกลับก็คงไม่ได้ เขาก็เลยไม่ได้พูดอะไร
“ครั้งนี้จะปล่อยให้มันจบไปแบบนี้ไม่ได้ เพราะคุณคนหนึ่งคือหญ้า อีกคนก็เป็นพ่อ จะมารังแกเธอเพราะว่าสถานะของตัวเองไม่ได้ ผมจะให้มุกเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ต่อไปนี้พวกคุณอย่าสร้างปัญหาอะไรที่บ้านอีก เพราะว่าคุณปู่หวังอยู่เสมอว่าคนในครอบครัวจะสามัคคีกัน ไม่ใช่มาวางกลอุบายต่อกัน” ตอนที่ชลธีพูดประโยคนี้ ก็หันไปมอง สิริกร ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ว่าลางสังหรณ์ของชลธีมันบอกว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ธรรมดาเลย”