ตอนที่ณิชพนลงมาจากเครื่องบิน สายตาของเขาได้มองทางหมู่คนอย่างเร่งรีบ ผ่านไปสี่เดือนแล้ว เขาคิดถึงลูกสาวตัวเองจังเลย
แต่เขากลับไม่เห็นมุกดาเลย ในขณะที่เขากำลังผิดหวังเล็กน้อย มีคนได้เดินมาพูดกับเขาว่า:”คุณคือคุณณิชพนใช่มั้ยครับ ผมเป็นคนที่มารอรับคุณครับ เชิญไปกับผมเลยครับ”คนคนนั้นช่วยณิชพนยกกระเป๋า แล้วพาเขาเดินไปข้างหน้า
“คุณคือ?”ณิชพนอยากถามว่าทำไมลูกสาวตัวเองไม่ได้มารับตัวเอง
“ผมมารับคุณครับ ร่างกายคุณนายไม่ค่อยสบาย เลยมาสถานที่ที่คนเยอะไม่ได้ครับ”คนคนนั้นได้อธิบายให้ณิชพน
เวลานี้คุณนายอาจจะยังงอนคุณชายอยู่เลยมั้ง เช้านี้มุกดาคือเตรียมตัวไว้แล้วว่าจะไปรับพ่อตัวเอง แต่วันนี้อาการของเธอไม่ดีเลย อาเจียนไม่หยุด อย่าว่าแต่ทานข้าวเลย ทานอะไรไม่ลงเลยด้วยซ้ำ
ชลธีไม่มีทางให้เธอออกมาอยู่แล้ว คุณหมอมาถึงที่บ้าน ได้ให้น้ำเกลือเธออยู่
“มุกไม่สบายเหรอ?” ณิชพนได้ยินว่ามุกดาไม่สบาย เขาตื่นเต้นมาก เด็กคนนี้ไม่มีแม่คอยรักและเอ็นดูตั้งแต่เด็ก ตัวเองเป็นคนเลี้ยงดูเธอโตมากับมือเอง
“ก็ไม่เชิงครับ คือคุณนายตั้งครรภ์แล้วแพ้ท้องหนัก คุณชายไม่ไว้วางใจให้คุณนายออกนอกบ้าน แต่เราจะกลับไปเดี๋ยวนี้เลย คุณณิชพนจะได้เจอหน้าคุณนายแล้วครับ”คนคนนั้นคอยอธิบายให้ณิชพน
ได้ยินว่าลูกสาวท้อง ณิชพนถึงวางใจเสียที ตอนที่แม่ของเธอตั้งครรภ์ก็แพ้ท้องหนักเหมือนกัน ตอนนั้นณิชพนใช้ความคิดความสามารถไปไม่น้อยเลยเชียวนะ ถึงแม้ต่อมาก็ได้จากตัวเองไปอยู่ดี แต่เขาก็ไม่รู้สึกเสียใจ
“ธีรเมทเด็กคนนี้ ดีกับมุกมาโดยตลอดเลย” ณิชพนพูดด้วยรอยยิ้ม
คำพูดของเขาทำให้คนคนนั้นไปต่อไม่ถูก ธีรเมท?คนคนนี้ไม่ใช่ผู้จัดการของว่องประเสิรฐการกรุ๊ปเหรอ?มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณนายตัวเอง?
