บทที่ 88 หวูชี่คง[รีไรท์]
บทที่ 88 หวูชี่คง[รีไรท์]
เมื่อเห็นลำแสงพลังวิญญาณพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากทิศทางที่คฤหาสน์ตนเองตั้งอยู่ เจิ้นป่าเจ่าก็เริ่มผ่อนคลายลง
ในความคิดของเจิ้นป่าเจ่า ไม่ว่าหลิงตู้ฉิงจะทรงพลังสักแค่ไหนก็คงไม่อาจสู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราได้แน่นอน
ในบริเวณลานส่วนหนึ่งในพื้นที่คฤหาสน์ตระกูลเจิ้น หวูชี่คงที่พึ่งทะลวงเข้าสู่ขอบเขตรวมแสงดาราได้สำเร็จกำลังลอยตัวอยู่บนอากาศ
ก่อนหน้าที่เขาจะสามารถทะลวงขอบเขตรวมแสงดาราได้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมการที่จะบินได้ต้องอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราหรือสูงกว่าเท่านั้น
แต่เมื่อเขาทะลวงขอบเขตได้สำเร็จเขาจึงได้เข้าใจถึงเหตุผล
เมื่ออยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา พลังวิญญาณที่อยู่ในจุดตันเถียนจะกลายเป็นหลอมรวมเข้าหากัน แปรเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์คล้ายดวงดาว และดวงดาวเหล่านี้สามารถเชื่อมต่อพลังของมันกับกฎของโลก ส่งผลให้ผู้เชี่ยวชาญรวมแสงดาราสามารถหลุดจากพันธนาการของกฎแรงโน้มถ่วง กลายเป็นสามารถลอยตัวขึ้นจากพื้นดินได้เช่นเดียวกับดวงดาว
“ในที่สุดความฝันของข้าก็เป็นจริง ไม่น่าเชื่อเลยว่าการบรรลุไปยังขอบเขตรวมแสงดาราจะทำให้ข้ามีความแกร่งมากขึ้นถึงสิบเท่า ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตนี้ถึงเรียกได้ว่าเป็นจุดสูงสุดของทวีปเทียนหยวน” หวูชี่คงพึมพำกับตนเองด้วยความเบิกบานใจ
แต่หลังจากที่หวูชี่คงชื่นชมตัวเองได้ไม่นาน จี้ชิงหยวนได้รีบวิ่งเข้ามาหาเขาที่ลาน
จี้ชิงหยวนที่รีบวิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ เมื่อเห็นหวูชี่คงลอยอยู่เหนือพื้นค่อนข้างสูง เขาจึงตะโกนขึ้น “ผู้อาวุโสหวู โปรดช่วยนายน้อยด้วย ตอนนี้นายน้อยกำลังเดือดร้อนอย่างหนักอยู่ที่จัตุรัสเมือง”
หวูชี่คงเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาขมวดคิ้วทันทีและกล่าวขึ้น “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
หลังจากกล่าวจบ หวูชี่คงก็พุ่งตัวไปยังทิศทางที่จัตุรัสตั้งอยู่ทันที
หวูชี่คงตอนนี้เขามั่นใจในตัวเองมากหลังจากทะลวงขอบเขตได้ ทั่วทั้งอาณาเขตของเมืองฟินิกซ์ นอกจากตู้เหลยโตวผู้ที่เป็นอธิการบดีสถาบันหงส์เพลิง ย่อมไม่มีใครสามารถขัดขวางเขาได้แน่นอน เขาอยากจะสั่งสอนผู้ที่กล้ามาท้าทายตระกูลเจิ้นเป็นอย่างมาก
บนลานเวทีกลางจัตุรัสตอนนี้เจิ้นป่าเจ่าจ้องเขม็งไปยังหลิงตู้ฉิงด้วยสายกระหยิ่มยิ้มย่องและพูดว่า “แกบอกว่าต้องการที่จะกล้าฆ่าข้างั้นเหรอ หากแกฆ่าข้า ข้ารับประกันได้เลยว่าผู้อาวุโสหวูที่เพิ่งทะลวงขอบเขตรวมแสงดาราที่อยู่ในตระกูลข้า จะต้องมาฆ่าล้างคนในเรือนแกทั้งหมดแน่นอน”
หลิงตู้ฉิงเมื่อได้ยินคำขู่ของเจิ้นป่าเจ่า เขานิ่งเงียบไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นหลิงตู้ฉิงเงียบไปเจิ้นป่าเจ่าจึงยิ่งได้ใจ “เงียบ? แกกลัวล่ะสิ ถ้าแกกลัวก็รีบไสหัวไปซะ เพื่อเห็นแก่หน้าปู่ของแกและคนมากมายที่นี่ ข้าจะบอกผู้อาวุโสหวูให้ละเว้นพวกแกสักครั้งถ้าแกกลับไปตอนนี้ ไม่เช่นนั้นพวกแกได้ตายกันตรงนี้แน่นอน!”
