มุกดาเดินออกประตูก็ชนกับคนคนหนึ่ง ชนจนศีรษะของตนเองเจ็บปวดไปหมด เธอลูบคลำบริเวณศีรษะของตนเองเอาไว้ พร้อมทั้งยื่นมือออกไปผลักอีกฝ่ายออก ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ขยับเขยื้อนสักนิด
“คุณทำอะไรของคุณเนี่ย มายืนทำให้คนอื่นตกใจอยู่ตรงนี้ทำไมกัน?” ลูบคลำศีรษะตนเองป้อยๆ และมองมาที่คนคนนั้น ตอนที่เธอเห็นชัดว่าเป็นใคร ณ เวลานั้น น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานหยดย้อยขึ้นมาแทน
“ประธานชลธี คุณดูสิว่าฉันเดินไม่มองเลย เลยเดินมาชนจนคุณต้องตัวไปด้วยใช่ไหม?” พูดจบมุกดาก็ทำท่าทีแสร้งมองว่าชลธีมีตรงไหนได้รับบาดเจ็บบ้าง
“ไม่ต้องแล้ว กลับไปได้แล้ว” ชลธีได้ยินเสียงของมุกดา พลันรู้สึกว่าในใจนั้นมีความรู้สึกปลอบใจขึ้นมาแทน
“อ้อ” มุกดาเดินตามหลังชลธีต้อยๆ เพื่อกลับไปที่ห้องทำงานท่านประธานที่ชั้นที่ 30
ทว่าตอนที่เธอผลักประตูเข้าไปนั้น ก็เห็นว่าด้านในมีสาวสวยผมยาวนั่งอยู่ด้วย และกำลังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“เลขามุก คุณไปรินน้ำชาให้น้ำผึ้งสักแก้วหน่อย” ชลธีพูดกับมุกดา
เพื่อความรักถึงกลับต้องไปหาหาตนเองถึงที่เลย ก็เพื่อที่จะให้มารินน้ำให้รักแรกของเขาเนี่ยนะ? แต่ว่าเอาเงินเข้ามาแล้วนี่ ยังไงซะก้ต้องบริการให้คนของเขาด้วยสิ
มุกดาไปยังห้องชงชาเพื่อหยิบแก้วใบหนึ่งมาชงชาให้ธินิดา
ธินิดาได้ยินเสียงว่ามีคนเดินเข้ามาในห้องแล้ว เธอก็เงยหน้าขึ้นมามองเด็กสาวที่ใสซื่อคนหนึ่ง ก็แค่ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้โบกหน้าทารองพื้นซะขาวซีดขนาดนั้นด้วย
แน่นอนว่าเธอเองก็เห็นความรู้สึกห่วงหาในดวงตาของชลธีที่มีต่อเด็กสาวคนนั้นด้วย
“น้ำผึ้งคุณนั่งสักพักนัก เลขามุกกำลังไปเอาน้ำมาให้คุณ ผมขอดูเอกสารหลายเล่มนี้ก่อน เดี๋ยวตอนกลางวันเราไปหาอะไรกินกันนะ คุณเพิ่งมาถึงวันนี้เอง ก็คงจะเหนื่อยอยู่ กินข้าวเสร็จแล้วผมพาคุณไปส่ง” ชลธีวางแผนเรื่องไว้ทุกอย่างแล้ว
ใบบนหน้าของธินิดาประดับรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยน เธอเป็นคนมีชื่อเสียงของพระนคร ทั้งอ่อนโยน ใจกว้าง สง่างามได้อย่างเหมาะสมมาก
“อืม ฉันตามใจคุณเลย” ธินิดาตอบกลับอย่างอ่อนโยน
ถ้าไม่ใช่ว่าพี่ลิลลี่โทรศัพท์ไปหาตนเอง ธินิดายังคงเชื่อมั่นในตัวเองและคิดว่าไม่ว่าตนเองจะอยู่ข้างนอกนานขนาดไหนก็ตาม ชลธีก็จะรอคอยตนเองเสมอ
ดูจากสถานการณ์แล้วเป็นที่พี่ลิลลี่พูดไม่ผิดเลย ชลธีเริ่มสนใจผู้หญิงคนอื่นแล้ว แบบนี้ไม่ได้การแล้ว เขาชลธีเป็นของธินิดาคนเดียว
มุกดาชงชาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ยืนให้ธินิดา ทว่าแววตาของธินิดาพลันฉายแววตาความโหดร้ายออกมาแวบหนึ่ง ทั้งๆ ที่ใบหน้าของเธอนั้นก็ยิ้มเล็กน้อยตอนที่รับแก้วชาไปด้วยซ้ำ
“โอ้ย!” จู่ๆ แก้วชาใบนั้นก็พลันลวกมือมุกดาแทน มุกดาไม่ได้เตรียมการป้องกันตัวเอาไว้ จนมือโดนลวกจนแดงแจ๋ เธอและธินิดาต่างกรีดร้องไปพร้อมกัน
“ชลฉันไม่ได้ตั้งใจนะ คุณดูมือของเลขามุกสิ บาดเจ็บหรือเปล่า?” ธินิดาทำสีหน้าละอายใจ
ชลธีได้ยินเสียงกรีดร้องเสียงหลง เขาเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าน้ำเดือดนั่นมาเทลงบนมือของมุกดา เธอเพิ่งได้รับบาดเจ็บมาไม่กี่วันก่อนหน้านี้เอง
ชลธีลุกขึ้นยืน และมองมาที่มือของมุกดา มือเล็กๆ นั่นแดงฉาน น้ำตาของมุกดาเริ่มคลอเบ้า แต่ยังฝืนทนเพื่อไม่ให้ไหลลงมา
“ทำไมถึงไม่ทันระวังขนาดนี้นะ?” ชลธีอยากจะดึงมือของมุกดาไปโรงพยาบาล แต่ว่าเขาคิดได้ว่าธินิดายังอยู่ที่นี่ด้วย ดังนั้นเลยให้ผู้ช่วยของตนเองพามุกดาไปทำแผลที่โรงพยาบาลแทน
“ชลฉันกลับมาก็ก่อเรื่องซะแล้ว แต่ว่าคุณช่างแสนดีจริง ยังใจกว้างกับฉันได้ขนาดนี้” ธินิดาอิงแอบแนบชิดชลธีอย่างหวานหยดย้อย
ตอนที่มุกดากำลังเดินออกประตูนั้น ก็ได้ยินเสียงคำพูดออดอ้อนพลอดรักกันเช่นนั้น จนเธอรู้สึกอยากจะร้องได้ด้วยซ้ำ เพราะเมื่อครู่ทั้งๆ ที่ธินิดาคนนี้เป็นคนจงใจเอาน้ำชาเทใส่มาทางตัวเองนี่ ทว่าตนเองจะพูดให้ตนเองพ้นจากมลทินได้อย่างไรกัน ชลธีไม่เชื่อตนเองหรอก
“มุกดา นี่คุณกำลังคิดอะไรอยู่?” ชลธีต้องไปเป็นเพื่อนธินิดา แต่ก็ยังคงรู้สึกไม่วางใจอยู่มาก เลยให้ทศพรเพื่อนสนิทของตนเองไปโรงพยาบาลเพื่อสอดส่องดูแลมุกดา
มุกดาคอยดูตอนที่คุณหมอกำลังทายาให้ตนเองอยู่ตลอดเวลา เธอรักษาท่าทางเช่นนั้นอยู่นานมากแล้ว
“ฉันกำลังคิดว่ามือของฉันจะพิการไปแบบนี้หรือเปล่า” มุกดาจ้องมองมือของตนเองที่แดงจนผิวหนังจะหลุดอยู่แล้ว
“ไม่หรอก ที่นี่ใช้ยาที่ดีที่สุดให้กับคุณแล้ว ผิวหนังของคุณต้องดีกว่าแต่ก่อนขึ้นเยอะแน่ วางใจเถอะ” ทศพรยังคงคิดว่ามุกดาเป็นห่วงกับความคิดนี้จริงๆ เลยรีบปลอบใจเธอทันที
เขาก็ช่างเหลือเกินจริงๆ เลย ชลธีต้องการไปเป็นเพื่อนกับแฟนสาว แต่ให้ตนเองมาอยู่เป็นเพื่อนกับเลขาของเขาแทน แต่ว่าเลขาคนนี้เขานั้นช่างพิเศษเสียจริง ที่ให้ตนเองมาอยู่เป็นเพื่อนได้ เพราะว่าฐานะของเขาแล้วกำลังมีชื่อเสียงในเมืองพระนคร แต่กลับต้องมาอยู่เป็นเพื่อนพนักงานในเวลานี้แทน เฮ้อ!
