ได้ยินว่ามุกดามาทำงานแล้ว จันวิภาก็รีบวิ่งไปหาทันที
โธรณีมาสายหน่อย ปกติเธอจะมาทำงานตรงตามเวลา ไม่เคยมาก่อนเลย
“ทำไมถึงมาทำงานแล้วล่ะ เธอยังบาดเจ็บอยู่นะ ช่วงนี้น่าจะพักผ่อนก่อน เห็นเธอตอนนี้ยังพูดไม่ค่อยชัดเลยนี่” จันวิภาพูดตรงๆ ขนาดโธรณีเอามือจิ้ม เธอก็ยังไม่รู้สึกตัว
“ไม่เป็นไร” มุกดาพูดออกมาสามคำ ยิ่งพูดน้อย ก็จะยิ่งชัดเจน
“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวเธอจะกินอะไร? งั้นเดี๋ยวตอนกลางวันพวกเราไปกินโจ๊กกันไหม ฉันรู้จักร้ายโจ๊กแถวนี้รสชาติไม่เลวนะ” โธรณีกังวลอาหารของมุกดา
“ว้าว เธอใส่มันสักทีนะ ฉันจะบอกให้นะพอใส่กำไลนี้แล้วสามารถขจัดภัยอันตรายได้จริง จะต้องใส่บ่อยๆนะ ทางที่ดีใส่ทุกวันเลยดีกว่า” โธรณีก้มหน้าลงกะทันหันก็เห็นข้อมือมุกดา สวมกำไลมรดกตกทอดของตระกูลสุวรรณเลิศอยู่
“ว้าว สวยจังเลย กำไลนี้สวยมากจริงๆ!” จันวิภามองดูกำไลนั้น ก็รู้สึกว่าดีมาก มันเหมาะกับมุกดามากจริงๆ
มุกดาลดมือลง ชี้เอกสารตรงหน้าของตัวเอง
“ก็ได้ งั้นเธอทำงานไปก่อน ฉันก็จะกลับไปทำงานแล้วเหมือนกัน ตอนกลางวัน ฉันค่อยมาหาพวกเธอนะ” จันวิภารู้ว่ามุกดาจะทำงานแล้ว เธอก็ต้องกลับไปรายงานตัวแล้วล่ะ
โธรณีกับจันวิภากลับไปที่นั่งทำงานของตัวเอง ตรงหน้าของมุกดาก็เงียบลงไปทันที
เธออ่านเอกสารเงียบๆคนเดียว ขีดประเด็นที่สำคัญออกมาทั้งหมด
ทั้งเช้าก็จัดการเอกสารได้ทั้งหมดแล้ว เธอก็เตรียมส่งให้กับผู้อำนวยการยุ้ยที่มาใหม่
“มุก เธอทำได้ทั้งเร็วทั้งดีมากเลยนะ วันนี้งานของเธอหมดแล้วล่ะ ตอนบ่ายเธอก็จัดการเวลาเองได้เลยนะ” ผู้อำนวยการยุ้ยไม่เคยถามเรื่องลิ้นของมุกดาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ
มุกดาก็ยิ้มให้กับเธอ ตอนบ่ายว่างงั้นเหรอ งั้นตอนบ่ายเธอจะทำอะไรดี? หรือว่าจะให้กลับบ้าน? ในบ้านแม้จะมีคนอยู่เยอะ แต่กลับไม่มีใครที่พูดกับตัวเองได้ ทำงานยังดีกว่ากลับบ้านอีก!
