บทที่ 55 ชุดกระโปรงหงส์เพลิง[รีไรท์]
หลิงตู้ฉิงไม่เคยใส่ใจเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของระดับการบ่มเพาะของเขา
เนื่องจากชาติที่แล้วการบ่มเพาะระดับเหล่านี้เขาได้ก้าวผ่านมาหมดแล้ว
ตอนนี้สิ่งที่เขาใส่ใจที่สุดคือวิธีการใช้เต๋าตู้ฉิงเพื่อยกระดับการบ่มเพาะของเขาต่างหาก
แต่ยังไงซะมันก็เป็นเรื่องดีที่ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้น เพราะหากระดับบ่มเพาะเพิ่มขึ้นก็หมายความว่าเขาแข็งแกร่งขึ้น และหากว่าเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาก็จะสามารถทำอะไรมากขึ้นได้อีกหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น สิ่งที่เขากำลังจะลงมือทำในขณะนี้…
ตอนนี้หลิงตู้ฉิงกำลังเริ่มวางค่ายกลลงบนพื้นที่ส่วนที่ว่างของลานกลางเรือน ค่ายกลนี้เป็นค่ายกลแบบเดียวกับที่หลิงตู้ฉิงเคยใช้เพื่อหลอมประตูให้กับหลิงฟ่างหัวมาก่อน
ไม่นานนักเปลวเพลิงอันร้อนแรงก็ได้เริ่มปะทุขึ้นในค่ายกล หลิงตู้ฉิงเห็นเช่นนั้นจึงเริ่มโยนวัตถุดิบที่เรียกว่าแก่นเพลิงทองคำเข้าไป
วัตถุดิบชิ้นนี้เป็นวัตถุดิบขั้นสูงที่กำเนิดขึ้นมาจากธาตุไฟ มันมีความต้านทานไฟที่ยอดเยี่ยม ชิ้นที่หลิงตู้ชิ้นเพิ่งโยนเข้าไปมีขนาดเท่ากับหัวแม่มือ ซึ่งมูลค่าของมันถ้าตีเป็นเงินก็มีมูลค่าอยู่ที่ 1 ล้านเหรียญทอง
หลังจากแก่นเพลิงทองคำหลอมละลาย หลิงตู้ฉิงจึงเริ่มโยนวัตถุดิบจำนวนมาก เช่น มิธริล เหล็กและอื่น ๆ เข้าไปอีก
จากนั้นเขาก็ดึงด้ายสีแดงเพลิงออกมาจากแหวนมิติและโยนมันเข้าหาก้อนวัตถุดิบที่กำลังหลอมรวม เมื่อด้ายสีแดงเพลิงได้หล่นลงไปในก้อนวัตถุดิบที่หลอมเหลวแล้วพวกมันก็เริ่มประสานเข้าหากัน ของเหลวได้เริ่มถูกดูดซับโดยด้ายสีแดง เมื่อของเหลวถูกดูดซับไปจนหมด หลิงตู้ฉิงก็ยกเลิกค่ายกลและใช้พลังวิญญาณจับด้ายไว้บนอากาศแล้วเขาก็เริ่มถักด้ายเข้าหากัน
หลิวเฟ่ยเฟ่ยที่เพิ่งบ่มเพาะเสร็จได้เดินเข้ามาในลานกลางเรือน เมื่อนางเห็นการกระทำของหลิงตู้ฉิงนางก็อดไม่ได้ที่จะถาม “นายท่าน ท่านกำลังจะถักอะไรอย่างนั้นหรือคะ?”
หลิงตู้ฉิงเกาหัวของเขาและพูดว่า “ข้ากำลังจะทำเสื้อผ้าให้ไช่หยุนน้อย”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยจ้องมองที่หลิงตู้ฉิงด้วยความสงสัยและพูดว่า “นายท่าน ดูเหมือนว่าขนาดของชุดที่ท่านกำลังจะทำมีขนาดเท่าฝ่ามือข้าเท่านั้น ข้าไม่คิดว่าไช่หยุนจะสามารถใส่มันได้…ส่วนทรวดทรงของชุด ข้าคิดว่าส่วนแขนมันจะดูใหญ่ไปหน่อย…และเอ่อ…”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยได้แต่คิดว่าชุดเสื้อนี้หากเสร็จแล้วน่าจะมีขนาดแค่ฝ่ามือ เด็กอายุ 3 ขวบอย่างหลิงไช่หยุนจะไปใส่พอดีได้อย่างไร แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงทรวดทรงของชุดที่ออกมานั้นดูไม่ค่อยจะสมส่วนกันเลย ชายผู้วิเศษที่อยู่ตรงหน้าของนางนอกจากเรื่องไร้เดียงสาต่าง ๆ ก็ยังมีเรื่องที่ทำแล้ว ‘ไม่ได้เรื่อง’ เหมือนกันกับคนอื่นงั้นหรือ?
