บทที่ 125 ประลองหลอมโอสถ[รีไรท์]
“หากพวกเจ้ายังมีสมองอยู่บ้าง อย่าได้มาท้าทายอำนาจของนายท่านข้าอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าเสียใจที่ได้เกิดมา!” โม่หยูถังปล่อยเสียงเย็นเยือกและสลายพลังวิญญาณทั้งหมดออกไป ในการแสดงความแข็งแกร่งขอบเขตนภาของตนเองตอนนี้โม่หยูถังจำเป็นต้องพึ่งพลังของลูกปัดสะสมวิญญาณ ซึ่งโม่หยูถังรู้ตัวดีว่าเขาไม่มีเวลามากพอที่จะใช้มันจนจบการต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงใช้ประโยชน์จากคำพูดของจ้าวปาเทียนแสร้งยอมถอยให้ เพื่อเป็นการปกปิดความลับ
ในขณะนี้บรรดาอาจารย์ที่อยู่ในห้องโถงทุกคนต่างมองไปที่โม่หยูถังด้วยสีหน้าหวาดกลัว ตัวตนระดับไหนกันที่สามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราได้โดยไม่ต้องขยับตัวแม้แต่ก้าวเดียว?
มู่เหวินหาวมองไปที่โม่หยูถังด้วยความหวาดกลัว จากนั้นเขาก็หันไปมองที่อาจารย์ของเขา ถ้าหากอาจารย์ของเขา ตู้กู่หยางเจียนไม่หยุดเขาไว้ เขาก็คงจะเป็นหนึ่งในคนที่นอนหมดสติเหล่านั้นบนเวที
ตู้กู่หยางเจียนเมื่อเห็นท่าทีหวาดกลัวของลูกศิษย์เขา เขาจึงพูดขึ้น “ตอนนี้เจ้ารู้หรือยังว่าทำไมข้าถึงห้ามเจ้า?”
“ท่านอาจารย์ ทำไมเขาแข็งแกร่งขนาดนี้?” มู่เหวินหาวถาม
“ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมเช่นกัน!” ตู้กู่หยางเจียนถอนหายใจ อันที่จริงเขาก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าโม่หยูถังจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ในตอนแรกเขาแค่คาดเดาได้ว่า ยังไงหลิงตู้ฉิงและคนของเขาจะชนะแน่นอน แต่เขาไม่คาดคิดว่าผลลัพธ์ที่ได้เห็นมันจะน่าตื่นตะลึงเหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้อยู่มาก
ในเวลานี้ไม่ต้องพูดถึงอาจารย์คนอื่น ๆ แม้แต่นักศึกษาที่คณะเปิดชั่วคราวนั้นตกใจอย่างมากในความแข็งแกร่งของโม่หยูถัง
อาจารย์คนนี้ที่ดูเหมือนเป็นแค่คนธรรมดา ไหงตอนนี้กลับกลายเป็นเหมือนปีศาจร้ายที่พร้อมจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ทุกเมื่อกัน? นี่มันช่างน่าเกรงขามจริง ๆ อาจารย์ที่สอนศิลปะการต่อสู้ให้พวกเขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?
ในเวลานี้จิ๋นห้าวหมิงที่ยังมีสติอยู่เช็ดเลือดออกจากมุมปากของเขา เขาก้มศีรษะลงและพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยน้ำเสียงเคารพปนหวาดกลัวสุดขีด “พวกเรายอมรับความพ่ายแพ้ โปรดยกโทษให้กับความโง่เขลาของพวกเราที่ทำให้ท่านขุ่นเคือง”
หลิงตู้ฉิงพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าเป็นฝ่ายแพ้ หลังจากจบการประลองพวกเจ้าทุกคนต้องส่งสมบัติระดับสูงของตัวเองมาให้ข้าคนละ 1 ชิ้นไปที่คฤหาสน์ของข้า”
จิ๋นห้าวหมิงก้มหัวลงเป็นการยอมรับ
เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่น่ากลัวเช่นนี้ เขาไม่กล้าที่จะต่อรองอะไรอีกแน่นอน
หลิงตู้ฉิงมองไปที่คณะอื่น ๆ และถามว่า “ใครจะเป็นคนต่อไป ข้าไม่อยากเสียเวลากับพวกเจ้า จงส่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเจ้าออกมา!”
เมื่อบรรดาอาจารย์ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของพวกเขาบ่งบอกถึงความหวาดกลัว
นั่นเป็นเพราะความแข็งแกร่งที่โม่หยูถังได้แสดงออกมาน่ากลัวเกินไป หากพ่อบ้านยังน่ากลัวขนาดนี้ แล้วเจ้านายของพ่อบ้านผู้นี้จะน่ากลัวขนาดไหน
เมื่อเห็นเช่นนี้จ้าวปาเทียนจึงตะโกนขึ้น “เอาล่ะ ในเมื่ออาจารย์หลิงให้โอกาสพวกเจ้าประลองกับเขา พวกเจ้าควรก้าวเท้าออกมารับคำท้าอย่างลูกผู้ชาย เพื่อเปิดหูเปิดตาว่าบนโลกนี้ยังมีคนที่เหนือกว่าพวกเจ้าเสมอ”
อันที่จริง จ้าวปาเทียนต้องการให้บรรดาอาจารย์ในสถาบันได้มีประสบการณ์ ได้เห็นทักษะชั้นสูงในแขนงอื่น ๆ ซึ่งมันจะเป็นผลดีต่อพวกเขา
เช่นเดียวกับที่พวกเขาได้เห็นความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญระดับนภาของโม่หยูถังไปแล้ว ซึ่งถือได้ว่านี่เป็นความรู้และประสบการณ์ที่สำคัญที่จะทำให้พวกเขาเข้าใจเส้นทางการบ่มเพาะในอนาคต
หลังจากถูกจ้าวปาเทียนกระตุ้น เหล่าอาจารย์ที่กำลังยืนสั่นด้วยความกลัวเริ่มกลับมามีสติอีกครั้ง
พวกเขาเริ่มจะคิดได้ว่า ถึงแม้พวกเขาจะแพ้แน่นอน แต่พวกเขายังสามารถตักตวงความรู้ได้จากการประลองนี่นา!
คณบดีคณะโอสถศาสตร์ หลูเทียนหมิง เป็นคนแรกที่ลุกขึ้นแล้วเดินไปหาหลิงตู้ฉิงบนเวที เขายิ้มแล้วพูดว่า “อาจารย์หลิง ข้าเป็นคณบดีคณะโอสถศาสตร์ ข้ามั่นใจว่าความสามารถในการหลอมโอสถของข้านั้นเป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครในสถาบัน ข้าขอเป็นตัวแทนบรรดาอาจารย์คณะข้าทุกคน ขอท้าประลองกับท่านในศาสตร์การหลอมโอสถ และไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร การเดิมพันที่ท่านเคยรับปากไว้ ข้าคงไม่กล้ารับมัน”
เมื่อหลิงตู้ฉิงได้ยินเช่นนั้น เขาส่ายหัวและพูดว่า “คนเช่นข้า หากเอ่ยวาจาอะไรออกไปแล้วข้าไม่เคยคืนคำ ฉะนั้นกฎการเดิมพันยังคงเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง หากเจ้าแพ้เจ้าต้องมอบวัตถุดิบระดับสูงให้ข้า 1 ชิ้น”
หลูเทียนหมิงสีหน้าเริ่มสลดเมื่อหลิงตู้ฉิงยังคงต้องการเดิมพัน แต่เขายังกัดฟันพูดขึ้น “หากอาจารย์หลิงต้องการคงกฎการเดิมพันไว้ ข้าคงต้องยอมรับ ฉะนั้นข้าขอประลองกับท่านตอนนี้ในศาสตร์การหลอมโอสถ”
“เจ้าต้องการประลองหลอมโอสถกับข้าแบบไหน?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น
หลูเทียนหมิงพูด “ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารานั้นส่วนใหญ่ต่างใช้โอสถชำระดาราเพื่อบรรลุระดับของพวกเขา ฉะนั้นข้าต้องการประลองโดยการหลอมโอสถชำระดารากับท่าน กฎก็คือ ใครสามารถหลอมโอสถที่มีคุณภาพมากกว่าผู้นั้นถือว่าชนะไป”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าแล้วหันไปมองตู้กู่หยางเจียน แล้วถามขึ้น “เจ้ามีวัตถุดิบที่ใช้ในการหลอมโอสถชำระดาราใช่ไหม? นำพวกมันมาให้ข้า ข้าจะหลอมพวกมันให้เจ้า เพื่อให้เจ้าใช้มันเสริมรากฐานการบ่มเพาะในอนาคต เมื่อถึงเวลาที่เจ้าต้องการทะลวงขอบเขตนภามันจะได้ง่ายยิ่งขึ้น”
ตู้กู่หยางเจียนเมื่อได้ยินที่หลิงตู้ฉิงพูดเขารีบพยักหน้า และบินเข้ามาหาหลิงตู้ฉิงและมอบส่วนผสมกองใหญ่ให้
แต่เมื่อตู้กู่หยางเจียนมอบส่วนผสมทั้งหมดให้ หลิงตู้ฉิงกลับมองไปยังกองส่วนผสมด้วยสีหน้างุนงงพร้อมกับถามขึ้น “นี่เจ้ารู้จักส่วนผสมของโอสถชำระดารารึเปล่า แล้วรากหญ้าแปดแฉกไปไหน?”
