ย่านิ่มเริ่มดุนีรชาแล้ว แต่นีรชาไม่จริงจังเลยสักนิด ตั้งแต่เล็กจนโตเธอเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของที่บ้าน ไม่เคยถูกเอาเปรียบมาก่อน ย่านิ่มอยากจะทะเลาะ เธอก็ไม่กลัวหรอก
“โอเค โอเค แม่ แม่ไม่ต้องพูดแล้ว นีรชา ใจเย็นหน่อย” ชุติภาสรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเต็มทน ก่อนหน้าที่ย่านิ่มจะมา ในบ้านนี้มันสงบมากกว่านี้ แต่ตอนนี้เพิ่งผ่านมาได้ไม่กี่วัน ก็ทะเลาะกันเสียงดังทุกวันแล้ว
“ชุติภาส แม่แก่แล้ว ลูกรังเกียจแม่แล้ว แม่ไม่มีวัฒนธรรมอะไร ไม่เหมือนบางคนที่แต่งตัวเสียสวยงามทุกวัน ดึงดูดใจคนมากมาย ใช่ไหม?” ย่านิ่มดึงมือชุติภาส ก่อนจะร้องไห้ขึ้นมา
เมื่อนีรชาเห็นอย่างนี้ ตัวเธอเองก็ไม่พูดอะไร มันเป็นความผิดพลาดทั้งหมดของเธอ เดินหันหลังก่อนจะจากไป
ชุติภาสคิดอยากจะตามนีรชาไป ทว่าย่านิ่มไม่ยอมปล่อยมือที่ดึงเขาเอาไว้ เขาไม่แข็งใจพอที่จะพูดเรื่องสำคัญกับแม่ของตัวเอง แม่เขาก็ค่อนข้างน่าสงสาร อยู่ข้างนอกคนเดียว ตอนนี้รับกลับมาเพราะอยากให้แม่ได้รับแต่ความสุข แต่นี่มันน่าเจ็บปวดเกินไป
“แม่ครับ ผมรู้ว่าแม่น้อยใจ ผมจะพูดดีๆ กับนีรชา เธอเป็นคนที่มีเหตุผล ต้องเข้าใจความยากลำบากของแม่แน่ครับ” ชุติภาสดึงย่านิ่มมานั่งที่โซฟา ก่อนจะพูดปลอบโยนเธอช้าๆ
ชลธีและพี่ชายอีกสองคนต่างก็อยู่ที่นั่นเป็นเพื่อนย่านิ่ม ส่วนมุกดาและโธรณีก็แอบย่องออกไป เป็นเรื่องยากกับการที่ต้องพูดอะไรเรื่องของผู้ใหญ่ อีกอย่างย่านิ่มก็มุ่งเป้าไปทางมุกดาตลอด แถมใจของมุกดาก็ยังลำเอียงไปทางคำพูดของนีรชาอีกด้วย
“มันยากมากสำหรับแม่กับการที่ต้องอยู่ที่นี่คนเดียว แม้ว่าอ่อนจะเป็นเด็กดี แต่อย่างไรแม่ก็อายุมากแล้ว จะคุยอะไรกับเธอก็มีช่องว่างระหว่างวัย แม่อยู่คนเดียวแล้วเหงา” คำพูดของย่านิ่มทำให้คนรู้สึกสงสารจับใจ
“ถ้าอย่างนั้นแม่จะทำยังไงครับ?” ชุติภาสยังไม่หวังให้แม่ตัวเองจากไป แม้จะมีการทะเลาะกันที่นี่ แต่คนในครอบครัวก็ยังอยู่ด้วยกัน อายุของย่านิ่มก็เยอะแล้ว ลูกชายของตัวเองก็ควรดูแลเธอยามแก่ชราและเฝ้าดูใจเธอก่อนเสียชีวิต
“ลูกคนนี้ดูแลเอาใจใส่หัวใจแม่เสียจริง แม่อยากพาสิริกรมาที่นี่ เธอไม่ใช่คนนอก ลูกลองคิดดู เธอเป็นแม่ของเด็กสองคนนี้ด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะหย่ากับลูกไปแล้ว แต่เธอก็ไม่ใช่ไม่เคยมาหาลูกนี่? เธอก็ลำบากไม่แพ้กัน แม่ชินกับการใช้ชีวิตกับเธอแล้ว” ย่านิ่มพูดพลางมองสีหน้าของชุติภาสไปด้วย
