ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗] – ตอนที่ 127: การยกตัวอย่าง

บทที่ 127: การยกตัวอย่าง

“ดี” ฉินเย่หลับตาลง เสื้อผ้าที่สวมใส่เริ่มสะบัดอย่างรุนแรง

“ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อนับถึงสามข้าจะต้องไม่เห็นพวกเจ้าอยู่ตรงนี้อีก”

ชายทั้งสี่ในชุดนักโทษทำท่าจะหนีไปทันที แต่เมื่อได้รับสายตาที่น่ากลัวจากเกาต้าหู พวกเขาก็นิ่งไปทันที

ยมทูตที่อายุแค่ 18 ปีเนี่ยนะ?

แถมยังสวมเสื้อแจ็คเก็ตราคาถูกกับกางเกงยีนสีซีดตัวหนึ่งอีก?

เขาไม่มีปืนติดตัวด้วยซ้ำ! ต่อให้น่าเกรงขามแล้วอย่างไร? ฝั่งเรามีคนตั้งหลายร้อยคน! ถ้าคนตรงหน้าอยู่ที่นี่มันก็หมายความว่าเขาได้ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง แล้วจะมีสิ่งใดมาหยุดพวกเขาไม่ให้ฆ่าเขาอีกครั้งได้กัน?

คนสอบคนต่อสู้กับคนหลายร้อยคน ภาพที่เกิดขึ้นนั้นยังคงสงบนิ่ง แต่มันไม่ต่างอะไรกับความสงบของมหาสมุทรก่อนจะเกิดพายุเลยสักนิด ความเงียบที่เกิดขึ้นนั้นบีบคั้นจนแทบจะหายใจไม่ออก

“สาม…” เสียงของฉินเย่นั้นดังไปทั่วทุกตารางนิ้วของนรกราวกับระฆังใบใหญ่ ตราบใดที่เขายังอยู่ในที่แห่งนี้ เขาก็สามารถกระจายเสียงของตนให้คนทั้งหมดที่อยู่ในทั่วทุกมุมของนรกได้ยินได้ตามต้องการ

แต่ไม่มีผู้ใดยอมถอยกลับไปเลย

ไม่มีใครคิดจะขยับตัวเลยแม้แต่นิ้ว ชายนับร้อยคนยังคงยืนไหล่ชนไหล่ สร้างเป็นกำแพงที่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถทะลุทะลวงล้อมที่ล้อมรอบร่างของฉินเย่เอาไว้อย่างแน่นหนา

“สอง”

ยังคงไม่มีใครขยับตัว

วิญญาณนับหมื่นตนที่เฝ้ามองดูสถานการณ์ตรงหน้าต่างกลั้นหายใจไปโดยไม่รู้ตัว

“หนึ่ง ดีมาก” หลังจากที่นับถึงสาม ฉินเย่ก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง “พวกโง่เขลาที่ตายเพียงครั้งเดียวนั้นไม่ได้เข้าใจอะไรเลย….”

“เป็นแค่วิญญาณแต่กลับกล้าที่จะแว้งกัดยมทูตอย่างนั้นหรือ?!”

ตู้ม!!

สิ้นสุดเสียงพูด คลื่นพลังหยินที่ทรงพลังก็ระเบิดออกมาจากร่างของฉินเย่ กระแสน้ำวนของพลังหยินก่อตัวขึ้น และแววตาที่น่าสะพรึงกลัวคู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นท่ามกลางความโกลาหล “วันนี้ ข้าจะแสดงให้พวกเจ้าทุกตนได้รู้ ว่ากฎของยมโลกแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร!!”