“มุกดา เพื่อนคุณคนนั้นชื่ออะไรนะ?” ทศพรเริ่มสอบถามเรื่องของจันวิภาในเวลานี้
“คุณจะทำอะไร?” มุกดามองมาทางทศพรอย่างระมัดระวัง
“ผมไม่ได้ทำอะไร ก็แค่อยากรู้ว่าเธอชื่ออะไรเท่านั้นเองแหละ คุณดูสภาพผมสิว่าเหมือนคนเลวไม่ไหมล่ะ?” ทศพร ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็จงใจเดินอยู่ด้านหน้ามุกดาหลายก้าว เขาอยากจะแสดงให้เห็นว่าตนเองนั้นท่าทางของตนเองช่างสง่างามดูดีดั่งต้นไม้ทรงคุณค่า มีความรู้ มีความสามารถ มีมารยาทพอและไม่ได้ทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด
ทว่ามุกดากลับหลุดออกมาหนึ่งคำ จนทำให้เขาอยากจะร้องไห้ออกมาแทน
“เหมือน!” มุกดาจ้องมองเขาอยู่ และรู้สึกว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ดีอะไร เพราะว่าหน้าตาหล่อเกินไป แถมยังใส่เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดแบบนั้น มีแต่แบรนด์เนมทั้งตัว
“งั้นฉันไปแล้วนะ ฉันมันเหมือนคนเลวนี่ งั้นฉันก็ต้องอยู่ให้ห่างๆ คุณเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้คุณต้องมาเลวไปด้วย” ทศพรโมโหแล้ว เลยแกล้งจะทำทีว่าจะไปแล้ว
“ฉันพูดหรือเปล่าล่ะว่าเหมือนอะไร ไม่มีตรงไหนที่เหมือนคนเลวเลย คนเลวที่ไหนจะหล่อเหลาได้ขนาดนี้กันเล่า!” มุกดาตัดสินใจไม่แกล้งทศพรต่อแล้ว ตกลงว่าทศพรมีความรู้สึกยังไงกับจันวิภากันแน่?
จันวิภาพูดว่ากลัวว่าทศพรจะมาคิดบัญชีกับคนที่บ้านของเธอ แต่ว่าดูจากท่าทางของคนคนนี้อย่างมากก็แค่ลูกเศรษฐีเท่านั้นเอง ดูเหมือนไม่ใช่คนขี้เหนียวใจจืดใจดำอะไร
“แบบนี้ค่อยดีหน่อย ใช่สิมุกดาประธานชลธีของคุณพูดว่า คุณสามารถพักได้หนึ่งอาทิตย์เลย รอให้สะเก็ดแผลหายดีแล้วค่อยกลับไปทำงาน และก็ยังจ่ายเงินเดือนตามเดิม เพื่อไม่ให้คุณต้องบีบบังคับตนเองด้วย” เวลานี้ ทศพรเพิ่งนึกถึงคำพูดของชลธีที่เพิ่งคุยกับตนเองออก
ในใจของมุกดาไม่ได้แปลกใจอะไรเลย นั่นเป็นความรู้สึกที่ตนเองไปขวางหูขวางตาพวกเขาแหละ? แต่ว่าเขาเป็นท่านประธานนี่นะ อยากจะทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว
“ตามนั้น งั้นรบกวนคุณช่วยบอกขอบคุณท่านประธานให้ฉันด้วยแล้วกัน” มุกดาพูดกับทศพร
ตลอดเวลาทศพรคอยดูแลมุกดาเป็นอย่างดี เขาเป็นคนแบบนี้ ดูผิวเผินเหมือนเป็นพวกไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรเลย แต่ว่าพอทำเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วถือว่าเป็นคนที่พึ่งพาอาศัยได้มากทีเดียว
“ผมส่งคุณกลับบ้านนะ เพราะว่ามือของคุณยังไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่” ทศพรเปิดประตูรถให้ เพื่อให้มุกดาได้เข้าไปด้านในตัวรถ
“ไม่ต้องหรอก ฉันนั่งรถเมล์กลับเองก็ดีแล้ว ไม่นานก็ถึงแล้วแหละ ขอบคุณ คุณมากนะ ท่านประธานพร” มุกดาไม่อยากให้คนรู้ว่าบ้านของตนเองอยู่ที่ไหน
“เอางั้นก็ได้ ผมไปส่งคุณขึ้นรถเอง” ทศพรจ้องมองมุกดาที่ยังคงยืนกรานอยู่เช่นเดิม และก็ไม่สามารถจะพูดอะไรต่อได้อีก ทำได้แค่ไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์ แล้วมองเธอขึ้นรถไป ตนเองถึงได้ขับรถออกไป