นีรชาผู้ซึ่งตั้งเงื่อนไขกับคนอื่นสูงมาโดยตลอด กลับรู้สึกปวดใจกับมุกดาขึ้นมาอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะตอนที่เธอเรียกตนว่าแม่ นีรชาก็มีความรู้สึกเหมือนมองเธอเป็นลูกแท้ๆ ของตัวเองด้วยเช่นกัน
มุกดาร้องไห้มากพอแล้ว ความคับแค้นใจที่อัดอั้นมาตลอดหลายวันถึงได้ระบายออกมา และเธอก็ได้สติขึ้นมาไม่น้อยแล้ว
ในตอนนี้เอง มุกดาถึงพบว่าเมื่อครู่นี้ตนเองมองผิดไป สตรีสูงศักดิ์หน้าสวยท่านนี้ไม่ใช่แม่ของเธอ
“คุณหญิง ขอโทษนะคะ หนูมองผิดไป” มุกดารีบลุกขึ้นนั่งตัวตรง
เมื่อจู่ๆ อ้อมแขนของตัวเองก็ว่างเปล่า นีรชายังรู้สึกหวงแหนคิดถึงอยู่เล็กน้อย ตนมีลูกชายสามคน ลูกสาวหนึ่งคน แต่ลูกสาวคนนี้กลับเหมือนเด็กผู้ชายไม่มีผิดเพี้ยน ไม่สนใจไยดีอะไรเลย ไม่เคยกระโจนเข้ามากอดแบบนี้เลยสักครั้ง
พอได้ถูกเด็กสาวกอดแบบนี้ นีรชากลับรู้สึกสบายใจมาก
“ไม่เป็นไร หนูก็ถือเสียว่าฉันเป็นแม่เลยก็แล้วกัน ฉันเองก็เป็นแม่ของลูกถึงสี่คนแล้ว เป็นแม่ให้หนูอีกสักคนคงไม่เหลือเฟือเกินไปหรอกใช่ไหม?” นีรชามองมุกดาด้วยความรักใคร่เอ็นดู
มุกดายิ้มอย่างเขินอาย แต่จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่า สตรีสูงศักดิ์หน้าสวยท่านนี้เป็นญาติของเจ้าของบ้านนี้ หรือว่านี่จะเป็นแม่สามีของเธอ?
“อืม คุณป้า คุณมาหาคนเหรอคะ?” มุกดาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของตัวเองจนสะอาด
“จะว่ายังไงดีล่ะ ควรจะบอกว่ามาหาคน แต่ว่าคนคนนั้นไม่อยู่ เราสองคนถูกชะตากันขนาดนี้ พวกเรามาพูดคุยกันสักหน่อยเถอะ” นีรชาจับมือของมุกดาไว้ พลางมองไปที่เด็กสาวผอมบางคนนี้
“อ้อ ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูไปรินน้ำมาให้นะคะ” มุกดาลุกขึ้นยืน แต่ในตอนนี้นัทธ์ก็ยกน้ำเข้ามาให้พอดี
“คุณหญิง น้ำของท่านครับ” นัทธ์วางน้ำลง
“คุณผู้หญิงอยู่คุยกับคุณหญิงเถอะครับ คุณหญิงจะอยู่ทานข้าวด้วยไหมครับ?” นัทธ์บอกกับผู้หญิงสองคนที่กำลังจับมือกันอยู่
คุณหญิงเป็นคนจู้จี้จุกจิกมาก แต่กลับรักใคร่เอ็นดูคุณผู้หญิงเอามากๆ ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าคุณผู้หญิงเป็นเด็กสาวที่เป็นที่รักใคร่น่าเอ็นดู
กับแฟนสาวคนเก่าของคุณชาย คุณหญิงไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ล่ะ ฉันคุยกับเด็กคนนี้สักสองสามคำก็จะไปแล้ว” นีรชาบอกกับนัทธ์
นัทธ์ถอยออกไป นีรชาจับผมที่ยุ่งเหยิงของมุกดาเหน็บไว้ด้านหลังหู
“หนูชื่อมุกดาใช่ไหม?” นีรชาเริ่มพูดคุยกับมุกดาขึ้นมา
“ใช่ค่ะ คุณหญิง ท่านคือ?” มุกดามองไปที่นีรชาพลางเอ่ยถามเธอ
