มุกดายังคงถูพื้นต่อ พอพี่ลิลลี่เห็นว่ามุกดาไม่สนใจตัวเอง เธอก็เดินไปตรงที่พื้นสะอาดแล้วเหยียบลงไปหลายทีด้วยความโกรธ ฉับพลันนั้นพื้นสะอาดก็เต็มไปด้วยรอยเท้าสีดำ
มุกดาก็ยังไม่สนใจเธอเหมือนเดิม แล้วถูพื้นที่สกปรกนั้นอย่างเงียบ ๆ อีกรอบ
“ที่แท้ก็มีฝีมืออยู่จริง ๆ เสแสร้งเก่งนักนะ มุกดาที่แสนดีก็มีวันที่ความจริงปรากฏ เธออย่าคิดว่าจะได้หัวใจของประธานชลธีนะ ประธานชลธีเขามีคนที่อยู่ในใจแล้ว” พี่ลิลลี่เห็นมุกดายังคงจัดการต่อไปเงียบๆ เธอสร้างความวุ่นวายอยู่คนเดียวก็รู้สึกเบื่อ
พอมุกดาถูพื้นเสร็จแล้ว คนในสำนักงานก็มาถึงจำนวนไม่น้อยแล้ว เธอเองก็ได้กลับไปที่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วเริ่มจัดการเงินของตัวเอง
ผู้อำนวยการไวพบของสำนักเลขาธิการนั้นถูกไล่ออกแล้ว จึงยังไม่มีการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบชั่วคราว จึงได้ให้พี่ลิลลี่ที่มีคุณวุฒิสูงเป็นผู้รับผิดชอบแทนชั่วคราว
พี่ลิลลี่นำงานมากมายของสำนักเลขาธิการมาจัดการเล็กน้อย อย่างไหนที่จัดการยาก ลำบากมาก งานที่คนอื่นไม่อยากทำ เธอก็เลือกออกมาแล้วเตรียมจะโยนให้มุกดาทั้งหมด
บอกว่าเป็นนักศึกษาดีเด่นของมหาวิทยาลัยพระนครไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อเป็นนักศึกษาดีเด่น อย่างนั้นความสามารถก็ต้องสูงมาก ในเมื่อมีความสามารถสูงก็ต้องทำเรื่องที่คนอื่นทำไม่ได้
“มุกดา ของพวกนี้เป็นงานที่เธอต้องทำในวันนี้ ขอให้ส่งฉันตอนก่อนเลิกงาน” พี่ลิลลี่หอบเอกสารกองใหญ่มาหนึ่งกอง แล้ววางลงที่ด้านหน้าโต๊ะของมุกดา
พอมุกดาเห็นเอกสารกองใหญ่หนึ่งกองนั้น ก็พลิกดู งานมากมายขนาดนั้น ตนทำเสร็จไม่ทันเวลาเลิกงานของวันนี้แน่นอน
“พี่ลิลลี่ เยอะขนาดนี้ ฉันคงทำเสร็จไม่ทันตอนเลิกงานค่ะ” มุกดาบอกกับพี่ลิลลี่ไปตามตรง
“หากทำไม่เสร็จก็ง่ายมาก ไปบอกกับฝ่ายบุคคลเอาเอง บอกว่าตัวเองไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของที่นี่ได้ แต่อย่าบอกว่าฉันไล่เธอ” พี่ลิลลี่พูดด้วยความยโสโอหังเป็นอย่างมาก
แต่มุกดาก็ไม่ใช่คนที่ใครจะรังแกได้ เธอเองก็มองคนเหมือนกัน คุณดีกับเธอ เธอก็จะดีกับคุณเช่นกัน แต่ถ้าคุณจ้องจะหาเรื่องทะเลาะ เธอก็ไม่กลัวคุณเหมือนกัน
“พี่ลิลลี่ คุณพูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะ งานพวกนี้ ต่อให้เป็นคุณที่เป็นผู้ชำนาญ ก็คงทำไม่เสร็จวันนี้แน่ ยิ่งไปกว่านั้นฉันเพิ่งจะเป็นมือใหม่ที่เข้ามา คุณก็จงใจกลั่นแกล้งฉันแล้ว ฉันรับไม่ได้” มุกดาผลักเอกสารพวกนั้นไปด้านข้าง
“พวกเธอได้ยินกันแล้วหรือยัง? ได้ยินกันหมดแล้วใช่ไหม? เรื่องที่ฉันมอบหมายให้ไป มุกดาไม่เพียงแต่จะไม่ทำ แล้วยังใส่ร้ายฉันที่นี่อีกด้วย ถ้ามีคนถาม พวกเธอต้องเป็นพยานให้ฉันมุกดา นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะกล้าเถียงข้าง ๆคู ๆ” พี่ลิลลี่เองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่ามุกดาที่ดูท่าทางอ่อนแอจะกล้าโต้เถียงตน
ในเวลานี้เธอโกรธเสียจนหน้าคล้ำเขียวแล้ว เพียงแต่เลขานุการคนอื่น ๆ แต่ก็ชื่นชมมุกดาอยู่บ้าง
พี่ลิลลี่อาศัยบารมีของคนอื่นเที่ยวรังแกคนอื่น ๆ ในสำนักเลขาธิการอยู่เป็นประจำ แม้แต่ผู้อำนวยการไวพบก็ยังต้องฟังเธอ แต่วันนี้นึกไม่ถึงเลยว่ามุกดาจะตอบโต้เธอ ทุกคนเลยรู้สึกสบายใจมาก!
“ฉันไม่ได้เถียงข้าง ๆ คู ๆ แต่เป็นคุณที่ทำเกินไปแล้ว เห็นอยู่ชัด ๆ ว่างานพวกนี้ทำวันเดียวก็ไม่เสร็จ แล้วคุณยังให้ฉันส่งให้คุณก่อนเลิกงานอีก ฉันก็แค่พูดให้ชัดเจนก่อน หรือจะให้ฉันพูดในตอนที่ฉันทำไม่เสร็จ มันก็คงหมดความหมายไปแล้ว อย่างน้อย ๆ ต้องสามวัน” มุกดาบอกกับพี่ลิลลี่
“ได้ ดีมาก ฉันจะไปบอกกับฝ่ายบุคคลว่าเธอเป็นพนักงานใหม่ แต่กลับไม่ยอมฟังคำสั่ง ฉันเป็นตัวแทนผู้รับผิดชอบก็ยังทำอะไรไม่ได้ ก็เลยปล่อยเธอไปเสียเลย” พี่ลิลลี่หันหลังแล้วจากไปด้วยความกรุ่นโกรธ
ดูจากท่าทางแล้วคงจะไปรายงานสถานการณ์เสียแล้ว มีคนที่ประสงค์ดีขยับเข้าไปใกล้ด้านข้างมุกดา แล้วแสดงความเห็นอกเห็นใจกับมุกดา
“มุก พี่ลิลลี่เป็นคนเก่าแก่ของที่นี่ ได้ยินมาว่าเป็นญาติพี่น้องกับแฟนของประธานชลธี ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถทำให้ผู้อำนวยการไวพบที่ไม่มีเบื้องหลังนั้นลาออกไปได้ แต่กับพี่ลิลลี่คนนี้ คงจะจัดการยากแล้ว”
มุกดาเองก็รู้สึกว่าตัวเองซวยพอแล้วจริง ๆ วันนี้เป็นวันแรกที่เพิ่งได้งานกลับมา แต่ก็ดันมาเจอเรื่องแบบนี้อีก เธอเองก็ไม่อยากเลยนะ
แต่งานกองนี้ ทำไม่เสร็จก่อนเวลาเลิกงานวันนี้แน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวันนี้ด้วย ต่อให้เป็นพรุ่งนี้ก็ทำไม่เสร็จ เธอเพียงแต่พูดความจริงเท่านั้น
ในตอนที่มุกดากำลังกลุ้มใจอยู่นั้น พี่ลิลลี่ก็กลับมาแล้ว ใบหน้าของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
“มุกดา ประธานชลธีให้เธอไปหาน่ะ” เธอไม่เชื่อหรอกว่า อาศัยความสัมพันธ์ของธินิดาแล้ว ตนเองจะกำจัดคนอ่อนแอไม่มีทางสู้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่นี้ไม่ได้
จบกัน เมื่อวานเพิ่งจะบอกให้ตนเองกลับมา พอมาวันนี้ก็เกิดเรื่องแล้ว ชีวิตของเธอนี่มันล้มลุกคลุกคลานจริง ๆ
คนที่อยู่ในห้องทำงานทุก ๆ คนต่างส่งสายตาเห็นใจไปให้มุกดา นี่ช่างน่าสงสารเสียจริง ๆ เพิ่งจะกลับมาวันนี้ ทั้งยังเพิ่งจะปรากฏตัวที่ห้องทำงานเอง อีกไม่นานก็จะถูกไล่ออกไปแล้ว
มุกดาเก็บของเสร็จเรียบร้อย เธอเงยหน้าขึ้น ต่อให้ต้องถูกไล่ออก ก็จะไม่ยอมหดหู่ไล่ชีวิตชีวาเด็ดขาด
เมื่อขึ้นมาถึงที่ชั้นสาม ที่นี่เงียบสงบ ประตูห้องทำงานของชลธีถูกปิดสนิท เธอเคาะประตู ไม่มีการตอบสนองใด ๆ จึงได้ผลักประตูแล้วชะโงกหัวเข้าไปมอง
“เธอเข้าไปตามตรงเลยไม่ได้เหรอ?” มุกดาพบว่าด้านในไม่มีคน จึงได้ถอยออกมา แต่แล้วเสียงที่น่าสะพรึงกลัวก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง เป็นเสียงของชลธี ทำเอามุกดาเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ ทั้งยังชนประตูกระจกด้วย
“โอ๊ย คุณพูดดี ๆ ไม่ได้เหรอ เดินมาไม่ให้สุ้มให้เสียงเลย จะทำให้คนตกใจตายหรืออย่างไงกัน?” มุกดาเจ็บจนน้ำตาแทบจะร่วงออกมาแล้ว เธอโกรธเสียจนอยากจะตีคน
“หืม? เธอพูดอะไร?” ชลธีมองดูผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้สงสัยจะหัวโขกจนเจ็บแล้ว จมูกก็เลยแดงไปหมด ถ้าหากว่าไม่ได้อยู่ตรงหน้าตน ก็คงจะร้องไห้ออกมาแล้ว
“ประธานชลธี ฉันก็แค่กลัวว่าจะทำประตูกระจกของคุณแตก ในเมื่อคุณมาแล้ว ฉันจะเปิดประตูให้คุณ” ฉับพลันนั้นมุกดาก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองถูกเรียกมาอบรม เธอข่มความเจ็บปวด แล้วผลักประตูเปิดอีกครั้ง แล้วให้ชลธีเข้าไป
พอชลธีเข้าไปแล้ว แล้วดึงมุกดาเข้ามาด้วยมือเพียงข้างเดียว หลังจากนั้นก็ล็อกประตูตามอำเภอใจ
“ประธานชลธี คุณอย่าทำแบบนี้ เรื่องวันนี้ตอนเช้า มันมีสาเหตุนะคะ ความจริงแล้วไม่ใช่ความผิดของฉันทั้งหมด คุณฟังฉันพูดก่อน”
มุกดายังคิดว่าชลธีคงจะโกรธเข้าแล้ว เลยต้องการจะเรียกอบรมตนเอง
“นั่งลง รอฉัน” ชลธีกดมุกดาให้นั่งลงบนโซฟา ส่วนตัวเองก็หมุนกายเข้าไปในห้องพักผ่อน
มุกดานวดหน้าผากของตัวเอง ปวดจริง ๆ เลย ดูเหมือนว่าจะบวมนิดหน่อยแล้ว พอลองลูบดูก็สัมผัสได้ว่าเป็นก้อน
ไม่นานชลธีก็ออกมา ในมือของเขามียาอยู่ เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าของมุกดา ก็ปัดผมของเธอให้เปิดออก ที่ตรงกลางหน้าผากนั้น ถูกชนจนเป็นก้อนแดง ๆ มองดูแล้วตลกมาก จนชลธีอยากจะหัวเราะ
จึงได้ทายาให้มุกดา ยานั้นเย็นเฉียบ มีกลิ่นหอมฉุย หอมมากจริง ๆ
เมื่อทายาเสร็จ หน้าผากของก็ไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้นแล้ว เธอสามารถกลับมาแสดงสีหน้าแยกเขี้ยวยิงฟันได้ตามปกติแล้ว
“ประธานชลธี ยาของคุณคงจะเป็นยาวิเศษที่เห็นผลชะงักเลยสินะ พอทาปุ๊บก็ไม่เจ็บเลย” มุกดาเริ่มเอ่ยชื่นชมยาของชลธีขึ้นมา
“เอาล่ะ ไม่เจ็บแล้วก็ดี แต่ว่ามุกดา ฉันจะมาคุยกับเธอเกี่ยวกับเรื่องเมื่อตอนเช้า!” ชลธีเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม