บทที่ 51 คู่ซ้อมคนใหม่[รีไรท์]
ถึงแม้ว่าในตอนนี้หลิงยู่ชานจะได้พลังสายเลือดทรราชย์สวรรค์มาเกื้อหนุน แต่เขาจะทนต่อการโจมตีร่วมกันของผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากกว่าเขาถึง 7 คนได้อย่างไร?
ในท้ายที่สุดหลิงยู่ชานก็ถูกกระแทกจนล้มลงกับพื้นและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป
“เราชนะ!” เสื้อคลุมโลหิตคนหนึ่งตะโกนอย่างลืมตัวด้วยความตื่นเต้น
หลังจากตะโกนเสร็จนักฆ่าผู้นั้นก็รู้สึกตัวว่าเขาออกอาการดีใจมากจนเกินงามแล้ว เขามองหลิงตู้ฉิงด้วยความกลัวและไม่รู้ว่าหลิงตู้ฉิงจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร?
หลิงตู้ฉิงพูด “พวกเจ้า 7 คนสู้กับเด็ก 1 คน พวกเจ้ากล้าพูดว่าเป็นฝ่ายชนะงั้นเหรอ?”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เดินไปหาหลิงยู่ชานและแบกขึ้นหลังกลับมา
สองคนในกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตพูดอย่างไม่มีความสุข “ก็เป็นท่านไม่ใช่หรือไงที่เป็นคนบอกให้เราต่อสู้ แล้วถ้าเราชนะท่านจะปล่อยพวกเราไปจริงไหมล่ะ? อย่าบอกนะว่าท่านต้องการกลับคำ?”
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะเชื่อฟังข้าดีจริง ๆ ถ้าข้าบอกให้พวกเจ้าไปตาย เจ้าจะไปไหม?” หลิงตู้ฉิงเอ่ยถาม
นักฆ่าขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 3 คุกเข่าลงและพูดกับหลิงตู้ฉิงอย่างนอบน้อมว่า “เช่นนั้นก็ถือว่าพวกเราแพ้ พวกเรายินดียอมรับการลงโทษจากท่าน!”
หลิงตู้ฉิงเหลือบมองมาที่นักฆ่าผู้นั้นแล้วพูดว่า “เสมอกัน! รอบนี้ข้าถือว่ายังหาผู้ชนะไม่ได้ ดังนั้นพวกเจ้าต้องแก้มืออีกรอบ”
หลังจากพูดจบหลิงตู้ฉิงไม่สนใจพวกเขาอีก แต่เขาเดินไปแบกอ่างอาบน้ำออกมาและจับหลิงยู่ชานแช่ไว้ในนั้น
จากนั้นเขาก็เริ่มต้มยาข้าง ๆ อ่างอาบน้ำ และพอต้มยาเสร็จเขาก็เทยาทั้งหมดลงไปในอ่างอาบน้ำทันที
ในเวลานี้เหล่าเสื้อคลุมโลหิตทั้งหมดก็ค้นพบอย่างน่าอนาถว่าพวกเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกเหมือนเดิม
อีก 1 ชั่วโมงต่อมาหลิงยู่ชานรู้สึกตัว เขาก้มหัวลงแล้วพูดกับหลิงตู้ฉิงด้วยความอับอาย “ท่านพ่อ ข้าขอโทษ!”
“เจ้าไม่ได้แพ้!” หลิงตู้ฉิงกล่าวอย่างจริงจังว่า “ถ้าดูจากผลที่ออกมา พ่อถือว่ามันเป็นชัยชนะนะ พวกเขามากัน 8 คน หนึ่งในนั้นถูกเจ้าต่อยจนสลบไป และที่เหลือก็พึ่งยอมรับความพ่ายแพ้กับพ่อไปเมื่อกี้ รอเจ้าฟื้นตัวดีขึ้นก่อน แล้วเจ้าค่อยประลองกับพวกเขาใหม่อีกรอบหนึ่ง”
หลิงยู่ชานมองพ่อของเขาด้วยความตกตะลึง เขาไม่เข้าใจว่าพ่อของเขาสรุปผลแพ้ชนะแบบนี้ออกมาได้อย่างไร?
สำหรับบรรดาน้อง ๆ ของหลิงยู่ชาน เมื่อได้ยินหลิงตู้ฉิงกล่าวเช่นนี้พวกเขาก็เลือกที่จะทำเป็นเมินเฉยราวกับว่าผลการต่อสู้ต่อที่หลิงตู้ฉิงกล่าวมานั้นถูกต้องแล้ว
ส่วนถังชี่หยุนอ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่างอยู่ 2-3 ครั้ง แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลังจากแช่ยาประมาณครึ่งชั่วยาม อาการบาดเจ็บของหลิงยู่ชานก็หายไปอย่างหมดสิ้นและเขาก็ปีนออกมาจากถังอาบน้ำ
หลิงตู้ฉิงโบกมือไปยังผู้ที่อยู่ขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 3 และพูดว่า “เจ้า มานี่!”
