บทที่ 94: ลักษณะของนรก
อาร์ทิสประหลาดใจเล็กน้อย
ตามความเข้าใจของนาง ปกติฉินเย่ไม่ใช่คนที่จะเป็นฝ่ายเริ่มต่อสู้ก่อน หากจะพูดกันตามตรงก็คือ แม้ว่าอีกฝ่ายจะพัฒนาจากตอนที่เจอกันครั้งแรกมาก แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าก็ยังถือว่าเป็นพวกขี้ขลาดอยู่ดี
“เจ้าแน่ใจแล้วใช่หรือไม่?”
“…น้ำเสียงแบบนั้นมันหมายความว่าอย่างไร?” ฉินเย่ถอนหายใจออกมาอย่างไม่พอใจก่อนจะนวดขมับของตัวเอง
เขาใช้เวลาคิดเป็นชั่วโมงว่าจะลุยต่อหรือไม่
ถ้าไม่ เขาก็ต้องเลือกทางเลือกอื่น ซึ่งจะต้องใช้เวลาอีกนานเพียงใดกว่าที่เหล่าดวงวิญญาณหยินจะได้เข้าสู่นรกอีกครั้ง? 50 ปี? หรือ 100 ปี?
ตราบใดที่นรกยังคงยุ่งเหยิง ดวงวิญญาณหยินทั้งหมดก็จะไม่มีที่ให้ไป จากนั้นวิญญาณหยินที่มีอายุ 50 ถึง 100 ปี ก็จะตกอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของราชาวิญญาณสามแห่งพิภพทั้ง 6 ครั้งหนึ่งจางเชิงไห่เคยพูดเอาไว้ว่าค่าพลังหยินที่รวมกันทั้งหมดของประเทศจีนนั้นสูงถึง 1.2 พันล้าน ซึ่งเท่านี้มันก็เป็นเหมือนสายเบ็ดที่ถูกขึงจนตึงแล้ว ไม่มีที่ว่างสำหรับรับน้ำหนักมากกว่านี้แล้ว
และหากเวลานั้นมาถึง พลังของราชาวิญญาณทั้งสามก็จะสามารถก้าวข้ามการป้องกันของเมืองเป่าอันมาได้ก่อนที่นรกจะถูกสร้างขึ้นใหม่เสียอีก
มันดีกว่าที่จะเป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน
อย่างน้อยที่สุด นี่ก็เป็นตัวเลือกที่แย่น้อยที่สุดแล้ว และตี้ทิงเองก็เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่เก่าแก่ไม่ใช่หรือ? เมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้ว อีกฝ่ายก็ยังถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน…ดังนั้นบางที ตี้ทิงตรงหน้าอาจจะเหลือทางออกไว้ให้พวกนางบ้าง…
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงฟังให้ดี” อาร์ทิสสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดและเอ่ยเสียงต่ำ “หลังจากนี้ เจ้าต้องทำตามที่ข้าบอก อย่าพลาดแม้แต่ขั้นตอนเดียว”
“อย่างแรก นี่คือมิติที่ยมทูตมีอำนาจอย่างเด็ดขาด มีสิ่งมีชีวิตที่เราไม่อาจหยั่งรู้มากมายอยู่ภายในรอยต่อระหว่างยมโลกและโลกมนุษย์แห่งนี้ พวกมันไม่ใช่ทั้งภูตผีหรือคนเป็น และเหตุผลเดียวที่พวกมันยังไม่ปรากฏตัวขึ้นก็เป็นเพราะการที่ท่านตี้ทิงอยู่ที่นี่”
“เพื่อที่จะป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ตอนที่เข้าหรือออกจากแดนมนุษย์ สถานที่แห่งนี้จึงถูกคุ้มครองโดยกฎแห่งสวรรค์ ใช้ได้กับทั้งยมทูตและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบ ดังนั้นตราบใดที่เจ้าสามารถคิดมันออกได้ เจ้าก็จะต้องทำมันได้อย่างแน่นอน”
ลูกบอลผนึกสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นนางจึงบินขึ้นไปด้านบน!
มันไม่เหมือนกับตอนที่นางลอยอยู่ข้าง ๆ ฉินเย่ก่อนหน้านี้ ครั้งนี้นางบินไปด้านบนพร้อมกับปีกคู่หนึ่ง!
“ยกตัวอย่างเช่น การบิน”
ฉินเย่ผงะไปทันที และเขาก็รีบหลับตาลง หลังจากผ่านไปประมาณสิบวินาที ปีกคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาบนแผ่นหลังของเขา เด็กหนุ่มพุ่งตัวขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็ว
พรึ่บ…..สายลมรุนแรงปะทะกับเสื้อผ้าจนเกิดเสียงดังราวกับเสียงกลองรั่ว ฉินเย่จ้องมองมือทั้งสองข้างของเขาด้วยสายตกตะลึงขณะที่ก้มมองดูพื้นที่ขนาดใหญ่ด้านล่างและเอ่ยครางออกมา “มหัศจรรย์จริง…”
“ตอนนี้ หยิบเศษตราเจ้านรกออกมา อย่าลืมห่อหุ้มมันด้วยพลังหยิน เราน่าจะอยู่ไกลพอแล้ว ต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น…ก็ล้วนขึ้นอยู่กับโชคของพวกเรา…” ลูกบอลผนึกมองลงมาด้วยสายตาที่แน่วแน่ขณะกระซิบเสียงเบา
ฉินเย่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงนำเศษตราเจ้านรกออกมา ห่อหุ้มมันด้วยพลังหยินอย่างรวดเร็ว จากนั้นทั้งคู่ก็มองไปทางตี้ทิงอย่างพร้อมเพรียงกัน
ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
เฮ้อ~…ฉินเย่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “แล้วอย่างไรต่อ?”
“จากนั้น…” อาร์ทิสลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “จากนั้น เจ้าก็จำเป็นจะต้องรู้ถึงธรรมชาติของยมโลก”
“ข้าขอย้ำให้เจ้าฟังอีกครั้งว่ายมโลกนั้นไม่ได้มีอยู่จริงในโลกมนุษย์ นครวิญญาณที่เจ้าเคยเห็นก่อนหน้านี้นั้นไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าการฉายภาพ ๆ หนึ่งเท่านั้น ในความจริงแล้วมันเป็นมิติที่ถูกแยกออกจากกันโดยสมบูรณ์ ในมือของเจ้าในตอนนี้มีเศษตราเจ้านรกอยู่สองชิ้น จงใช้ชิ้นหนึ่งเป็นตัวนำ มันจะเป็นแกนกลางใหม่ของยมโลก”
“จากนั้น แกนกลางชิ้นดังกล่าวจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างช้า ๆ เมื่อมันดูดซับพลังหยินจากรอบข้างได้เพียงพอ มันจะเริ่มขยายเป็นครั้งแรก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว มันจะมีพื้นที่เพียงห้าตารางกิโลเมตรเท่านั้น…”
“เดี๋ยวก่อนนะ” ฉินเย่ขมวดคิ้วยุ่ง “เล็กแค่นั้นเองหรือ?”
“แล้วเจ้าคาดหวังอะไร?” อาร์ทิสหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าคิดหรือว่ายมโลกจะมีขนาดเท่ากับประเทศจีนทันทีที่มันถูกก่อตั้งขึ้นใหม่หรือไง? เจ้าดูหนังมากไปหรือเปล่า?”
“การก่อตั้งชาติที่ทรงอำนาจนั้นต้องเป็นไปตามกระบวนการ มันมักจะเริ่มจากหมู่บ้าน และจึงเป็นตำบล เทศมณฑล เมือง นคร มณฑล เขต และสุดท้าย…ประเทศ พื้นที่ห้าตารางกิโลเมตรก็มีขนาดเดียวกันกับหมู่บ้านของแดนมนุษย์ และมันจะเป็นเช่นนี้ก็ต่อเมื่อเราขโมยพลังหยินจำนวนมหาศาลมาจากตี้ทิงมาใช้ได้ แต่หากเราใช้พลังหยินเพียงเล็กน้อยที่อยู่ในรังของเชาโยวเต๋า มันก็อาจจะนับว่าเจ้าโชคดีมากหากเจ้าสามารถสร้างพื้นที่แรกเริ่มได้ถึง 0.001 ตารางกิโลเมตร”
“เดี๋ยวก่อน!” ฉินเย่เอ่ยแทรกขึ้นมา “ท่านพูดว่า…ขโมยหรือ?”
“จะเป็นอะไรไปได้เล่า?” อาร์ทิสเอ่ย “เศษตราเจ้านรกนั้นเป็นสมบัติอันล้ำค่าของนรก ทันทีที่เจ้ากระตุ้นการทำงานของมัน มันจะดูดซับพลังหยินทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่ขนาด 500 ตารางกิโลเมตรทันที และตี้ทิงเองก็…อยู่ในขอบเขตนี้ด้วยเช่นกัน”
ฉินเย่ขอยืนยันอีกครั้งเลยว่าอาร์ทิสนั้นมีหัวใจที่ดำสนิท ปราศจากสิ่งเจือปนใด ๆ
และในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดตี้ทิงจึงตื่นขึ้น
ข้ากำลังพักผ่อนและพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ แต่พวกเจ้ากลับกล้ามาเตะตูดเสืออย่างนั้นหรือ? ข้ากำลังดูดซับพลังหยินที่อยู่โดยรอบเพื่อมารักษาอาการบาดเจ็บของตน แต่พวกเจ้ากลับวางแผนขุดรูและวางรากฐานอยู่รอบตัวข้า?
เจ้าอยากตายหรือไร?
อาร์ทิสเอ่ยต่อ “ในเมื่อตอนนี้พวกเราตัดสินใจที่จะก่อตั้งนรกขึ้นมาใหม่แล้ว เราก็ต้องกอบโกยโอกาสที่จะทำให้นรกแข็งแกร่งได้มากที่สุดเท่าที่เราสามารถทำได้ และเมื่อพลังหยินที่อยู่ภายในนรกมีสูงถึง 30 ล้าน ตี้ทิงก็จะไม่กล้ามายุ่งกับเราอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับวิธีของเราก็ตาม”
ฉินเย่เหลือบตาลงมองอสูรสีทองที่อยู่ด้านล่างอย่างเป็นกังวลพร้อมกับกระซิบเบา ๆ ว่า “ด้วยบาดแผลที่ร้ายแรงเช่นนี้ มันน่าจะไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่ากะพริบตาด้วยซ้ำมั้ง นอกจากนี้ ในฐานะของอสูรศักดิ์สิทธิ์ มันจะไม่อยากเห็นยมโลกถูกสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งหรืออย่างไร?”
อาร์ทิสมีสีหน้าเข้มลงกว่าเดิม หลังจากที่เงียบไปสักพักใหญ่ ในที่สุดนางก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นเฉียบ “มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาความคิดของพวกภูตผี”
“ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่าหากตี้ทิงไม่ยอม มันจะเกิดอะไรขึ้น?”
“มันคืออสูรศักดิ์สิทธิ์แห่งนรก…และมันก็ชอบที่จะได้รับการปรนนิบัติในระดับสูงสุด แต่เมื่อพิจารณาทั้งหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าทั้งหมดนี่เป็นเพียงการแสร้งทำเป็นเชื่อฟังหรอกหรือ? หากมันเชื่อฟังอย่างแท้จริง เหตุใดมันจึงไม่จากไปพร้อมกับพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์? เหตุใดมันจึงเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะอยู่ที่นี่?”
ฉินเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่น
ในเมื่อเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะสร้างยมโลกขึ้นมาใหม่จากตั้งแต่แรกเริ่ม เขาก็จะยอมทำทุกอย่างสุดความสามารถเพื่อกำจัดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นทั้งหมด
“มาต่อจากที่เราค้างไว้ ทันทีที่เศษตราเจ้านรกชิ้นแรกได้ตั้งรกรากในตำแหน่งที่ระบุแล้ว เจ้าก็จะสามารถใช้เศษตราเจ้านรกอีกหนึ่งชิ้นที่อยู่ในมือ เข้าไปในยมโลกแห่งใหม่ได้หลังจากเวลาเที่ยงคืนของทุกวัน”
ฉินเย่ยังคงฟังอย่างอดทน แต่ไม่นานเขาก็พบว่ามัน…จบแล้ว?
แค่นี้?
“มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?”
“ง่าย?” อาร์ทิสแทบจะระเบิดความเกรี้ยวโกรธของตนเองออกมา “ใช่…เจ้าสามารถพูดเช่นนั้นได้ในเวลานี้ แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าในพงศาวดารของยมโลกนั้นได้บันทึกเอาไว้ว่าย้อนกลับไปในยุคสมัยแรก ยมโลกได้มีการก่อตั้งขึ้นทั้งสิ้น 1,432 ครั้ง?! และทั้งหมดล้วนเป็นขนาดของหมู่บ้านเท่านั้น! เจ้านรกองค์แรกต้องผ่านการต่อสู้และสงครามนับร้อยปีก่อนที่พระองค์จะทรงสามารถรวบรวมยมโลกให้เป็นปึกแผ่นได้ แล้วท่านจึงจะสามารถเริ่มสร้างนครวิญญาณขึ้นมาได้ในที่สุด!”
“ทีละเล็กทีละน้อย นรกได้รวบรวมพลังจากสิ่งแวดล้อมโดยรอบและขยายตัวออกอย่างช้า ๆ โชคดี พวกมนุษย์นั้นโง่เง่าและทำสงครามกันอย่างไม่รู้จักจบสิ้น พลังหยินที่ได้นั้นจึงไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากนี้ อายุของพวกมนุษย์ในเวลานั้นก็สั้นกว่าตอนนี้มาก ไม่เช่นนั้น นรกคงไม่สามารถขยายขนาดจนใหญ่อย่างที่เป็นอยู่ได้”
“แต่ตอนนี้ เจ้าเพียงยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์ แต่เจ้ากลับมีสิทธิ์มาพูดว่ามันง่ายอย่างนั้นหรือ?”
ฉินเย่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงกระแอมเบา ๆ “ถ้าเช่นนั้น…ทุกอย่างจะถูกตัดสินทันทีที่ข้าฝังเศษตราเจ้านรกลงไปในพื้นดินใช่หรือไม่?”
“ไม่…การวางตำแหน่งของเศษตราเจ้านรกลงในพื้นที่นั้นเป็นเพียงขั้นแรกเท่านั้น หลังจากนั้น เจ้าจะต้องจินตนาการถึงรูปแบบของยมโลกขึ้นมาในใจ จงจำเอาไว้ว่ามันจะต้องเป็นภพใหม่ทั้งหมด ในพิภพทั้งสามที่ประกอบกันเป็นโลก ยมโลกนั้นปราศจากซึ่งความเคลื่อนไหวใด ๆ และตอนนี้ เจ้าก็เป็นเทพเจ้าของภพนี้ ก้าวแรกของการสร้างใหม่นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก!”
“เจ้าต้องตัดสินใจรูปแบบลักษณะของยมโลกแห่งใหม่ด้วยตัวเอง มันก็จะขยายใหญ่ขึ้นตามรูปแบบที่เจ้าคิดเอาไว้ และในอนาคตแม้ว่ามันขยายออกจนมีขนาดพอ ๆ กับนครหรือมณฑล มันก็จะยังอยู่ในรูปแบบเดิม…เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าพอจะรู้จักว่านวนิยายแฟนตาซีที่เป็นที่นิยมในหมู่มนุษย์ทุกวันนี้หรือไม่? ส่วนใหญ่แล้วต่างก็มุ่งเน้นไปที่แนวคิดเกี่ยวกับกฎข้อบังคับทั้งสิ้น”
“กฎพวกนั้นล้วนมีอยู่จริง และกฎสูงสุดนั้นก็ไม่ใช่สิ่งใดอื่นนอกจากกฎแห่งสวรรค์ แต่ในยมโลก ตัวเจ้านั้นมีความหมายเช่นเดียวกันกับกฎ เจ้าสามารถกำหนดรูปแบบของนรกได้ ต้องการให้มันเป็นแบบใดหรือไม่เป็นแบบใด และทุกอย่างก็จะพัฒนาขึ้นมาตามกฎที่เจ้าได้ตั้งขึ้น”
“หากพูดกันง่าย ๆ ก็คือเจ้าต้องสร้าง ‘แบบจำลอง’ ของยมโลกขึ้นมาในหัว และสลักรายละเอียดทั้งหมดของมันใส่ในชิ้นเศษตราเจ้านรก ซึ่งนั่นจะถือเป็นจุดสิ้นสุดของกระบวนการติดตั้ง”
ฉินเย่พยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นจึงปิดเปลือกตาลง
การสร้างโลกใหม่
นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน
จากประสบการณ์ส่วนตัวของตัวเอง รวมทั้งภาพและเสียง ทั้งหมดเริ่มปรากฏขึ้นในหัวของเขา เด็กหนุ่มวิเคราะห์คำนวณและเรื่องเล่าต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทพเจ้าและวิญญาณ เสาโทเทมที่เคยเห็นมาในชีวิต รูปสลักและจารึก และเรื่องราวอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับนครวิญญาณ…
ทีละเล็กทีละน้อย ชิ้นส่วนเล็ก ๆ มากมายถูกรวมเข้าด้วยกัน ความจำยังคงเป็นจุดแข็งของเขาอย่างที่เป็นมาตลอด และภายใต้สมาธิอันแนวแน่นี้ มันก็ยิ่งดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
ภาพโดยรวม รวมถึงสภาพแวดล้อมและสภาพอากาศถูกสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้น เขาก็เริ่มลงรายละเอียดเกี่ยวกับตึกและอาคารที่จะต้องถูกสร้างขึ้น รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น และจากนั้นก็คือกฎหมายที่ดินและกฎที่มีผลบังคับ…
มันเป็นโครงการขนาดใหญ่ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงหมู่บ้าน แต่คิ้วของฉินเย่กลับมุ่นเข้าหากันบ้างเป็นครั้งคราว หลังจากที่รู้สึกว่าเวลาได้ผ่านไปนานอย่างไม่น่าเชื่อ เขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้งและพยักหน้าให้กับอาร์ทิส
อาร์ทิสไม่ได้ตอบอะไร กลับกัน นางเพียงบินไปลอยอยู่รอบ ๆ ร่างของเด็กหนุ่มอยู่สองสามครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ารู้หรือไม่….ว่าตัวเองอยู่ในห้วงของความคิดมานานเพียงใด?”
“เท่าไหร่?” ฉินเย่ถามอย่างไม่แน่ใจนัก
“ห้าวัน” อาร์ทิสเอ่ย “ห้าวันเต็ม ๆ อยู่ที่เดิม โดยไม่กินหรือดื่มอะไร…เจ้าทำมันได้อย่างไรกัน?”
ฉินเย่ยังใหญ่ ทว่าทันใดนั้นเสียงท้องของเขาก็คำรามออกมา สำหรับตัวเขา มันดูเหมือนเพิ่งผ่านไปเพียงสามหรือสี่ชั่วโมงเท่านั้น
“เราเริ่มเลยได้หรือไม่?” ฉินเย่ลุกขึ้นยืนและถามอย่างคาดหวัง นี่ไม่ใช่เวลาสำหรับเรื่องหยุมหยิม
น้ำเสียงของอาร์ทิสขรึมลง “กรีดมือตัวเองแล้วหยดเลือดของเจ้าลงไปบนเศษตราเจ้านรกหนึ่งหยด สิ่งนี้จะเป็นการประทับเครื่องหมายแสดงความเป็นเจ้าของไว้บนชิ้นส่วนของเศษตรา เจ้านรกองค์ก่อนได้ถูกสังหารไปเมื่อครั้งที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ได้ตรัสรู้ เศษตราเจ้านรกชิ้นนี้จะเป็นของเจ้าอย่างแท้จริง ก็ต่อเมื่อเจ้าทำเครื่องหมายประทับตรามันเอาไว้”
“จากนั้น จงอย่างคิดถึงสิ่งอื่น ถ่ายเทพลังหยินของเจ้าลงไปในเศษตราชิ้นนั้น อย่าหยุดจนกว่ามันจะหยุดเคลื่อนไหว!”
ฉินเย่ทำตามอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ทันทีที่เขาหยดเลือดลงไปบนเศษตราเจ้านรก ชิ้นส่วนสีแดงเข้มพลันระเบิดออกพร้อมกับแสงสีดำที่ส่องสว่างไปทั่วทุกพื้นที่!
พรึ่บ….แสงสีดำดังกล่าวเข้มข้นจนเกิดเป็นระลอกคลื่นที่ปล่อยออกมาในรูปของวงแหวนโดยมีฉินเย่เป็นศูนย์กลาง พลังหยินและพลังหยางใด ๆ ที่สัมผัสกับระลอกคลื่นแสงอันทรงพลังนี้จะถูกพัดออกไปหลายพันเมตร และสลายหายไปราวกับหิมะในวันที่แดดร้อนจัด
ภายในเสี้ยววินาทีนั้น ทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีพันไมล์รอบ ๆ ฉินเย่นั้นสูญสลายและหายไปอย่างสมบูรณ์
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง หยดเลือดของเขาก็ดูเหมือนถูกบางอย่างดูดเข้าไป มันพุ่งไปที่ตรงกลางของชิ้นเศษตราทันที และน่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก ชิ้นส่วนเศษตราที่เป็นของแข็งกลับเริ่มเผยให้เห็นรอยร้าวเล็ก ๆ ในทุกที่ที่หยดเลือดกระจายตัวไป
แกร็ก แกร็กกก…..เลือดยังคงซึมผ่านชิ้นส่วนเศษตราด้วยเสียงที่แผ่วเบา หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที แสงสว่างสีดำที่แพร่กระจายไปทั่วทุกที่ก็พลันถูกดูดกลับเข้าไปในชิ้นส่วนของเศษตราตามเดิม และมิติของลิมโบทั้งมิติก็เกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ตัวอักษรสีแดงสดซึ่งประกอบกันเป็นคำว่า ‘ฉิน’ ถูกสลักลงบนไปชิ้นส่วนเศษตราโบราณ
ในวินาทีนั้น ฉินเย่พบว่าการเชื่อมต่อกับเศษตรานรกชิ้นนั้นได้ก่อขึ้นแล้ว
กรรรร….ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามเบา ๆ ก็ดังขึ้นให้ได้ยินจากด้านล่าง
มันแตกต่างไปจากครั้งก่อน เสียงคำรามในครั้งนี้เข้มกว่าที่เคย และดูเหมือนจะเจือปนไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน เพราะว่าฉินเย่และอาร์ทิสนั้นจับตามองตี้ทิงมาโดยตลอด พวกเขาจึงสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน…
เปลือกตาของตี้ชิงขยับเล็กน้อย
“เร็วเข้า! ใส่พลังหยินของเจ้าเข้าไปในชิ้นส่วนเศษตรา!” อาร์ทิสที่เห็นเช่นนั้นรีบหันมามองหน้าของหยินเย่และตะโกนเสียงดัง
ทันทีที่นางเอ่ยจบ คลื่นพลังหยินอันเข้มข้นก็พุ่งออกมาจากร่างของฉินเย่และไหลเข้าไปในชิ้นส่วนเศษตราชิ้นดังกล่าว
พรึ่บ…เส้นผมและเสื้อผ้าของฉินเย่กระพือราวกับมังกรคลั่ง เส้นเลือดบริเวณขมับเต้นตุบ ๆ ในขณะที่เส้นเลือดที่คอของเขาปูดโปนออกมาอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกดูดเข้าไปในหลุมดำ พลังหยินในร่างของเขาทั้งหมดพรั่งพรูออกไปราวกับคลื่นยักษ์
ตูม!!!
ภายในเวลาไม่ถึงห้าวินาที เขาได้เปลี่ยนเป็นร่างยมทูตโดยไม่รู้ตัว
เสื้อคลุมสีดำ ผมขาว ม่านตาสีดำ และรูม่านตาสีขาว เปลวเพลิงนรกปกคลุมไปทั่วทั้งร่าง ราวกับตอบรับการเปลี่ยนแปลงของเขา เศษตราเจ้านรกเริ่มหมุนวนพลังหยินของมันล้อมรอบร่างของฉินเย่ เกิดเป็นกระแสน้ำวนพลังหยินขนาดใหญ่!