“ข้า…ข้าถักมันออกมาได้ ข้าก็ทำให้นางสวมใส่ได้” หลิงตู้ฉิงคิ้วเริ่มขมวด
“เฮ้อ…เอาอย่างนี้ ให้ข้าช่วยท่านถักขึ้นรูปชุดให้แล้วกัน” หลิวเฟ่ยเฟ่ยยิ้มและพูดว่า “ผู้หญิงของท่านคนนี้รู้วิธีเย็บผ้าตั้งแต่เด็กแล้ว ดังนั้นส่งมาให้ข้าช่วยดีกว่า”
ก่อนหน้านี้หลิวเฟ่ยเฟ่ยมักเรียกตัวเองว่า ‘บ่าว’ แต่เมื่อครู่นางจงใจแทนตัวเองว่า ‘ผู้หญิงของท่าน’ อย่างชัดเจน นางต้องการลองทดสอบปฏิกิริยาโต้ตอบจากหลิงตู้ฉิงว่าจะเป็นเช่นไร หากเขาไม่แก้คำเรียกแทนตัวของนาง ก็แสดงว่าความสัมพันธ์ของนางกับเขาได้เริ่มพัฒนาขึ้นมาบ้างแล้ว
ในทางกลับกัน หลิงตู้ฉิง ผู้ซึ่งจดจ่ออยู่แต่กับชุดของหลิงไช่หยุนไม่ได้สนใจหลิวเฟ่ยเฟ่ยเลยว่านางจะใช้คำเรียกแทนตัวนางว่าอย่างไร เมื่อเขาถักไปได้สักพักเขาก็หันไปหาหลิวเฟ่ยเฟ่ย
“เจ้าช่วยข้าที” หลิงตู้ฉิงพูดพลางโบกมือ ส่งชุดเสื้อที่ยังไม่เสร็จและด้ายสีแดงเพลิงลอยไปหาหลิวเฟ่ยเฟ่ย
หลิวเฟ่ยเฟ่ยที่ในตอนนี้ที่กำลังเหม่อเพ้อไปไกลถึงเรื่องที่หลิงตู้ฉิงไม่แก้คำเรียกแทนตัวของนาง สะดุ้งทันทีเมื่ออยู่ดี ๆ ชุดเสื้อลอยมาอยู่ตรงหน้า นางค่อย ๆ จับเสื้อและด้ายที่ลอยอยู่ตรงหน้าอย่างแผ่วเบา
หลิงตู้ฉิงที่เห็นว่าหลิวเฟ่ยเฟ่ยรับเสื้อและด้ายไปแล้วก็กล่าวกับนาง “เจ้าแค่ถักมันขึ้นมาให้เป็นชุดเสื้อก็พอ ไม่ต้องปักลายใด ๆ ลงไป การปักลายข้าจะเป็นคนทำเอง”
หลิวเฟ่ยเฟ่ยพยักหน้าอย่างว่าง่าย จากนั้นนางก็เริ่มลงมือถักทันที ระหว่างที่ถัก นางถักไปก็ยิ้มไปเพ้อพกไปเรื่อย คิดว่าในอนาคตหากนางมีลูกกับหลิงตู้ฉิงและนางได้ถักเสื้อให้ลูกของนางแบบนี้คงจะดีไม่น้อย…
หลังจากนั้นไม่นานชุดกระโปรงตัวเล็ก ๆ ก็ถูกถักเสร็จเรียบร้อย หลิวเฟ่ยเฟ่ยได้เดินมาหาหลิงตู้ฉิงด้วยใบหน้ายิ้มหวานและมอบชุดกระโปรงสีแดงเพลิงให้แก่หลิงตู้ฉิง
เมื่อหลิงตู้ฉิงได้รับชุดกระโปรงมาแล้ว เขาเปิดใช้พลังจิตคว้าเอาก้อนด้ายที่ยังเหลืออยู่ขึ้นมาและเริ่มปักลวดลายลงไปบนชุดกระโปรงและเติมจีบลงไปบนปลายกระโปรงรวมถึงปลายแขนเสื้อ เมื่อเขาปักลายด้วยด้ายเสร็จเขาจึงหยิบเศษแก่นเพลิงทองคำส่วนหนึ่งที่เขาเหลือไว้ เขาฝังเศษเหล่านี้ลงบนลวดลายที่เขาถักบนชุดกระโปรง ส่งผลให้ชุดกระโปรงมีความงดงามเป็นอย่างมาก
เมื่อชุดเสร็จเรียบร้อยหลิงตู้ฉิงจึงตะโกนเรียกหลิงไช่หยุน “ไช่หยุน เจ้ามาหาพ่อหน่อย!”
หลิงไช่หยุนที่ได้ยินรีบวิ่งมาทันที “ท่านพ่อ ท่านมีอะไรเหรอ?”
“พ่อทำชุดให้เจ้าเสร็จแล้ว หยดเลือดเจ้าลงไปหนึ่งหยดบนชุด แล้วเจ้าจะกลายเป็นนายของมันโดยสมบูรณ์” หลิงตู้ฉิงกล่าวพลางยิ้มให้กับลูกสาวผู้น่ารักของเขาแล้วยื่นชุดกระโปรงสีแดงเพลิงอันงดงามให้นางประทับตราความเป็นเจ้าของ
“ชุดนี้พ่อทำมันมาจากวัสดุทนไฟพิเศษเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ แม้ว่ามันจะยังไม่สมบูรณ์แต่พลังเพลิงของเจ้าในตอนนี้เผามันไม่ได้แน่นอน ในอนาคตเมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้นพ่อจะทำชุดใหม่ให้เจ้าเพิ่ม”
หลิงไช่หยุนรู้สึกมีความสุขปนความทุกข์ นางสุขก็เพราะในที่สุดพ่อของนางก็ทำชุดให้นางเสร็จแล้ว แต่นางที่ทุกข์นั่นก็เพราะนางต้องเสียเลือดอีกแล้วในวันนี้ นางต้องหยดเลือดไปบนชุดกระโปรงเพื่อประทับตราความเป็นเจ้าของ ช่วงนี้นางรู้สึกว่านางเสียเลือดบ่อยเกินไปแล้ว
ด้วยความเป็นเด็ก หลิงไช่หยุนไม่กล้ากัดนิ้วตัวเอง นางจึงเดินมาให้พ่อของนางเจาะปลายนิ้วนางเพื่อหยดเลือดลงบนชุดกระโปรง
เมื่อหลิงไช่หยุนหยดเลือดลงบนชุดประโปรงเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงจึงเริ่มพูดชี้แนะ “วิธีควบคุมมัน เจ้าต้องเพ่งจิตของเจ้าไปที่ชุดกระโปรง จากนั้นสั่งมันให้ปรับขนาดให้เท่ากับตัวเจ้า ขนาดของชุดจะปรับพอดีกับตัวของเจ้าเอง”
จากนั้นชุดกระโปรงในมือของหลิงไช่หยุนก็ใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้นภายใต้การทดลองของนาง เมื่อนางขยายส่วนจนสามารถใส่ได้แล้ว นางพูดอย่างมีความสุข “ข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนนะท่านพ่อ”
หลังจากหลิงไช่หยุนออกไปแล้ว หลิวเฟ่ยเฟ่ยถอนหายใจและพูดว่า “นายท่าน ท่านปฏิบัติกับพวกเขาดีจริง ๆ พวกเขาช่างโชคดีจริง ๆ ที่มีพ่อเช่นท่าน”
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “ข้าก็ไม่คิดว่าตัวข้าจะมีวันนี้ จริง ๆ แล้วมันอาจจะเป็นโชคดีของข้าเองต่างหากที่มีพวกเขา”
หลิงตู้ฉิงไม่ได้อธิบายอย่างละเอียดถึงความหมายในประโยคที่เขากล่าว เพราะเขาคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่หลิวเฟ่ยเฟ่ยจะต้องรู้
ไม่นานหลิงไช่หยุนผู้เปลี่ยนเชุดใหม่เสร็จก็วิ่งเข้ามาด้วยชุดสีแดงเพลิงอันงดงามที่ปักลายรูปหงส์เพลิงตัวโตอยู่บนอกเสื้อ นางหมุนตัวตรงหน้าหลิงตู้ฉิงแล้วพูดว่า “ท่านพ่อ ชุดนี้ส้วย สวย ข้าชอบมันมากเลย!”