เสื้อคลุมโลหิตคนดังกล่าวพบว่าเขาสามารถเคลื่อนไหวได้อีกครั้งแล้ว จึงรีบเดินไปหาหลิงตู้ฉิง
“โปรดบอกความต้องการของท่าน”
“ต่อไปเจ้าต้องคอยอยู่เป็นคู่ประลองกับยู่ชาน หากเขาเอาชนะเจ้าได้เมื่อไหร่เจ้าก็จากไปได้ แต่มีข้อแม้อยู่หนึ่งข้อ ผู้ที่จะเริ่มขอท้าประลองได้จะต้องเป็นลูกข้าเท่านั้น เจ้าไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” หลิงตู้ฉิงถาม
“ไม่มีปัญหา!” เสื้อคลุมโลหิตผู้นี้รีบตอบรับทันที เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเห็นด้วยเว้นแต่ว่าเขาอยากจะตายตอนนี้
หลิงตู้ฉิงพยักหน้า “ถ้าเจ้าไม่มีปัญหา ข้าจะทำสัญญาให้เจ้าลงชื่อ!”
ขณะที่พูดนิ้วของหลิงตู้ฉิงเริ่มวาดสัญญาในอากาศ ไม่นานก็เสร็จสมบูรณ์
“ยู่ชานมาลงชื่อของเจ้าก่อน เขียนชื่อเจ้าตรงที่ว่างฝั่งเจ้าของสัญญา”
หลิงยู่ชานพยักหน้าและเริ่มลงชื่อในสัญญาที่ลอยอยู่
“เอาล่ะต่อไป ทีนี้ก็ถึงตาเจ้าแล้ว” หลิงตู้ฉิงหันไปส่งสัญญาณให้นักฆ่าขอบเขตประสานทะเลปรานระดับ 3 มาลงชื่อในสัญญา
เมื่อมองดูสัญญาที่ระยิบระยับอยู่ในอากาศ นักฆ่าขอบเขตประสานทะเลปรานระดับ 3 รู้สึกทั้งหวาดกลัวและเศร้าใจในเวลาเดียวกัน
เขารู้สึกเศร้าใจกับกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตของเขา ในวันนี้กลุ่มของเขาได้ทำผิดอย่างมหันต์ในการไปล่วงเกินชายที่เหมือนดั่งเทพปีศาจที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาตรงนี้
ถ้าเขารู้ล่วงหน้าว่าเป้าหมายที่เขาจะต้องมาสังหารคือเทพปีศาจตนนี้ เขาคงไม่มีทางมาแน่นอน
ตอนนี้ สิ่งที่เขาทำได้ก็คือเพียงลงชื่อในสัญญาเท่านั้น
เมื่อสัญญาเสร็จสมบูรณ์ ตัวอักษรสัญญาบนอากาศก็เริ่มค่อย ๆ จางหายไป จากนั้นหลิงตู้ฉิงพูดกับหลิงยู่ชาน “พ่อจะทิ้งเขาไว้กับเจ้า เจ้าต้องต่อสู้กับเขาทุกวัน ทุกวันเจ้าต้องสู้กับเขาเป็นเวลา 2 ชั่วยาม ในเวลา 2 ชั่วยาม หากเจ้าสู้กับเขาครบ 10 ครั้งโดยที่เจ้าไม่ล้มลงกับพื้นเลย พ่อจะถือว่าเจ้าผ่าน”
หลิงยู่ชานพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ข้าเข้าใจแล้วท่านพ่อ!”
“อ๋อ ใช่แล้วข้าเกือบลืม ข้าขอถามชื่อเจ้าหน่อย จะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอย่างไร?” หลิงตู้ฉิงถามนักฆ่าเสื้อคลุมโลหิต
นักฆ่าน้อมคำนับและพูดว่า “นายท่าน ข้าชื่อ ซ่งเหวินเถา”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าชมเชยในความฉลาดของเจ้า ข้าจะไม่บังคับเจ้าให้ทำอะไรอย่างอื่นนอกจากต่อสู้กับลูกข้าเท่านั้นพอ”
“นายท่าน ข้าจะทำตามที่ท่านสั่งให้ดีที่สุด” ซ่งเหวินเถาพยักหน้า
“เมื่อพ่อบ้านของข้ากลับมา ข้าจะให้เขาจัดห้องให้เจ้า” เมื่อกล่าวเสร็จหลิงตู้ฉิงหันกลับมามองลูกคนอื่นของเขาแล้วพูดว่า “พวกเจ้าเห็นไหมว่าพวกเขาทั้งหมดมีแหวนมิติอยู่บนนิ้ว พวกเจ้าไปถอดแหวนมิติจากของพวกเขามา หากเจ้าชอบอันไหนเจ้าก็เลือกอันนั้นได้เลยมันเป็นของพวกเจ้าทั้งหมด”
ลูก ๆ ทั้งเจ็ดของเขาต่างก็วิ่งไปที่นักฆ่าคนอื่นที่ถูกแช่แข็งอย่างมีความสุข แม้แต่หลิงไช่หยุนก็ไม่มีข้อยกเว้น
แต่หลิงไช่หยุนที่ยังเด็ก ตัวของนางจึงเตี้ยเกินไป นางจึงไม่มีตัวเลือกมากนักในการเลือกแหวนเพราะนางไม่สามารถเอื้อมไปดึงแหวนที่อยู่บนนิ้วของนักฆ่าที่ยืนอยู่ได้ นางจึงได้แต่เดินไปยังนักฆ่าที่โดนหลิงยู่ชานอัดสลบไปกับพื้นแล้วดึงแหวนของเขาออกมาไว้ในมือ
เสื้อคลุมโลหิตทั้งหกที่ยังมีสตินั้นรู้สึกเสียดายแหวนแทบหัวระเบิด พวกเขาเก็บสมบัติทั้งหมดที่พวกเขามีอยู่ลงในแหวนมิติเหล่านั้น และพวกเขาตอนนี้ไม่อาจต่อต้านอะไรได้เลย ทำได้แค่มองเด็กตัวเล็ก ๆ เหล่านี้แย่งแหวนมิติสุดรักสุดหวงของตัวเองออกไปจากนิ้ว
หลิงตู้ฉิงหัวเราะคิดคักเมื่อมองไปยังเหล่าเด็ก ๆ ที่ใจร้อ นเขาพึมพำกับตัวเอง “อีกสักพักพ่อบ้านโม่และคนอื่น ๆ ก็คงจะกลับมาแล้วสินะ”
แม้ว่าเขาจะสามารถช่วยเด็กตัวน้อย ๆ เหล่านี้ลบเครื่องหมายครอบครองบนแหวนมิติได้ แต่เขาก็ยังต้องใช้ความพยายามอยู่บ้าง ในตอนนี้เขาจึงต้องรอพ่อบ้านของเขากลับมาก่อนเพื่อที่จะได้เลือกใช้วิธีที่มันง่ายกว่าในการลบเครื่องหมายบนแหวนออกแทน
ซ่งเหวินเถาได้แต่เฝ้ามองอย่างเงียบ ๆ
ตอนนี้แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่สามารถปกป้องตัวเองได้แล้วเขาจะไปช่วยใครได้อีก?
แม้ว่าตอนนี้เขาจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แต่ในกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตก็ยังมีนักฆ่าอีกหลายคนที่มีระดับแข็งแกร่งกว่าเขามาก ถ้าข่าวการทรยศของเขาแพร่สะพัดออกไป พวกคนระดับสูงของกลุ่มเสื้อคลุมโลหิตจะต้องไม่ปล่อยเขาไว้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกมากนัก เขาไม่กล้าที่จะหนีไปจากที่นี่เพราะเขาได้ลงชื่อในสัญญาของหลิงตู้ฉิงไปแล้ว เขาไม่สามารถออกห่างจากหลิงยู่ชานได้
สัญญานั้นเหมือนคมดาบห้อยอยู่เหนือหัวของเขา หากเขาไม่หนีไปไหนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าหากว่าเขาหลบหนีไปเมื่อไหร่ภัยพิบัติของสัญญาจะบังเกิดขึ้นทันที เมื่อรู้เช่นนี้แน่นอนว่าเขาไม่กล้าตีตัวห่างหรือทำร้ายคนในตระกูลหลิงแน่นอน
โม่หยูถังไม่ได้นำจู้กว่างเต๋อและคนอื่น ๆ กลับมาจนกระทั่งถึงบ่าย
เมื่อพื้นที่ส่วนใหญ่ของลานกลางเรือนถูกจับจองโดยบรรดาเหล่านายน้อยของเขา ดังนั้นเพื่อฝึกฝนพวกผู้คุ้มกันและบ่าวรับใช้ โม่หยูถังจึงต้องพาคนเหล่านี้ไปฝึกฝนที่อื่นแทน
จู้กว่างเต๋อและคนอื่น ๆ ที่ได้รับการฝึกฝนทุกวันก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
อันที่จริงโม่หยูถังรู้ทันจุดประสงค์ของหลิงตู้ฉิงเป็นอย่างดี เขารู้ว่าหลิงตู้ฉิงต้องการให้จู้กว่างเต๋อและคนอื่น ๆ คุกเข่าและเรียกตัวเขา โม่หยูถังผู้นี้เป็นอาจารย์
ทันทีที่พวกเขากลับถึงเรือน พวกเขาเห็นเหล่านักฆ่าเสื้อคลุมโลหิตที่ยืนแข็งเป็นรูปปั้น ในลานบ้านทันที
“นายท่าน ท่านจะให้ข้าจัดการกับคนเหล่านี้อย่างไรดี?” โม่หยูถังถาม
หลิงตู้ฉิงตอบกลับว่า “ข้ากำลังรอให้พวกเจ้ากลับมาพอดี เจ้าจงเอาพวกมันออกไปและสังหารพวกมันให้หมด”
หลังจากได้รับคำสั่ง จู้กว่างเต๋อและคนอื่น ๆ ก็พาพวกนักฆ่าเสื้อคลุมโลหิตออกไปและสังหารทั้งหมดทันที ส่วนทางด้านของซ่งเหวินเถา ในตอนนี้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วและเตรียมใจพร้อมที่จะรับใช้ตระกูลหลิงตามสัญญาที่เขาได้ลงชื่อไป