ธินิดาทั้งร้องไห้ทั้งโวยวายกับปรีณาพรรณ ตั้งแต่เด็กจนโตหล่อนถูกพ่อแม่และพี่ชายตามใจ เคยได้รับความไม่พอใจแบบนี้ที่ไหน
“ยัยลูกโง่ อยู่ที่บ้านลูกจะทำแบบนี้กับพ่อแม่อย่างไรก็ได้ แต่ลูกอยู่ข้างนอกจะไปทำแบบนี้กับพ่อแม่ฝ่ายชายได้อย่างไรกันล่ะ? ลูกต้องอดทน ต้องรู้จักยืดหยุ่น แม่บอกลูกไปตั้งหลายครั้งแล้ว คนในครอบครัวของชลธีไม่ชอบลูก เป็นเพราะลูกโอหังและกำเริบเสิบสานเกินไป” ปรีณาพรรณมองลูกสาวอย่างปวดใจ
“แม่คะ งั้นแม่ว่าตอนนี้หนูควรทำอย่างไรดีคะ? ประวีร์ไม่ชอบหนู แม้แต่ชลธีก็ไม่ต้องการหนูด้วย หนูล้มเหลวเกินไปหรือเปล่า?” น้ำตาของธินิดาชำระล้างยาทาบนหน้าออกบางส่วน มองดูแล้วยิ่งน่าตลกกว่าเดิม
“ไม่ต้องกลัว ประวีร์นั่นไม่เคยชอบลูกมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เรื่องนี้พวกเราไม่ต้องพูดถึงอีก ตอนนี้ก็คือชลธี เขารักลูกขนาดนั้นมาโดยตลอด ตอนนี้เขาแต่งงานแล้ว บางทีอาจจะแค่จงใจทำให้ลูกโกรธ ขอเพียงลูกทำตามวิธีการของแม่ เขาจะต้องกลับมาที่ข้างกายของลูกแน่นอน” ปรีณาพรรณมีความมั่นใจต่อลูกสาวของตนเองมาก
นึกถึงตอนนั้นลูกสาวอยากได้ดอกไม้ดอกหนึ่ง ชลธียังสามารถควบคุมโรคกลัวความสูงเอาไว้ได้ จากนั้นปีนขึ้นต้นไม้ใหญ่ไปเด็ดลงมาให้ลูกสาว แค่คิดก็รู้แล้วว่าชลธีรักธินิดามากแค่ไหน
“อืม แม่คะ หนูจะเชื่อฟังแม่ค่ะ หนูจะไม่เอาแต่ใจอีกแล้ว” เวลานี้ธินิดาเชื่อฟังอย่างมาก หล่อนต้องแย่งชลธีกลับมาจากในมือของมุกดาให้ได้แน่
……
“แม่ครับ ผมไปส่งแม่กับมุกกลับไปก่อนแล้วกัน?” ชลธีพูดกับนีรชา
“แม่คงไม่ได้โชคดีแบบนั้นหรอก ลูกควรไปทำอะไรก็ไปทำอันนั้นเถอะ มุกจ๊ะ พวกเราไปซื้อของกัน แม่คนนี้นะ ขอเพียงในใจอารมณ์ไม่ดีแล้ว ก็อยากไปซื้อของ ไป พวกเราไปใช้เงินกัน!” นีรชายังรู้สึกโกรธชลธีไม่หาย
ลูกชายของตนเองไม่มีศักดิ์ศรีเอาเสียเลย ตอนนั้นธินิดาสะบัดเขาทิ้งไป หนีไปต่างประเทศเรียนเต้นรำอะไรกัน ผียังรู้ว่าไปทำอะไร ตอนนี้อยากกลับมาแล้ว เขายังยอมตามไปด้วยอีก ทำเธอโมโหแทบแย่จริงๆ เลย
ชลธีมองมารดาของตนเองดึงมุกดาไปต่อหน้าต่อตา ส่วนมุกดาแม้แต่หน้ายังไม่หันมามองสักนิด ดูท่าทางทั้งสองคนโกรธกันหมดแล้ว
แต่ว่าเขาจะอธิบายให้พวกเธอฟังอย่างไร? เฮ้อ ช่างเถอะ ชลธีมองดูเวลา ช่วงบ่ายตนเองยังมีประชุมอยู่อันหนึ่งจริงๆ เขาจึงขึ้นรถกลับบริษัทไป
“มุก หนูอย่าโกรธชลเลยนะ ลูกชายคนนี้ของแม่ก็เป็นเหมือนกล้ามเนื้อก้อนหนึ่ง ถ้าหนูเห็นเขาขัดหูขัดตา ก็ตีไปเลย อย่ามัวแต่โกรธให้ตัวเองรู้สึกแย่! ผู้หญิงเรานะ จะโกรธไม่ได้ โกรธแล้วจะไม่สวยเอาได้ หนูไม่รู้หรอก เมื่อกี้แม่มองเห็นสภาพนั้นของธินิดา ทำเอาแม่ตลกแทบแย่จริงๆ ฮ่าๆๆๆ” อัดอั้นไว้ตั้งนาน เวลานี้นีรชาถือว่าได้หัวเราะออกมาสักที หล่อนรู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นมามากเป็นกอง
มุกดาอยากหัวเราะเหมือนกัน แต่ยังรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร เธอจึงแค่ยิ้มเล็กน้อย
“คุณนายโจนส์! วันนี้ฉันยังโชคดีมากจริงๆ นะคะ นึกไม่ถึงว่าจะมาเจอท่านที่นี่!” ขณะที่นีรชากำลังพูดคุยกับมุกดาอยู่ พอหล่อนหันหน้าไปก็มองเห็นคุณนายโจนส์ที่สุภาพและสง่างาม
มุกดามองไปตามเสียงนั้น หลังจากมองเข้าไปแล้ว หญิงสูงศักดิ์ที่งดงามท่านหนึ่งก็กำลังมองพวกเธออยู่
ได้ยินนีรชาทักทายตนเองมาแล้ว หญิงสูงศักดิ์จึงยิ้มให้เช่นกัน หล่อนเดินเข้ามายังทิศทางที่มุกดาและนีรชาอยู่
“คุณนายนีรชา ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” คุณนายโจนส์ยิ้มกล่าวทักทายต่อนีรชาไป จากนั้นพยักหน้าให้มุกดาสักหน่อย
“คุณนายโจนส์คะ นับวันท่านยิ่งดูสวยขึ้นนะคะ อ่อ คนนี้คือมุกดาลูกสะใภ้ของฉันค่ะ มุก ท่านนี้ก็คือคุณนายโจนส์” นีรชาแนะนำคุณนายโจนส์และมุกดาให้รู้จักซึ่งกันและกัน
“อ่อ คุณหนูคนสวยคนนี้เป็นลูกสะใภ้ของคุณนายนีรชาเหรอคะ คุณนายนีรชานี่ช่างโชคดีมากเลยนะคะ ไม่ทราบว่าคุณหนูคนนี้เป็นลูกสาวตระกูลไหนกันคะ?” คุณนายโจนส์ถามแบบเกรงอกเกรงใจ เธอถามประโยคนี้ไปเพราะมีวัตถุประสงค์
“อ่อ เธอเหรอคะ เธอคือลูกสาวของตระกูลแก้วสุทธิที่เมื่อก่อนอยู่เมืองAของพวกเราค่ะ” นีรชาค้นหาเบื้องหลังของมุกดามาชัดเจนหมดตั้งแต่แรกแล้ว
“อ่อ เป็นลูกสาวของตระกูลแก้วสุทธินี่เอง แต่เหมือนฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้ตระกูลแก้วสุทธิล้มละลายแล้ว” คุณนายโจนส์จงใจพูดแบบนี้ เธออยากรู้ว่าความชอบที่นีรชามีต่อมุกดาออกมาจากใจจริงหรือเปล่า
“ตระกูลแก้วสุทธิล้มละลายแล้วก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ในเมื่อมีบริษัทฮอนดากรุ๊ปของพวกฉันอยู่ ถึงแม้จะเทียบกับโจนส์กรุ๊ปไม่ได้ แต่เรื่องเลี้ยงดูลูกสะใภ้ยังเลี้ยงไหวค่ะ” นีรชาพูดอย่างเปิดเผยมาก คำพูดและการวางตัวของหล่อนล้วนเผยความชื่นชอบที่จริงใจต่อมุกดาออกมาจนหมด
คุณนายโจนส์ได้ยินคำพูดประโยคนี้แล้ว เธอก็รู้สึกวางใจเช่นกัน
“คุณนายนีรชาเป็นแม่สามีที่ดีจริงๆ เลย แต่ว่าลูกสะใภ้คุณก็เชื่อฟังมากเหมือนกัน มีมารยาทมากๆ ด้วย ถ้าไม่ถือสาพวกเรามาเดินช้อปปิ้งด้วยกันเถอะ ครั้งที่แล้วคุณมุกดาได้รับรางวัลใหญ่แต่ไม่ได้รับไป วันนี้ฉันคงต้องให้ของขวัญคุณมุกดาสักชิ้นให้ได้เลย” คุณนายโจนส์หัวเราะขึ้นมาแล้วดูดีอย่างมาก
