เธอต้องดูคลิปของสุดหล่อของฉัน
แม่หมอตัวแข็งทื่อไปแล้ว เพราะที่เธอให้จี้พระกับโหลวลั่วก็เพื่อป้องกัน ‘เจ้าหมาน้อย’ ตรงหน้าต่างหาก หากฝ่ายนั้นเป็นคนที่ไม่มีที่มาที่ไป ก็จะได้รู้เสียทีว่าโหลวลั่วมีของป้องกันตัว
แต่เขากลับไม่กลัวพระที่ปลุกเสกแล้ว แถมยังรับเอาไปดูกับมือตัวเอง
ในขณะที่แม่หมอกำลังสงสัยว่าตัวเองคิดมากไปหรือไม่ ป๋ออิ่นก็หันไปสวมสร้อยพระให้โหลวลั่ว
สาวๆ เห็นแล้วไม่พูดอะไรกันอีก
ทว่าเมื่อโหลวลั่วจะเดินออกไป แม่หมอก็กระซิบข้างหูเธอว่า “ระวังหน่อย หมาน้อยของเธอมองยากจริงๆ”
โหลวลั่วรู้ดีว่าเพื่อนหมายถึงอะไร จึงยิ้มให้แล้วตอบว่า “ฉันเข้าใจ”
“ส่วนคลิปสุดหล่อของฉัน เธอต้องดูให้ได้นะ แล้วฉันจะส่งลิงก์ไปให้ ในเมื่อเธอจะไปมิลาน เธออาจจะได้เจอสุดหล่อของฉันก็ได้”
แม่หมอรู้ว่าโหลวลั่วเป็นคนฉลาด บางอย่างเธอไม่ต้องพูดให้มากความ
เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายเป็นกังวล
ยิ่งในบรรดาพวกเธอแล้ว ตอนที่รู้จักโหลวลั่วใหม่ๆ ก็รู้ว่าเพื่อนเป็นคนใจเย็นและฉลาดรู้จักแยกแยะดีร้าย
คนทั่วไปหลอกเธอไม่ได้
ตอนนี้แม่หมอกังวลว่าพ่อลูกหมาน้อยจะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
เมื่อเดินออกมาจากร้านกาแฟ ข้างนอกก็มืดแล้ว
ท้องฟ้าในตอนเหนือมักจะมีหมอกลอยเสมอ ขนาดอ้าปากยังมีควันลอยออกมา
ทว่าผู้ชายคนนี้กลับเหมือนไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็น เสื้อตัวนอกสีดำตัวบาง เสี้ยวหน้าที่ขาวเกินไป รวมถึงกลิ่นอายจางๆ ที่พัดพาเข้ามามีกลิ่นกุหลาบ แต่ก็เหมือนกลิ่นคาวเลือดอีกด้วย
ไม่รู้ใครที่เคยบอกว่าบางครั้งเลือดก็มีกลิ่นหอมเช่นกัน
และผู้ชายคนนี้กำลังมีกลิ่นจางๆ ที่ว่านั้น
“เมื่อกี้ผมทำตัวได้ผ่านในสายตาของเพื่อนคุณไหม?” ป๋ออิ่นหลุบตาลง เหมือนถามไปอย่างนั้น
โหลวลั่วเหลือบมองเขา ก่อนจะปลดผ้าพันคอที่เขาให้ นำมาพันคอของเขาแทนทบหนึ่งแล้วตามด้วยทบที่สอง “โอเคอยู่”
ผู้หญิงที่หยิ่งทระนงอย่างโหลวลั่วเป็นที่เห็นได้น้อยมาก
รูปโฉมแบบนี้ รัศมียังเจิดจรัสเหมือนเดิม
