มุกดาแอบดูชลธีจนโดนจับได้ ใบหน้าของเธอแดงแจ๋ทันที มันเกิดอะไรขึ้น เธอเองก็เป็นคนมีสามีแล้ว แม้ว่าเพิ่งห่างจากกันได้ไม่นาน ทว่าก็ถือว่ามีอยู่ แล้วทำไมต้องไปจ้องมองผู้ชายคนหนึ่งอย่างตะลึงพรึงเพริดด้วยล่ะ
หลังจากที่ดึงสายตากลับมาแล้ว มุกดาก็ตั้งสติได้ เธอเดินไปยืนบริเวณด้านหน้าของชลธี ในใจคอยแต่พร่ำบอกว่าเขาเป็นหมู คิดว่าเขาเป็นหมูตัวหนึ่งก็พอแล้ว
“ตอนนี้คุณมาอยู่กับผมที่นี่ เอกสารทุกอย่างที่ทุกคนส่งมา คุณเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด จากนั้นก็แบ่งแยกประเภทมาให้ผม แบบนี้ผมจะได้ทำงานได้เร็วขึ้น ยังมีอีกถ้ามีการแปลเอกสารแบบง่ายๆ คุณก็จัดการแปลเอกสารให้ผมทันที” ชลธีครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก็มีแค่เรื่องเหล่านี้แหละ เรื่องอื่นตอนนี้ยังคิดไม่ออก
“อื้อ ได้ค่ะ” มุกดาตอบรับ
“ใช่สิ ยังมีอีกก็คือผมชอบดื่มกาแฟกับชา ตอนเช้าคุณต้องชงกาแฟให้ผมหนึ่งแก้ว ส่วนชานั้นเวลาอื่นค่อยจัดการชงให้ก็พอแล้ว ข้าวกลางวันของผมคุณเป็นคนจัดการทั้งหมด” หลังจากชลธีคิดแล้ว ก็พูดเรื่องอื่นๆ ให้มุกดาฟัง
“อื้อ ได้ค่ะ” มุกดาตอบรับอีกครั้ง
จากนั้นชลธีก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไป มุกดายืนอยู่สักพักเมื่อเห็นว่าชลธีไม่ได้พูดอะไรต่อ แล้วตอนนี้ให้เธอทำอะไรล่ะ?
เวลาชงกาแฟก็ล่วงเลยผ่านไปแล้ว ชงชาเหรอ? มุกดามองอยู่สักพัก เหมือนว่าบนโต๊ะทำงานของชลธีไม่มีแก้วชาวางอยู่ เธอก็หันหลังมุ่งหน้าไปที่ห้องชงกาแฟในสำนักงาน เพื่อไปเตรียมชงชาให้ชลธี
ไม่นานนักก็ถึงเวลาเที่ยงแล้ว แต่ว่ามุกดาก็ไม่รู้ว่าชลธีต้องการอาหารประเภทไหน จะไปกินข้าวที่ร้านอาหารหรือว่าจะให้ยกขึ้นมาเสิร์ฟ แล้วเขาชอบกินอะไรล่ะ? ทั้งหมดนั่นมันเป็นปัญหากองโตเลยทีเดียว
จะไปถามใครสักคนก็ไม่ได้ มุกดาทำได้แค่เดินหน้าด้านไปถามชลธีตัวเขาตรงๆ เลย
“ประธานชลธีคะ ข้าวเที่ยงท่านอยากจะทานอะไรคะ? ให้ฉันลงไปซื้อเอามาให้หรือว่าคุณจะลงไปกินเองคะ?” มุกดาถามอย่างระมัดระวัง
งานนี้มันไม่ใช่ง่ายๆ เลย เธอเองก็ต้องหวงงานนี้เอาไว้ให้ดี เพราะอีกนิดก็เกือบโดนไล่ออกมาแล้วถึงสองครั้งสองครา
“วันนี้ผมยุ่งมาตั้งแต่เช้า งั้นเอาแบบนี้ ผมลงไปกินข้าวกับคุณ ไม่ไปร้านอาหารของพนักงาน ไปกินข้าวที่ร้านอาหารเล็กๆ ข้างนอกเถอะ อาหารที่นั่นรสชาติอร่อยมาก ผมชอบมากเลย” เมื่อได้ยินถึงเรื่องกินข้าว ชลธีวางมือจากงานที่ทำอยู่ และเงยหน้าขึ้นทันที
“ประธานชลธี คือว่าฉันคงไม่ไปด้วย ฉันกินข้าวที่ร้านอาหารพนักงานด้านล่างก็พอแล้วค่ะ” มุกดาไม่อยากจะออกไปกินข้าวข้างนอกกับชลธี เรื่องที่ตนเองถูกย้ายมาต้องมีข่าวแพร่สะพัดลือกระฉ่อนไปทั่วด้านล่างแน่นอน ถ้าหากว่าตนเองยังออกไปกินข้าวกับเขาข้างนอกอีก งั้นก็ยิ่งต้องมลทินมากขึ้นกว่าเดิม