“แม่ครับ เรื่องนี้ต้องคุยกับนีรชา บ้านนี้อยู่ในความดูแลของเธอนะครับ” ในใจของชุติภาสกีดกันอย่างมาก แต่ในเมื่อแม่ของตัวเองนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เขาก็ตอบปฏิเสธไปตรงๆ ไม่ได้อีก
“ใช่แล้ว พ่อขา นำแม่มาอยู่ด้วยเถอะ ให้เธอกับคุณย่าอยู่ด้วยกัน ไม่อย่างนั้นคุณย่ามาที่นี่ แม่ก็อยู่ที่ชนบทคนเดียวอีก” ธีร์ธวัชและนิตย์รวีร์ต้องการรับแม่มาอยู่ที่นี่ด้วยกันนานแล้ว
มันไม่เกี่ยวกับเรื่องกตัญญูหรือไม่ แต่อยากให้สิริกรมาที่นี่ เพื่อช่วยแย่งชิงอำนาจของตระกูลสุวรรณเลิศกลับคืนมา
สิริกรคนนั้นเป็นผู้หญิงที่เยอะ เธอเกลียดนีรชาเข้ากระดูกดำ แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ ตัวเองและชุติภาสหย่ากันก่อน จากนั้นชุติภาสถึงค่อยไปหานีรชา
เมื่อเห็นลูกๆ พูดกันอย่างนี้ ชุติภาสก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ในใจของเขาไม่ต้องการให้สิริกรกลับมา แต่ครั้งนี้เป็นมารดาของเขาที่เปิดปากพูดเอง เขาลำบากใจไม่น้อย
“คุณพ่อ ให้คุณแม่กลับมาเถอะ ค่าครองชีพพวกเราจะออกให้เธอเอง พวกเราจะไม่ไปรบกวนเงินของตระกูลสุวรรณเลิศเลยครับ” ธีร์ธวัชก็เอาด้วยอีกคน
“ชลธี นายว่ายังไง?” ชุติภาสถูกรบเร้าเสียจนไร้หนทาง เขาจำใจหันไปถามชลธีที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา
ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ชลธีเป็นผู้เชี่ยวชาญในสนามธุรกิจการค้าขาย แต่เรื่องภายในบ้าน เขากลับโง่นัก แต่เขาจำได้ขึ้นใจว่า ต้องเห็นด้วยกับมารดาถึงจะถูกต้อง
“พ่อครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องถามแม่ก่อน บ้านนี้คุณแม่เป็นคนดูแลไม่ใช่หรือ?” ชลธีพูด
จิตใต้สำนึกของเขารู้สึกว่าถ้าให้มารดาของธีร์ธวัชและนิตย์รวีร์กลับมาละก็ บ้านหลังนี้ต้องยิ่งวุ่นวายแน่
“คุณพ่อ ถ้าถามคุณแม่สู้ไม่ถามเสียดีกว่า คุณแม่ต้องไม่ให้แม่ของพวกเรากลับมาแน่ ลองคิดดูสิ แม่ของพวกเราเคยเป็นภรรยาของคุณพ่อนะ ช่างมันเถอะ รอให้แม่ของพวกเราได้รับความทุกข์ทรมานเถอะ” ธีร์ธวัชและนิตย์รวีร์พูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
สิริกรทำให้ชุติภาสรู้สึกผิดเล็กน้อย ที่ต้องหย่าร้างกับเธอ สิริกรไม่ต้องการเงินสักแดงของตระกูลสุวรรณเลิศ
ไม่ใช่ว่าเธอหยิ่งทระนง แต่เธอขี้ขลาด คนในหมู่บ้านต่างก็รู้ว่าเธอเคยแต่งงานกับผู้ดีมีเงิน ถ้ามีเงินมาก เธอเกรงว่าคนจะทำร้ายเธอ อย่างไรพวกลูกๆ ต่างก็มีกินมีใช้ และเงินของเธอก็พอใช้ด้วย ดังนั้นเลยไม่ต้องการเงินของชุติภาส