มุกดามองคุณนายโจนส์ มีความรู้สึกคุ้นเคยต่อหล่อนอย่างน่าประหลาดอยู่บ้าง เพียงแต่คุณนายโจนส์ช่างสวยเหลือเกิน รัศมีออร่าที่แพรวพราวนั้น ทำให้เธอตาลายเล็กน้อยแล้ว
“ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง คุณนายโจนส์ท่านเกรงใจไปแล้ว” มุกดาได้ยินว่าคุณนายโจนส์อยากให้ของขวัญตนเอง เธอจึงรีบโบกมือทันที
“ไปเถอะ พวกเราไปเดินดูกัน” คุณนายโจนส์เดินเข้ามา มือหนึ่งดึงนีรชา ส่วนอีกมือหนึ่งดึงมุกดา
นีรชานึกไม่ถึงว่าคุณนายโจนส์จะเข้าใกล้ง่ายดายเช่นนี้ เธอกับคุณนายโจนส์เพียงแค่เคยเจอหน้ากัน นึกไม่ถึงว่าคุณนายโจนส์จะจำตนเองได้ด้วย ครั้งนี้ยังดูกระตือรือร้นต่อตนเองและมุกเช่นนี้
ทั้งสามคนเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้ากันสักพักหนึ่ง คุณนายโจนส์ซื้อของไปมากมาย นีรชาก็ซื้อของให้มุกดามากมายเช่นกัน มุกดาไม่อยากได้ ทว่านีรชาก็บอกเธอมาโดยตลอด
“มุก หนูไม่ต้องประหยัด ยิ่งหนูใช้เงินเยอะๆ ชลของพวกเราถึงยิ่งมีแรงไปหาเงิน ดังนั้นหนูจำเป็นต้องเรียนรู้การใช้เงิน! หนูดูผ้าพันคอพวกนี้สิ มีราคาหนึ่งพันแปด มีสามพันหก ยังมีแปดพันแปด หนูควรจะเลือกซื้อราคาแปดพันแปดแบบไม่ต้องลังเลสักนิด!” ขณะพูดนีรชาก็หยิบผ้าพันคอราคาแปดพันแปดผืนนั้นมาให้พนักงาน
“คุณผู้หญิงคะ ทางนั้นมีคนมาหาท่านค่ะ เชิญท่านเข้าไปสักครู่” ยังไม่ทันเดินซื้อของเสร็จ ก็มีคนมาตามคุณนายโจนส์แล้ว
“ขอโทษด้วยนะคะ พวกคุณดูต่อได้เลย ฉันจะเข้าไปสักหน่อย” คุณนายโจนส์ยื่นของในมือให้พนักงานของห้างสรรพสินค้า หล่อนบอกลากับมุกดาและนีรชาแล้วจึงออกไป
“มุกจ๊ะ หนูดูคุณนายโจนส์สิ คนอื่นเขาใช้เงินเป็นทั้งนั้น แม่ว่าของที่เธอเลือกล้วนแล้วแต่เป็นของรุ่นลิมิเต็ด ผู้หญิงมักจะเป็นแบบนี้กัน! แต่แม่รู้สึกว่าหนูกับคุณนายโจนส์หน้าตาเหมือนกันอยู่นิดหน่อยล่ะ!” นีรชาพูดไปอย่างนั้น มุกดาก็ไม่ได้เอามาใส่ใจอะไร
ทั้งสองซื้อต่อไม่ไหวแล้ว ที่จริงเรียกว่านีรชาซื้อของมากองใหญ่แล้ว จากนั้นพวกเธอจึงไปคิดเงินที่เคาน์เตอร์กันแล้ว
“อ่อ ขอโทษนะคะ คุณนายนีรชาคะ คุณมุกดาคะ รายการของพวกคุณชำระเงินเรียบร้อยแล้วค่ะ” พนักงานที่เก็บเงินบอกกับทั้งสองคนอย่างมีมารยาทมาก
“จ่ายเงินแล้ว?” นีรชายังรู้สึกแปลกใจมาก มองดูโดยรอบสักหน่อยก็ไม่มีคนที่รู้จัก
“เป็นคุณนายโจนส์ที่จ่ายให้ค่ะ คุณนายนีรชาคะ คุณมุกดาคะ พวกเราช่วยพวกคุณถือของออกไปเองค่ะ” พนักงานขายช่วยถือข้าวของออกไปให้พวกเธอด้วยความกระตือรือร้นอย่างมาก