“หน้าที่ของคุณคืออะไร?” ชลธีไม่ได้มีอาการโกรธเคือง แต่ใช้น้ำเสียงเรียบเฉยถามมุกดาเท่านั้นเอง
“ฉันเป็นเลขานุการค่ะ” มุกดาก้มหน้าก้มตาตอบคำถาม
ชลธีก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาจัดการวางสิ่งของไว้เป็นที่เป็นทาง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน และเดินผ่านร่างกายของมุกดา จากนั้นก็เดินไปตรงประตู เขามองมุกดาที่ยังคงครุ่นคิดอยู่ จากนั้นก็หันศีรษะกลับมาพูดกับเธออยู่หนึ่งประโยค
“คุณกำลังทำงานอยู่ ในใจก็ไม่ต้องไปคิดมากอะไรมันดีกว่าอะไรทั้งนั้น” พูดจบเขาก็เดินต่อไปทันที
ใช่สิ ตนเองเป็นเลขาฯ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ควรทำ เป็นเพราะว่าตนเองถูกพูดถึงจนอับอายเพราะว่าเรื่องสองเรื่องนี้แล้ว ฉันไม่ได้คิดอะไรกับท่านประธานชลธี
มุกดาคิดได้แล้ว เธอก็ลงจากตึกพร้อมกับชลธีทันที
ร้านอาหารเล็กๆ ที่ชลธีพูดถึงถือว่าเล็กมากจริงๆ แต่สะอาดสะอ้านมาก คนก็ไม่เยอะ มุกดาเดินตามหลังชลธีเข้าไปในร้านอาหาร
“ชล ไม่ได้เจอหน้าเจอตาคุณมาตั้งนานแล้ว ที่นั่งเดิมใช่ไหม?” หญิงสาวเจ้าของร้านมองเห็นชลธีมาร้านแล้วจากด้านในร้าน เธอออกมาต้อนรับอย่างกระตือรือร้นมาก
“อื้อพี่เจน ที่เดิมเลย อาหารก็ตามเดิม” ชลธีพูดกับพี่เจนออกมาประโยคหนึ่ง จากนั้นก็มุ่งหน้าเดินต่อไป มุกดาก็เดิมตามหลังชลธีไปตามนั้น
พี่เจนเหลือบตามองมุกดาอยู่แวบหนึ่ง พลันยิ้มขึ้นมาทันที
จนทำให้มุกดาก็ยิ้มตอบพี่เจน ทว่าพี่เจนก็กระซิบข้างหูมุกดาอย่างกระตือรือร้นออกมาประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ไปเตรียมของ
หลังจากที่มุกดาได้ฟังแล้วก็ยิ้มหน้าแดงทันที แถมต้องการที่จะพูดอะไรต่อสักอย่าง ทว่าพี่เจนก็เดินไปแล้ว เธอทำได้แค่เดินตามหลังชลธีไปยังที่นั่งเก้าอี้หันหน้าเข้าหากัน
เวลานี้ใบหน้าของมุกดาร้อนผ่าว เธอไม่กล้ามองชลธี ทำได้แค่มองดูรูปแบบและการตกแต่งในร้านอาหารนี้
เวลานี้เองมุกดาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ถึงแม้ว่าร้านอาหารนี้จะเล็ก แต่มีเสน่ห์มาก
รูปร่างในห้องเป็นสไตล์พื้นบ้านของชาวเจียงหนาน ทั้งโบราณและวิจิตรงดงาม เก้าอี้และโต๊ะในห้องต่างเป็นทำมาจากหวายทั้งนั้น ช่างละเอียดอ่อนแต่ไม่ได้ทำให้เสียบรรยากาศแม้แต่น้อย
มุกดาชอบสไตล์ของที่นี่ขึ้นมาเฉยๆ ไม่นานนักพี่เจนก็เสิร์ฟอาหาร เธอใส่เสื้อผ้ามีกลิ่นอายชุดฮั่นอย่างมีเสน่ห์เล็กน้อย ที่นี่เป็นร้านอาหารเล็กๆ ที่แสนแปลกตาและให้อารมณ์ได้อย่างมีสีสัน