“อ้อ ฉันเป็นญาติกับเจ้าของบ้านหลังนี้ ฉันมีธุระอยากจะพบเขาสักหน่อย แต่ว่าเขาไม่อยู่ แต่ว่าหนูห้ามบอกเขาเด็กขาดนะว่าฉันมาที่นี่ นี่เป็นความลับระหว่างพวกเราโอเคไหม?” นีรชาไม่อยากให้ลูกชายมาโวยวายกับตนเองอีก หล่อนจึงขอให้มุกดาช่วยเก็บเป็นความลับ
“อืม ได้ค่ะ ให้ตายฉันก็จะไม่พูดค่ะ” มุกดารับปากสัญญา
นีรชารู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้ตลกมาก แล้วทั้งสองคนก็พูดคุยกันนานกว่าหนึ่งชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว
“โอ้ ดูสิ เราสองคนคุยกันไปคุยกันมา เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ ฉันต้องกลับแล้วล่ะ มุก ถ้าหนูมีเรื่องอะไรก็บอกกับนัทธ์นะ สิ่งที่เขาสามารถทำได้ เขาจะจัดการให้ ไม่ต้องเกรงใจ หนูเป็นคุณผู้หญิงของที่นี่นะ” นีรชาบอกกับมุกดาก่อนที่เธอจะไป
“อืม เข้าใจแล้วค่ะคุณป้า หนูไม่เกรงใจแน่นอนค่ะ” มุกดาเองก็รู้สึกว่าตนชอบสตรีผู้สูงศักดิ์คนนี้มากเช่นกัน หน้าตาสวยดูดี แถมนิสัยยังดีมากอีกด้วย
การประเมินของมุกดาที่มีต่อนีรชาคือเป็นคนที่อ่อนโยนมากคนหนึ่ง แต่ต่อมาภายหลังถึงรู้สึกได้ถึงท่าทางดุดันของนีรชา
นีรชากำชับกับนัทธ์ว่า ห้ามบอกกับชลธีว่าตนมาที่นี่เพื่อมาดูลูกสะใภ้ของเธอ
โลกทุกวันนี้ช่างประหลาด แค่มาดูลูกสะใภ้ของตัวเองยังต้องหลบๆ ซ่อนๆ
นีรชาไปแล้ว อารมณ์ของมุกดาดีขึ้นมาก แล้วเธอก็สามารถเดินออกมาจากก้นเหวในช่วงหลายวันที่ผ่านมาได้ในที่สุด
“ลุงนัทธ์ ฉันอยากทานอะไรสักอย่าง ฉันหิวจังเลยค่ะ” มุกดาบอกกับนัทธ์
ทันทีที่นัทธ์ได้ยินว่ามุกดาหิวอยากกินอะไรสักอย่าง เขาก็รีบร้อนไปเตรียมให้ทันที คิดไม่ถึงเลยจริงๆ หลังจากคุณหญิงมาก็สามารถรักษาอาการป่วยใจของคุณผู้หญิงได้ในทันทีเลย
ชลธีนั่งอยู่บนบาร์ ดื่มของเหลวอำพัน ข้างมือของเขามีขวดเปล่าวางอยู่หลายต่อหลายขวดแล้ว
“ชล พักนี้นายเป็นอะไรไป นายยุ่งมากไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงมีเวลาว่างชวนฉันออกมาดื่มได้?” ทศพรก็ถือแก้วไวน์อยู่เช่นกัน เขาพลางกระดกไวน์ พลางทักทายสาวๆ สวยๆ ในบาร์ไปด้วย
“ถ้านายไม่เต็มใจให้ฉันเลี้ยงนาย นายจะเลี้ยงฉันก็ได้นะ” ชลธีสั่งเพิ่มอีกขวด
แม้ว่าแอลกอฮอล์จะไม่สูงมากนัก แต่เขาดื่มไปหลายขวดแล้ว
“ลืมมันไปเถอะ นายเลี้ยงฉันอีกแล้ว ชล ฉันรู้สึกว่าระยะนี้นายมีเรื่องกังวลใจอะไรหรือเปล่า? แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมานั่งดื่มที่บาร์ ตอนนี้ก็อยากมานั่งบาร์ เสื้อที่ไม่เคยอนุญาตให้ผู้หญิงคนไหนแตะ นายกลับเอาเสื้อผ้าตัวโปรดที่สุดของนายให้เลขาสาวคนหนึ่งใส่ ฉันว่านายตัดสินใจที่จะลืมธินิดาไปแล้วใช่ไหม?”