ในชีวิตจริงมีคนมากมายพูดกันว่า ไม่ว่าผู้หญิงจะเก่งกาจแค่ไหนในอาชีพการงาน ก็ต้องรู้จักอ่อนให้ผู้ชายเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เพราะผู้หญิงที่ออดอ้อนเก่งจะเป็นพวกมีชะตาดี
แต่ชัดเจนว่าโหลวลั่วไม่ใช่ผู้หญิงประเภทดังกล่าวมาแต่ไหนแต่ไร
คนที่ตัวสูงอย่างเธอ เมื่อได้สวมเสื้อโค้ทก็มีออร่าเย็นชา ราวกับหิมะแรกที่พัดพาเข้ามา
ทว่าใบหน้าของเธอกลับไม่เย็นชา กลับยิ้มอ่อนๆ ดูเหมือนจะตามใจให้
แค่ต้องดูว่าอีกฝ่ายว่านอนสอนง่ายไหม ฉลาดหรือเปล่า
ก่อนนี้แม่หมอพูดไว้ไม่ผิด ประธานโหลวทั้งผมยาวขายาว เอวบางอกอิ่ม เดิมก็มีสัดส่วนที่ยั่วเย้า แต่บุคลิกของเจ้าตัวกลับเหมือนดอกบัวบนยอดภูเขาหิมะ กระทั่งแววตายังเฉยชาเหมือนสายน้ำ
ในวงการธุรกิจมีคนวิจารณ์เรื่องเธอ เพราะว่าเธอไม่ยอมลงสนามแข่งด้านความรักกับผู้หญิงคนนั้น จึงย่อมถูกหาว่าเป็นพวกดอกบัวขาวร้ายลึก
เธอสนใจแต่เรื่องหาเงิน เป้าหมายในชีวิตไม่ได้อยู่ในแนวทางเดียวกับคนอื่น
แต่ขนาดเธอเองก็คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าในวันหนึ่ง
เธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์พัฒนาจนลึกซึ้ง ทว่ามันก็เกิดขึ้นแล้ว
หากเขาบอกว่าเขาต้องการอะไร เธอย่อมไม่ใจร้ายกับเขา เพราะอย่างไรเขาก็อายุน้อยกว่าเธอ
“ต่อไปอย่าซื้อผ้าพันคอแพงขนาดนี้เองอีกนะ” โหลวลั่วมองดวงตาลุ่มลึกคู่นั้น “ฉันไม่ใช่คนเห็นค่าข้าวของนอกกายพวกนี้ และก็ไม่จำเป็นด้วย”
…………………………………………
ป๋ออิ่นยกยิ้ม “ทราบแล้วครับ มาดาม”
คำว่ามาดามทำให้เธอมองเขาแวบหนึ่ง นิ้วมือหยุดชะงัก “คุณ…”
ไม่รอให้เธอพูด ป๋ออิ่นแย่งพูดทันที “มาดามได้ตัวผมแล้วคิดจะทิ้งงั้นเหรอ?”
โหลวลั่วรู้ว่าเขาหมายความว่าอะไร ถอนมือออกมา รู้สึกขำเล็กน้อย “คำว่าได้แล้วทิ้งนี่ใช้ในความหมายอย่างนี้เหรอ?”
ป๋ออิ่นเกี่ยวเส้นผมที่ยุ่งนิดๆ ของเธอ “ผมเป็นหมาน้อยของคุณนี่นา เจ้านายเล่นทิ้งหมาน้อยไว้ในบ้าน ถ้าไม่เรียกว่าได้แล้วทิ้งแล้วจะใช้คำไหน”
ผู้ชายคนนี้พูดสบายๆ ส่วนเธอกลับชะงัก “คุณได้ยินมามากน้อยเท่าไร?”
“ให้คุณระวังผมไง” ป๋ออิ่นดึงมือเธอมาสอดเข้าในเสื้อกันลมของเขา “อะไรที่ควรได้ยินก็ได้ยินหมดแล้ว”
โหลวลั่วหันมอง “พวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย”
“ผมเข้าใจ” ป๋ออิ่นตอบเสียงราบเรียบ “พวกเขาเป็นห่วงคุณ เป็นเพื่อนที่ดีมากเลยทีเดียว”
เธอหัวเราะ ก่อนจะยื่นมือลูบศีรษะเขา “คุณเป็นผู้ใหญ่กว่าที่ฉันคิดไว้อีก”
“เพราะงั้นคุณก็อย่าไปดูคลิปไอดอลหนุ่มน้อยที่พวกเขาให้มานะ” ป๋ออิ่นยิ้มบางๆ “พวกเขาไม่น่ารักเท่าผมหรอก”
โหลวลั่วไม่คิดว่าจะวกมาคุยหัวข้อเรื่องนี้แทน แต่เมื่อได้พูดกัน เธอถึงพบว่า ‘ลูกหมาน้อย’ ก็ชอบแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเหมือนกัน
“คุณน่ารักตรงไหน?” โหลวลั่วมองดูเขาที่เดินอยู่ด้านนอกสุด ภายใต้แสงไฟริมทาง ใบหน้านั้นดูสูงส่งสง่างามยิ่งขึ้น
เขายิ้มบอก “ผมเชื่อฟังคุณจะตาย พอตอนเช้าคุณออกจากบ้าน ผมก็เอาแต่อยู่ในบ้าน ไม่ได้ไปไหนเลย”
“ไม่ต้องทำงาน?” โหลวลั่วมองอีกฝ่าย
เขาตอบเสียงเอื่อยว่า “จะพาคุณไปหาลูกไง เรื่องงานน่ะค่อยกลับมาทำก็ได้”
โหลวลั่วอึ้งไปนิด ยืนมองเขาท่ามกลางความมืด “เรามีลูกด้วยกันจริงๆ เหรอ”
“จริงสิ” ป๋ออิ่นที่สวมเสื้อกันลมยื่นมือรั้งเธอมากอดไว้อ้อมแขน “เมื่อก่อนเขาชอบดึงความสนใจของคุณไปจากผม ไม่ยอมเชื่อฟังผมเลย”
โหลวลั่วได้กลิ่นหอมจากตัวของชายหนุ่ม ความคิดเริ่มจะสับสน
แต่สิ่งที่ทำให้เธอได้สติก็คือฝูงค้างคาวที่บินไปมาอยู่ใต้เสาไฟริมทาง ดูเหมือนว่านับแต่เมื่อครู่พวกมันก็ติดตามพวกเธอมาโดยตลอด
ป๋ออิ่นมองตามสายตาของเธอไป จากนั้นดวงตาก็มีแสงแดงเรื่อวาบผ่านอย่างรวดเร็ว!
พวกค้างคาวพลันบินจากไปท่ามกลางความมืดเหมือนกับได้รับคำสั่งอะไรมา
ป๋ออิ่นถอนสายตากลับ ถามทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ “ทำไมเหรอ?”
“เปล่า ฉันน่าจะคิดมากไปเอง” โหลวลั่วหันมองเขา “หิวแล้ว อีกเดี๋ยวจะกินอะไรดี”
ป๋ออิ่นเหมือนไม่สนใจ “อะไรก็ได้”
โหลวลั่วกดกุญแจในมือ เปิดประตูรถออก “เลือกสักอย่างสิ”
“คุณไง” เขาจับมือเธอเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เวลานี้เขาย่อตัวลง ลมหายใจกระทบใบหูเธอ นิ้วเรียวยาววาดผ่านร่องรอยบนซอกคอของเธอ “อยากกินคุณ”
ใช่ว่าจะไม่ต่อต้านเขา แต่ดูเหมือนว่าชายคนนี้มักทำให้คนสูญเสียความสามารถในการคิดวิเคราะห์ไป
ว่ากันว่าความงามล่อใจคน ก็คงเป็นเช่นนี้เอง
คืนนั้น โหลวลั่วก็เข้าใจในสิ่งที่คนเขาพูดกันว่าร่างกายที่อ่อนวัยดีอย่างไร แต่ก็ต้องแลกกับการที่ต้องสวมเสื้อสเวตเตอร์ปิดคอ รวมถึงเอวที่ปวดเมื่อยนิดๆ
เขาเหมือนจะไม่ชอบแสงอาทิตย์เอามากๆ เธอจึงไม่ดึงผ้าม่านเปิดออก
ทว่าด้วยคิดถึงเรื่องลูกสาวที่เขาพูดถึงอยู่เสมอ เธอจึงใส่ใจเรื่องการแข่งชิงแชมป์โลกที่มิลานมาก
ดังนั้นเมื่อพักกินข้าวกลางวัน เธอจึงเปิดคลิปที่แม่หมอส่งให้เธออย่างอดไม่ได้
นั่นเป็นคลิปการแข่งอีสปอร์ตนั่นเอง…
……………………………………..