พรึ่บ! คลื่นพลังหยินทั้งหมดกระจายตัวเอง เสื้อผ้ามนุษย์หายไปและกลับสู่ร่างยมทูตอีกครั้ง ฉินเย่ก้าวออกมาจากกลุ่มควันสีดำอย่างช้า ๆ พลังหยินอันไร้ที่สิ้นสุดรั่วไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของ ขณะที่เสื้อคลุมสีดำที่สวมอยู่สะบัดอย่างรุนแรงราวกับมังกรที่บ้าคลั่ง เส้นผมสีขาวราวหิมะ และเปลวไฟนรกสีเขียวที่ดูน่าขนลุกลุกโชนอยู่รอบกระบี่ปีศาจ

ในที่สุดกระต่ายตัวน้อยที่ดูเหมือนจะไม่มีพิษไม่มีภัย ก็ได้ถอดชุดที่ใช้ปลอมตัวและเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมของมันแล้ว

“ด้วยคำพิพากษาจากนรก เหล่าวิญญาณทั้งปวงจงสูญสิ้น!!”

ฉึก! ทันทีที่ฉินเย่ปักกระบี่ลงไปบนพื้น พายุรุนแรงก็ระเบิดออกมา เกาต้าหูกำลังยืนอยู่ด้านหน้าของฉินเย่ขณะที่ทุกอย่างนี้เกิดขึ้น รูม่านตาของเขาหดลง และร่างของเขาก็กระเด็นออกไปไกลหลายสิบเมตร กระแทกเข้ากับกำแพงด้านหลังจนเกิดเสียงดังสนั่นก่อนจะล้มลงกับพื้นด้วยสีหน้าที่ฉายชัดถึงความตกตะลึง

เงียบ

หลังจากสามวินาทีแห่งความมึนงงจบลง คนทั้งหมดต่างพากันถอยห่างออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้!

เสียงผลักกันไปมาและเสียงกรีดร้องอย่างผวา ดวงวิญญาณนับไม่ถ้วนถูกเหยียบย่ำโดยกลุ่มคนที่แตกฮือ ในวินาทีนั้นเองระยะห่างของคนที่ล้อมตัวฉินเย่เอาไว้ก็ถอยฉากออกไปไกล 50 เมตร

ยมทูต!

นี่คือยมทูตอย่างแท้จริง! ผู้บังคับใช้กฎแห่งยมโลก!

“แค่ก….แค่ก แค่ก แค่ก!” เกาต้าหูจ้องมองฉินเย่ด้วยแววตาเหลือเชื่อขณะที่พยายามลุกขึ้นยืนขณะที่ยกมือลูบหน้าอกของตัวเอง ภายในหัวของเขาตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด

และมันก็ไม่ใช่เขาแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ลูกน้องอีกสี่คนในชุดนักโทษเองก็อ้าปากค้างด้วยความกลัวขณะที่สายตาจับจ้องไปที่ร่างของฉินเย่ พายุลูกใหญ่พัดไปทั่วทั้งดินแดน กำแพงแสงส่องประกายแวววาวมากขึ้น ราวกับนรกกำลังแซ่ซ้องแด่การกลับมาของเจ้าเหนือหัวของมัน ในขณะเดียวกัน เปลวไฟนรกที่น่ากลัวซึ่งลอยอยู่กลางอากาศเองก็ลุกโชนมากกว่าเดิม ราวกับกำลังเยาะเย้ยวิญญาณนับร้อยที่ประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป

นี่มันอะไรกัน…

วิญญาณ? ยมทูต? ไม่…ทำไมตอนแรกเขาถึงได้ปรากฏด้วยรูปลักษณ์ที่ไม่มีพิษมีภัยแบบนั้น? แล้วอยู่ดี ๆ…ทำไมเขาถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?

นี่มันไม่ใช่ภาพของกระต่ายสีขาวที่ดูไร้พิษสงเปลี่ยนร่างเป็นเสือที่ดุร้ายอีกต่อไป แต่มันคือกระต่ายขาวไร้เดียงสาที่กลายร่างไปไทแรนโนซอรัสเร้กซ์ที่น่าหวาดกลัวแล้ว!