“คุณผู้หญิง ผมมาส่งอาหารให้ครับ คุณลงมาเอาหน่อยสิครับ” สิบเอ็ดโมงครึ่งตรงตามเวลาเป๊ะ นัทธ์โทรศัพท์มาหามุกดา บอกว่าเอาอาหารมาส่งเธอแล้ว
มุกดาลงมาด้านล่าง ในมือของนัทธ์ถือกระบอกฉนวนและยืนตัวตรงอยู่ตรงนั้น
“คุณผู้หญิง อันนี้คือซุป อันนี้คือผัก อันนี้คือข้าว ยังร้อนอยู่เลย ไม่ต้องไปอุ่นอีกรอบก็ได้ครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ ตอนเย็นหลังเลิกงาน ผมจะมารับอีกทีนะครับ” นัทธ์พูดจบก็เดินออกไปทันที
มุกดาถือกระบอกฉนวนอันหนักอึ้งสองอัน ก็เหมือนกับถือความรักที่มีอยู่เต็มกระบอกนั้นเลย
เธอกระตุกยิ้มมุมปากอย่างอดไม่ได้ ขนาดในลิฟต์ เธอก็ยังอดไม่ได้แอบยิ้ม
พอมาถึงชั้นยี่สิบ ลิฟต์ก็หยุดลง มุกดาเดินออกไปจากลิฟต์ไป
“มุก” มีคนเรียกมุกดาจากที่ไกลๆ มุกดาหันกลับไปมอง ทำไมถึงเป็นธินิดานะ เธอออกมาจากแผนกการเงินห้องข้างๆ เห็นมุกดาออกมาจากลิฟต์พอดี
“มุก คนที่บ้านเธอส่งกับข้าวมาให้เหรอ? ว้าว เธอโชคดีจังเลยนะ ได้ยินว่าเธอแต่งงานแล้วด้วย ว่างๆพาสามีมาให้พวกเราดูหน่อยสิ” ตอนที่กินอาหารกลางวัน ทางเดินมีคนเดินไปมาค่อนข้างเยอะ พอได้ยินคำพูดของธินิดา คนมากมายก็พากันมองมาที่มุกดา
มุกดาถือกระบอกฉนวนไว้ เดินไปที่แผนกเลขาต่อไป
และในตอนนี้เอง ธินิดากลับเป็นกำไลตรงข้อมือของมุกดา เธอก็เหมือนถูกมีดแทงทะลุหัวใจ
“อันนี้คืออะไรเหรอ?” ในตอนนี้เองธินิดาไม่สนใจภาพลักษณ์หญิงเรียบร้อย เธอคว้าข้อมือมุกดาขึ้นมา
กำไลนั่นทิ่มแทงดวงตาของธินิดาอย่างเจ็บปวด กำไลนั้นเธอรู้จักดีเลยล่ะ ในพระนครนี้คงมีคนอีกหลายคนที่รู้จักมัน มันเป็นสัญลักษณ์ของคุณนายตระกูลสุวรรณเลิศ
ขอแค่เป็นสะใภ้ของตระกูลสุวรรณเลิศ ถึงมีสิทธิ์ใส่กำไลนี้ แต่กำไลนี้ทำไมถึงมาอยู่ในมือของมุกดาได้ หรือว่าเธอขโมยมันมา?
“ปล่อยนะ!” มุกดารำคาญท่าทีของธินิดามาก ตัวเองใส่กำไลนี้เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย
“มุกดา ไม่คิดเลยนะว่าเธอจะเป็นขโมย รู้ไหมว่ากำไลนี้เป็นของใคร? กำไลชิ้นนี้เป็นของฉัน” ธินิดารู้สึกว่าตัวเองควรจะได้เป็นผู้สืบทอดกำไลชิ้นนี้ แต่ตอนนี้กำไลกลับมาตกอยู่ในมือมุกดา งั้นอาจจะเป็นไปได้ว่ามุกดาขโมยกำไลชิ้นนี้มา
ในขณะนี้เองคนทั้งชั้นยี่สิบก็ต่างเข้ามามุงดูเต็มไปหมด เจอขโมยในบริษัทฮอนดากรุ๊ป และยังขโมยของของธินิดาที่เป็นคนรักของประธานชลธีอีก ทุกคนไม่กินข้าวแล้วก็พากันมาดูศึกคู่นี้แทน
โธรณีไปเข้าห้องน้ำกลับมา ก็เห็นว่าหน้าประตูแผนกเลขามีคนยืนอยู่เต็มไปหมด พยายามเบียดเข้าไปก็เบียดไม่ได้
พอเธอได้ยินว่าธินิดาบอกว่ากำไลเป็นของหล่อน แล้วยังบอกว่ามุกดาเป็นขโมยอีก เธอก็ระเบิดพละกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ เบียดเข้าไปให้ได้ ในที่สุดเธอก็เบียดเข้ามาจนได้
อีกด้านหนึ่ง จันวิภามาหามุกดาไปกินข้าวด้วยกันพอดี ก็ได้ยินเสียงของธินิดา เลยเบียดเข้าไปด้วย
ธินิดาเห็นโธรณี เธอก็บอกกับโธรณีว่า: “แสนดี เธอมาพอดีเลย เธอดูสิ กำไลของตระกูลสุวรรณเลิศทำไมถึงมาอยู่ในมือของมุกดาได้ มุกดาขโมยมันไปหรือเปล่า?”
