ตอนเลิกงาน ทุกคนต่างทยอยกันกลับบ้านแล้ว มีเพียงมุกดาที่ยังคงยืดยาดอืดอาดอยู่ ในขณะนั้นเองจันวิภาก็เข้ามาหา ในใจของเธอยังคงหอบความสงสัยอยู่ตลอดเวลา แต่เพราะมีคนเยอะเกินไป เธอจึงไม่ได้เอ่ยถามออกมา
“มุก เธอยังยุ่งอยู่เหรอ?” จันวิภาเดินเข้าไปในกองเลขาธิการที่ว่างเปล่า มาหยุดที่ด้านหน้าของมุกดา
“อืม ยังเหลืออีกนิดหน่อย” อันที่จริง มุกดาจัดการงานทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว เพียงแต่เธอไม่อยากให้เลขาคนอื่นๆ รู้ว่าตัวเองมีรถมาคอยรับคอยส่ง แต่เอดันลืมจันวิภาไปเลย
“มุก เมื่อวานเธอรีบร้อนออกไปขนาดนั้น รถสีดำคันหรูคันนั้นเป็นของใครเหรอ? เธอหย่าไปแล้วไม่ใช่เหรอ? หรือต่อให้ไม่หย่า ธีรเมทคนนั้นก็ไม่มีทางซื้อรถดีๆ ขนาดนั้นได้แน่นอน” จันวิภาเหลือบมองรอบด้านเห็นว่าไม่มีใคร จึงเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา
“จันทร์ ฉันอยากบอกเธอว่าฉันแต่งงานแล้ว เธอจะเชื่อไหม?” เดิมทีมุกดาก็ไม่ได้คิดจะปกปิดจันวิภาอยู่แล้ว เพียงแต่ตัวเธอเองยังตัดสินใจไม่ได้ กลัวว่ามันจะกะทันหันมากจนจันวิภาไม่สามารถยอมรับได้
“แค่กๆๆๆ” อย่างที่คาดไว้ จันวิภาถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองไปเลย
“มุก เธอได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สะเทือนอารมณ์อะไรมาหรือเปล่า เธอเพิ่งจะหย่าร้าง หลุดพ้นจากทะเลแห่งความขมขื่น ทำไมถึงแต่งงานอีกแล้วล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น เป็นลูกชายบ้านไหน ถึงสามารถเอาชนะใจของเธอ และรวบรัดจัดการได้รวดเร็วขนาดนี้?” จันวิภาหยุดไอแล้ว หล่อนรีบดึงมุกดาเข้าหาตัว แถมยังใช้มือแตะๆ ศีรษะของเธอ ดูว่าเธอโมโหผู้ชายสารเลวคนนั้นจนสับสนไปแล้วหรือเปล่า
“ฉันไม่เป็นไร เป็นเพราะคนคนนี้เต็มใจจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พ่อของฉัน เธอก็รู้ว่าอาการป่วยของพ่อฉันมันร้ายแรงมากแล้ว เงินของครอบครัวก็ใช้จ่ายไปหมดแล้ว ฉันเข้าตาจนไม่มีทางไปแล้ว” มุกดานึกถึงสภาพของพ่อที่โรงพยาบาลในวันนั้นแล้ว เธอก็เจ็บปวดใจมาก ต้องโทษเธอที่ไม่มีความสามารถมากพอ
“ถ้าอย่างนั้นก็โอเค ในเมื่อเขาเต็มใจที่จะออกมาเงินช่วยรักษาพ่อของเธอ ก็นับว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นเขาเป็นใครล่ะ?” จันวิภาก็รู้ว่าพ่อของมุกดาต้องใช้เงินมากจริงๆ
“ฉันไม่รู้ ฉันยังไม่เคยเจอเขาเลย” มุกดาก้มหน้าลง
“เธอไม่รู้? แม้แต่สามีเป็นใครเธอก็ไม่รู้ ไม่เคยเจอเขามาก่อนเหรอ?” จันวิภาแปลกใจยิ่งกว่าเดิม
“ไม่ ฉันไม่เคยเจอเขา แต่เขาจะกลับบ้านตอนกลางคืน” มุกดายังพูดไม่ทันจบ เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