“เสร็จแล้ว อาหารเสิร์ฟครบแล้ว พวกคุณค่อยๆ ท่าน ถ้าต้องการอะไร สามารถเรียกฉันได้ตลอดเวลา ใช่สิ ฉันแถมขนมหวานให้พวกคุณหนึ่งอย่าง เดี๋ยวจะไปเอามาเสิร์ฟให้พวกคุณ” พูดจบ พี่เจนก็เดินจากไป
สไตล์อาหารของที่นี่ไม่ได้มีอะไรที่พิเศษเลย ต่างเป็นอาหารบ้านๆ แบบนั้น
ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน เนื้อปลาเส้นผัดหอม ปลาราดพริก แกงจืดผักต้ม แต่เหมือนได้กลิ่นแล้วมันชั่งยั่วยวนมาก
“กินกันเถอะ อาหารของที่นี่รสชาติอร่อยมากเลย” ชลธีเริ่มลงมือกินแล้ว
มุกดาเองก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าเขา วันนี้เธอหิวมาก อีกอย่างซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานเป็นอาหารที่เธอชอบมากที่สุด จากนั้นเธอก็ตั้งหน้าตั้งตาลงมือกินทันที
“กินผักหน่อยสิ” ชลธีเห็นว่าอาหารพวกเนื้อมันค่อยๆ ลดลงไปอย่างรวดเร็วอย่างกับมันบินลอยไป มุกดาไม่สนใจผักพวกนั้นสักนิด เธอกินแต่เนื้อสัตว์
พลันนึกถึงเมื่อก่อนนี้ ผู้หญิงที่นั่งเผชิญหน้ากันอยู่ กินแค่ผักอยู่นิดเดียวเอง ในหัวสมองของชลธีรู้สึกว่าเด็กสาวชอบกินพวกผักนี่
ทว่ามุกดาที่อยู่ตรงด้านหน้านี้ มั่นใจว่าเธอเป็นเด็กสาวไหมเนี่ย? ปากที่เลอะคราบน้ำมันและภาพลักษณ์ในการกินที่ไม่เรียบร้อยสง่างาม แถมยังกินได้รวดเร็วมาก จนชลธีวางตะเกียบลง และนั่งมองมุกดากินแทน
มุกดากินได้พอสมควรแล้ว เธอถึงได้สังเกตว่าถ้วยของชลธีที่อยู่ด้านหน้านั้นข้าวยังเต็มถ้วย ส่วนกับข้าวที่อยู่บนโต๊ะนั้น นอกจากต้มจืดผักแล้ว อันอื่นที่เหลือก็คือต้มจืดแค่นั้นเอง
“ประธานชลธี ทำไมคุณไม่กินล่ะ? หรือว่าอาหารที่นี่ไม่ถูกปากคุณ?” มุกดายกถ้วยน้ำซุปหวานๆ นั่นเข้าปาก
ชลธีไม่ได้สนใจเธอ ผู้หญิงคนเดียวสามารถกินได้เยอะขนาดนี้ เป็นผีตายโหงกลับชาติมาเกิดหรือเปล่าเนี่ย? จากนั้นก็จัดการต้มจืดผัก ชลธีจัดการกินข้าวสวยในถ้วยจนหมด
หลังจากคิดเงินแล้ว มุกดาก็ลูบท้องกลมๆ ของตนเอง ท่าทางพอใจเป็นอย่างมาก
“ประธานชลธี คุณนี่ช่างเลือกสถานที่ได้ดีจริงๆ อาหารที่นี่อร่อยมาก ครั้งหน้าฉันจะมากินที่นี่อีกค่ะ” ในใจของมุกดายังคิดว่าจันวิภายังไม่เคยมากินที่นี่ รสชาติอาหารของเธอกับจันวิภาพอๆ กัน ถ้าชอบงั้นจันทร์ก็ต้องชอบมาแน่นอน
ชลธีนึกว่ามุกดากำลังนัดตนเองในครั้งหน้า ในใจของเขาพลันเกิดความรู้สึกสุขใจขึ้นมา
ทั้งสองคนค่อยๆ เดินกลับไปที่บริษัทฮอนดากรุ๊ป ในช่วงพักกลางวันคนที่นี่ค่อนข้างน้อย เพราะว่าทุกคนกำลังพักผ่อนตอนเที่ยงกันอยู่
เมื่อเข้าไปในลิฟต์ มุกดาก็กดไปที่ชั้น 3 และกำลังจะยืนชิดกับกำแพงเพื่อคิดเรื่องอะไรสักอย่าง จู่ๆ ชลธีก็ถามเธอขึ้นมาดื้อๆ
“เมื่อกี้พี่เจนพูดอะไรกับคุณ?”