“ดีแล้วที่เจ้าชอบ” หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “จากนี้เจ้าต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับพ่อ เจ้าต้องขยันฝึกฝนพลังเพลิงของเจ้า ตอนนี้เจ้าใกล้จะถึงขอบเขตหลอมรวมลมปราณระดับ 3 แล้ว”
“ข้าจะรีบไปฝึกเดี๋ยวนี้ ฮ่าฮ่า” เด็กหญิงตัวน้อยรีบวิ่งกลับไปฝึกฝนทันทีที่พูดจบ
เมื่อดูท่าทางร่าเริงของหลิงไช่หยุน หลิงว่านถิงที่นั่งมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่นานแล้วพูดอย่างอิจฉา “ท่านพ่อ! ท่านกำลังลำเอียงอยู่นะ! ทำไมท่านไม่ตัดชุดให้ข้าบ้าง แล้วอีกอย่าง ทำไมท่านถึงไม่สอนข้าและน้อง ๆ ที่ยังบ่มเพาะไม่ได้ให้บ่มเพาะได้สักที หรือไม่ท่านก็เอายาที่น้าเฟ่ยกิน มาให้พวกเรากินบ้างก็ได้ไม่ใช่หรือไง หรือว่าท่านไม่รักพวกข้าแล้ว?” เมื่อหลิงว่านถิงพูดจบก็เริ่มมีน้ำตาคลอที่เบ้าตาของนาง
หลิงตู้ฉิงมองนางแล้วส่ายหัว “พ่อไม่ได้ลำเอียงกับเจ้าและน้อง ๆ แต่พวกเจ้าไม่มีความจำเป็นเลยในการใช้โอสถกำเนิดรากฐาน ส่วนเสื้อผ้าข้าจะทำให้เจ้าในอนาคตหลังจากที่ข้ารวบรวมวัสดุได้แล้ว”
เมื่อได้ยินคำยืนยันของหลิงตู้ฉิง หลิงว่านถิงก็ได้แต่รอต่อไปเท่านั้น
ในบรรดาเด็ก ๆ ของตระกูลหลิงนางเป็นคนเดียวที่ไม่มีอะไรทำ แม้แต่น้องสี่และน้องหกก็สนุกกับการเล่นหมากรุกทั้งวันจนลืมเรื่องการบ่มเพาะไปแล้ว
เมื่อกล่าวกับหลิงว่านถิงที่กำลังไม่มีสุขจบ หลิงตู้ฉิงก็เหลือบมองไปด้านตำแหน่งของสวนหลังเรือน
ต้นไผ่เซียนสวรรค์ที่อยู่ในสวนนั้นถูกจัดเตรียมมาเป็นพิเศษสำหรับหลิงว่านถิงโดยเฉพาะ หลิงตู้ฉิงสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหญิงสาวมี่ไลที่อยู่ในสวนหลังเรือน กำลังพยายามอย่างบ้าคลั่งที่จะเร่งอายุต้นไผ่เซียนสวรรค์ ซึ่งอีกไม่นานหลิงตู้ฉิงคงจะได้รับข่าวดีแน่นอน
ในขณะที่หลิงตู้ฉิงกำลังคิด คลื่นพลังวิญญาณสายหนึ่งได้ปะทุขึ้นในลานกลางเรือน เมื่อหลิงตู้ฉิงหันไปมองก็ปรากฎว่าระดับการบ่มเพาะของหลิงยู่ชานเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
แต่เดิมภารกิจประจำวันของหลิงยู่ชานคือการฝึกออกหมัดวันละร้อยครั้ง
แต่ปัจจุบันภารกิจของหลิงยู่ชานได้เปลี่ยนไปแล้ว ทุก ๆ วันภารกิจของเขาคือต่อสู้กับซ่งเหวินเถาแทน
แม้ว่าหลิงยู่ชานจะโดนอัดลงไปกองกับพื้นภายในไม่กี่กระบวนท่า แต่เขาก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรร้ายแรง เนื่องจากซ่งเหวินเถาจงใจออมแรงไว้
ที่ซ่งเหวินเถาออมแรงไว้ไม่ใช่เพราะว่าเขาใจดีแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะความหวาดกลัวในใจของเขาที่มีต่อพ่อของเด็กน้อยคนนี้ที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขา
อย่างไรก็ตาม ซ่งเหวินเถาอยู่ที่เรือนหลิงได้เพียงวันเดียวเขาก็ได้เจอเรื่องตื่นตาตื่นใจหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการมีอยู่ของโอสถกำเนิดรากฐาน ซึ่งเขาได้เห็นกับตาว่าหลิงตู้ฉิงเป็นผู้หลอมขึ้นมาเองกับมือ เขายังได้ยินเรื่องระดับของขอบเขตประสานทะเลปรานที่ฝึกได้มากกว่า 10 ระดับด้วย
ส่วนเด็กน้อยที่สู้อยู่กับเขาเองก็เช่นกัน ทั้งความเร็วในการบ่มเพาะและความอดทนของเด็กคนนี้ก็สร้างความแปลกใจให้มากมาย
บรรดาคนในตระกูลหลิงที่เห็นเรื่องประหลาดมาจนชินจากหลิงตู้ฉิง เมื่อได้เห็นว่าหลิงยู่ชานเลื่อนระดับ พวกเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก พวกเขาแค่หันมามองเพียงครู่เดียวก่อนจะหันกลับไปสนใจในสิ่งที่พวกเขากำลังทำต่อ
ในขณะที่เหตุการณ์ในเรือนหลิงกำลังดำเนินไปแบบกึ่งประหลาดสำหรับคนนอกแต่ปกติสำหรับคนในเรือน ชายวัยกลางคนที่มีรูปลักษณ์สุภาพและดูภูมิฐานก็มาถึงเมืองฟีนิกซ์