ณฐวรเรียกสองคนเป็นพี่สาวอย่างมีมารยาท จนทำให้จันวิภากับโธรณีว่าดีใจยกใหญ่จนเอากุ้งมังกรที่แกะเปลือกออกให้แล้ววางใส่จานของณฐวร
ณฐวรยิ้มให้บรรดาพี่สาว รอยยิ้มของเขาดั่งความอบอุ่นของดวงอาทิตย์ ที่สาดส่องให้หัวใจของทุกคนอบอุ่นตาม
“มุก เด็กหนุ่มคนนี้ อายุยังน้องทำไมถึงได้หล่อเหลาได้ขนาดนี้เนี่ย ถ้าโตขึ้นนะ ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำอย่างไรให้เด็กสาวหลงใหลเลย!” พี่สาวทั้งสองคนรักณฐวรคนนี้จนอย่างอดใจไม่ไหว
ทั้งสี่คนพูดคุยอย่างน้ำไหลไฟดับอยู่ตรงนั้น ณฐวรก็เป็นคนเข้ากับคนง่าย พอมาอยู่กับพี่สาวทั้งสามคนที่ชอบตนเอง ยิ่งพูดเยอะขึ้นมาก
“นายดูนะ สามสาว ไม่พาพวกเราออกมา แต่กลับไปนั่งอยู่กับเจ้าไก่อ่อนคนนั้น” ทศพรชี้มาที่ณฐวรอย่างอิจฉาตาร้อน
เด็กหนุ่มคนนั้น หน้าตาหล่อจริงๆ จนสามารถดึงดูดทั้งสามสาวได้ ชลธีก็ไม่สบายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าทั้งสามสาวนั่งแกะเปลือกกุ้งมังกรให้กับณฐวร เจ้าเด็กหนุ่มนั่นไม่มีมือหรือยังไงกัน?
ผู้ชายตัวโตที่เป็นผู้ใหญ่แล้วทั้งสองคน กำลังไม่ชอบขี้หน้าณฐวรสักนิด พวกเขาทั้งสองคนสาวเท้าก้าวยาว เดินเข้าไปหา
ทั้งสี่คนกำลังคุยกันอย่างเมามัน ทว่าก็ได้กลิ่นเพชรหึงแผ่ออกมาอย่างแรงกล้า บรรยากาศรอบๆ ก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ
“ชล? คุณมาได้ยังไงคะ?” แถมมาพร้อมกับลมเย็นพัดเข้ามาด้วย มุกดาหันศีรษะกลับไปก็เจอกับชลธี สีหน้าของเขาดูไม่เป็นธรรมชาติสักนิด
“พวกเราผ่านมาทางนี้ ก็เห็นว่าพวกคุณกำลังนั่งกินอาหารกันอยู่ เลยเดินมาขอนั่งด้วย” ทศพรอธิบายให้กับทุกคนฟัง
ทั้งสี่คนต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน แค่ผ่านมา แล้วจะมาเดินผ่านที่นี่ได้อย่างไรกัน เพราะว่ามันห่างจากถนนหลักอยู่ไกลมากนัก!
“พี่ครับ ขอเก้าอี้เพิ่มอีกสองตัวครับ” ทศพรพูดทักทายกับเจ้าของร้าน เพื่อขอเก้าอี้เพิ่มให้กับตนเองและชลธี
“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ พี่ๆ ทุกคน สวัสดีครับ” ณฐวรจับสัมผัสได้ว่าผู้ชายทั้งสองคนกำลังหมายหัวตนเองอยู่ เขาเองก็ไม่อยากจะอยู่ต่อแล้ว
“นายจะกลับแล้วเหรอ งั้นได้ บายนะ” หญิงสาวหลายคนทำท่าเสียดายอยู่เช่นนั้น จนทำให้หัวใจของผู้ชายตัวโตทั้งสองคนรู้สึกทนไม่ไหวหนักกว่าเดิมแล้ว
การที่พวกเขามานั่งเป็นหัวหลักหัวตออยู่ตรงนี้ พวกเธอต่างไม่แสดงอาการต้อนรับสักนิด ทว่าเมื่อคนเขาจะไป พวกเธอกับทำท่าไม่อยากให้ไป พอมองแล้วมันยิ่งทำให้น่าโมโหเสียจริง
“แค่ก แค่ก” ชลธีกระแอมออกมา เพื่อเรียกความสนใจของเหล่าสาวๆ
ผลที่ได้คือทุกคนหันมามองเขาทั้งหมด ด้วยสีหน้าความเป็นห่วงเป็นใย มุกดารู้ว่าวันนี้เขาดื่มกาแฟเย็นที่ตนเองชงให้ และท้องเสียตลอดทั้งวัน แต่ว่าตอนนี้ยังจะออกมาข้างนอกทำไมกัน?