ตู้กู่หยางเจียนที่ได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง เขามองหน้าหลิงตู้ฉิงอย่างงุนงง และถามว่า “อาจารย์หลิง ข้าไม่เคยได้ยินว่าโอสถชำระดาราจะต้องใช้รากหญ้าแปดแฉกเป็นส่วนผสมในการหลอม ไม่ทราบว่าตำราโอสถที่ท่านเคยศึกษานั้นเขียนไว้ผิดรึเปล่า?”
หลูเทียนหมิงที่ฟังอยู่ข้าง ๆ เขามองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาที่เริ่มมีความหวัง จากคำพูดของตู้กู่หยางเจียนนั้น ดูเหมือนหลิงตู้ฉิงจะไม่รู้จักโอสถชำระดาราด้วยซ้ำ และหากหลิงตู้ฉิงไม่สามารถหลอมมันออกมาได้ เขาจะกลายเป็นผู้ชนะในการประลองและเขาก็จะได้อาวุธอันแสนวิเศษของหลิงตู้ฉิงที่เป็นของเดิมพัน นี่มันเหมือนบุญหล่นทับชัด ๆ!
“เฮ้อ…ตำราที่พวกเจ้าศึกษามาเป็นตำราของเทพโอสถใช่ไหม? ถึงไม่ได้ระบุว่าโอสถชำระดาราจะต้องใช้รากของหญ้าแปดแฉกเป็นส่วนผสมด้วย ตำรานั่นที่พวกเจ้าศึกษามามันผิด! เจ้าจงไปหาซื้อหญ้าแปดแฉกมาให้ข้า ข้าจะได้เริ่มประลองกับเขาได้สักที”
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงยืนยันจะเอารากของหญ้าแปดแฉกให้ได้ ตู้กู่หยางเจียนจึงรีบเดินออกไปหาซื้อให้กับหลิงตู้ฉิงทันที
บรรดาอาจารย์ที่อยู่ในห้องโถงต่างมองไปยังหลิงตู้ฉิงอย่างงุนงง พวกเขาสงสัยว่าหลิงตู้ฉิงไปอ่านตำราโอสถของที่ไหนมาถึงได้อุตริเอารากหญ้าแปดแฉกมาเป็นส่วนผสมในโอสถชำระดารา
หลิงตู้ฉิงหันกลับมายังหลูเทียนหมิงและพูดว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องรอเริ่มพร้อมข้า เจ้าควรเริ่มทำการหลอมโอสถของเจ้าได้แล้ว ไม่เช่นนั้นหากเจ้าเริ่มพร้อมกับข้า เจ้าจะไม่มีทางหลอมโอสถได้สำเร็จ”
หลูเทียนหมิงมองไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายตาขุ่นเคือง เมื่อได้ยินคำพูดดูถูกของหลิงตู้ฉิง เขากัดฟันกรอดและตอบว่า “ได้! งั้นข้าจะเริ่มก่อน!”