มาถึงวิลล่า คนคนนั้นได้พาณิชพนเข้าไป มุกดายังให้น้ำเกลืออยู่ที่ห้องรับแขกอยู่ ส่วนชลธีได้ออกไปทำงานแล้ว เพราะมุกดาเห็นหน้าเขาทีไรก็จะรู้สึกไม่สบาย
“มุก!” ณิชพนเห็นลูกสาวกำลังให้น้ำเกลืออยู่ก็รู้สึกคัดจมูกเลย
“พ่อ พ่อกลับมาแล้วเหรอคะ ?ระหว่างทางราบรื่นดีมั้ยคะ?” มุกดาเห็นณิชพนปุ๊บ เธอก็ยิ้มออกมาเลย
“ราบรื่นๆ ลูกดีขึ้นหน่อยหนึ่งหรือยัง?ได้ยินว่าลูกแพ้ท้องหนัก ต้องระวังนะ สามารถทานของเปรี้ยวได้ ตอนนั้นแม่ของลูกก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน” ณิชพนพูดกับมุกดา
จากนั้นเขาก็ได้บอกให้คนที่อยู่ข้างๆเตรียมของเปรี้ยวให้มุกดาหน่อย
ไม่นานก็ได้เอาส้มเปรี้ยวมาให้มุกดา
ณิชพนไปล้างมือ แล้วปอกส้มให้มุกดาลูกหนึ่ง
“อันนี้เปรี้ยว ลูกทานทีละนิดก่อน ค่อยๆทำความคุ้นชินกับมัน” ณิชพนปอกเสร็จก็ได้ป้อนให้มุกดา
มุกดากินเข้าไปทีเดียว เธอไม่มีปฏิกิริยาว่าเปรี้ยวเลยสักนิด
นัทธ์ที่อยู่ข้างๆได้ไปลองระดับความเปรี้ยวของส้มมาแล้วเชียวนะ เขาเองก็ยังรู้สึกว่าเปรี้ยวจนน้ำลายแทบยื่นออกมาเลย ส้มอันนี้เปรี้ยวมาก
“อร่อยดีค่ะ หนูจะเอาอีก” มุกดาไม่รู้สึกเปรี้ยวเลยสักนิด แถมเธอยังรู้สึกถูกปากตัวเองมาก
พริบตาเดียว ส้มที่เปรี้ยวจี๊ดลูกนั้นก็ถูกมุกดากินหมดเกลี้ยง
เธอยังอยากกินอีก กลับถูกณิชพนขัดขวางไว้ ขืนกินอีกก็กินอย่างอื่นไม่ได้แล้ว เปรี้ยวจนเสียวฟันไปหมดแล้ว
หลังจากทานของเปรี้ยวลงไป ปฏิกิริยาของมุกดาดีขึ้นมากจริงๆด้วย เธอรู้สึกสบายขึ้นเยอะเลย
“พ่อคะ ร่างกายของพ่อฟื้นฟูได้ยังไงบ้างคะ?”มองพ่อที่ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ในใจมุกดาก็ได้นึกถึงชลธี ถ้าไม่มีเขาล่ะก็ เวลานี้หญ้าบนสุสานของพ่อก็คงสูงมากแล้วมั้ง
“ฟื้นฟูได้ดีมาก ตอนที่ออกจากโรงพยาบาลได้ทำตรวจเช็คต่างๆ ล้วนปกติทุกอย่าง หมอบอกแล้วว่าพ่อเป็นคนไข้คนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโรงพยาบาลพวกเขา” ณิชพนก็รู้สึกตัวเองฟื้นฟูได้ดีมาก
“งั้นก็ดีมากเลยค่ะ พ่อคงยังไม่ได้ทานข้าวมั้งคะ กับข้าวได้เตรียมเสร็จหมดแล้วค่ะ พ่อไปทานข้าวก่อน เดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะ” มุกดาให้ณิชพนไปทานข้าวก่อน ตัวเองก็ใกล้จะให้น้ำเกลือหมดขวดแล้ว สองพ่อลูกจะได้นั่งคุยกันดีๆเสียที
นัทธ์พาณิชพนมาถึงที่ห้องทานข้าว กับข้าวเตรียมพร้อมหมดแล้ว รอแค่เขามาอย่างเดียว
“ฉันจำได้ว่าเรือนหอของมุกไม่ใช่แบบนี้หนิ เป็นแค่คอนโดชุดหนึ่งเฉยๆ ทำไมถึงกลายมาเป็นวิลล่าได้ล่ะ?” ณิชพนมองวิลล่าที่ใหญ่โตมโหฬารนี้ พร้อมพูดด้วยความข้องใจ
“คุณณิชพนทานข้าวก่อนเถอะครับ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็รอให้ทานข้าวเสร็จค่อยคุยกันครับ” นัทธ์พูดกับณิชพนด้วยรอยยิ้ม
สถานการณ์ของในนั่นมีแค่มุกดาเท่านั้นที่สามารถพูดกับเขาได้ คนอื่นไม่สะดวกที่จะพูดอะไร
“อืม ใช่ๆๆ ทานข้าวสำคัญกว่า ทานข้าวสำคัญกว่า”อยู่ที่ฝรั่งเศสตั้งสี่เดือนกว่า ณิชพนคิดถึงอาหารในประเทศมากเลย
ตอนที่ทำการผ่าตัดมีอยู่ช่วงเวลาพักใหญ่ที่ทานอะไรไม่ได้เลย แต่ตอนที่สามารถทานอาหารได้ กลับพบว่าอาหารพวกนั้นล้วนไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ ดังนั้นส่วนใหญ่เขาแทบจะทานไม่อิ่มเลย
มองดูอาหารดั้งเดิมของในประเทศแล้ว ณิชพนก็น้ำไหลยื่นเลย
เขาแทบจะทานอาหารบนโต๊ะจนเรียบ นัทธ์เห็นความอยากอาหารของณิชพนแล้ว ก็รู้เลยว่าทำไมคุณนายถึงได้ทานเก่ง
พอทานอิ่ม ณิชพนก็เริ่มชมขึ้นมาเลย เขาบอกกับนัทธ์ว่าตัวเองไม่ได้ทานอาหารของในประเทศนานมากแล้ว พอทานขึ้นมาก็รู้สึกว่าอาหารบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองอร่อยที่สุดแล้ว
ณิชพนทานข้าวเสร็จ มุกดาก็ให้น้ำเกลือเสร็จแล้ว มุกดาพาณิชพนมานั่งที่ห้องรับแขก สองพ่อลูกก็เริ่มพูดคุยกันขึ้นมา
“มุก พวกลูกเปลี่ยนบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่?บ้านหลังนี้คงแพงน่าดูเลย ธีรเมทเป็นแค่ผู้จัดการคนหนึ่ง เขาไปเอาเงินเยอะแยะขนาดนี้มาจากไหน?” ณิชพนกลัวว่าลูกสาวตัวเองจะไปกู้เงิน ถ้าเป็นแบบนั้นต้องใช้เวลาคืนนานมากเชียวนะ
“ฮึ่มๆ พ่อคะ พ่อฟังหนูเล่านะคะ หนูหย่ากับธีรเมทแล้วค่ะ”อะไรที่จะมายังไงก็ต้องมาแน่นอน ตอนนี้ร่างกายของพ่อดีขึ้นมากแล้ว ก็ไม่กลัวจะกระทบกระเทือนจิตใจท่านแล้ว
“หย่ากัน?ทำไมอยู่ดีๆต้องหย่ากันด้วย?”ที่ผ่านมาณิชพนถูก ธีรเมทหลอกมาโดยตลอด จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าที่ตระกูลแก้วสุทธิของตัวเองล้มละลายก็เพราะฝีมือของธีรเมท
“พ่อคะ พ่ออย่าเพิ่งใจร้อนค่ะ คือเรื่องมันเป็นแบบนี้” มุกดาได้เล่าเรื่องที่ตัวเองถูกบีบให้หย่าร้างในวันแต่งงานให้ณิชพนฟังคร่าวๆรอบหนึ่ง แต่เธอไม่ได้เล่าเรื่องของคืนวันแต่งงาน
“ป้าบ!” ณิชพนตบโต๊ะแรงๆทีหนึ่ง เกือบจะตบจนโต๊ะพัง
“ไอ้เดียรัจฉานตัวนี้!”ยังดีที่ตอนนี้มีหัวใจที่แข็งแรง ไม่งั้นจะถูก ธีรเมทที่ไร้ยางอายคนนั้นทำเอาเครียดตายจริงๆ
“มันผ่านไปหมดแล้วค่ะ อีกอย่างลูกสาวของพ่อก็โชคดีในความโชคร้ายด้วย พ่อดูสิคะตอนนี้หนูมีชีวิตดีกว่าเมื่อก่อนเสียอีก?พ่อคะ ค่าผ่าตัดหัวใจของพ่อก็ลูกเขยของพ่อเป็นคนจ่ายค่ารักษาให้ค่ะ”เวลานี้เพื่อไม่ให้พ่อโกรธขนาดนั้น มุกดาได้ชมชลธีสุดฤทธิ์