“ชลคะ คุณป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมไม่นอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านล่ะ?” มุกดาเงื้อมืออังบริเวณหน้าผากของเขา
เมื่อครู่ชลธีโมโหอยู่บ้าง หน้าผากของเขามีร้อนเล็กน้อยจริงๆ แล้ว
“โอ๊ย นี่ไข้ขึ้นแล้วเนี่ย ไม่ได้การแล้ว ฉันส่งคุณกลับบ้านนะ” มุกดาเริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่เป็นไร เห็นพวกคุณครบหน้าผมก็สบายใจบ้างแล้ว พวกคุณกินกันเถอะ ผมนั่งมองก็พอแล้ว” ชลธีรีบแสดงท่าทางใจกว้างออกมาทันที
ทุกคนนั่งกินส่วนเขานั้นนั่งมองเนี่ยนะ ทุกคนก็คงกินกันไม่ลงแล้ว ถึงอย่างไรก็กินกันพอประมาณแล้วแหละ
“วันนี้ก็แยกกย้ายกันกลับเถอะ ฉันส่งชลกลับบ้านเองคุณชายทศพร ขอฝากสองสามไว้กับคุณด้วยนะ” มุกดาประคองชลธี อาการเขาดูโซซัดโซเซเล็กน้อย
ทศพรรู้สึกว่าตอนที่เพิ่งจะมาถึงนั้น ชลธียังเดินเร็วกว่าตนเองเสียอีก ทว่าเผลอแวบเดียวตอนนี้ถึงขั้นอ่อนแอถึงเพียงนี้เชียวเหรอ?
แต่ว่าการที่ส่งจันวิภากับโธรณีกลับบ้าน ทศพรก็ถือว่ายินดีเป็นอย่างมาก ที่เขาต้องการก็คือโอกาสแบบนี้เอง
ชลธีเอนศีรษะพิงกับลำตัวของมุกดา ท่าทางหมดเรี่ยวหมดแรงจนช่วยเหลือตนเองไม่ได้ อาการโกรธเคืองเมื่อครู่จนทำให้เขาตัวร้อนขึ้นมาถือว่าช่วยเขาไว้ได้เยอะเลย
“คุณก็หาเรื่อง ดูสิป่วยขนาดนี้แล้ว ยังไม่ยอมนอนอยู่ที่บ้านอีก มาเดินเที่ยวไปทั่ว คุณดูสิ จนตัวร้อนขึ้นมาเลยเนี่ย” มุกดาบ่นใหญ่เลย
ชลธีรู้สึกว่าการที่มีคนคอยพร่ำบ่นตนเองถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสุขอย่างหนึ่ง นั่นหมายความว่าภรรยาของตนเองนั้นกำลังสนใจตนเองมาก สถานะของตนเองที่อยู่ในใจของเธอนั้นถือว่ามีน้ำหนักอยู่
“ไม่ใช่ว่าผมต้องการออกมาหรอก ทศพรนะสิเขาตื๊อให้ผมออกมาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเขาให้ได้เลย เราก็เลยไม่มีวิธีอื่น จึงต้องออกมานี่แหละ” ชลธีโยนความผิดไปให้ทศพรเต็มที่
“คุณก็จริงๆ เลยนะ แต่ว่าคุณก็น่าจะพูดกับเขาไปว่าคุณป่วยอยู่นะ” มุกดากดศีรษะของชลธีลง เพื่อให้เอนลงนอนจะได้สบายขึ้น
“โอเคแล้วนะ คืนนี้คุณก็อย่าขยับตัวไปไหนนะ นอนหลับอย่างเชื่อฟังไป มีธุระอะไรก็เรียกฉันได้ ฉันจะไปห้องข้างๆ” มุกดาจัดการประคองชลธีมาที่เตียงนอน แถมยังห่มผ้าให้เขาอย่างละเอียดรอบคอบ ตอนที่เขาคิดว่ามุกดาจะขึ้นเตียงนั้น ทว่ามุกดากลับเดินออกนอกห้องไปแล้ว
“นี่!” ชลธีคิดอยู่ในฝันยังไม่คาดไม่ถึงเลยว่าการที่ตนเองมีความคิดต้องการให้มุกดาเป็นห่วงเป็นใยตนเองในตอนแรกนั้น ทว่าเธอกลับจะไปนอนพักที่ห้องข้างๆ แทน
“ทำไมเหรอ?” มุกดาหันศีรษะกลับมามองเขา