พูดจบหลูเทียนหมิงจึงเริ่มการหลอมโอสถ พร้อมกับตะโกนร่ายวิธีการทุกขั้นตอนที่เขากำลังทำด้วยเสียงก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องโถง เขาจงใจทำเช่นนี้เพื่ออวดอ้างความรู้ของเขาต่อหน้าหลิงตู้ฉิงที่พูดดูถูกเขาเมื่อครู่
อันที่จริงหลิงตู้ฉิงเองนั้นไม่ได้ตั้งใจดูถูกหลูเทียนหมิงแม้แต่น้อย เขาแค่คิดว่าหากหลอมโอสถพร้อมกันและเขาหลอมเสร็จได้ภายในไม่เกินก้านธูปหมด หลูเทียนหมิงคงต้องไม่มีกะจิตกะใจหลอมโอสถต่อให้จบแน่นอน
บรรดาอาจารย์ในคณะโอสถศาสตร์ต่างดีใจกันยกใหญ่ที่ในวันนี้หลูเทียนหมิงใจดีถึงขนาดบรรยาการหลอมโอสถไปพร้อมด้วยขณะที่หลอมให้ทุกคนได้ฟัง นี่มันเป็นโอกาสที่หายากมาก ๆ เนื่องจากโดยปกติแล้วเวลาที่หลูเทียนหมิงหลอมโอสถนั้นเขาจะหวงวิชาเป็นอย่างมากและไม่ยอมให้ใครเข้าไปดูหลอมเขาหลอมโอสถเลยแม้แต่คนเดียว
แม้แต่ผู้อาวุโสที่ยืนฟัง พวกเขายังพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเอ่ยปากชมกันถึงความสามารถในการหลอมโอสถของหลูเทียนหมิง
ทางด้านหลิงตู้ฉิง เมื่อเขาได้ยินคำบรรยายการหลอมโอสถของหลูเทียนหมิงนั้น คิ้วของเขาเริ่มขมวดเป็นปมแน่นขึ้น ๆ จนเขาทนไม่ไหว โบกมือขึ้นร่ายกำแพงปิดกั้นเสียงลงครอบตัวของหลูเทียนหมิงเอาไว้ ไม่ให้คนในห้องโถงได้ยินการบรรยายของเขา
“พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องไปฟังการบรรยายไร้สาระของเขา ตำราที่เขียนโดยเทพโอสถนั่นเป็น วิธีการหลอมโอสถที่ผิด” หลิงตู้ฉิงตะโกนขึ้นไปยังบรรดาอาจารย์ที่กำลังตั้งใจฟัง
จากนั้นเขาหันกลับไปหามี่ไล “มี่ไล เมื่อไหร่ที่พ่อเจ้ามาถึงเมืองหลวง ข้าต้องการให้เจ้าไปแจ้งกับพ่อเจ้าว่าข้าต้องการให้หวงยี่เฟยมาเป็นอาจารย์สอนการหลอมโอสถในคณะของข้า”
“นายท่าน ข้าเองพึ่งได้รับข่าวจากพ่อของข้ามาเช่นกันว่าในเวลานี้พวกเขาได้เริ่มออกเดินทางมายังเมืองหลวงแล้ว คงใช้เวลาอีกไม่นานก็คงจะถึง เมื่อท่านพ่อข้ามาถึงข้าจะนำคำสั่งของท่านไปแจ้งกับพวกเขาทันที” มี่ไลตอบกลับ
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า
ส่วนคำบรรยายก่อนหน้านี้ที่หลูเทียนหมิงบรรยายไปแล้ว หลิงตู้ฉิงเองไม่ได้อธิบายแก้ไขมันให้กับบรรดาอาจารย์ที่ยืนงุนงงและขุ่นเคืองที่อยู่ด้านล่างเวทีให้เข้าใจ แต่พวกเขานั้นไม่กล้าเอ่ยอะไรกับหลิงตู้ฉิง เนื่องจากภาพอันน่ากลัวของโม่หยูถังยังคงค้างอยู่ในจิตสำนึกของพวกเขา
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงไม่ต้องการจะอธิบายอะไรต่อ ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่เห็นว่าหลูเทียนหมิงกำลังจะโยนส่วนผสมทั้งหมดลงเตาหลอม จึงรีบพูดขึ้นว่า “อาจารย์หลิง ท่านจะไม่ให้อาจารย์หลู เขารอท่านสักหน่อยงั้นเหรอ?”
หลิงตู้ฉิงโบกมือขึ้นและพูดว่า “ไม่จำเป็น ปล่อยให้เขาหลอมต่อไปแบบนี้ดีแล้ว ไม่เช่นนั้นหากเขาเห็นว่าข้าหลอมโอสถเสร็จก่อน เขาจะไม่มีทางมีอารมณ์หลอมโอสถของเขาจนเสร็จแน่นอน”
ผู้อาวุโสท่านนั้นเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่หนักแน่นของหลิงตู้ฉิง เขาจึงเงียบลงไม่พูดอะไรต่อ
จากนั้นเพียงครู่เดียว ตู้กู่หยางเจียนได้วิ่งกลับเข้ามาด้านในมาหาหลิงตู้ฉิงอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดว่า “อาจารย์หลิง รากของหญ้าแปดแฉกหายากเป็นอย่างมาก ข้าต้องไปตามหาซื้อถึงหลายหอการค้าถึงกว่าจะเจอและได้มันมา”
พูดจบตู้กู่หยางเจียนจึงยื่นรากหญ้าแปดแฉกให้กับหลิงตู้ฉิง