ตึก ตึก…เวลานี้ สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่ร่างของฉินเย่ เด็กหนุ่มเดินเข้าไปหาคนทั้งหมดอย่างช้า ๆ ครืด….กระบี่ปีศาจถูกลากไปกับพื้นพร้อมกับเสียงที่ชวนปวดหู เกาต้าหูแทบจะรู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณของเขากระเจิดกระเจิงไปหมด เขารีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที

“นายท่าน!!” ความรู้สึกหวาดกลัวที่ท่วมท้นทำให้เขาขนลุกไปทั่วทั้งร่าง อดีตหัวหน้ากลุ่มเกาเจียรีบคลานไปหาฉินเย่ต่อหน้าวิญญาณนับพัน เขาไม่สามารถสนใจภาพลักษณ์ของตัวเองได้อีกต่อไป “กะ กะ ก่อนหน้านี้…มะ เมื่อครู่นี้…”

ตึก…เท้าคู่หนึ่งหยุดลงเบื้องหน้าของเขา เขาสามารถมองเห็นเพียงลายปักของผ้าไหมอย่างดีรอบชายเสื้อคลุมเท่านั้น ฉินเย่เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบนิ่ง “เจ้าคงกล้ามากสินะถึงได้มาต่อรองกับยมทูตเช่นข้า หืม…?”

น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นไม่แสดงถึงอารมณ์ของผู้พูดเลยแม้แต่น้อย ไม่มีทั้งความตื่นเต้น หรือโกรธเกรี้ยว แต่มันกลับทำให้ร่างของชายหัวโล้นทั้งห้าคนสั่นอย่างรุนแรง

มันเหมือนกับมีลิ้นที่เย็นยะเยือกของปีศาจร้ายมาเลียไปตามกระดูกสันหลังของพวกเขา ให้รู้สึกขนลุกขนชัน

“นะ นายท่าน….” หากวิญญาณสามารถเหงื่อออกได้ ร่างของเกาต้าหูก็คงจะเปียกโชกไปแล้ว เขาเม้มปากแน่นและตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า “ไม่ใช่นะ….ผม…เมื่อครู่นี้….”

แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยจนจบประโยค เปลวไฟสีเขียวบนใบมีดก็ลุกโชนขึ้น!

ไม่มีผู้ใดมองเห็นว่าฉินเย่ได้ทำอะไรลงไป

และกว่าที่ทุกคนจะตั้งสติได้ ฉินเย่ก็ลงมือไปแล้ว เขาถือกระบี่ปีศาจด้วยมือเพียงข้างเดียว และการเคลื่อนไหวที่น่าหวาดกลัวก็สิ้นสุดลงแล้ว รัศมีโค้งที่เขาใช้เหวี่ยงกระบี่ยังคงมีประกายไฟหลงเหลืออยู่ในอากาศอย่างน่าขนลุก ราวกับอากาศเองก็ถูกผ่าเป็นครึ่งเช่นกัน

สายลมอันรุนแรงพัดไปปะทะกับร่างวิญญาณที่ยืนดู ส่งผลให้ร่างของพวกเขาสั่นเทา เกาต้าหูและกลุ่มผู้ติดตามของเขาหายตัวไปจากพื้นผิวของนรกอย่างสมบูรณ์

“ฮือฮา….” เสียงอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงดังก้องไปทั่วอย่างไม่มีที่สิ้นสุด วิญญาณกว่าหมื่นตนต่างมองไปยังร่างของยมทูตหนุ่มด้วยความหวาดกลัวจนทำอะไรไม่ถูกขณะที่ถอยห่างจากฉินเย่โดยไม่รู้ตัว

นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว…

มันโหดเหี้ยมเกินไป…

วิญญาณนับร้อยตนถูกกำจัดไปโดยไร้ซึ่งความปรานี!

ฟึ่บ!!