มันคือสายที่โทรมาจากลุงนัทธ์ เธอกดรับสาย ลุงนัทธ์รอเธออยู่ด้านล่างแล้ว
“จันทร์ฉันก็ไม่รู้จะบอกเธอยังไง ตัวฉันเองยังพูดเกลี้ยกล่อมตัวเองไม่ได้เลย ตอนนี้พ่อบ้านมาแล้ว มารับฉันแล้ว ฉันต้องกลับแล้วล่ะ” มุกดาหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นมา พลางกล่าวลาจันวิภา
จันวิภาตกตะลึงอีกครั้ง เธอมองตามแผ่นหลังของมุกดา ไม่รู้ตอนนี้เพื่อนสนิทของเธอโชคดีหรือว่าโชคร้าย ผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้าคร่าตามาก่อน นอนอยู่ด้วยกันกับตัวเองทุกคืน ถ้าเป็นหล่อน หล่อนคงจะรับไม่ได้อย่างแน่นอน
เมื่อนัทธ์เห็นมุกดาเดินมาแล้วก็เปิดประตูรถให้ทันที มุกดาพยักหน้าให้เขา ถือเป็นการทักทายก่อนจะขึ้นรถ
ไปที่คฤหาสน์มาสองครั้ง แต่วันนี้กลับไม่ได้เดินทางมุ่งหน้าไปทางคฤหาสน์ แต่มุ่งหน้าไปทางใจกลางเมืองแทน
“ลุงนัทธ์ วันนี้มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ? ทำไมไม่กลับบ้านล่ะคะ?” มุกดาเห็นว่ารถกำลังขับเข้าไปในที่จอดรถใต้ดินของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แล้ว
“คุณผู้หญิง เมื่อเช้าวันนี้ผมก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าคุณชายสั่งไว้ ว่าถึงแม้เขาจะไม่สามารถจัดงานแต่งงานให้คุณได้ แต่สิ่งของอย่างอื่นที่ควรจะมีคุณก็จะได้รับทั้งหมดเช่นกัน วันนี้พาคุณมาเลือกซื้อแหวนและเครื่องประดับจิวเวลรี่ครับ อีกอย่าง เสื้อผ้าพวกนั้นเป็นชุดที่คุณชายเป็นคนเลือกซื้อเองทั้งหมด เลยไม่รู้ว่าคุณจะชอบหรือเปล่า คุณควรจะหาซื้อเสื้อผ้าในแบบที่ตัวเองชอบกับของใช้ส่วนตัวไปด้วยสักหน่อยนะครับ” นัทธ์ลงจากรถ เขาเปิดประตูรถให้มุกดา
มุกดารู้สึกว่าคุณชายผู้นี้ค่อนข้างน่าสนใจมากทีเดียว ตัวเองหน้าตาขี้เหร่ ไม่สามารถพบปะคนอื่นได้ ดังนั้นจึงไม่สามารถจัดงานแต่งงานให้เธอได้ แต่กลับดีกับเธออยู่ไม่น้อยเลย ออกเงินค่ารักษาพยาบาลให้คุณพ่อ แถมยังคิดเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ทั้งหมดอย่างละเอียดอีกด้วย
มุกดาก็ไม่ได้บ่ายเบี่ยงปฏิเสธ ในเมื่อคุณชายให้ตนซื้อ ถ้าอย่างนั้นก็ซื้อไปเถอะ ยังตนก็ไม่ใส่อยู่แล้ว
ส่วนเสื้อผ้า เธออยากจะซื้อใหม่อีกสักเล็กน้อย เสื้อผ้าที่อยู่ในห้องนั้นแพงเกินไป เธออยากซื้อเสื้อผ้าที่ราคาถูกลงหน่อย
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเดินตามลุงนัทธ์เข้าไปในห้าง เดินตรงไปที่จิวเวลรี่ฮอลล์ที่ชั้นหนึ่ง
นี่คือห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดในเมืองหลวง เมื่อก่อนตอนที่ครอบครัวของมุกดายังไม่ได้ล้มละลาย เธอก็มักจะมาซื้อของที่นี่บ่อยๆ เหมือนกัน ในตอนนั้นเป็นเธอที่ซื้อเสื้อผ้าให้ธีรเมททั้งหมด
“คุณผู้หญิงเลือกแหวนเพชรก่อนสักวงเถอะครับ ส่วนของชิ้นอื่นๆ คุณชายสั่งจองเรียบร้อยแล้ว อีกเดี๋ยวจะหยิบออกมาให้คุณดูครับ คุณชายบอกว่าแหวนจะต้องเลือกด้วยตัวเอง ส่วนของชิ้นอื่นๆ เขามอบให้คุณทั้งหมดครับ” นัทธ์บอกกับมุกดา
“อืม ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” มุกดาพยักหน้า
จิวเวลรี่ฮอลล์นี้ใหญ่โตมาก อัญมณีที่อยู่ด้านในแวววาววิบวับเกินไป ทำให้ดวงตาของมุกดาปรับตัวไม่ทันเลย
พนักงานขายให้การต้อนรับมุกดาอย่างกระตือรือร้น พลางหยิบเลือกแบบยอดนิยมออกมาให้เธอเลือก
แต่พวกนั้นดูหรูหราเกินไป มันเจิดจ้าสะดุดตาเกินไป มุกดาไม่ชอบ
ตอนเธอแต่งงานกับธีรเมท แม้แต่แหวนธรรมดาสักวงธีรเมทยังไม่ให้เธอเลยด้วยซ้ำ
สุดท้ายมุกดาก็เลือกแหวนเพชรแบบที่ธรรมดามากวงหนึ่ง ด้านบนมีเพชรเม็ดเล็กๆ อยู่สองสามเม็ด จากนั้นก็เป็นแหวนเปล่าๆ รอบวง ไม่โดดเด่นสะดุดตาแบบมากๆ
“อันนี้แล้วกันค่ะ” มุกดาชี้ไปที่แหวนธรรมดาวงนั้น
ทันทีที่นัทธ์มอง นี่มันจะกระจอกเกินไปแล้ว คนอื่นไม่รู้คงจะคิดว่าคุณผู้หญิงแต่งงานกับผียาจกคนหนึ่งแน่ๆ
แต่คุณชายกำชับเอาไว้แล้ว ขอแค่คุณผู้หญิงชอบก็พอแล้ว เรื่องอื่นไม่ต้องกังวล
“ธีร์ วันนี้ฉันอยากซื้อแหวนเพชรที่เพชรขนาดใหญ่เท่าไข่นกพิราบสักวง ตอนพวกเราแต่งงานกัน ฉันจะได้มีหน้ามีตา” ขณะที่นัทธ์กำลังไปจ่ายเงิน ธีรเมทกับเมธพรก็เดินเข้าประตูจิวเวลรี่ฮอลล์มา
เมธพรมองไปที่เพชรแวววาวเหล่านั้น ดวงตาของหล่อนเบิกกว้าง
“โอเคๆ ซื้อเม็ดใหญ่ๆ” แม้ว่าวันนี้ธีรเมทจะอารมณ์ไม่ดีนัก แต่เมธพรใช้เด็กในท้องของเธอมาข่มขู่ ยืนกรานจะซื้อแหวนเพชรเม็ดโตให้ได้ เขาก็ทำได้แค่ปฏิบัติตามอย่างไม่มีทางเลือกอื่น
ในเวลานี้ คนส่วนใหญ่ไปทานอาหารกันหมดแล้ว ดังนั้นในจิวเวลรี่ฮอลล์จึงมีคนอยู่ไม่มากนัก ทันทีที่ทั้งสองเดินเข้าประตูมา มุกดาก็ได้ยินเสียงของพวกเขาแล้ว
วันนี้โชคร้ายจริงๆ ถึงได้บังเอิญเจอธีรเมทถึงสองครั้ง มุกดาแทบอยากจะถ่มน้ำลายลงบนพื้นสักที
“มุก?” เมธพรก็มองเห็นมุกดาในทันทีเช่นกัน หล่อนรีบดึงธีรเมทมาอยู่ข้างกายตัวเองทันที
“มุก เธอหย่าไปแล้วยังจะมาหาซื้อแหวนอะไรอีก สิ้นเปลืองเปล่าๆ แหวนต้องให้ผู้ชายของตัวเองเป็นคนซื้อให้นะ ไม่ใช่มาซื้อเองแบบนี้” เมธพรมองไม่เห็นนัทธ์ หล่อนคิดว่ามุกดามาซื้อแหวนให้ตัวเองเพื่อคลายความโศกเศร้า
มุกดาไม่สนใจหล่อน เพียงแค่นั่งรอนัทธ์อยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
“มุกดา เรื่องเมื่อเช้าวันนี้ ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอเลยนะ! เธอยังมีหน้ามาซื้อแหวนเพชรที่นี่อีกเหรอ ตระกูลแก้วสุทธิของพวกเธอล้มละลายไปแล้ว เธอยังมีเงินมาสิ้นเปลืองอีกหรือไง!” ธีรเมทนึกถึงเรื่องที่วันนี้ตัวเองโดนมุกดาเหยียบเข้าแล้ว ภายในใจจึงยังแค้นใจอยู่ไม่น้อย