โธรณีเห็นกำไลบนข้อมือของมุกดา จากนั้นก็มองธินิดา
“ธินิดา เมื่อกี้เธอว่ายังไงนะ? เธอว่ากำไลนี้เป็นของเธองั้นเหรอ?” โธรณีไม่ได้รีบพูดถึงว่าใครเป็นขโมย แต่มาพูดเรื่องกำไลนี้ก่อนว่ามันเป็นของใคร
“ใช่ กำไลนี้ยังไงก็ต้องเป็นของฉัน ต่อไปฉันจะกลายเป็นสะใภ้ของตระกูลสุวรรณเลิศ! และมีแค่ฉันเท่านั้นถึงคู่ควรกับกำไลชิ้นนี้!” ธินิดาพูดอย่างภูมิใจ
“เธอก็บอกแล้วไงว่า กำไลชิ้นนี้เป็นของสะใภ้ตระกูลสุวรรณเลิศ และตอนนี้กำไลอยู่ในมือของมุกดา เธอยังอยากให้ฉันพูดอะไรอีก?” โธรณีก็ร้อนรนขึ้นมาด้วย เธอแค่อยากช่วยมุกดา ปราบความจองหองของธินิดา ก็เลยพูดความจริงออกไป
“ว่าไงนะ? เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้หรอก ชลยังไม่ได้แต่งงาน ชลไม่ได้แต่งงาน หล่อนจะเป็นสะใภ้ของใครได้? หล่อนคงแต่งงานกับคนแก่สิท่า ยังไม่เคยเห็นเลยว่าสามีหล่อนหน้าตาเป็นยังไง แสนดี ทำไมเธอไม่ช่วยฉัน ทำไมถึงไปฉีกหน้าพี่ชายแบบนั้นล่ะ?” ธินิดาไม่มีทางเชื่อเรื่องนี้
ชลธีมาอยู่กับตัวเองทุกวัน จะไปแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้ได้ยังไง ถ้าผู้หญิงคนนี้แต่งงานเข้าตระกูลสุวรรณเลิศจริง งั้นก็คงต้องได้ใจจนลืมตัวเอง ไม่ใช่ ต้องไม่ใช่เรื่องจริงแน่ๆ จะต้องเป็นโธรณีที่กำลังหลอกตัวเองอยู่ หล่อนไม่ชอบตัวเองมาตลอดอยู่แล้ว
โธรณีหัวเราะกับคำพูดของธินิดา เธอมองดูท่าทีที่มั่นใจของธินิดา หล่อนคิดว่าโลกนี้ไม่มีหล่อนแล้วก็จะไม่มีผู้หญิงอื่นเลยหรือไง พี่ชายเธอจะต้องเฝ้ารอหล่อนตลอดชีวิตเลยเหรอ น่าขำสิ้นดี!
“น้องสาวฉันไม่ได้ฉีกหน้าฉัน แสนดีพูดความจริง มุกดาเป็นภรรยาของฉันเอง!”