เป็นเวลากว่า20ปีแล้วที่เธออาศัยอยู่กับย่านิ่ม และย่านิ่มมักจะให้เงินเธอใช้อยู่บ่อยๆ ดังนั้นเธอจึงมีเงินใช้ไม่ขาดมือ
แต่ในใจของชุติภาส เขารู้สึกเสียใจกับเธอมากและยังรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาคนหนึ่ง
“คุณพ่อครับ แม่ของพวกเราเป็นคนยังไง พ่อยังไม่รู้อีกหรือครับ? ตอนแรกที่พวกท่านเลิกกัน เธอก็ไม่ได้ต้องการอะไรเลยนี่” ธีร์ธวัชร้องไห้ไปด้วยขณะที่พูด
“ธวัช ไม่ต้องร้อง พ่อจะจัดการเรื่องนี้แน่ ไม่ต้องร้องไม่ต้องเสียใจนะลูก” วรรณวิมลคิดว่าตอนนี้เธอต้องออกหน้าด้วยตัวเองได้แล้ว
แม่ยายของตัวเองมาแล้ว เธอก็ไม่ต้องกลัวนีรชาและมุกดาแล้ว ความสัมพันธ์แม่ผัวลูกสะใภ้ของพวกเธอดีมาก และยากที่จะรับมือ ถ้าหากสิริกรมาละก็ เธอก็มีคนช่วยเหลือมากขึ้น เธอไม่เชื่อว่าแม่สามีของตัวเองจะช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย
“ชุติภาส คุณเป็นคนจัดการบ้านหลังนี้ไม่ได้หรือ? หรืออยากจะให้ยายแก่คนนี้ไปให้เสียพ้นหน้ากัน? ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะไป ไม่ต้องพูดอะไรกับฉันอีก!” เมื่อย่านิ่มเห็นว่าชุติภาสดูผ่อนคลายลงมากขึ้น เธอจึงรีบสุมไฟทันที
“เอาล่ะ ธีร์ธวัชและนิตย์รวีร์ พวกลูกไปนำแม่ของลูกกลับมานะ จริงสิ หลังจากพวกลูกพากลับมา ก็ให้แม่ของลูกและคุณย่าอยู่ด้วยกัน ภายหลังก็ไม่ต้องทานข้าวด้วยกัน แยกกันทานข้าวเถอะ พ่อจะจัดคนรับใช้ไปให้ทางฝั่นโน้นแล้วกัน” ชุติภาสครุ่นคิด เขาก็คิดได้เพียงวิธีนี้เท่านั้น
เมื่อทุกคนเห็นว่าชุติภาสยอมแล้ว ก็ถือว่าเป้าประสงค์ของตัวเองได้บรรลุแล้ว อย่างไรก็ตาม ให้สิริกรเข้ามาก่อน รอภายหลังถึงจะค่อยๆ ยึดอำนาจของตระกูลสุวรรณเลิศกลับมา จะไม่ยอมให้แม่ของชลธีได้ครอบครองมันคนเดียว
แม้ว่าชลธีจะรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม แต่ในเมื่อพ่อของตัวเองได้ทำการตัดสินใจไปแล้ว เขาก็พูดอะไรไม่ได้ เมื่อเห็นว่าคุณย่าของเขาสงบลงแล้ว เขาก็โล่งใจ
“ทุกคนคุยกันไปเถอะครับ ผมขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อน พรุ่งนี้ยังมีประชุมอีก ผมขอไปเตรียมงานก่อนแล้วกัน” ชลธีบอกลาทุกคน
ชุติภาสขอให้ลูกทั้งสองคนไปส่งย่านิ่มกลับ เขาก็จะกลับไปคุยเรื่องนี้กับนีรชาเช่นกัน
“ทำไมกัน? สิริกรจะมา? ทำไมละ? ใครเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้?” เมื่อนีรชาได้ยินว่าสิริกรจะมา ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นทันใด บ้านนี้ยังอยากมีชีวิตกันอยู่ไหม?