เขาคนนั้นนำสัญญาที่เขาเตรียมไว้ตั้งนานแล้วออกมา ให้มุกดาดูแล้วก็เซ็นชื่อ
ในสัญญานั้นเขียนว่าเขาคนนั้นจะไปต่างประเทศห้าปี ในห้าปีนี้ให้มุกดามาดูแลบ้านของเขา รายละเอียดดูแลอย่างไรไม่ได้เขียน แต่ว่ายังเขียนว่ามีค่าดูแลให้เดือนละห้าพัน โอนเข้าบัญชีมุกดาทุกวันที่สิบห้าของเดือน
วันนี้ตัวเองโชคดีเหลือเกิน ก่อนอื่นหางานที่มีรายได้หมื่นกว่าทุกเดือน จากนั้นหาบ้านที่ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าแล้วยังได้รับเงินอีกต่างหาก
ถึงแม้ว่ามุกดาจะรู้สึกว่ามันกะทันหันเกินไป แต่ว่าเรื่องเหล่านี้มันล้วนดูธรรมชาติขนาดนี้ ไม่ได้มีอะไรที่มันผิดปกติ
ดูสัญญาแล้วไม่มีปัญหาอะไร คนชุดดำนั้นยังเอาตั๋วเครื่องบินของตัวเองให้มุกดา แก้วสุทธิดู เป็นวันมะรืนจริง มุกดาแก้วสุทธิยิ่งเชื่อเข้าไปอีก
เซ็นสัญญาเรียบร้อย ใบหน้าคนชุดดำนั้นก็มีรอยยิ้มอย่างสบายใจ
“คุณมุกดาคุณให้ความช่วยเหลือกับผมอย่างมากจริงๆ ผมให้คุณห้าพันก่อน ผมรู้สึกขอบคุณอย่างมากเลย ถ้าหากตอนที่ผมไปยังหาคนไม่ได้ ผมคงต้องเสียใจมาก ที่บ้านผมเกิดเรื่องนิดหน่อย เพราะฉะนั้นผมจึงต้องรีบไป” คนชุดดำเอาเงินห้าพันให้มุกดา
มุกดาก็ไม่ได้ปฏิเสธ จึงรับเงินไว้เลย เพราะว่าในสัญญาก็เขียนแบบนี้แล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว แบบนี้เจ้าของบ้านจะได้ไปวางใจ
คนชุดดำเอากุญแจให้มุกดา แล้วสั่งเสียว่าดอกไม้อะไรบ้างที่ต้องรดน้ำ ตรงไหนมีของอะไรบ้าง เขาล้วนบอกอย่างละเอียด แบบนี้มุกดาก็ยิ่งเชื่อแล้วว่าบ้านที่หาได้ในวันนี้เหมือนตัวเองเก็บของล้ำค่าได้
คนชุดดำเห็นว่าบทที่ตัวเองท่องมาครึ่งวันล้วนได้ใช้หมดแล้ว เขาจึงรู้สึกปลื้มใจ ไม่อย่างนั้นจะถูกคุณหญิงด่าตายแน่
คนชุดดำจากไปแล้ว มุกดาตรวจสอบบ้านอีกรอบ เธอจัดสถานที่เธอและพ่อจะพักออกมาเรียบร้อยแล้ว เดิมทีที่นี่ก็สะอาดอยู่แล้ว นั่นก็อธิบายได้อย่างชัดเจนว่า เจ้าของบ้านเป็นคนรักบ้านมาก สำหรับการที่เขายอมเอาเงินจ้างคนดูแลบ้านก็ยิ่งเป็นไปได้มากขึ้น
ชั้นบนมีห้องนอนสี่ห้อง ห้องหนังสือสองห้อง สิ่งของข้างในครอบถ้วนมาก
สิ่งที่ทำให้คนดีใจที่สุดก็คือ ผ้าห่มผ้าปูด้านในล้วนเหมือนของใหม่ทั้งหมด
ในห้องหนังสือมีคอมพิวเตอร์และหนังสือมากมาย มุกดาเปิดดูนิดหน่อย ยังมีอีกมากมายล้วนเป็นหนังสือที่ตัวเองชอบ ท่ามกลางหนังสือมากมายนี้ ยังมีหนังสือใช้ในการแปลบางส่วน
มุกดาดูหนังสือการแปลไปครู่หนึ่ง ล้วนนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงหมด เขาคนนี้ก็เรียนภาษาต่างประเทศเหรอ? ก็ใช่ อยู่ต่างประเทศทั้งครอบครัว ต้องเป็นคนชำนาญภาษาต่างประเทศอยู่แล้ว แต่ว่าหนังสือที่เขาเก็บไว้ก็มีความช่วยเหลือสำหรับเธอมาก
เวลาผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว นี่ก็หกโมงเย็นแล้ว มุกดาถึงรู้ตัวว่าเวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้ ตอนออกมาก็บอกลุงนัทธ์แล้วว่าเธอจะรีบกลับไป คิดไม่ถึงว่าเสียเวลาไปนานขนาดนี้
มุกดามองห้องหนังสืออีกครั้ง เธอก็ล็อกประตูแล้วจากไป
จัดการเรื่องใหญ่ไปหลายเรื่อง มุกดารู้สึกว่าตัวเองอารมณ์ผ่อนคลายมาก เธอออกจากประตูของหมู่บ้านมังกรแดง จึงตัดสินใจนั่งแท็กซี่กลับไป
เป็นอย่างที่คิดตอนที่เธอกลับมา ลุงนัทธ์รอนานมากแล้ว อย่างอื่นเขาไม่ได้กลัวอะไร มุกดาเป็นเด็กผู้หญิงที่ดีมากคนหนึ่ง เขากลัวว่ามุกดาจะคิดสั้นอะไรหรือเปล่า
“คุณนาย คุณกลับมาแล้วเหรอ รีบเข้าไปเถอะ วันนี้ทำกับข้าวหลายอย่างที่คุณชอบกิน” คุณชายสั่งไว้แล้ว มุกดาชอบกินอะไรก็ทำอย่างนั้น เงินไม่ใช่ปัญหา
“ลุงนัทธ์ ต่อจากนี้ลุงไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณนายแล้ว คาดว่าฉันคงเป็นได้อีกไม่นานแล้ว” มุกดาเดินไปครึ่งทาง เธอก็หันกลับมาพูดกับลุงนัทธ์
ลุงนัทธ์รู้สึกพะอืดพะอมแล้ว อันนี้ เขาก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี คุณชายดีกับมุกดาตอนนี้ แต่อีกหน่อยล่ะ? ในใจของเขามีธินิดาตลอด
นัทธ์คำนวณในใจ แม่เจ้า ตามสัญญาแล้ว ก็ยังเหลือแค่หนึ่งปีกับอีกไม่กี่เดือนแล้ว ความเศร้าโศกของเขาก็ผุดขึ้นมาทันที คิดว่าในคฤหาสน์นี้ มุกดาไปแล้ว ธินิดามา แล้วจะทำยังไงดี
“คุณ…….” ลุงนัทธ์อ้าปากก็จะเรียกมุกดา
“ลุงนัทธ์ ไม่ต้องเรียกแบบนี้แล้ว หนูจะรู้สึกอึดอัด เรียกหนูว่ามุกเถอะ พ่อของหนูก็เรียกหนูแบบนี้ ตอนนี้พ่อของหนูไม่ได้อยู่ที่นี่ ลุงนัทธ์ก็เป็นผู้อาวุโสของหนู หนูอยากฟังลุงเรียกหนูว่ามุก” มุกดายิ้มพูดกับนัทธ์
นัทธ์ทำอะไรไม่ได้ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนคำเรียก เขาก็รู้สึกว่าคุณนายมุกดา แก้วสุทธิคนนี้ก็เป็นได้อีกไม่นานแล้ว
“คุณมุก คุณชอบกินอะไรก็บอกกับลุงนัทธ์ คุณก็พูดแล้วว่าลุงนัทธ์เป็นผู้อาวุโส พ่อของคุณมุกไม่อยู่ ลุงนัทธ์ก็เหมือนพ่อของหนู” ลูกสาวของนัทธ์ก็อายุประมาณมุกดา มองดูมุกดาแล้ว เขาก็รู้สึกเหมือนลูกสาวอยู่ข้างกาย
“อืม ดีค่ะ แบบนี้หนูรู้สึกเป็นธรรมชาติขึ้นเยอะเลย ลุงนัทธ์ หนูจะบอกลุงเองค่ะ คิกคิก” คราวนี้มุกดารู้สึกว่าตัวเองสบายขึ้นเยอะเลย ตำแหน่งคุณนายนั้น ฟังก็ไม่น่าฟัง ใช้ขึ้นมาก็ไม่ถนัดมือ
“ชลธี คุณมาที่บ้านตระกูลยืนนานหน่อยเถอะ น้ำผึ้งไม่กินไม่ดื่มมาหลายวันแล้ว คนก็ผอมจนไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว เธอยังไม่ให้ฉันบอกคุณอีก แต่ว่าฉันก็ทนไม่ไหวแล้ว เธอเป็นลูกสาวของฉัน” แม่ทิมร้องไห้โทรศัพท์หาชลธี
ชลธีรับโทรศัพท์ ก็รีบไปที่บ้านตระกูลยืนนาน ตระกูลสุวรรณเลิศและตระกูลยืนนานต่างก็เป็นตระกูลเก่าแก่ มีความสัมพันธ์นานปี
ถ้าเกิดมีอะไรขึ้นกับธินิดา สีหน้าของทั้งสองตระกูลต่างก็ไม่ดีแน่
“คุณแม่ ชลเขาจะมาไหม?” ธินิดานอนอยู่บนเตียง ถามแม่ทิมอย่างไร้เรี่ยวแรง
“น่าจะมาอยู่นะ แม่ก็โทรศัพท์ให้เขาแล้ว ลูก ทำไมลูกถึงได้โง่ขนาดนี้ ไม่มีชลธี ก็ยังมีผู้ชายดีๆอีกตั้งมากมาย ทำไมลูกถึงต้องเอาเขาให้ได้ล่ะ?” แม่ทิมก็เป็นห่วงลูกสาวของตัวเอง
แต่ว่าเธอก็รู้สึกสงสัยมาก ครั้นนั้นที่ลูกสาวตามประวีร์ไปต่างประเทศ ประวีร์ก็ไม่เคยตอบรับธินิดาเลย แต่เธอก็ไม่เคยใช้วิธีอดอาหารเลย
แต่ว่าตอนนี้สำหรับชลธี ลูกสาวกลับอดอาหาร เธอรักใครที่สุดกันแน่?
เรื่องที่ธินิดาชอบประวีร์ ก็มีแค่แม่ทิมเท่านั้นที่รู้ คนอื่นต่างก็คิดว่าธินิดาไปต่างประเทศเพื่อการเต้นรำ ความจริงเธอไปต่างประเทศเพื่อตามจีบประวีร์ แต่ว่าจีบไปห้าปี คนอื่นเขาก็ยังเหมือนกับก้อนหิน ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
“เขาต้องมาแน่นอน ในใจเขายังปล่อยวางหนูไม่ได้ หนูจะพนันอีกสักครั้ง” ธินิดาพูดอย่างอ่อนเพลีย เธอรู้ว่าในใจของชลธีต้องมีเธออยู่แน่นอน
เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่นาน ก็มีคนมารายงานว่าชลธีมาแล้ว
บนหน้าของธินิดามีรอยยิ้มขึ้นมาทันที ชลธีเดินไปถึงข้างเตียงของธินิดา มองดูสีหน้าอันซีดเซียวและริมฝีปากอันแห้งเหือดของธินิดา
“น้ำผึ้ง คุณเป็นอะไรเนี่ย ทำไมถึงต้องอดอาหารล่ะ?” ชลธีคิดไม่ถึงว่าธินิดาจะเป็นผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่งแบบนี้
คนนั้นที่บ้านตัวเอง ควรกินก็กิน ควรนอนก็นอน ดีแค่ไหน ผู้หญิงก็ต้องเข้มแข็งหน่อยทำให้คนชอบบ้าง