“นี่ผมป่วยหนักขนาดนี้แล้วนะ คุณยังอดใจไหวให้ผมอยู่ที่นี่คนเดียวอีกเหรอ?” เวลานี้ชลธีต้องทำตัวให้น่าสงสารจับใจไปเลย
“ฉันขอไปจัดการทำธุระสักเดี๋ยวนะ คุณนอนก่อนเลย เดี๋ยวฉันมา” มุกดาคิดว่างานแปลต้นฉบับของตนเองนั้นยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เธอเลยต้องทำงานเพิ่ม
“อ้อ งั้นคุณก็รีบมาเร็วๆ นะ” ชลธีถึงกลับปาดเหงื่อ ที่แท้ก็แค่ไปจัดการธุระนิดเดียวเอง เขาคิดว่ามุกดาจะไม่มานอนที่นี่แล้ว
“ค่ะ คุณรีบนอนเถอะ” มุกดาเปิดประตูและเดินออกไปแล้ว
ชลธีนอนอยู่บนเตียง เขาจะนอนหลับได้ยังไงกัน ตอนแรกก็แกล้งป่วย กินยาก็แล้วจนเขาหายดี ทว่าทำไมมุกดาจะต้องทำตัวลึกลับด้วยนะ? เธอมีเรื่องอะไรต้องเข้าไปจัดการเหรอ?
การที่มีคำถามอยู่ในหัว แล้วชลธีจะนอนหลับได้อย่างไรกัน
นี่เวลาก็ปาไปเที่ยงคืนกว่าแล้ว ชลธีคิดอยากลุกขึ้นเพื่อไปดูว่ามุกดากำลังทำอะไรอยู่ แต่ก็กลัวเธอจะโกรธเอา เลยลุกขึ้นมาเพื่อเข้าห้องดีกว่า
มุกดาเร่งเวลา จนในที่สุดก็สามารถแปลต้นฉบับได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอยืดหลังบิดขี้เกียจ จากนั้นก็จัดการเก็บต้นฉบับให้เรียบร้อย พร้อมทั้งจัดใส่ไว้ในกระเป๋า เธอจะไปดูชลธีสักหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ทว่าเมื่อเธอเดินเข้าไปในห้อง กลับไม่เห็นคนอยู่ในห้อง
ชลธีไปไหนแล้วนะ? “ชล ชลคะ?” มุกดาตะโกนอยู่ในห้อง ชลธีก็ไม่ตอบโต้กลับมาสักแอะ ส่วนเขากำลังแอบหลบหัวเราะอยู่ในห้องน้ำ
จนมุกดามีอาการร้อนใจขึ้นมา ไม่ใช่ป่วยอีกแล้วนะ? เธอเลยเปิดประตูห้องน้ำ ที่แท้ชลธีก็อยู่ในห้องน้ำนี่เอง แถมท่าทางยังหมดเรี่ยวแรงอีก
“ชลคะ คุณเป็นยังไงบ้างเนี่ย?” มุกดาร้อนใจมาก
“ไม่เป็นไร ผมก็แค่ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำเอง ผมไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไรจริงๆ” ชลธีพยายามพูดว่าไม่เป็นไรจนออกนอกหน้า ทว่าการที่เขาพูดเน้นย้ำเช่นนี้ จนทำให้มุกดาก็รู้สึกว่าเขาป่วยอยู่ไม่น้อยเลย
สามวันให้หลัง ชลธีมองมุกดาที่กำลังช่วยตนเองดูเอกสารอยู่ เขาชอบท่าทางเธอที่ก้มหน้าก้มตาอย่างจริงจังแบบนั้นมาก ต้นคอที่สง่างามของเธอ เหมือนกับคอของหงส์ช่างน่ามองเหลือเกิน
ตั้งแต่แกล้งป่วยมา มุกดาก็เชื่อฟังตนเองตลอด แต่ว่าเวลามันผ่านมาสามวันที่เขาไม่ได้ออกจากการจำศีลแล้ว จนเขาเกือบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว
ยิ่งตอนนี้เห็นลำคอของมุกดาแล้วด้วย จนเขารู้สึกว่าร่างกายของตนเองเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองมาแล้ว
“มุกครับ!” ชลธีเรียกมุกดาด้วยเสียงทุ้มต่ำ