บทที่ 64 นอนกับข้า…[รีไรท์]
กว่าหลิงตู้ฉิงและทุกคนจะกลับถึงเรือนฟ้าก็มืดแล้ว
พวกเด็ก ๆ ต่างก็แยกย้ายกันกลับห้องของตัวเองไปทำธุระส่วนตัว ในวันนี้เหมือนเป็นวันหยุดของพวกเขา พวกเขารู้สึกอิ่มเอิบใจมากที่ได้พักผ่อน
สำหรับหลิงว่านถิง นางยังคงหลับใหลไม่รู้สึกตัวอยู่ในอ้อมแขนของหลิงตู้ฉิง
หลังจากอุ้มหลิงว่านถิงกลับเข้าห้องของนางไปแล้ว หลิงตู้ฉิงก็นึกได้ว่าวันนี้ทั้งวันหลิงว่านถิงยังไม่ได้กินอาหารอะไรเลย หลิงตู้ฉิงจึงเดินไปยังครัวเพื่อเตรียมอาหารให้กับหลิงว่านถิง
เมื่อหลิงตู้ฉิงเดินไปถึงห้องครัว เขาก็เห็นมี่ไลกำลังยืนปรุงอาหารอยู่
เมื่อมี่ไลเห็นหลิงตู้ฉิงเดินเข้ามา นางก็พูดกับหลิงตู้ฉิงอย่างรู้ทัน “นายท่าน ข้าเตรียมอาหารให้กับคุณหนูรองเรียบร้อยแล้ว”
“ไม่เป็นไร ข้าจะทำอาหารให้นางเอง มื้อนี้นางต้องกินอาหารที่มีส่วนผสมของสมุนไพรวิญญาณด้วย” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“แล้ว…อาหารที่ข้าทำเสร็จแล้วล่ะ…” มี่ไลถามด้วยอารมณ์หดหู่
หลังจากอยู่ที่เรือนหลิงมาได้สักพัก นางรู้ว่าหลิงตู้ฉิงนั้นรักพวกลูก ๆ ของเขามาก เมื่อเห็นว่าหลิงว่านถิงยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้า นางจึงใช้โอกาสนี้เตรียมอาหารให้หลิงว่านถิงเพื่อที่จะแสดงให้หลิงตู้ฉิงเห็นว่านางเอาใจใส่คนในครอบครัวของเขา
แต่ในตอนนี้เมื่อนางได้ยินสิ่งที่หลิงตู้ฉิงพูด นางจึงรู้สึกหดหู่คิดว่าสิ่งที่นางพยายามทำลงไปนั้นเสียเปล่า
หลิงตู้ฉิงเมื่อได้เห็นสีหน้าหดหู่ของนาง เขาจึงยิ้มให้นางและพูดว่า “เจ้าเอาไปให้เด็กคนอื่น ๆ ทานก็ได้”
หลังจากที่เขาพูดเสร็จ เขาก็เริ่มหยิบสมุนไพรออกมาและเริ่มต้มยา
มี่ไลยืนคิดสักพักด้วยอารมณ์หดหู่ จากนั้นนางจึงยกอาหารที่นางเตรียมไว้เดินจากไป เพื่อนำไปให้เด็กคนอื่น ๆ กิน
หลิงตู้ฉิงเมื่อทำอาหารเสร็จเรียบร้อย เขาจึงยกสำรับอาหารเดินไปยังห้องของหลิงว่านถิงทันที
ตอนนี้หลิงว่านถิงตื่นมาได้สักพักแล้ว นางกำลังนอนมองเพดานในห้องของนางด้วยสายตาเลื่อนลอย
“อ้าว เจ้าตื่นแล้วนี่นา” หลิงตู้ฉิงทักขึ้น เดินเข้ามาในห้องของหลิงว่านถิง “มา ลุกขึ้นมากินอาหารที่พ่อทำได้แล้ว”
เมื่อหลิงว่านถิงมองเห็นพ่อของนางเดินเข้ามา นางก็เริ่มเบะปากตามด้วยบ่อน้ำตาก็เริ่มแตกอีกรอบหนึ่ง
“โอ๋ ไม่ต้องร้อง ๆ” หลิงตู้ฉิงรีบวางสำรับอาหารแล้วเดินเข้ามาปลอบนางทันที “ไหนว่าเจ้าเป็นคนเข้มแข็งมาตลอด แล้วไหงกับแค่การบินไปบนท้องฟ้ารอบ ๆ เจ้าถึงกลัวได้ขนาดนี้กันล่ะเนี่ย? มา ๆ เจ้ากินอาหารที่พ่อทำให้ก่อน หากเจ้าไม่กินเจ้าจะท้องหิวจนนอนไม่หลับเอานะ มา เดี๋ยวพ่อป้อนให้…”
จากนั้นหลิงตู้ฉิงก็เริ่มค่อย ๆ ป้อนอาหารเข้าปากของหลิงว่านถิง
“จะว่าไป พ่อก็ไม่ได้ป้อนเจ้าตั้งแต่เจ้าอายุได้ 4 ขวบแล้วล่ะนะ แต่ก่อนหน้านั้นพ่อป้อนข้าวให้เจ้ากินบ่อยมาก” หลิงตู้ฉิงเล่าไปเขาก็ยิ้มไป “ในตอนที่พ่อเจอเจ้าครั้งแรกนะ เจ้าตัวเล็กแค่นิดเดียวเอง ตอนนั้นเจ้าอายุได้ยังไม่ถึงขวบเลย ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าตอนนี้เจ้าโตมาได้ขนาดนี้แล้ว…”
หลิงว่านถิงเมื่อได้ฟังก็เคี้ยวไปร้องไห้ไป
“ไอ้หยา ทำไมเจ้าร้องไห้อีกแล้วล่ะ เรื่องที่พ่อเล่ามันน่าเศร้าตรงไหนกัน?” หลิงตู้ฉิงถามด้วยความงุนงง
หลิงว่านถิงตอบด้วยอาการสะอึกสะอื้น “ก็ข้าคิดว่าท่านพ่อจะใช้ว่าวบ้านั่น บินพาข้าไปทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่ง ฮือ ฮือ ฮือ”
หลิงตู้ฉิงเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะ “เจ้าคิดอะไรของเจ้ากันเนี่ย? หากพ่อจะทิ้งเจ้า พ่อคงทิ้งเจ้าไปนานแล้ว นี่พ่ออุตส่าห์เลี้ยงดูเจ้าดียิ่งกว่าเจ้าหญิงในตำหนักเซียนเสียอีก พ่อจะทิ้งเจ้าลงคอได้ยังไง? พอแล้ว…เจ้าหยุดร้องไห้ได้แล้ว”
เมื่อหลิงตู้ฉิงเห็นนางสงบลงบ้างแล้วเขาก็เริ่มพูดต่อ “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพ่อให้สัญญา พ่อจะไม่มีวันทิ้งเจ้าและพี่น้องของเจ้าไปเด็ดขาด อันที่จริงในอดีต พ่อก็อยากที่จะให้ความเป็นอยู่ที่ดีกับพวกเจ้า น่าเสียดายในตอนนั้นพ่อเองก็ยังไม่สามารถบ่มเพาะได้แถมยังไม่มีความสามารถอะไรอื่นอีก แต่ตอนนี้ในเมื่อพ่อมีความสามารถแล้ว พ่อต้องชดเชยทุกสิ่งทุกอย่างให้กับพวกเจ้าที่เคยขาดไปทั้งหมด ลูกของพ่อทุกคนจะต้องได้เป็นเซียนที่ยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า”
“แต่ท่านพ่อ ข้าก็บินอยู่บนฟ้าไปตั้งนานแล้ว ข้ายังไม่รู้สึกว่าข้าบ่มเพาะได้เลย” หลิงว่านถิงพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้นโดยไร้น้ำตา
หลิงตู้ฉิงยิ้มและเอ่ยตอบ “เมื่อตอนที่เจ้าบินอยู่บนท้องฟ้า เจ้ารู้สึกบ้างไหมว่ามีสายลมที่ให้ความรู้สึกแปลก ๆ เวลาพัดผ่านตัวเจ้า? จำความรู้สึกของสายลมนั้นให้ดี สายลมนั้นคือ ‘พลังแห่งนภา’ พลังนี้เป็นสิ่งที่เจ้าจำเป็นต้องใช้ในการบ่มเพาะกายของเจ้า แต่ถ้าหากเจ้ายังไม่ได้รู้สึกถึงมันก็ไม่เป็นไร ยังไงซะถ้าเจ้าได้ขึ้นไปบนท้องฟ้าบ่อย ๆ เจ้าก็สัมผัสถึงมันได้เองแหละ ส่วนว่าวนั่นเป็นสมบัติวิเศษที่ใช้สำหรับบิน พรุ่งนี้พ่อจะมอบให้เจ้า เจ้าต้องเก็บรักษามันไว้ให้ดี ๆ ล่ะ”
“ขอบคุณมากท่านพ่อ!” หลิงว่านถิงที่ในตอนแรกใบหน้ามีแต่น้ำตา ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปจนเริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างแล้ว “ข้าจำได้ว่า ข้าอาเจียนใส่ท่านด้วยแหละตอนที่ข้าลงมาถึงพื้น หึหึหึ”
หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “แล้วยังไงล่ะ? เมื่อก่อนตอนตัวเล็ก ๆ เจ้ายังเคยอึใส่พ่อมาแล้วเลย”
“ท่านพ่อ!!” หลิงว่านถิงร้องเสียงหลงด้วยความอับอาย
“เอาล่ะ เอาล่ะ พ่อไม่แกล้งเจ้าแล้ว นอนเถอะ วันนี้เจ้าควรเข้านอนไวขึ้น” หลิงตู้ฉิงพูดจบเขาเตรียมจะลุกขึ้นออกจากห้อง
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงกำลังจะจากไป หลิงว่านถิงจึงรีบตะโกน “ท่านพ่อ…”
“มีอะไรงั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงถามขึ้น
หลิงว่านถิงเม้มฝีปากและถามขึ้นว่า “ท่านพ่อ วันนี้ท่านอยู่เป็นเพื่อนข้าได้ไหม มันก็นานหลายปีแล้วที่ท่านไม่ได้นอนกับข้าเลย ท่านเอาแต่ไปนอนกับน้อง ๆ คนอื่นหมดเลย!”
หลิงตู้ฉิงกล่าวด้วยอารมณ์ขัน “นี่เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว ถึงอยากจะให้พ่อนอนเป็นเพื่อนเจ้าอีก แต่ถ้าเจ้าต้องการ งั้นเดี๋ยวคืนนี้พ่อจะนอนกับเจ้าแล้วกัน”
“แต่ว่าครูถังได้สอนเอาไว้ว่า ผู้หญิงไม่ควรนอนกับผู้ชายคนไหน หากว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่สามี…” หลิงว่านถิงพูดด้วยอารมณ์ขัดแย้ง
“งั้นพ่อจะไม่นอน พ่อจะนั่งอยู่ข้าง ๆ เจ้า ตกลงไหม?” หลิงตู้ฉิงเสนอ
หลิงว่านถิงมองไปยังพ่อของนางและกล่าวว่า “ท่านพ่อ…ข้าว่าครูถัง…นางคงหมายถึงผู้ชายคนอื่นมากกว่า นางคงไม่รวมถึงท่านพ่อหรอก…”
หลิงตู้ฉิงถามด้วยความจนใจ “งั้นเจ้าต้องการให้พ่อทำยังไงกันแน่?”
หลิงว่านถิงยิ้มและกล่าวตอบ “ข้าต้องการให้ท่านพ่อนอนกับข้า!”
หลังจากนางพูดจบ นางก็เขยิบตัวไปอีกฝั่งของเตียงเว้นที่ว่างไว้ให้หลิงตู้ฉิงขึ้นมานอนด้วย
เมื่อหลิงตู้ฉิงขึ้นมานอนแล้ว นางจึงเอาหัวของนางซุกไปยังแขนของหลิงตู้ฉิง
“ท่านพ่อ ท่านบอกข้าหน่อยได้ไหม ทำไมพ่อแม่ของพวกเราพี่น้องทุกคนถึงไม่ต้องการพวกเรากัน?” หลิงว่านถิงถามด้วยความสงสัยที่ติดอยู่ในใจของนางมานาน “พวกเราไม่ได้หน้าตาอัปลักษณ์และพวกเราก็ไม่ได้ไม่ฉลาด พวกเราไม่เคยทำตัวเกเร ทำไมพ่อแม่ของพวกเราถึงไม่ต้องการเราล่ะ ทำไมถึงเป็นแบบนั้นท่านพ่อ?”
หลิงตู้ฉิงได้ยินคำถามเช่นนี้เขารู้สึกจุกอยู่ในอก เขาทำได้แต่กล่าวปลอบประโลมนาง “พวกเขาคงมีเหตุผลที่จำเป็นน่ะ”
เขาเองก็รู้สึกแปลกประหลาดใจเหมือนกัน เด็ก ๆ เหล่านี้ทุกคนล้วนแต่มีสายเลือดและพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง แต่ไฉนกลับได้มาเป็นบุตรบุญธรรมของเขาทุกคนได้ เขาก็ยังไม่เข้าใจ และในเมื่อเขาก็ยังไม่เข้าใจ เขาจะเอาเหตุผลอะไรไปอธิบายให้กับหลิงว่านถิงฟัง
“แต่พวกเราทุกคนก็โชคดีมากเลยที่ได้มาเจอท่าน และท่านก็ได้มาเป็นพ่อของพวกเรา! ท่านพ่อ เมื่อไหร่พวกเราจะมีแม่สักที?”
หลิงตู้ฉิงตอบทันที “พ่อก็กำลังหาอยู่”
หลิงว่านถิงเงยหน้าของนางมองขึ้นไปยังหลิงตู้ฉิง “ท่านพ่อไม่เห็นจะต้องไปหาที่ไหนเลย ขนาดท่านไม่ค่อยจากเรือนไปไหนยังมีคนมาให้เลือกถึงที่”
“นางไม่ได้มาหาที่เรือนสักหน่อย พ่อเจอกับนางกลางทางต่างหาก” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
“ข้าไม่ได้หมายถึงจ้าวเหมิงลู่ ข้ากำลังพูดถึงอีกสองคนที่อยู่ในเรือนของเราต่างหาก ท่านไม่รู้หรือไงว่าพวกนางมีใจให้ท่านนะท่านพ่อ!” หลิงว่านถิงส่ายหัว
“เป็นไปไม่ได้หรอก พวกนางสองคนที่มาอยู่เรือนเราเพราะมีเหตุจำเป็นต่างหาก” หลิงตู้ฉิงเอ่ยด้วยท่าทางมั่นใจ “เช่น หลิวเฟ่ยเฟ่ย นางช่วยพ่อให้บรรลุเต๋าบ่มเพาะได้ เพราะฉะนั้นพ่อเลยต้องช่วยเหลือนางโดยการพานางมาอยู่ที่เรือนเรา ส่วนมี่ไลนางก็ถูกพ่อของนางสั่งมาให้มาเป็นบ่าวรับใช้ที่เรือนเรา”
ทึ่มอะไรอย่างนี้! หลิงว่านถิงได้แต่ถอนหายใจในความทึ่มของพ่อนาง
นางไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อของนางถึงไม่เข้าใจเรื่องง่าย ๆ ที่แม้แต่เด็กอย่างนางยังมองออก
เมื่อคิดได้ดังนั้นหลิงว่านถิงก็จนใจ “เห้อ…วันนี้ข้าเหนื่อยแล้วท่านพ่อ ข้าขอนอนก่อนนะ แต่ท่านต้องห้ามหนีไปไหนคืนนี้ ท่านสัญญากับข้าแล้วว่าท่านจะนอนอยู่กับข้า…”
เมื่อพูดจบนางก็ผล็อยหลับไป
เมื่อเห็นว่านางหลับแล้ว หลิงตู้ฉิงค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างแผ่วเบา จากนั้นห่มผ้าห่มให้นาง และเดินออกจากห้องไป