ผู้คนที่มาชมการประลองเมื่อได้ยินคำพูดของเจิ้นป่าเจ่า ต่างก็ตื่นเต้นที่ในวันนี้พวกเขาอาจจะได้เจอกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราตัวเป็น ๆ
“อ่า ถ้าข้าได้เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารามันจะดีแค่ไหนกันนะ”
“นี่มันก็นานมากแล้วที่เมืองฟินิกซ์ของเราไม่มีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราคนใหม่ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงสักที…”
ฝูงชนพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราคนใหม่ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า
ตอนนี้เฮ่อเจี้ยนปิงและหยิงหวูเจี้ยงเริ่มสลดกับการตัดสินใจของตัวเอง ที่ด่วนทำตัวอยู่คนละฝั่งกับเจิ้นป่าเจ่า
หากพวกเขารู้ล่วงหน้าว่าตระกูลเจิ้นจะมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราคนใหม่อยู่ในเมืองฟินิกซ์ พวกเขาคงจะนั่งรอดูสถานการณ์ต่อไปก่อนไม่รีบเข้ามาสนับสนุนหลิงตู้ฉิงเร็วขนาดนี้
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นเกรง ถึงแม้ในตระกูลหลิงที่เมืองหลวงจะมีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราอยู่ก็จริงแต่นั่นก็อยู่ถึงเมืองหลวง แต่ที่นี่ตอนนี้ ไม่มีคนของตระกูลหลิงสักคนที่พวกเขาคิดว่าพอจะต่อต้านได้เลย
กงหยูที่ตอนนี้มายืนอยู่ด้านข้างหลิงตู้ฉิง เขามองไปยังท้องฟ้าทิศทางที่ตระกูลเจิ้นตั้งอยู่และพูดขึ้น “นายท่าน ในตอนนี้ข้ายังไม่สามารถรับมือกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราได้ ข้าแนะนำว่าตอนนี้พวกเราควรถอยกลับไปก่อนดีหรือไม่?”
เฮ่อเจี้ยนปิงและหยิงหวูเจี้ยงเองตอนนี้ได้วิ่งเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ หลิงตู้ฉิงพร้อมกับกล่าวโน้มน้าว “ท่านหลิง ข้าคิดว่าวันนี้ท่านควรพอแค่นี้ก่อน ไว้รอหลังจากนี้ข้าค่อยไปพบกับท่านที่เรือนเพื่อปรึกษาหารือว่าจะทำอะไรกันต่อไปดีไหม?”
หลิงตู้ฉิงที่ได้ฟังคำกล่าวโน้มน้าวจากบุคคลรอบกาย เขายิ้มและไม่ได้พูดอะไร เขาไม่มีปฏิกิริยาทั้งตอบรับหรือปฎิเสธ
ผ่านไปเพียงครู่เดียว ลำแสงหนึ่งได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันพุ่งตรงมายังลานประลองด้วยความเร็วสูง จากนั้นจึงลงมาหยุดอยู่ที่ข้างเจิ้นป่าเจ่า
เมื่อเห็นลำแสงที่ลงมานั้นเป็นหวูชี่คง เจิ้นป่าเจ่าจึงโค้งคำนับและพูดขึ้น “ขอแสดงความยินด้วยกับผู้อาวุโสหวูที่ทะลวงขอบเขตไปถึงรวมแสงดาราได้แล้ว”
หวูชี่คงพยักหน้าหนึ่งครั้งพร้อมกับกล่าวขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?”
เจิ้นป่าเจ่าชี้ไปยังหลิงตู้ฉิงทันที “ไอ้เวรนี่มันชื่อหลิงตู้ฉิง มันกล่าวหาว่าข้าวางแผนที่จะฆ่าลูกมันบนลานประลอง ทั้งที่มันเองไม่มีหลักฐานอะไร และมันยังต้องการที่จะสังหารข้าบนเวทีเมื่อครู่!”