การฟันเพียงครั้งเดียวสามารถทำให้เกาต้าหูและผู้ติดตามของเขากลายเป็นเพียงฝุ่นผงและลูกไฟวิญญาณสีเขียวที่ลอยออกมาจากร่างลอยเข้าไปในประตูนรก ทันใดนั้นเสียงสีเขียวที่อยู่บริเวณโถงของพระราชวังลุกโชนอย่างรุนแรง ส่งผลให้บรรยากาศโดยรอบดูน่าขนลุกยิ่งขึ้น

ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร เมื่อครู่นี้ตอนที่ฉินเย่มาถึงในตอนแรก แววตาของเหล่าดวงวิญญาณทั้งหมดต่างเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความวิตกกังวล ความร้อนใจ และอื่น ๆ แต่ตอนนี้แววตาของพวกเขาทุกคนกลับเหมือนกัน

หวาดกลัว

พวกเขาหวาดกลัวจนทั่วทั้งแดนนรกแห่งนี้ตกอยู่ในความเงียบงัน

ถึงแม้ว่ามือและเท้าของพวกเขาจะสั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ แต่พวกเขาก็ยังปิดปากตัวเองแน่น ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาแม้แต่คำเดียว รูม่านตาของคนทั้งหมดหดลงขณะที่จ้องมองไปยังเงาดำที่ยืนอยู่ท่ามกลางพื้นที่โล่งในตอนนี้ กำแพงแสงที่เต็มไปด้วยตัวอักษรสีทองยังคงส่องประกายอยู่เบื้องหลังของยมทูตหนุ่ม ขณะความเงียบที่น่ากลัวปกคลุมไปทั่วทุกตารางนิ้ว การทะเลาะวิวาทตรงหน้าเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว ฉินเย่ได้รับชัยชนะเหมือนกับพระเจ้าที่ลงมาจุติยังดินแดนแห่งนี้

“ไม่มีสิ่งใดให้ต้องกลัว” ฉินเย่เก็บกระบี่กลับไปไว้บนหลังตามเดิมขณะที่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“นรกแห่งเดิมได้ล่มสลายไป และนรกแห่งใหม่ในเวลานี้ก็ไม่ต่างอะไรไปกับพื้นที่รกร้าง ข้ายังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเจ้าทุกคน ในการสร้างมันขึ้นมาใหม่และทำให้กลับไปสู่วันคืนอันรุ่งโรจน์อีกครา กำจัดวิญญาณชั่ว ลงทัณฑ์อาชญากรรมทุกอย่าง และให้รางวัลแก่บุคคลที่สมควรได้รับ นี่คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของนรก ข้าจะใช้โอกาสนี้ในการอธิบายอะไรบางอย่างให้พวกเจ้าฟัง เพราะฉะนั้น…จงจำเอาไว้ให้ดี”

เขากวาดสายตาไปมองผู้ฟังทั้งหมดราวกับสายฟ้าที่รุนแรง ไม่มีใครกล้าสบตาของเขา คนทั้งหมดรีบก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว

มันมีเรื่องบางอย่างที่ฉินเย่คิดมาระยะหนึ่งแล้ว และคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเขาก็เป็นคำพูดที่ถูกเรียบเรียงมาอย่างดี “อันดับแรก ขุมนรกทั้ง 18 ขุม พระตำหนักทั้งสิบ และกงล้อแห่งสังสารวัฏนั้นไม่มีอยู่อีกต่อไป ซึ่งมันหมายความได้สองประการ ประการแรก วิญญาณของพวกเจ้าจะไม่สูญสลาย เว้นแต่ว่าข้าจะเป็นคนกำหนดมัน เจ้าจะยังสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป”

“ประการที่ 2 ผู้ที่กระทำชั่วและกระทำผิดในแดนมนุษย์จะยังไม่ถูกลงทัณฑ์ในตอนนี้ ในขณะเดียวกัน ผู้ที่กระทำสิ่งที่ดีงามในช่วยระยะเวลาที่อยู่ในแดนมนุษย์ก็จะยังไม่ได้รับการตอบแทนในตอนนี้เช่นกัน”

เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงขรึมว่า “อย่างไรก็ตาม แม้ว่านี่จะแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน แต่มันก็ไม่ใช่ความหมายของการมีอยู่ของนรก!”

“ความดีและความชั่วจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างเหมาะสม และกงล้อแห่งสังสารวัฏจะต้องกลับมาหมุนอีกครั้ง! นี่คือหน้าที่หลักของนรกที่ข้าจะสร้างขึ้นมาใหม่นี่!”

“การทำความดีและการสั่งสมบุญจะมีความหมายอะไร หากผู้กระทำชั่วไม่ได้รับการลงทัณฑ์และผู้กระทำดีไม่ได้รับรางวัล? ราคาที่ต้องจ่ายนั้นเบาเกินไป! ดังนั้น…” เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ

“ก้าวแรกของการสร้างนรกขึ้นมาใหม่ก็คือการสำรวจสำมะโนประชากร ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้าคนใดปกปิดความผิดของตนเอง ไม่ว่าในทางใดก็ตาม สมุดแห่งความเป็นตายยังคงอยู่ที่ใดสักแห่งบนโลกมนุษย์ และการที่ข้าจะหามันเจอนั้นมันก็เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้น หากข้าพบว่าพวกเจ้าตนใดปกปิดการกระทำผิดของตนเองหลังจากที่ข้าได้ครอบครองสมุดแห่งความเป็นตายแล้ว….มันผู้นั้นจะถูกตัดสินให้รับโทษในขุมนรกทั้ง 18 และต้องไปเวียนว่ายตายเกิดในพิภพเดรัจฉานสิบชาติ!”

เสียงของฉินเย่ดังก้องราวกับเสียงฟ้าผ่า วิญญาณทั้งหมดเงยหน้าขึ้นมาทันที

บาปในดินแดนมนุษย์ล้วนมีตัวเจ้าเป็นผู้กำหนด

นรกนั้นมีอยู่มาแต่สมัยโบราณกาล

คนจีนนั้นเป็นคนเรียบง่าย ความดีและความชั่วจะต้องได้รับการชดใช้อย่างสาสม นี่เป็นแนวคิดพื้นฐานที่พวกเขายึดถือมาเนิ่นนาน

เป็นมาตรฐานของจิตใจมนุษย์

ดูเหมือนว่า…ยมทูตตนนี้จะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่พวกเขาคิด…

รอบข้างทั้งหมดยังคงปราศจากเสียงใด ๆ วิญญาณหยินหลายตนล้วนตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ฉินเย่กวาดสายตาไปมองคนทั้งหมดอีกครั้งก่อนจะเอ่ยต่อว่า

“ความดีและความชั่วจะต้องได้รับการตอบแทนอย่างเหมาะสม และกงล้อแห่งสังสารวัฏจะต้องกลับมาหมุนอีกครั้ง! มันยังมีอะไรอีกหลายสิ่งที่ต้องทำในการสร้างนครวิญญาณขึ้นมาใหม่ จงขยันและตั้งใจในงานก่อสร้างนี้ เพราะมันเป็นเพียงโอกาสเดียวที่พวกเจ้าจะได้ชดใช้บาปของตนเอง!”

“ผู้ที่ก่ออาชญากรรมและกระทำผิดจะไม่ได้รับบทบาท ในการบริหารโครงการทุกบทบาท ทันทีที่ข้าได้สมุดแห่งความเป็นตายกลับมา ข้าจะดึงตัวพวกเจ้าออกมาจากงานก่อสร้างเพื่อไปชดใช้กรรมในระดับที่สมน้ำสมเนื้อ นอกจากนี้นี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่พวกเจ้าจะได้กระทำในสิ่งที่ดีงาม ข้าขอสัญญาณ กงล้อแห่งสังสารวัฏจะถูกสร้างขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน สำหรับผู้ที่ประพฤติตนอยู่ในความดีงาม คนธรรมดา และผู้ไม่กระทำผิด ข้ารับรองได้เลยว่าในชาติหน้า…พวกเจ้าจะกลับไปเกิดยังภพภูมิที่ดี”

เกิดความเงียบขึ้นชั่วขณะ

ในตอนแรกเริ่ม พวกเขาทุกคนต่างเปิดหูและรับฟังทุกอย่างเพราะความหวาดกลัวที่มีต่อภาพลักษณ์ที่น่าสะพรึงกลัวของฉินเย่ แต่ในเวลานี้พวกเขากลับฟังทุกสิ่งอย่างตั้งใจ

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าที่นี่ไม่ใช่แดนมนุษย์ที่พวกเขารู้จักอีกต่อไป และชายผู้มีอำนาจเพียงคนเดียวก็กำลังอธิบายถึงการปกครองของตนให้พวกเขาฟัง

หากต้องการใช้ชีวิตอยู่ในยมโลกอย่างสงบสุข พวกเขาจะต้องเข้าใจก่อนว่าผู้ปกครองของที่แห่งนี้เป็นอย่างไร? เขาเป็นนกอินทรี หรือว่าเขาเป็นนกพิราบกันแน่?

เสียงพูดของฉินเย่อ่อนลงกว่าเดิม “ตอนนี้ข้ามีคำถามบางอย่างอยู่ในใจ และข้าก็หวังว่าพวกเจ้าทุกตนจะตอบมันอย่างตรงไปตรงมา”

แม้ว่าเขาจะไม่เคยดำรงตำแหน่งที่ต้องเป็นผู้นำใครมาก่อน แต่เขารู้หลักการพื้นฐานของมันดี ไม่มีใครที่สามารถทนต่อการถูกกดหัวไร้อิสระเป็นเวลานานได้ ประสบการณ์ชีวิตหลายทศวรรษของเขาไม่ได้สูญเปล่าแล้ว

“ผู้ที่เคยรับราชการทหารหรือเป็นตำรวจในชาติที่ผ่านมา ก้าวออกมาเสีย”

ไม่มีใครตอบสนองในทันที

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปสักพัก คนกลุ่มหนึ่งก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้นและก้าวออกมาด้านหน้า “ผมครับ”

“ฉันด้วย”

“ฉันเคยรับราชการในกองพลทหารปืนใหญ่ที่ 2”

“ฉันเคยรับราชการทหารเรือก่อนที่จะตาย…”

ฉินเย่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกในใจ

เขาเชื่อใจชายชาติทหารมากที่สุด

“ดี จงเดินออกมาด้านหน้าและมายืนข้าง ๆ ข้า”

และขณะที่วิญญาณที่ถูกเรียกออกมาเดินมาประจำที่ ฉินเย่ก็เอ่ยต่อว่า “ครั้งนี้ ข้าอยากจะให้ผู้ที่เคยทำงานในอุตสาหกรรมการก่อสร้างและกฎหมายก้าวออกมาด้านหน้า”

ครั้งนี้…มีคนก้าวออกมามากกว่าเดิม ในความเป็นจริงแล้ว มันมีเกือบพันคน แต่จำนวนของผู้ที่เคยทำงานด้านกฎหมายนั้นมีอยู่เพียง 20-30 คนเท่านั้น

“นายท่าน ผมเคยทำงานในศาลประชาชนในมณฑลอันฮุ่ย [1]”

“นายท่าน ผมเคยเป็นทนายความในสำนักงานกฎหมายเอกชนแห่งหนึ่ง บริษัทของผมตั้งอยู่ที่ถนนเจียงเป่ย และมันมีชื่อว่าสำนักงานกฎหมายตระกูลโจว ท่านสามารถตรวจสอบมันได้ เพราะผมปฏิเสธที่จะไม่ทำคดีหนึ่ง ทำให้มีคนทำร้ายผม จนรถของผมก็ประสบอุบัติเหตุเมื่อไม่นานมานี้”

“นายท่าน ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ในแผนกรวบรวมหลักฐาน ท่านสามารถตรวจดูเลขทะเบียนของผมที่โลกมนุษย์ได้….”

ฉินเย่พยักหน้า “คนที่เคยทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างไปยืนรวมกันทางนั้น ส่วนคนที่ทำงานกฎหมายให้มายืนรวมกันทางฝั่งนี้”

ทุกอย่างดำเนินไปแบบนั้นสักพัก ฉินเย่จัดระเบียบกำลังคนของตัวเองก่อนจะให้ไปด้านหลังและทาบมือลงบนกำแพงแสง

ทันทีที่มือของเขาสัมผัสกับกำแพง กำแพงแสงทั้งหมดก็สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้น…มันก็เปลี่ยนร่างเป็นผีเสื้อแสงที่บินหนีไปรอบ ๆ ทันที

ความยิ่งใหญ่ของประตูนรกปรากฏขึ้นตรงหน้าของคนทั้งหมด

“ทุกคนอย่าเพิ่งขยับ ข้าต้องการให้เพียงกลุ่มคนที่ข้าเรียกออกมาก่อนหน้านี้เท่านั้นเดินตามข้ามา”

ขณะที่พูด เด็กหนุ่มก็เดินไปยังประตูนรกอย่างไม่รีบร้อนนัก หัวใจของเขาในเวลานี้เต้นเร็วเป็นอย่างมาก พยายามอย่างมากในการบังคับตัวเองให้สงบใจลง

โดยปราศจากกงล้อแห่งสังสารวัฏ พระตำหนักทั้งสิบ หรือการลงทัณฑ์ หน้าที่ของเขาในตอนนี้จึงนากกว่าที่มันเคยเป็นก่อนหน้านี้มาก

แต่แล้วยังไง?

จ้าวนรกองค์แรกก็สร้างทุกอย่างขึ้นมาตั้งแต่ต้นเหมือนกันไม่ใช่หรือ?! ผู้ใดบอกกันว่าหัวหน้าหมู่บ้านจะไม่สามารถขึ้นมาเป็น ประธานาธิบดีได้น่ะ?

มันยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ…แต่นั่นก็หมายถึงตัวเลือกมากมายในตอนนี้ด้วย!

วิญญาณก็เป็นเหมือนดาบสองคม ยิ่งเยอะมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงในการเกิดจลาจลก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น แต่…พวกเขาก็เป็นแหล่งกำลังคนที่มีค่าสำหรับเขา!

ชายชาติทหาร แผนกก่อสร้าง และแผนกกฎหมายคือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้ และในเมื่อมีกำลังพลเพียงพอแล้ว งานในการสร้างนรกขึ้นมาใหม่ก็สามารถเริ่มขึ้นได้ในที่สุด!

[1] ศาลแห่งหนึ่งในจีนซึ่งที่ชื่อว่า “ศาลประชาชน” แบ่งออกเป็นสี่ระดับ ศาลฎีกา ระดับสูง ระดับกลาง และระดับพื้นฐาน

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉันนี่แหละจ้าวนรก [我要做阎罗]

ฉินเย่เด็กหนุ่มมัธยมปลายที่ไม่มีวันแก่ เพราะกิน “เห็ดเทียนสุ่ย” เข้าไปทำให้มีชีวิตอยู่ระหว่างสองโลก เป้าหมายในชีวิตของเขาเพียงต้องการมีชีวิตเล่นเกมอยู่ไปวัน ๆ เท่านั้น แต่ดูเหมือนนรกจะไม่ได้ยินเสียงเรียกร้องของเขา เมื่อนรกถึงกาลอวสาน ผีร้ายออกอาละวาดบนโลกมนุษย์ ทำให้ฉินเย่ที่เป็นยมทูตคนสุดท้ายต้องรับหน้าที่จ้าวนรกเพื่อพิทักษ์โลกใบนี้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset