พอทายาให้มุกดาเสร็จแล้ว ชลธีก็รีบเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที เขาอยากจะคุยกับมุกดาถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้า
“พูดมาเถอะ เมื่อตอนเช้ามันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมหัวหน้าของเธอถึงได้มาร้องเรียนเธอ บอกว่าเธอไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่ง?”
ชลธีนั่งลงด้านข้างมุกดา ทำให้มุกดารู้สึกกดดันมาก
“เมื่อเช้านี้เหรอคะ คือเรื่องเมื่อเช้านี้มันเป็นอย่างนี้ค่ะ” จากนั้นมุกดาก็บอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ให้ชลธีฟังตามความจริง
เพราะอย่างไรเสียตนก็พูดความจริง ถ้าหากชลธียังปกป้องพี่ลิลลี่อยู่ล่ะก็ เธอเองก็จนปัญญาแล้ว
“ก็คือเธอทำไม่ไหว ก็ควรที่จะบอกกับผู้รับผิดชอบดี ๆ นี่ เธอไม่ควรจะไปด่าหล่อนไม่ใช่เหรอ?” ชลธีพูด
“ประธานชลธี ฉันขอสาบานต่อพระเจ้า ฉันไม่ได้ด่าเธอ! คนที่มีความสำนึกโดยเนื้อแท้อย่างฉันจะไปด่าคนได้อย่างไร?” มุกดายกมือขึ้นแล้วเอ่ยคำสาบาน
“อืม ฉันจะไปตรวจสอบ แต่เธอเองก็ได้ก่อเรื่องวุ่นวาย ฉันไม่ค่อยวางใจให้อยู่ชั้นล่าง เอาอย่างนี้ เธอย้ายของของเธอขึ้นมาชั้นบน พื้นที่ของฉันมีกว้างขวาง เธอก็อยู่ที่นี่แล้วกัน ฉันจะให้คนไปย้ายโต๊ะทำงานขึ้นมาก็พอ” ชลธีขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
พอมุกดาได้ยินว่าจะให้ตนเองทำงานภายใต้สายตาของชลธี นี่ไม่ถึงกับชีวิตหรอกเหรอ?
“ไม่ต้องค่ะ ๆประธานชลธี ความจริงแล้วฉันถูกกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรมมาก ฉันมาถึงที่ทำงานตั้งแต่ตอนเช้าตรู่ทั้งยังเก็บกวาดที่ทำงานหมดแล้ว อะไร ๆ ก็ทำเสร็จหมดแล้ว ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรว่ามันจะเป็นอย่างนี้ ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยจริง ๆ นะคะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าไปล่วงเกินพี่ลิลลี่ได้อย่างไร” มุกดาไม่อยากจะขึ้นมา อยู่ข้างล่างก็ดีมาก ถึงแม้จะมีการกระทบกระทั่งกัน แต่ก็มีคนอยู่เยอะ ถ้าต้องเห็นชลธีทำหน้าตายทุกวัน คงจะทรมานมาก
“ดูเธอสิ ฉันพูดแค่หนึ่งประโยค เธอก็พูดอย่างขอไปทีแล้วตั้งมากมาย สำหรับหัวหน้าแล้ว เธอมักจะไม่ยอมฟัง แล้วคนชั้นล่างจะควบคุมเธอได้อย่างไร? ไม่ได้ เธอต้องย้ายขึ้นมาชั้นบน ฉันจะคอยจับตาดูเธอด้วยตัวเอง!” ชลธีไม่เปิดโอกาสให้มุกดาปฏิเสธ
มุกดาเองก็จนปัญญาที่จะพูดแล้ว ก่อความยุ่งยากเข้าแล้วจริง ๆ ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าอนาคตมันดูเลือนรางมากเลยล่ะ ทำงานอยู่ในนี้ แล้วจะมีวันดี ๆ อะไรอยู่อีก ลิ้นอาบยาพิษของ ชลธี เกรงว่าคงจะทำให้เธอถูกพิษตายแล้วจริง ๆ
“รีบไปได้แล้ว วันนี้ยังมีหลายเรื่องที่ต้องทำ หรือว่าเธอจะแอบอู้งาน?” ชลธีจ้องมองมุกดาแวบหนึ่ง
มุกดาเองก็จนปัญญาแล้ว เพียงแค่ลงไปหยิบของ
ในตอนที่เธอเดินมาถึงประตูของสำนักเลขาธิการนั่นเอง ก็ได้ยินเสียงร่าเริงและมีความสุขพี่ลิลลี่ บอกว่าประธานชลธีจะต้องตัดสินให้เธอ เธอไม่เชื่อหรอกว่าจะจัดการมุกดาไม่ได้
มุกดาเดินเข้าไปด้วยความเซื่องซึม ทั่วทั้งห้องทำงานเงียบสนิท ไม่มีใครพูดอะไรแล้ว ทุกคนต่างก็มองมุกดา
มุกดาเองก็ไม่ได้พูดอะไร เธอเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วเริ่มเก็บของ
“จุ๊ ๆ มุกดาหนอมุกดา เธอคิดว่าจะไม่มีใครจัดการเธอเลยหรือยังไง? ฮ่า ๆ เป็นยังไง เพิ่งจะกลับมาได้แค่หนึ่งวันก็ถูกไล่ออกซะแล้วรู้สึกแย่ใช่ไหมล่ะ? ” พี่ลิลลี่เดินมาหยุดอยู่ด้านข้างมุกดา แล้วพูดด้วยอย่างอวดดี
มุกดาไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจเธอเพียงแค่เก็บของตัวเองอย่างเงียบ ๆ
“จากนี้ต่อไปจะไปอยู่หน่วยงานอื่นก็มีไหวพริบสักหน่อยว่าใครหาเรื่องได้ แล้วใครหาเรื่องไม่ได้ ก็เข้าใจให้ชัดเจน ถ้าไม่อย่างนั้นโดนไล่ออกอีกก็คงจะตลกน่าดู” เสียงของพี่ลิลลี่ดังมาก ทุกคนในห้องทำงานต่างก็ได้ยินกันหมด
“ใครคือแพรพิไล?” มีใครบางคนยืนตะโกนเรียกชื่อพี่ลิลลี่อยู่ที่ด้านหน้าประตู
“ฉัน ฉันเอง คุณคือ?” พี่ลิลลี่เดินมาที่หน้าประตู มองดูคนคนนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่รู้จัก
“อ้อ ฉันเป็นผู้อำนวยการเวียร์ของฝ่ายบุคคล แม้แต่ฉันเธอก็ไม่รู้จักเหรอ! ประธานชลธีบอกว่างานที่เธอเพิ่งให้มุกดาเมื่อกี้ มอบหมายให้เธอทำทั้งหมด วันนี้ก่อนเลิกงานให้เอาไปส่งที่ห้องทำงานของเขา ถ้าตอนเลิกงานยังทำไม่เสร็จ เธอก็ไปเขียนจดหมายลาออกเอาเอง อ้อจริงสิ ประธานชลธีให้ฉันมาถ่ายรูปเพื่อดูว่ามีงานมากแค่ไหน”
คนคนนั้นไม่อธิบายอะไรก็เดินเข้ามาที่ห้องทำงานของสำนักเลขาธิการ เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของมุกดาแล้วใช้กล้องถ่ายเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะของมุกดามาจนหมด
“เอ๊ะ ผู้อำนวยการเวียร์ คุณฟังฉันพูดก่อน ฉันจะทำงานพวกนี้คนเดียวได้อย่างไร แล้วยังวันนี้ก่อนเลิกงานอีก นั่นเป็นไปไม่ได้นะคะ ประธานชลธีไม่ได้เป็นคนพูดอย่างนี้แน่นอน คุณฟังผิดใช่ไหม?” แค่พี่ลิลลี่ได้ยินว่าประธานชลธีจะให้ตัวเองทำงานมากมายขนาดนี้ให้เสร็จ ฉับพลันนั้นก็รู้สึกร้อนใจแล้ว
“อะไรกัน? เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งยังทำให้เสร็จวันนี้ไม่ได้ แล้วเธอยังให้มุกดาทำให้เสร็จวันนี้อีก คุณได้ละเมิดแนวคิดขององค์กร ไม่สามารถกดขี่ข่มเหงและรังแกเด็กใหม่ได้ แต่ประธานชลธีบอกมาแล้ว เขาเชื่อว่าคุณจะต้องทำเสร็จแน่นอน”
พอผู้อำนวยการเวียร์พูดจบแล้ว ก็ไม่มองสีหน้าที่ขื่นขมเหมือนลูกมะระของพี่ลิลลี่เลยแม้แต่น้อย
ผู้อำนวยการเวียร์เดินไปถึงที่ประตู แล้วเขาก็หันไปบอกกับมุกดาว่า “มุกดา เธออย่ามัวโอ้เอ้อีกเลย ประธานชลธียังรอให้เธอขึ้นไปจัดการงานด้านบนอยู่!”
“ค่ะ” ราวกับมีดอกไม้เบ่งบานขึ้นในใจของมุกดา ประธานชลธีนี่มีอำนาจจริง ๆ แล้วก็ฉลาดมาก ความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับเขาจึงลดลงไปเยอะเลย
“มุกดาเธอไม่ได้ถูกไล่ออกเหรอ?” ในเวลานี้เองพี่ลิลลี่ก็รีบถามกลับทันที
“ไม่นี่คะ ประธานชลธีแค่บอกว่าฉันชอบถูกคนวางแผนการร้าย ก็เลยให้ฉันขึ้นไปทำงานข้างบนและมีเขาเป็นเจ้านายโดยตรง” เมื่อพูดจบแล้วมุกดาก็หอบข้าวของตัวเอง แล้วเดินผ่านร่างของพี่ลิลลี่ไป
พี่ลิลลี่มองดูแผ่นหลังของมุกดา จากนั้นขับเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเกลียดชัง ชลธีเป็นอะไรไป? ทำไมถึงปกป้องผู้หญิงคนนี้อยู่ตลอด หรือว่าจะไม่มีธินิดาอยู่ในหัวใจแล้ว
เมื่อเธอคิดดังนี้ก็ได้หลบไปด้านข้าง แล้วควักโทรศัพท์มือถือออกมา ตอนนี้คนที่จะสามารถช่วยเหลือเธอได้เพียงหนึ่งเดียว ก็คงจะมีแต่ธินิดาแล้ว
มุกดาหอบเอกสารเข้าไปที่ห้องทำงานของชลธี ภายในระยะเวลาอันสั้นที่เธอได้ออกไปนั่นเอง ที่หัวมุมของห้องทำงานชลธีก็ได้มีโต๊ะเพิ่มขึ้นมาแล้วจริง ๆ
ภายในห้องทำงานใหญ่ มีโต๊ะทำงานเพิ่มเข้ามาอย่างนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาเลย มุกดานำข้าวของตัวเองวางไว้บนโต๊ะทำงาน ทางด้านหลังยังมีตู้ใหม่อยู่อีกหนึ่งตู้ ซึ่งถูกเช็ดทำความสะอาดเรียบร้อยดีแล้ว
เมื่อมุกดาวางของตัวเองเสร็จแล้ว ทว่าเธอก็ยังรู้สึกว่าในห้องนี้มันยังขาดอะไรอยู่
ในสำนักเลขาธิการล้วนมีแต่ผู้หญิง ทุกคนต่างก็วางดอกไม้ไว้บนโต๊ะ
ถึงแม้ห้องทำงานของชลธีจะใหญ่มาก ทว่าด้านในกลับมีแต่ของสีดำและสีขาว กำแพงเป็นสีขาวพื้นก็เป็นสีขาว ส่วนเฟอร์นิเจอร์เป็นสีดำ
มันเลยทำให้คนที่อยู่ภายในห้องทำงานรู้สึกอึดอัด ดูไม่มีชีวิตชีวาเลยสักนิด
มุกดานั่งลง เธอมองดูชลธีที่กำลังยุ่งอยู่และมีกองเอกสารและข้อมูลมากมายวางอยู่บนโต๊ะของเขา
ไม่รู้จริง ๆ เลยว่าเขามองดูข้อมูลมากมายขนาดนั้นแล้วไม่ปวดหัวหรืออย่างไร แต่ที่ว่ากันว่าเวลาผู้ชายทำงานนั้นดูหล่อที่สุด ดูแล้วน่าจะจริง
ชลธีหน้าตาหล่อเหลามาก ในเวลานี้เห็นได้แต่เพียงใบหน้าด้านข้างของเขา สันจมูกโด่ง ริมฝีปากที่บางเฉียบ ผมสีดำสนิทนั้นถูกหวีเสียจนเรียบมาก ดูหล่อเหลากว่ารูปของดาราที่ถูกเสริมแต่งบนนิตยสารเสียอีก
“มองพอแล้วรึยัง? ถ้ามองพอแล้ว ฉันก็จะได้เอางานให้เธอทำ!” ชลธีไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย แต่กลับรู้ว่ามุกดากำลังมองดูเขา ถ้อยคำนี้จึงทำให้มุกดารู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก