บทที่ 88: โครงสร้างภายในองค์กรของหน่วยสอบสวนพิเศษ
ฉินเย่จดจำข้อมูลทั้งหมดไว้ในหัวก่อนที่จะเลื่อนไปดูกระทู้ถัดไป“
“การแบ่งเขตการปกครองภายในประเทศ”
ภายใต้การวางแผนของหน่วยสอบสวนพิเศษ สามมณฑลในทางตะวันออกได้ถูกจัดให้อยู่ภายใต้การปกครองของพื้นที่จีนทางตอนเหนือ ซึ่งสำนักงานใหญ่นั้นตั้งอยู่ที่เมืองเฟิ่งเทียน
พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ครอบคลุมดินแดนทางตะวันตกเฉียงและเขตปกครองตัวเองซินเจียงตอนเหนือ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ทัวหลุนบา
พื้นที่ทางใต้ครอบคลุมมณฑลสี่แห่งที่อยู่บริเวณชายฝั่งทางใต้ โดยที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองจูโจว
พื้นที่ทางตะวันตกครอบคลุมห้ามณฑลทางตะวันตก โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่นครเหลียนฮวา
พื้นที่จีนตอนกลางประกอบด้วยหกมณฑลที่อยู่ทางภาคกลางของแผ่นดินจีน และครอบครองพื้นที่มากที่สุด โดยสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองซีปั๋ว [1]
พื้นที่ทางทะเลจีนตะวันออกครอบคลุมมณฑลสี่แห่ง โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองตงไห่
นอกจากนี้ยังแยกพื้นที่เป็นสองส่วน
เขตเยียนจิงซึ่งปกครองทั้งหมดเมืองเยียนจิงและจังหวัดใกล้เคียงอื่น ๆ!
และสุดท้าย เขตเซินตง ซึ่งครอบครองพื้นที่ของซูโจวและหางโจว!
“พื้นที่ขนาดใหญ่แปดแห่ง….” ฉินเย่พึมพำ “อาร์ตี้ เป็นไปได้หรือไม่ว่า….แดนมนุษย์จะมีเจ้าหน้าที่ขั้นฝู่จวินแปดคน?”
“นั่นเป็นไปไม่ได้” อาร์ทิสส่ายศีรษะ “แดนมนุษย์อาจจะมีอัจฉริยะผู้ซึ่งมีพลังขั้นฝู่จวินก็จริง และพวกเขาก็น่าจะถือได้ว่าเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนมนุษย์ เหตุผลหนึ่งที่ข้าไม่กล้าที่จะเปิดเผยร่างจริงในเมืองชิงซีก่อนหน้านี้…ก็เพราะว่าข้ากลัวว่ามันจะมีอัจฉริยะผู้ซึ่งมีพลังขั้นฝู่จวินอยู่แถวนั้น เจ้าจงอย่าลืมว่าเมืองชิงซีนั้นเป็นพื้นที่ที่เป็นแหล่งกำเนิดของลัทธิเต๋าอันทรงเกียรติ”
“จริงเหรอ?”
ฉินเย่เพียงถามอย่างไม่จริงจังนัก แต่อาร์ทิสกลับมีสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้น “มีความเป็นไปได้อย่างน้อย 90% ”
“เจ้าจำตอนที่ข้าสำแดงพลังได้หรือไม่?”
“การสำแดงพลังในครั้งนั้นเป็นเพียงร่างอวตารของข้าที่ถูกสร้างขึ้นโดยพลังหยิน โดยปกติแล้วมันจะไม่สลายไปภายในหนึ่งเดือน แต่ตอนนั้น…มันกลับอยู่ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง”
นางสูดหายใจเข้าช้า ๆ และเอ่ยว่า “ข้ารู้สึกได้…ทันทีที่ร่างอวตารของข้าก่อตัวขึ้น…มีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่ข้าจากทางนครเหลียนฮวา….”
“มันน่ากลัวมาก…ตัวตนที่อาจจะอยู่ระดับสูงสุดของขั้นฝู่จวิน แต่ความรู้สึกนั้นก็หายวับไปอย่างรวดเร็วบางทีเขาอาจจะเลิกสนใจพวกเราทันทีสัมผัสได้ถึงพลังของข้า…อันที่จริง…อันที่จริงข้ายังรู้สึกอีกว่าอีกฝ่ายตั้งใจที่จะสื่อสารกับเรา…ไม่สิ บางทีฝ่ายตรงข้ามอาจจะสังเกตเห็นสถานะของเจ้าและข้าได้อย่างชัดเจน พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนรก….แต่นั่นก็ไม่น่าใช่เหมือนกัน สิ่งมีชีวิตระดับเขาจะต้องมีทางเข้าถึงและสื่อสารกับนรกได้แน่ และนั่นก็คงจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่เผยตัวออกมาในท้ายที่สุด”
ให้ตายเถอะ…
ฉินเย่ที่ได้ยินแบบนั้นสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดและเอ่ย “ท่านหมายความว่า…ข้าเผลอปรากฏตัวในร่างของยมทูตต่อหน้าอัจฉริยะขั้นฝู่จวินอย่างนั้นหรือ?”
“อืม เขาคงจะเหลือบตามองเจ้าสักครั้งหรือสองครั้ง เพราะเจ้าเป็นยมทูตตนสุดท้ายที่เหลืออยู่ หึหึ ของล้ำค่าหายากน่ะ”
ฉินเย่รีบเก็บของทันที
“… เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?”
“ข้ากำลังทำอะไรอยู่น่ะหรือ?! แน่นอนว่าข้าก็ต้องรีบมุ่งหน้าไปที่ภูเขาชิงเฉิงซานเพื่อไปทำความเคารพต่อท่านอาจารย์น่ะสิ! [2] หากข้ายังชักช้าอยู่อีก ข้าคงได้ตายจากการถูกตบหน้าเป็นแน่!”
“…ไม่ต้องกังวลไป ก่อนหน้านี้ข้าเพียงแกล้งเจ้าเล่นเท่านั้น…ไม่ว่ากรณีใด ๆ อีกฝ่ายก็ไม่สามารถรับรู้ถึงตัวตนของเจ้าได้อยู่แล้ว เพราะมันยังมีกฎที่ไม่สามารถละเว้นได้ที่ระบุเอาไว้ว่ายมทูตจะไม่สามารถตรวจพบหรือมองเห็นได้ในขณะที่อยู่ในดินแดนของพวกมนุษย์ ไม่เช่นนั้นเชาโยวเต๋าคงจะถูกจับกุมไปนานแล้ว หลังจากที่สร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่เช่นนั้น อย่างดีที่สุดอีกฝ่ายก็ทำได้แค่คาดเดาเท่านั้น เขาไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน”
ฉินเย่กลอกตา ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ถูกตามตัวหลังจากที่เหตุการณ์ที่มณฑลเสฉวน
มีความเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่ขั้นฝู่จวินผู้นี้จะเป็นผู้ออกคำสั่ง ดังนั้นการติดตามทั้งหมดจึงหยุดไปหลังจากที่ส่งเรื่องไปที่เมืองเป่าอัน
เฮ้อ~ มันยังมีเรื่องอายัดบัตรธนาคารอีก
“ในแดนมนุษย์มีผู้ที่อยู่ขั้นฝู่จวินอยู่จริง ๆ…” เด็กหนุ่มส่ายศีรษะ เขารีบจดไว้ในใจของตัวเองทันทีว่าตัวเองควรจะรอบคอบให้มากกว่านี้ในอนาคต
“มันไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลยสักนิด” อาร์ทิสพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย “ผู้ฝึกตนย่อมมีช่วงชีวิตที่ยืนยาวกว่ามนุษย์ธรรมดาทั่วไป และข้าเองก็สัมผัสได้ว่าฝู่จวินผู้นั้นน่าจะอายุอย่างต่ำ 200 ปี นอกจากนี้ เวลาที่เราเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ข้ามักจะเปิดสัมผัสของตัวเองเสมอ ซึ่งจนถึงตอนนี้ข้าสัมผัสได้ถึงระดับฝู่จวินหนึ่งคนในเสฉวนและขั้นตุลาการนรกอีกหนึ่งหรือสองคน อย่างไรก็ตามทั้งหมดก็มีจำนวนที่น้อยและอยู่ไกลจากเรามาก”