หวูชี่คงเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงส่ายหัวและก้าวมาข้างหน้าเอาตัวบังเจิ้นป่าเจ่าและพูดกับหลิงตู้ฉิง “ข้าไม่สนใจว่าเจ้ากับเจิ้นป่าเจ่าจะมีเรื่องบาดหมางอะไรกัน แต่ตอนนี้ข้าจะพาเขากลับไป เจ้ามีอะไรจะโต้แย้งหรือไม่?”
หลิงตู้ฉิงจ้องตาหวูชี่คงพลางส่ายหัวและพูดขึ้น “ไม่มีใครสามารถพาเขาจากไปได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้า วันนี้เป็นวันที่ดีที่เขามาอยู่ต่อหน้าข้า เขาสร้างความน่ารำคาญให้ข้าอย่างไม่หยุดหย่อนมานานเกินไปแล้ว ฉะนั้นวันนี้ยังไงเขาก็ไม่รอดแน่นอน”
หวูชี่คงเมื่อได้ยินคำปฎิเสธเขาก็เริ่มปล่อยกลิ่นอายสังหารและพูดว่า “ไอ้หนุ่ม เจ้าควรรู้ถึงสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้นะ หากเจ้ายังดื้อรั้นไม่ยินยอม เจ้าจะรับผลที่ตามมาไม่ไหว”
“ตาแก่ ข้าควรจะเป็นคนพูดคำคำนี้มากกว่า อย่าคิดว่าเจ้าสำเร็จการทะลวงขอบเขตรวมแสงดาราแล้วจะทำให้เจ้ากำแหงกับข้าได้” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ
“สรุปแล้วคือเจ้าจะดันทุรังแข็งข้อกับข้าให้ได้งั้นสินะ?” หวูชี่คงเริ่มหมดความอดทน
หลิงตู้ฉิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจะหมดความอดทนเช่นกัน “ไอ้ตัวต่ำต้อยเช่นเจ้าไม่มีค่าอะไรในสายตาข้า หลบไปให้พ้นไม่งั้นเจ้าได้โดนหางเลขไปด้วยแน่นอน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดี! ปากดีขนาดนี้งั้นข้าจะขอสั่งสอนเจ้าแทนบรรพบุรุษของเจ้าสักหน่อยว่าควรจะมีสัมมาคารวะกับผู้ที่อาวุโสกว่า!” หวูชี่คงในตอนนี้โกรธขึ้นมาจริง ๆ แล้ว เขาที่ตอนนี้เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารากลับโดนผู้เชี่ยวชาญขอบเขตควบแน่นลมปราณดูหมิ่นถึงขนาดนี้เขายอมไม่ได้ เขาเริ่มโคจรพลังวิญญาณเตรียมพร้อมจู่โจม!
ในจังหวะที่หวูชี่คงกำลังจะโจมตี กงหยูได้ก้าวออกมาบังหลิงตู้ฉิงไว้และตะโกนขึ้น “นายท่านของข้าเป็นหลานของท่านแม่ทัพหลิงเจิ้งสง เจ้ากล้าลงมือกับเขางั้นเหรอ?”
เฮ่อเจี้ยนปิงและหยิงหวูเจี้ยงเองพวกเขารีบก้าวมาข้างหน้าช่วยกล่าวเสริม “ทุก ๆ คนอย่าพึ่งใช้ความรุนแรงกันเลย พวกเราควรเจรจาหาทางออกอย่างสันติกันจะดีกว่า”
อันที่จริงตอนนี้เฮ่อเจี้ยนปิงและหยิงหวูเจี้ยงเริ่มจะเคืองหลิงตู้ฉิงหน่อย ๆ วีธีการแก้ปัญหามีตั้งมากมายที่จะแก้ปัญหาในตอนนี้ ทำไมถึงไม่ค่อย ๆ เจรจากับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราคนนี้ดี ๆ สักหน่อยกันเล่า
หวูชี่คงเมื่อได้ยินว่าหลิงตู้ฉิงเป็นหลานของแม่ทัพหลิง เขาจ้องเขม็งไปยังหลิงตู้ฉิงสักพัก ก่อนจะถอนพลังวิญญาณที่โคจรอยู่กลับเข้าไปและหันหลังเตรียมจะพาเจิ้นป่าเจ่าจากไป
แต่ก่อนที่เขาจะจากไปได้ มีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาที่ด้านหน้าของเขา ขวางเขาไม่ให้เดินจากไป และเงาของคนผู้นั้นคือหลิงตู้ฉิง
“ข้าบอกแล้วยังไงล่ะ ใครก็พาเขาจากไปไม่ได้หากข้าไม่อนุญาต!” หลิงตู้ฉิงเอ่ยพลางชี้นิ้วไปยังเจิ้นป่าเจ่า
หวูชี่คงพูดด้วยอารมณ์โมโห “ข้าอุตส่าห์เห็นแก่หน้าของปู่เจ้า ไม่ถือสาที่เจ้าไม่ให้ความเคารพข้า แต่นี่เจ้ากลับยังดึงดันวอนหาเรื่องข้าไม่หยุด เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้างั้นเหรอ ถึงต่อให้ปู่เจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราแล้วจะยังไง ต่อให้ข้าเอาชนะเขาไม่ได้ แต่เขาก็ฆ่าข้าไม่ได้เหมือนกัน ข้าอยากจะรู้จริง ๆ ว่าปู่ของเจ้าสอนเจ้ามายังไงถึงได้โอหังขนาดนี้!”
เจิ้นป่าเจ่าเมื่อได้ยินหวูชี่คงด่าหลิงตู้ฉิง เขาจึงกล่าวเสริมต่อ “ผู้อาวุโสหวู อันที่จริงไอ้นี่มันเป็นแค่บุตรของลูกนอกสมรสของแม่ทัพหลิงเท่านั้นและแม่ทัพก็ไม่เคยให้ความสนใจมันเลยที่ผ่านมา มันจะได้รับการสั่งสอนจากแม่ทัพหลิงได้ยังไง”
หวูชี่คงไม่สนใจในคำพูดของเจิ้นป่าเจ่า เขายกมือขึ้นและสับมือลงปล่อยพลังวิญญาณไปทางหลิงตู้ฉิงทันที
แม้ว่าหวูชี่คงจะพูดว่าเขาไม่เกรงกลัวหลิงเจิ้งสงมากนัก แต่เขาก็ยังต้องไว้หน้าผู้ที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของอาณาจักรอยู่ดี
ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะสอนบทเรียนให้แก่หลิงตู้ฉิงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนที่จะพาเจิ้นป่าเจ่าจากไป เขาใช้พลังเพียงไม่กี่ส่วนปล่อยออกไป ตั้งใจที่จะทำให้หลิงตู้ฉิงกระเด็นลอยไปไกลสัก 4-5 เมตรแค่เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงไม่แม้แต่จะพยายามหลบหลีก เขามองกระแสพลังวิญญาณที่พุ่งใกล้เข้ามาหาเขา
เมื่อใกล้จะปะทะหลิงตู้ฉิงเฉือนฝ่ามือตัดกระแสพลังที่พุ่งเข้ามาหาเขาอย่างง่าย ๆ ส่งผลพลังวิญญาณที่พุ่งเข้ามาแยกออกเป็นสองส่วนทันทีและลอยผ่านร่างกายของเขาไป
“ปล่อยเขาไว้ที่นี่ซะ แล้วข้าจะอภัยให้เจ้าที่โจมตีข้าเมื่อครู่” หลิงตู้ฉิงพูด
หลิงตู้ฉิงรู้ได้ว่าเมื่อครู่หวูชี่คงไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่าเขา ดังนั้นเขาจึงพูดโน้มน้าวให้โอกาสหวูชี่คงจากไปอีกครั้ง
เมื่อหวูชี่คงได้ยินเช่นนั้นเขายิ่งโกรธมากขึ้น และคิดว่าหลิงตู้ฉิงกำลังดูถูกเขาอยู่
“เจ้าคิดว่าตัวเจ้าเองเก่งมากนักเหรอที่รับมือข้าได้ เมื่อครู่ตาแก่คนนี้ข่มระดับพลังให้อยู่ในระดับจุดสูงสุดขอบเขตควบแน่นลมปราณเท่านั้น ในเมื่อข้าออมมือให้แล้ว เจ้ายังปากดีอีก ถ้างั้นก็รับนี่ไปอีกที” หวูชี่คงเมื่อพูดจบก็เริ่มโคจรพลังวิญญาณให้หนาแน่นขึ้น