ทศพรมองไปที่ท่าทางเย็นชาของชลธี คนคนนี้ถึงจะเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดในพระนคร แต่กลับเอาแต่ทำหน้าเย็นชา ท่าทางห้ามใครเข้าใกล้อยู่ตลอดเวลา
หลายต่อหลายคนอยากจะปีนขึ้นเตียงนอนของเขา แต่เขากลับเอาแต่รักษาเนื้อรักษาตัวไม่สนใจคนอื่นมาโดยตลอด แม้แต่ผู้หญิงก็ไม่ยอมชายตามองเลยสักนิด นอกจากธินิดารักแรกของเขาคนนั้น
แต่ระยะนี้สถานการณ์มันผิดปกติมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา?
“ทำไมนายถึงพูดมากไร้สาระขนาดนี้วะ ดื่มไวน์ของนาย จีบสาวของนายไปสิ นายสามารถใช้จ่ายได้เท่าที่นายต้องการเลย!” ชลธีรู้สึกว่าสิ่งที่ทศพรพูดนั้นดูเหมือนมันจะตรงใจของตัวเองเข้าอย่างจังเลย แต่เขากลับไม่อยากจะยอมรับมัน
“โอ้ นายพูดเองนะ ถ้าอย่างนั้นฉันไปจีบสาวแล้วนะ นายดื่มอยู่ตรงนี้ไปคนเดียวเถอะ” ทันทีที่ทศพรได้ยินดังนั้น เขาน้อมรับด้วยความยินดียิ่ง ในพระนครไม่มีใครไม่รู้ว่าคุณชายแห่งตระกูลนวลอ่อนเป็นคุณชายเพลย์บอยที่มีชื่อเสียง
หลังจากเดินไปรอบๆ บาร์ ทศพรหาหญิงสาวที่เหมาะสมไม่ได้เลยสักคน ในหัวของเขามีแต่ใบหน้าโกรธเคืองกับดวงตาสดใสคู่นั้นปรากฏขึ้น แต่มันกลับเข้ามาในหัวใจของเขา
เมื่อรู้สึกว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ ทศพรก็กลับไปนั่งข้างๆ ชลธีอีกครั้ง นั่งดื่มไวน์อยู่ตรงนั้นอย่างเอาจริงเอาจัง
“เป็นอะไรไป? สาวสวยวันนี้ไม่มีคนถูกปากนายสักคนเลย?” ชลธีหัวเราะเยาะทศพร
ถึงแม้ว่าเขาจะหลายใจ แต่มันก็แค่ผิวเผินเท่านั้น เห็นเขาคลุกคลีกับผู้หญิงบ่อยๆ แต่ใครจะเชื่อว่าคุณชายเพลย์บอยอย่างคุณชายพรจะยังเป็นหนุ่มเวอร์จิ้นอยู่
“นิดหน่อย ฉันรู้สึกเหมือนจะไม่สนใจผู้หญิงพวกนี้แล้ว ครั้งที่แล้วฉันเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่บริษัทของนาย น่าสนใจมาก แต่ไม่รู้จักชื่อของเธอ” ทศพรพูดอย่างเสียใจเสียดาย
“บริษัทฉัน ผู้หญิงในบริษัทฉันก็ใช่ว่าแกจะไม่เคยเห็น ทำไมจู่ๆ ถึงเกิดสนใจหล่อนขึ้นมาล่ะ?” ชลธีคิดว่าขอเพียงแค่ไม่เอ่ยถึงมุกดาอารมณ์ของเขาก็จะดีขึ้นมาก
“คงจะเป็นเด็กใหม่แหละมั้ง หน้าตาก็ไม่ได้จัดว่าสวยมาก แถมยังอารมณ์ร้อนไปนิด แต่กลับมีเสน่ห์มาก!” ทศพรนึกถึงสภาพตอนที่ตนเองทะเลาะกับผู้หญิงคนนั้น แล้วก็แอบสุขใจขึ้นมานิดๆ
ชลธีเหลือบตาขาวให้เขาหนึ่งที เขารู้สึกดีกับผู้หญิงไปทั่ว อย่างมากก็แค่ความรู้สึกไม่กี่วันเท่านั้น เชื่อสิแปลก!