“ข้าว่าเรามาดูจำนวนผู้ที่สามารถก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งการฝึกตนอย่างแท้จริงที่ระบุไว้ใน…เอ่อ…แอปนี้ดีกว่า ดูจากตัวเลขตรงนี้ มันมีมณฑลมากกว่า 30 แห่ง และในมณฑลอันฮุ่ยก็มีผู้ฝึกตนจำนวน 200 กว่าคน หากเราคูณจำนวนคนทั้งหมดด้วย 35 เรายังมีคนไม่ถึง 8 พันคนด้วยซ้ำ และด้วยจำนวนเพียงเท่านั้น…ทันทีที่สงครามกับกองกำลังจากยมโลกเริ่มขึ้น แม้แต่ดวงวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่มีพิษมีภัยอะไรก็สามารถสร้างปัญหาให้กับแดนมนุษย์ได้”
ฉินเย่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยถามข้อสงสัยที่ติดอยู่ภายในใจของเขามาโดยตลอด “อะไรคือความแตกต่างระหว่างสงครามเต็มรูปแบบกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้? พวกเราไม่เห็นดวงวิญญาณมากมายลอยวนเวียนอยู่บนฟ้าหรืออย่างไร? เราไม่ได้เห็นผู้บริสุทธิ์มากมายที่ต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติอย่างนั้นหรือ?”
“มันไม่เหมือนกัน” อาร์ทิสอธิบาย “ตอนนี้เจ้าอาจจะยังไม่เห็นถึงความอันตรายของมัน….แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง พวกมันจะออกมาจากที่ซ่อนตัวและรวมกำลังกัน ซึ่งมันก็จะดึงดูดวิญญาณอาฆาตที่มีอายุ 1 พันปี หรืออาจจะหลายพันปีเข้ามา! พวกมันจะก่อตั้งอาณาจักรวิญญาณขึ้น! พวกมนุษย์จะไม่ตายในทันที แต่พวกเขาจะต้องหนีไปเรื่อย ๆ หรือหากพูดอีกอย่างก็คือ….กองกำลังจากยมโลกจะสร้างอาณาเขตของตัวเอง!”
“ลองคิดดูสิว่าตลอดระยะเวลาร้อยปีที่นรกล่มสลายไป เจ้าคิดว่าจนถึงตอนนี้…มีดวงวิญญาณกี่ดวงกันที่เร่ร่อนไปทั่วแผ่นดินจีน? นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดเจ้าจึงต้องต่อสู้เพื่อให้ได้เข้าไปใน SRC และขุดอุโมงค์เพื่อให้เข้าไปถึงตัวของควาฟู่ให้ได้!”
ฉินเย่ขย้ำผมของตัวเองราวกับกำลังทรมาน “ข้าก็เคยบอกแล้ว ท่านช่วยนึกถึงความเป็นจริงให้มากกว่านี้ไม่ได้หรือ? แม้แต่กราวน์ฮ็อก(สัตว์ที่คล้ายตัวตุ่น) ก็ไม่สามารถขุดอุโมงค์ไปยังควาฟู่ได้ แทนที่จะมาพูดกรอกหูข้าเช่นนั้น ท่านเอาเวลาไปคิดหาสถานที่อื่น ๆ ภายในเมืองเป่าอันที่เราสามารถใช้เป็นที่ตั้งได้น่าจะดีกว่า”
ใช่แล้ว แผนนี้มีปัญหา
ถึงแม้ว่าไม่มีใครเต็มใจที่จะยอมรับมัน แต่มันก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าแผน A ได้ล้มไปแล้ว นอกจากนี้ความปลอดภัยของ SRC ก็อาจจะเพิ่มเป็นระดับสูงสุด และพื้นที่โดยรอบก็คงจะถูกปิดล็อกไปอีกนานหลายปี ความเป็นไปได้ที่จะได้กลับมาตรวจสอบควาฟู่ได้นั้นแทบจะเป็นศูนย์
ฉินเย่ไถหน้าจอดูกระทู้อื่นๆไปเรื่อย ๆ ในอีกด้านหนึ่ง อาร์ทิสกลับเงียบไปและเอ่ยขึ้นว่า “อันที่จริง….มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีนะ”
“อะไร?” ฉินเย่ที่ไถหน้าจออยู่ตอบอย่างไม่ได้สนใจนัก
ลูกบอลผนึกลอยขึ้นมาอยู่ตรงหน้าของเด็กหนุ่ม ทั้งยังบังหน้าจอโทรศัพท์อย่างเอาแต่ใจก่อนจะเอ่ยต่อว่า “ที่ข้าจะพูดก็คือมันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสถานที่สำรองเสียทีเดียว”
มันมีจริง ๆเหรอ?
ฉินเย่กะพริบตาปริบ แต่มันไม่น่าจะเป็นไปได้ไม่ใช่เหรอ? เราจะมีที่ไหนอีก…ไม่นะ!
“มันมีที่อื่นจริง ๆ หรือ…” เขาหรี่ตาเล็กลงอย่างครุ่นคิด “ท่านคิดเรื่องนี้มานานแล้วใช้หรือไม่?”
“มันก็ต้องมีแผนสำรองกันบ้าง” อาร์ทิสถอนหายใจ “เมื่อเจ้าต้องร่วมงานกับยมทูตที่ไม่รู้อะไรเลยนอกจากกิน ดื่ม และถ่าย ผู้ที่มีความคิดมากกว่าย่อมต้องแบกความรับผิดชอบและพิจารณาภาพรวมทั้งหมด…”
“…ข้าจะเตือนอะไรท่านเอาไว้อย่าง แม้ว่าเราจะคุ้นเคยกัน แต่มันก็ไม่ได้ห้ามข้าจากการฟ้องร้องท่านที่กล้ามากล่าวหากันเช่นนี้!” ทันทีที่เอ่ยจบ ฉินเย่ก็ลุกยืนขึ้นและลูบคางของตนขณะที่ถามต่อว่า “รังของเชาโยวเต๋า?”
หากเขาจำไม่ผิด รังของเชาโยวเต๋าตั้งอยู่ในสุสานโบราณ และพลังหยินบริเวณนั้นก็นับได้ว่าอุดมสมบูรณ์มาก เพราะท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็ได้ใช้สถานที่แห่งนั้นมานานถึงร้อยปี
แต่เมื่อเปรียบเทียมกับการสร้างทางเข้าขึ้นเหนือรูของควาฟู่ ตัวเลือกนี้ก็ยังนับว่าน้อยเกินไป อาจสามารถพูดได้ว่าคนละเรื่องเลยก็ว่าได้
หากควาฟู่มีพลังหยินมากถึงขนาดที่เขาสามารถมองเห็นงานก่อสร้างทั้งหมดศาลาเหนี่ยวรั้งวิญญาณ รังของเชาโยวเต๋าก็สามารถทำได้แค่สร้างขั้นแรกของศาลาเหนี่ยวรั้งวิญญาณเท่านั้น
อาร์ทิสเพียงพูดเบา ๆ ว่า “ไม่ต้องกังวลไป ข้ายังเชื่อว่าแมลงวันตัวน้อยอย่างเจ้าจะสามารถหาแทรกรอยแตก มุดเข้าไปหาไข่ที่แสนล้ำค่าได้…ดูสิ แม้ว่าหน่วยสอบสวนพิเศษจะมีการป้องกันอย่างแน่นหนา แต่เจ้าก็ยังสามารถเข้ามาแฝงตัวอยู่ด้านในได้ ดังนั้น SRC ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไรสำหรับเจ้าเช่นกัน….”
“…นี่ท่านมีปัญหาเรื่องการใช้คำหรืออย่างไร?”
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอถามเจ้าบ้างก็แล้วกัน เจ้าเป็นพวกดึงดูดกลิ่นโดยเฉพาะกลิ่นฉุนของร่างกายหรืออย่างไร?”
“ให้ตายเถอะ…” ฉินเย่กลอกตาใส่อีกฝ่าย “กลับมาเข้าเรื่องได้แล้ว ตอนนี้เรายังไม่ควรเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น สำนักฝึกตนแห่งแรกยังไม่ถูกสร้างขึ้น ดังนั้นชั้นเรียนจะถูกจัดขึ้นในสถานที่ที่มีอยู่ และภายในเมืองนี้ก็มีสถานที่เพียงที่เดียวเท่านั้นที่เหมาะสม”
มหาวิทยาลัยอันฮุ่ย!
“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ส่วนระหว่างนี้…ข้าจะลองหาโอกาสไปที่นั่นก็แล้วกัน”
เด็กหนุ่มคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกดเข้าไปในแอปโม่โม่
หลังจากเข้าร่วมกลุ่ม สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาของเขาก็คือข้อความใหม่ในกลุ่ม “ความร่ำรวยและความแข็งแกร่ง ประชาธิปไตย วัฒนธรรม ความสามัคคี เสรีภาพ ความเท่าเทียม ความยุติธรรม หลักกฎหมาย ความรักชาติ ความทุ่มเท ความเป็นมิตร”
ฉินเย่: “???”
นี่เรากดเข้าผิดกลุ่มหรือเปล่า?
เป็นไปไม่ได้ ในโม่โม่มีอยู่กลุ่มเดียวเท่านั้น
เมื่อคิดได้ดังนั้นฉินเย่จึงเลื่อนสายตาไปมองที่ชื่อกลุ่ม: ผู้สืบทอดสังคมนิยม
ริมฝีปากของเขากระตุกเล็กน้อยขณะที่เด็กหนุ่มกดเข้าไปในกลุ่ม และทันใดนั้นเขาก็ได้รับการตอบรับโดยข้อความแชทมากมาย
ในกลุ่มมีคนอยู่เพียงแค่ 200 คนเท่านั้นแต่ข้อมูลที่แลกเปลี่ยนกันในแต่ละวันนั้นค่อนข้างเยอะทีเดียว
“มีใครอยู่ที่นครเจียงยินบ้างหรือเปล่า? มีภารกิจระดับ D เกิดขึ้นใกล้ ๆ บ้านของผู้ว่า นอกจากนี้ยังมีการมอบค่าตอบแทนให้ถึง 1 ล้านหยวนอีกด้วย หากใครสนใจสามารถทักผมมาเป็นการส่วนตัวได้เลย”
“ถามผู้ดูแล: ผู้ฝึกตนขั้นยมเทพได้ประสบกับอาการหายใจถี่รัวระหว่างการพยายามจะบรรลุคอขวดสู่ขั้นนักล่าวิญญาณ สาเหตุของเรื่องนี้มันคืออะไร?”
“สหายเต๋าในพื้นที่ทางตอนใต้จงระวัง! มีการตรวจพบเขตวิญญาณระดับ B ปรากฏขึ้นบริเวณใกล้ ๆ กับแม่น้ำจูเจียง ตอนนี้พื้นที่ทั้งหมดถูกปิดล้อมไว้ทั้งหมด รัศมีของผลกระทบทั้งหมดกินพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร อย่าเข้าใกล้บริเวณนั้นเป็นอันขาด!”
“ตรวจพบเขตไล่ล่าระดับ C ในเมืองฮูหลุนเป้ยเอ่อ [3] นอกจากนี้เรายังตั้งข้อสงสัยว่านี่อาจจะเกี่ยวกับวิญญาณกลายพันธุ์ด้วย มีเพื่อนคนไหนสนใจไปดูและเรียนรู้จากเหล่ารุ่นพี่ของเราบ้างหรือเปล่า? ถ้ามีฉันจะขอไปด้วย!”
มันแตกต่างจากกระทู้ไร้สาระที่อยู่บนหน้าเว็บบอร์ดอื่น ๆ อยากสิ้นเชิง หากพูดตามตรง กระทู้พวกนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกไปจนถึงเรื่องต่าง ๆ ภายในจีน
และที่สำคัญที่สุด…
ไม่มีการระงับบัญชี! ไม่มีการระงับบัญชี! ไม่มีการระงับบัญชี! นี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ควรเน้นย้ำ!
นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ดูแลของกลุ่มนี้อีกด้วย และเขาได้ใช้อำนาจในการระงับบัญชีไปแล้วสองบัญชี!
ฉินเย่รีบจัดระเบียบความคิดของตนเองและเริ่มเข้าร่วมในวงสนทนาทันที
หนุ่มน่ารักกล้ามแน่น: มีใครได้ยินข่าวเกี่ยวกับการรื้อถอนมหาวิทยาลัยอันฮุ่ยสาขาเมืองเป่าอันบ้างหรือเปล่าครับ? มันเป็นจุดที่สำนักฝึกตนแห่งแรกจะถูกสร้างขึ้น
ผู้หญิงที่แกว่ง: นี่ น้องเล็กของเรามาแล้ว! ไหน ขอพี่สาวตรวจดูกล้ามหน่อยสิ
ใบมีดที่ทำลายโลก: หืม… ผู้หญิง
ผู้หญิงที่แกว่ง: ใบมีด คุณหมายความว่ายังไงกันแน่? ไม่รู้หรือไงว่าแอปนี้เรียกว่าอะไร? โม่โม่! นอกจากนี้ ดูชื่อที่ฉันใช้ด้วย! ผู้หญิงที่แกว่ง! มันก็เป็นคำอธิบายในตัวแล้วไม่ใช่เหรอ?
ฉินเย่พยายามนึกอย่างละเอียด
หญิงสาว…ที่… แกว่ง…
สวิงเกอร์?
บทสนทนาภายในกลุ่มยังคงนอกเรื่องไปเรื่อย ๆ: แต่มันก็เป็นธรรมดาของโม่โม่นี่ คุณไม่เคยได้เป้าหมายบ้างหรือไง?
ผู้หญิงที่แกว่งตอบอย่างรุนแรง: เป้าหมาย? แน่นอน ฉันมี! วันหนึ่ง…ฉันจะดูวิดีโอที่ถูกบันทึกไว้ของเหล่าลูกหมาน้อยแสนน่ารักของเรา…นอกจากนี้ ฉันยังรู้สึกเบื่อเนื้อสัตว์ทั้งหมดที่ตัวเองมีตลอดในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา และคิดว่าจะเปลี่ยนไปทางมังสวิรัติสักวันสองวันด้วย
สุนัขแก่บ้าพลัง: ผมคงไม่ลดตัวไปยุ่งกับคุณแน่!
ผู้หญิงที่แกว่ง: ไม่เป็นไร เพราะฉันเองก็ชอบหนุ่ม ๆ หน้าตาน่ารักที่ตัวใหญ่และแข็งแกร่งมากกว่าอยู่แล้ว
หมาขาวที่หัวเราะให้กับลมตะวันตก: <อิโมติคอนหัวเราะ> แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาตัวใหญ่ ทั้งที่ไม่เห็นตัวจริง?
ผู้หญิงที่แกว่ง: คุณจะไปรู้อะไร? ฉันก็แค่ขยายภาพดูเฉพาะจุดด้วยกำลังซูม x10 และสังเกตเล็กน้อยก็เห็นจุดเตะตาแล้ว….<อิโมติคอนหน้าเขิน>x2
ข้อความกลุ่ม: บัญชีของผู้หญิงที่แกว่งถูกระงับเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม
ฉินเย่ปาดเหงื่อบนหน้าผากของตน พวกผู้หญิงนี่…น่ากลัวจริง ๆ
ไม่คิดเลยว่าเธอจะสามารถหาข้อมูลส่วนตัวพวกนั้นมาได้ นี่เราไม่รอบคอบพอหรือยังไง?
บางคน…ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามระมัดระวังสักเพียงใด แต่เขายังส่องแสงราวกับดวงดาวส่องสว่างบนฟ้า และถูกเปิดเผยโดยสายตาที่คอยจับจ้องมา…
ยิ้มกว้างเหมือนมหาสมุทร: กรุณาแชทกลับเป็นการส่วนตัวหากต้องการนัดหมายใด ๆ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางผู้ดูแลระบบได้ทำการเพิ่มการตรวจตราและได้ปิดกลุ่มแชทมากมาย ระวังให้ดี ไม่ได้สังเกตหรือว่าแม้แต่ชื่อกลุ่มเองก็เปลี่ยนไป? นอกจากนี้ยังไม่มีใครได้ยินข่าวเกี่ยวกับการรื้อถอนมหาวิทยาลัยอันฮุ่ยเลยสักนิด ผมคิดว่าสำนักฝึกตนแห่งแรกจะใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยเป็นเวลาสองปี บริษัทรับเหมาก่อสร้างแห่งประเทศจีนนั้นดำเนินงานก่อสร้างอย่างรวดเร็ว ระยะเวลาสองปีน่าจะเพียงพอสำหรับการก่อสร้างในครั้งนี้ของพวกเขา
ซู่เฟิง?
ภายในใจของฉินเย่เต็มไปด้วยความโกรธ ขอบคุณสำหรับข้อมูลในคืนนี้นะครับอาจารย์ชาง
เขากัดฟันพิมพ์ข้อความทั้งหมดไป
ยิ้มกว้างเหมือนมหาสมุทร:…พอดีผมมีธุระที่ต้องไปทำ เพราะฉะนั้นคงต้องขอตัวก่อน และคงไม่คิดว่าจะได้กลับมาคุยในกลุ่มภายในอนาคตอันใกล้นี้ เอาไว้ผมกลับมาแล้วเราค่อยคุยกัน
อย่างน้อยนายก็ถอยได้เร็ว!
ฉินเย่กำลังจะออกจากกลุ่มออกโมโห ทว่าทันใดนั้นความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัว เขาเริ่มพิมพ์อีกครั้ง: มีใครรู้เกี่ยวกับกำลังพลของมณฑลอันฮุ่นในเวลานี้บ้างหรือเปล่าครับ? ผมได้ยินมาว่า SRC มีสาขาอยู่ที่นี่ด้วย? พวกเขายังต้องการคนอยู่หรือเปล่า?
สุนัขแก่บ้าพลัง: นายสนใจ SRC เหรอ?
ฤดูใบไม้ผลิตตลอดกาล: ไม่มีใครรู้เรื่องของ SRC มันเป็นความลับสุดยอด แต่ดูเหมือนว่ากำลังภายในเมืองเป่าอันจะยังขาดแคลนอยู่ ฉันขอไปตรวจสอบก่อน รอสักครู่
หลังจากผ่านไปสามนาที สุนัขแก่บ้าพลัง: เจ้าหน้าที่ขั้นยมทูตยาวดำ 4 คน เจ้าหน้าที่ขั้นนักล่าวิญญาณ 24 คน เจ้าหน้าที่ขั้นยมเทพ 180 คน และผู้ฝึกตนฝึกฝน 1,432 คน อยู่อันดับที่ 18 ในประเทศจีน
“อ่อนแอเกินไป” อาร์ทิสยิ้มเหยียด “ความจริงที่ว่ามีเจ้าหน้าที่ขั้นยมทูตขาวดำเพียงสี่คนก็ชี้ให้เห็นแล้วว่าผู้ที่รับผิดชอบเรื่องทุกอย่างภายในมณฑลอันฮุ่ยคงจะเป็นเจ้าหน้าที่ขั้นตุลาการนรก มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ก่อนหน้านี้ นรกได้มอบหมายให้ยมทูตขั้นตุลาการนรกสามคนดูแลแต่ละมณฑล สองตนไปประจำการในแดนมนุษย์ ในขณะที่อีกคนหนึ่งจะดูแลเรื่องในนรก แต่ข้าก็คิดว่าการที่สามารถมีเจ้าหน้าที่ที่อยู่ขั้นตุลาการในสภาพแวดล้อมของสังคมสมัยนี้ได้ก็นับว่าไม่เลวเลย”
“มันยังมีความแตกต่างทางพลังระหว่างพวกเขาและขั้นนักล่าวิญญาณกับขั้นยมเทพอยู่มาก แม้ว่าเจ้าหน้าที่พวกนี้จะไม่แข็งแกร่งนัก แต่พวกเขาก็ยังเป็นรากฐานสำคัญขององค์กร วิญญาณหยินปรากฏตัวเพิ่มมากขึ้นทุกวันนี้ และมันก็ไม่มีทางที่จะปัดเป่าพวกมันได้โดยปราศจากความช่วยเหลือของยมทูต โชคดีที่ในปัจจุบันนี้มีผู้ที่กลับชาติมาเกิดไม่มากนัก ไม่เช่นนั้น…แผ่นดินจีนคงตกอยู่ในความโกลาหลไปนานแล้ว”
[1] นครหลวงโบราณในมณฑลเหอหนาน
[2] ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นแหล่งกำเนิดของลัทธิเต๋า
[3] เมืองทางตอนเหนือของเขตปกครองตัวเองมองโกเลียใน